ตอนที่ 66 : นิกายแม่มด
“ลำดับแปด : นักกระตุ้น พวกมันสามารถปลุกเร้าความชั่วร้ายภายในจิตใต้สำนึกของมนุษย์ จนเกิดเป็นความขัดแย้งโกลาหล นำพาไปสู่เหตุการณ์นองเลือด…”
รายละเอียดมีไม่มาก คล้ายกับเหยี่ยวราตรียังเผชิญหน้านักกระตุ้นไม่บ่อยครั้ง แต่คำอธิบายข้างต้นสอดคล้องกับคดีสังหารหมู่บนเรืออัลฟาฟ่าเป็นอย่างดี
ไคลน์กวาดสายตามองหาลำดับเก้าของเส้นทางที่เกี่ยวข้องกับนักกระตุ้น
“ลำดับเก้า : นักลอบสังหาร สามารถจำแลงกายได้ในระยะเวลาสั้นๆ ร่างกายเบาหวิวราวกับขนนก สายตาเฉียบแหลมดุจดังพญาเหยี่ยว นักลอบสังหารทุกคนถนัดเร้นกายในเงามืด สามารถระเบิดพละกำลังมหาศาลในชั่วพริบตา…”
หลังจากอ่านรายละเอียด ไคลน์เริ่มขมวดคิ้ว สีหน้าครุ่นคิดไตร่ตรอง
นักลอบสังหาร… พัฒนาไปเป็นนักกระตุ้น?
ไม่สมเหตุสมผลเลยสักนิด… คล้ายกับนักทำนายที่พัฒนาไปเป็นผู้วิเศษที่ชำนาญการต่อสู้ด้วยกลอุบาย
มีหลายเส้นทางที่พัฒนาอย่างสอดคล้อง เช่นผู้ชม ผู้ไร้หลับ ผู้เก็บซากศพ แต่อีกหลายเส้นทางก็พัฒนาไปอย่างไม่สัมพันธ์กันเลย…
ไม่สิ อาจมีจุดที่เชื่อมโยงกันอยู่ เพียงแต่เรายังมองไม่เห็น
ตัวอย่างเช่น นักลอบสังหารและนักกระตุ้น พวกมันต่างมีพลังสำหรับสร้างหายนะแก่ผู้อื่นได้เหมือนกัน…
แต่ของนักทำนาย มันเกี่ยวกันตรงไหน?
เริ่มต้นเป็นจอมเวท ทว่า บั้นปลายกลับต้องเสริมสร้างกล้ามเนื้อและเป็นนักสู้ระยะประชิดเนี่ยนะ?
ไคลน์รำพันในใจพลางส่ายศีรษะ ก่อนจะพลิกเอกสารไปถึงหน้ารายละเอียดองค์กรลับ
กลุ่มแรกที่มันสนใจคือ‘ชุมนุมสัมผัสวิญญาณ’ซึ่งอาจเกี่ยวพันกับนักกระตุ้น·ทริส
“ชุมนุมสัมผัสวิญญาณ องค์กรลับที่ก่อตั้งขึ้นช่วงต้นยุคสมัยที่ห้า พวกมันมีความเชื่อว่า สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับมนุษย์คือดวงวิญญาณ ร่างกายเป็นเพียงกรงขังที่พันธนาการให้วิญญาณอ่อนแอลง สาเหตุที่มนุษย์กระทำชั่วเพราะได้รับอิทธิพลจากร่างกาย ฉะนั้น มนุษย์ต้องหมั่นเสริมสร้างพลังวิญญาณให้แข็งแกร่ง และเมื่อถึงจุดหนึ่ง วิญญาณจะเป็นอิสระจากร่างกาย นั่นคือบททดสอบของดวงดาว วิญญาณทุกดวงจะได้กลับคืนเป็นตัวตนบริสุทธิ์และคงอยู่ชั่วนิรันดร์”
“ด้วยเหตุนี้ สมาชิกสุดโต่งของชุมนุมสัมผัสวิญญาณจึงมักก่อเหตุทำลาย ‘ร่างกาย’ ของมนุษย์บ่อยครั้ง และส่วนมากมักเป็นเหตุการณ์นองเลือดสยดสยอง… เส้นทางที่พวกมันครอบครองมีสองสาย สมาชิกส่วนใหญ่จะเป็นผู้ฝึกหัดหรือไม่ก็นักตุกติก โดยมีส่วนน้อยเป็นนักลอบสังหารและนักกระตุ้น ยังไม่ปรากฏหลักฐานเพิ่มเติมว่าชุมนุมสัมผัสวิญญาณครอบครองสูตรผลิตโอสถลำดับเจ็ดขึ้นไป”
“และยังไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่าชุมนุมสัมผัสวิญญาณถูกก่อตั้งขึ้นอย่างไร เบาะแสเดียวที่สามารถสืบสาวได้จึงเริ่มจากเส้นทางผู้วิเศษที่พวกมันครอบครอง”
“สายแรก นักตุกติก กลุ่มผู้วิเศษที่โด่งดังในเส้นทางดังกล่าวคือตระกูลอับราฮัมแห่งจักรวรรดิทูดอร์จากยุคสมัยที่สี่ หรืออาจเป็นตระกูลทามาร่าที่เกี่ยวดองกับตระกูลอับราฮัมผ่านทางการสมรส”
“สายที่สอง นักลอบสังหารและนักกระตุ้น กลุ่มผู้วิเศษที่โด่งดังคือ ‘นิกายแม่มด’”
ตระกูลใหญ่อย่างอับราฮัม ทามาร่า อันทีโกนัส และซาราธ รวมถึงจักรพรรดิมืดแห่งโซโลมอน จักรพรรดิโลหิตแห่งทูดอร์ และตระกูลเจคอป ตระกูลอามุนด์ ที่แฮงแมนเคยกล่าวถึง…
ยุคสมัยที่สี่คือช่วงเวลาซึ่งเต็มไปด้วยปริศนาอย่างแท้จริง เรื่องราวที่บันทึกตกทอดกันมานานอาจมีทั้งข้อมูลถูกและผิด
ยิ่งได้อ่าน ไคลน์ก็ยิ่งเกิดความสนใจในยุคสมัยที่สี่ ช่วงเวลาแห่งอดีตกาลซึ่งมีหมอกทึบปกคลุมไว้
ภาพร่างที่เห็นเพียงผิวเผินก็มากพอจะทำให้ร่างกายไคลน์สั่นเทาโดยไม่รู้ตัว
มันลองจินตนาการตาม ยุคสมัยที่สี่ต้องเป็นช่วงเวลาที่ผู้วิเศษเฟื่องฟูอย่างมาก เต็มไปด้วยการนองเลือด ความโหดเหี้ยมไร้ปรานีที่แพร่กระจายทุกหัวระแหงทั่วโลก
ไคลน์พลิกหน้ากระดาษเพื่อหวังอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม แต่มันกลับไม่พบข้อมูลของนิกายแม่มด
ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้น มันเห็นลุงนีลล์กำลังปลุกปล้ำอยู่กับกระดาษกรองที่ใช้ชงกาแฟบด
“ลุงนีลล์ครับ นิกายแม่มดเป็นองค์กรลับแบบไหนหรือ? ทำไมถึงไม่มีเขียนไว้?”
นีลล์ไม่ตอบทันที หลังจากจัดการกระดาษกรองเสร็จ มันค่อยเงยหน้าขึ้นตอบไคลน์
“สิทธิ์เข้าถึงข้อมูลของเจ้ายังไม่มากพอ เอกสารบางชนิดเป็นข้อมูลลับที่ไม่มีเก็บไว้ในประตูยานิสสาขาทิงเก็น ต่อให้ได้รับการยินยอมจากดันน์ก็ไม่สามารถอ่านได้”
“ข้อมูลต้องห้ามส่วนใหญ่จะถูกเก็บไว้ที่วิหารศักดิ์สิทธิ์ ไว้รอเจ้าขึ้นเป็นหัวหน้าหน่วยเหยี่ยวราตรีเมื่อไร ในตอนที่ถูกฝึกอบรม เจ้าจะถูกส่งตัวไปยังวิหารศักดิ์สิทธิ์ชั่วคราว ถึงตอนนั้นจะได้อ่านเอกสารอีกเป็นภูเขาเลากา”
“ฉันเองก็มีข้อมูลนิกายแม่มดไม่มาก สิ่งเดียวที่ทราบคือ พวกมันบูชาแม่มดบรรพกาลโดยเชื่อว่าหล่อนคือทายาทที่แท้จริงของพระผู้สร้าง เป็นตัวตนลำดับต้นๆ ที่ถือกำเนิดขึ้นหลังจากผู้สร้างแบ่งร่างกาย”
“หล่อนมีฉายานักทำลายที่สามารถนำพาให้ทุกสรรพสิ่งดำเนินไปถึงจุดจบ”
“เส้นทางผู้วิเศษของพวกมันคือเส้นทางที่เข้าใกล้ความเป็นแม่มดบรรพกาล ยิ่งระดับสูงก็ยิ่งได้รับเศษเสี้ยวพลังจากแม่มดบรรพกาลมาก ด้วยเหตุนี้ อาวุโสระดับสูงทั้งหมดของนิกายจึงเป็นสตรี”
“ที่ฉันทราบก็มีเพียงเท่านี้ จุดประสงค์ของนิกายแม่มดคือการแพร่กระจายหายนะเป็นวงกว้าง”
แพร่กระจายหายนะ…
เข้ากันกับคำอธิบายของนักลอบสังหารและนักกระตุ้น… น่าเสียดายที่มิสเตอร์ทริสคนนี้กำลังจะถึงทางตัน เพราะโอสถระดับสูงคงมีไว้สำหรับผู้วิเศษเพศหญิงเท่านั้น
ไคลน์พยักหน้าเบาๆ พร้อมกับก้มหน้าอ่านเอกสารต่อ
…
หลังจากอ่านส่วนสำคัญครบเกือบทั้งหมด ชายหนุ่มได้รับความรู้เกี่ยวกับองค์กรลับเพิ่มขึ้นมาก แต่ขณะเดียวกัน เนื้อหาทั้งหมดที่เขียนไม่ได้ทำให้ไคลน์ประหลาดใจสักเท่าไร สำหรับโลกที่มีผู้วิเศษมานานหลายพันปี เรื่องราวเหนือธรรมชาติเหล่านี้ไม่เกินกว่าจินตนาการสักเท่าไร โดยเฉพาะยุคสมัยที่สี่ซึ่งกล่าวกันว่าเป็นช่วงเวลาเฟื่องฟูของผู้วิเศษ
ไคลน์แบ่งองค์กรลับออกเป็นสามกลุ่มตามยุคสมัย
กลุ่มแรก องค์กรลับเก่าแก่ ประกอบด้วยนิกายมอสส์ ลัทธิเร้นลับ และนิกายบูชาโลหิตที่ถือเป็นนิกายปีศาจ แต่สิ่งเหล่านี้ไม่ถูกเขียนไว้ในเอกสารลับเหยี่ยวราตรี องค์กรลับเก่าแก่เดียวที่ถูกอ้างถึงในเอกสารคือนิกายแม่มด แต่ก็ไม่มีคำอธิบายที่ชัดเจน
กลุ่มที่สอง องค์กรลับที่ก่อตั้งในช่วงต้นยุคสมัยที่ห้า ประกอบด้วย ชุมนุมสัมผัสวิญญาณ-ตระกูลชั่วร้าย นิกายวิญญาณ-นิกายที่บูชาความตาย โรงเรียนแห่งชีวิต-องค์กรลับที่ส่งต่อพลังแบบรุ่นสู่รุ่น โรงเรียนกุหลาบ-เป็นที่รู้จักในนามองค์กรชั่วร้ายซึ่งคลั่งการบูชาโลหิต
กลุ่มที่สาม กลุ่มสุดท้าย องค์กรลับที่เพิ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อราวหนึ่งถึงสองร้อยปีก่อน ประกอบด้วย ชุมนุมแสงเหนือ ชุมนุมกางเขนเหล็กโลหิต แก่นแท้รุ่งอรุณ และสมาคมแปรจิต เป็นองค์กรลับพวกแรกๆ ที่ไคลน์เคยได้ยินชื่อ
ส่วนองค์กรลับที่เหลือ พวกมันไม่มีผลงานโดดเด่นหรือประวัติศาสตร์อันยาวนานควรค่าแก่การจดจำ
“เบ็นสันและเมลิสซ่าไม่มีทางทราบเลยว่า โลกใบนี้น่ากลัวกว่าที่พวกเขาจินตนาการไว้แค่ไหน ความโหดร้ายไม่ได้จำกัดเพียงในสงครามเท่านั้น…”
ไคลน์ส่ายศีรษะพลางยิ้มแห้ง มันก้มหน้ารวบรวมเอกสารที่กระจัดกระจายกลับเป็นปึกใหญ่และส่งคืนให้ลุงนีลล์
ภายในใจตัดพ้อ
ชุมนุมไพ่ทาโรต์ของเราต้องไม่อยู่ในรายชื่อองค์กรชั่วร้าย…
ลุงนีลล์ไม่มีทางทราบเลยว่า หัวหน้าของหนึ่งในองค์กรลับกำลังนั่งอยู่เบื้องหน้า ชายชราเพียงยิ้มเล็กๆ พร้อมกับยกเอกสารกองโตกลับไปเก็บในประตูยานิสตามเดิม
ไคลน์นั่งเงียบงันพลางครุ่นคิดว่าตนควรทำนายหาที่อยู่นักกระตุ้น·ทริสดีหรือไม่ แต่หลังจากทบทวนตัวเองราวยี่สิบวินาที มันส่ายศีรษะพร้อมกับล้มเลิกความตั้งใจ
ข้อมูลของทริสมีน้อยเกินไป ทราบแค่ใบหน้า รูปร่าง และพลังวิเศษ ชื่ออาจเป็นชื่อปลอมที่ไม่เกิดประโยชน์ในการทำนาย
ด้วยข้อมูลเพียงเท่านี้ หากหาแหล่งกบดานของทริสพบ ตัวมันคงไม่ใช่นักทำนายอีกแล้ว เพราะนั่นคือของเขตพลังของเทพพยากรณ์
เมื่อลุงนีลล์กลับมาที่คลังอาวุธ ไคลน์สลัดความคิดเรื่ององค์กรลับและทริสออกจากหัว มันตั้งใจศึกษาศาสตร์เร้นลับรวมถึงพิธีกรรมเวทมนตร์ต่อทันที
ชายหนุ่มมีแผนใช้เวลาวันนี้ทั้งวันไปกับการศึกษาและทบทวน ไม่คิดเข้าร่วมปฏิบัติการตามล่าตัวนักกระตุ้น·ทริสให้เสียเวลาเปล่า
ความสนใจเดียวตอนนี้คือ ของวิเศษต้องห้ามหมายเลข 2-049 จะถูกส่งมาถึงเหยี่ยวราตรีสาขาทิงเก็นเมื่อไร ด้วยเหตุผลบางประการ ระยะเวลาเคลื่อนย้ายที่แน่นอนได้ถูกเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด
จากค่าตอบแทนดูดวงเมื่อวานซึ่งเป็นเงินจำนวนสองซูล ชายหนุ่มเสียสละสิบเพนนีสำหรับซื้อเบียร์เอ็นมาร์ทสองลิตรกลับบ้านไปเผื่อเบ็นสัน และไม่ลืมที่จะซื้อเลม่อนเค้กกลับไปฝากเมลิสซ่า
“ไคลน์ ฉันรู้ว่านายทำเงินได้มาก แต่ไม่จำเป็นต้องซื้อของแบบนี้กลับมาฝากพวกเราก็ได้ ฟุ่มเฟือยเกินไปแล้ว”
เบ็นสันกล่าวขณะยืนมองไคลน์กลับถึงบ้านพร้อมถือของพะรุงพะรัง
เมลิสซ่าที่ยืนข้างกันพยักหน้ารับ
นั่นเพราะครอบครัวของเราเคยชินกับความจนเกินไปต่างหาก…
ไคลน์ถอนหายใจยาวเหนื่อยหน่าย
“เบ็นสัน เมลิสซ่า ไม่ต้องห่วง สำหรับอาหารเหล่านี้ ฉันใช้เงินโบนัสซื้อมา จริงสิ… ยังไม่ได้บอกใช่ไหม ฉันมีโบนัสแต่ละสัปดาห์อยู่ที่สองถึงสี่ซูล”
ขอโทษที่บอกความจริงไม่ได้ว่า นี่คือรายได้จากการดูดวง… ไคลน์รำพัน
“…บริษัทนายเจ๋งชะมัด”
เบ็นสันพลันผงะหลังจากฟังได้คำแก้ต่าง
ต้องแน่นอนอยู่แล้ว… เป็นบริษัทที่มอบได้แม้กระทั่งพลังนักทำนาย
ไคลน์กล่าวติดตลกในใจ ก่อนจะเดินไปยังห้องครัวเพื่อเตรียมอาหาร
หลังจากได้ความร่วมมือของสามพี่น้อง อาหารมื้อค่ำสุดวิเศษก็ถูกเตรียมเสร็จ
…
เมื่อทุกคนเริ่มอิ่ม ไคลน์ เบ็นสัน และเมลิสซ่านั่งอืดเช่นนั้นสักพัก ก่อนจะเริ่มขยับตัวในอีกหลายนาทีถัดมา พวกมันช่วยกันเก็บกวาด ล้างจาน และกลับมานั่งคุยเล่น
ไคลน์รอให้ถึงเวลานอนของเบ็นสันและเมลิสซ่า มันจะได้กลับไปยังมิติสายหมอกเพื่อตรวจสอบข้อความที่ใครบางคนส่งหา
ก่อนจะถึงตอนนั้น มันก้มหน้านั่งอ่านทบทวนหนังสือประวัติศาสตร์เล่มเก่า พลางชำเลืองมองสองพี่น้องเป็นระยะ
…
เขตตะวันออกเมืองทิงเก็น
ถนนกางเขนเหล็กสายล่าง
อาคารสามชั้นตั้งเรียงรายสองข้างถนนที่มืดสนิท ปราศจากแสงโคมไฟโดยสิ้นเชิง
ทันใดนั้น เงาลางของบุคคลหนึ่งกระโดดจากชั้นสามลงสัมผัสพื้นถนนด้วยเสียงเงียบเชียบ คล้ายกับร่างกายไม่มีน้ำหนัก
เงาดังกล่าวนั่งยองครู่หนึ่งก่อนจะหายไปในความมืดมิดโดยสมบูรณ์ ตั้งแต่ต้นจนจบ มันไม่เผยตัวตนมากไปกว่าเงาลางสีดำ
บุคคลปริศนาเคลื่อนที่รวดเร็วจนถึงท่าเรือ เงาดำพุ่งตรงไปยังมุมหนึ่งของโกดังสินค้าซึ่งมีเพียงกล่องวางกระจัดกระจาย
มันเหลียวซ้ายแลขวา ก่อนจะวนเวียนบริเวณนั้นสองสามรอบและกลับมายังจุดเดิม
ลักษณะเด่นของชายคนนี้คือใบหน้าที่กลมกลึง เป็นมิตร และขี้อาย
ใช่แล้ว มันคือนักกระตุ้น·ทริส ผู้วิเศษซึ่งก่อคดีอุกฉกรรจ์บนเรืออัลฟาฟ่า
“รู้สึกอย่างไรบ้าง?”
ทันใดนั้น อีกหนึ่งตัวตนปริศนาในชุดคลุมดำเดินออกจากเงามืดโกดังสินค้า เสียงแหบพร่าและทรงเสน่ห์บ่งบอกชัดเจนว่าเป็นสตรี
ทริสอมยิ้มอย่างพึงพอใจ
“สุดยอดมาก เหมือนกับที่ฝันไว้”
“หลังจากทำภารกิจของพวกคุณลุล่วง ผมเตรียมการเพื่อเลื่อนลำดับไว้เรียบร้อยแล้ว”
สตรีชุดคลุมดำพยักหน้ารับ
“ทำได้ดีมาก ตามที่สัญญากันไว้ ฉันจะมอบสูตรผลิตโอสถลำดับเจ็ดและวัตถุดิบหลักสามชนิดให้ ส่วนที่เหลือไปหาเอาเอง”
“ไม่มีปัญหา”
น้ำเสียงทริสคล้ายกับคาดเดาไว้แล้ว
สตรีปริศนาล้วงมือหยืบสิ่งที่คล้ายสมุดและยื่นให้ทริส
บนปก‘สมุด’เล่มดังกล่าวมีลวดลายทองแดงแปลกประหลาดสลักไว้หลายแห่ง ส่วนสันปกเป็นสัญลักษณ์ดวงดาวที่ทริสไม่เคยเห็น
แต่มันก็ทราบดี ภายในสมุดเล่มนี้ต้องมีสูตรผลิตโอสถและวัตถุดิบหลักอยู่แน่
ทริสออกอาการตื่นเต้น
นักกระตุ้นหน้ากลมพยายามข่มจิตใจให้สงบ มันเพ่งสายตามองข้อความตัวใหญ่ที่เขียนไว้บนปกอย่างตั้งใจ
อักษรทองแดงสลักไว้ว่า…
“แม่มด!”
ทริสโพล่งเสียงดัง
ไม่ผิดแน่ อักษรดังกล่าวคือภาษาเฮอร์มิสที่หมายถึงแม่มด มันขมวดคิ้วชนกันด้วยสีหน้าสุดฉงน
แม่มด?
นี่ตนต้องเลื่อนลำดับเป็นแม่มด?
จากนักลอบสังหาร? ล้อเล่นกันหรือไง?
สตรีปริศนาใช้มือปิดปากพลางหัวเราะคิกคัก ผ่านไปสักพักจึงค่อยมอบคำตอบให้กับทริสซึ่งกำลังยื่นสั่นเทา
“นายไม่สงสัยบ้างหรือ? ว่าเพราะเหตุใดอาวุโสทุกคนของนิกายเราถึงมีแต่สตรี…”
“นี่ไง… คำตอบ”
……………………