Skip to content

Lord of the Mysteries 76

Lord of the mysteries

ตอนที่ 76 : ฟื้นฟูหลังจบศึก

ปัง!

ด้วยระยะเพียงไม่ถึงเมตร กระสุนสีเงินพุ่งแหวกอากาศทะลวงลำคอตัวตลกสูทดำอย่างโหดเหี้ยม โลหิตสาดกระเซ็นออกจากรูโหว่เหวอะหวะ ผิวหนังบนใบหน้ารวมถึงโบว์หูกระต่ายถูกย้อมด้วยเลือดสดสีแดงฉาน

ตัวตลกสวมสูทมิอาจกรีดร้องเนื่องจากเส้นเสียงถูกทำลายฉับพลัน มันพยายามย้ายบาดแผลบริเวณลำคอไปยังจุดอื่น แต่ด้วยท่อนแขนที่เชื่องช้า ความต้องการจึงไม่บรรลุผลสำเร็จ

ปัง!

เมื่ออยู่ในภาวะเนตรวิญญาณ สีของเลือดจึงไม่สร้างความสยดสยองแก่ไคลน์ มันลั่นไกใจเย็นประหนึ่งอีกฝ่ายเป็นเพียงเป้าซ้อม

รูโหว่สุดสยองปรากฏกึ่งกลางศีรษะพร้อมกับละอองเลือดสาดกระเซ็นเป็นฝอย ในวินาทีปัจจุบัน ประกายแสงในแววตาตัวตลกพลันมอดสนิท พลังทำลายของปืนลูกโม่มีอานุภาพกับมนุษย์รุนแรงกว่าที่ไคลน์จินตนาการไว้มาก

เข่าตัวตลกเริ่มงอพับ แขนห้อยลง

ท้ายที่สุด ร่างตัวตลกสูทดำทิ้งตัวนอนกับพื้น ดวงตายังคงเหลือกค้างไว้เช่นเดิม

ตัวมันกระตุกเบาๆ สองสามหนก่อนจะหยุดชะงักสงบนิ่ง

เมื่อเห็นกระสุนพุ่งเข้าศีรษะอีกฝ่ายเต็มสองตา ไคลน์รีบหันหลังกลับทันทีด้วยมาดสุขุมเยือกเย็น ประหนึ่งพระเอกหนังหลังจัดการผู้ร้ายเสร็จ ชายหนุ่มตบโม่ไปทางซ้ายพร้อมกับเทปลอกกระสุนเก่าทิ้ง

จากนั้น มันจัดระเบียบเครื่องแต่งกายให้เรียบร้อย สูทดำ หมวกทรงสูง ก่อนจะเดินตรงไปยังจุดที่อายร์·ฮาร์สันนอนอยู่ ขณะเดียวกันก็นำกระสุนปราบมารนัดสุดท้ายใส่เข้าไปในโม่

สาเหตุที่ไคลน์ไม่หันไปมองร่างไร้วิญญาณของตัวตลกสวมสูท เพราะนี่คือการฆ่าศพแรกอย่างแท้จริงนับตั้งแต่เกิดมาบนโลก ไม่ว่าจะโลกไหน การฆ่าคนก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าภาคภูมิใจ

มันจำเป็นต้องยิง เพราะไคลน์ไม่ทราบแน่ชัดว่าตัวตลกถูก 2-049 เล่นงานหรือไม่ การปกป้องชีวิตตัวเองสำคัญกว่า

และมันไม่ต้องการเสี่ยงเข้าไปในระยะของ 2-049 เป็นหนที่สอง ครั้งแรกอาจโชคดีที่พิธีกรรมเปลี่ยนดวงชะตาสำเร็จ แต่หากมีอุปสรรคขัดขวางแม้เพียงเล็กน้อย ไคลน์ได้กลายเป็นหุ่นกระบอกไปตลอดกาลแน่นอน

ส่วนสิ่งของที่ตัวตลกพกมาด้วย ไคลน์ไม่สนใจอะไรนอกจากสูตรโอสถลำดับแปดอย่าง ‘ตัวตลก’ แต่เรื่องนั้นก็ไม่ต้องกังวล ที่นี่มีเหยี่ยวราตรีระดับสูงมากมาย ไม่ว่าจะหัวหน้าหรืออายร์·ฮาร์สัน

เมื่อคนเหล่านี้รีดเค้นข้อมูลจากศพสำเร็จ ข้อมูลเกี่ยวกับโอสถตัวตลกก็จะตกถึงตนในสักวันอยู่ดี

อาจไม่ใช่เร็วๆ นี้ แต่เมื่อตัวมันมีคะแนนความดีความชอบสูงถึงกำหนด และถ้าย่อยโอสถนักทำลายได้สมบูรณ์ ไม่มีเหตุผลอะไรที่โบสถ์รัตติกาลจะปฏิเสธมอบสูตรโอสถตัวตลกมาให้ บางทีอาจไม่ใช่แค่สูตร แต่เป็นโอสถสำเร็จรูปด้วยซ้ำ

ยังเหลือเวลาอีกนานจนกว่าจะถึงตอนนั้น

ขณะได้ข้อสรุปทางความคิด ไคลน์เร่งฝีเท้าเดินไปให้ถึงอายร์·ฮาร์สัน สุภาพบุรุษมาดเข้มที่สวมชุดกันลมสีเทา มันพยายามพยุงร่างลุกนั่งหลายหน แต่ไม่สำเร็จสักที ลำตัวตะเกียกตะกายบนฝุ่นโคลนเช่นนั้นอยู่นาน

“มิสเตอร์ฮาร์สัน ผมจะช่วยคุณได้อย่างไรบ้าง?”

ไคลน์เดินไปหยุดตรงหน้ามันและนั่งยอง ชายหนุ่มกดปลายปืนทิ่มลงพื้นเพื่อป้องกันเหตุกระสุนลั่น

อายร์พยายามสูดลมหายใจ

“สัตว์ประหลาดนั่นแข็งแกร่งชะมัด ถ้าไม่เพราะโรล็อตหาจุดอ่อนพบ…”

จากนั้น อายร์ชี้นิ้วไปยังขวดโลหะสีฟ้าข้างลำตัวพลางอมยิ้มจืดชืด

“ผมพยายามจะดื่มมัน แต่มือกลับสั่นจนหกหมด…”

ขวดสีฟ้ามีขนาดประมาณนิ้วชี้ไคลน์ ความยาวไม่มากไปกว่าห้าเซนติเมตร ขวดดังกล่าววางนอนราบไปกับพื้นโคลน ของเหลวด้านในหกเกือบหมด ฝาเกลียวซึ่งมีลวดลายสลักหล่นอยู่ไม่ห่าง

ไคลน์เอื้อมมือไปหยิบก่อนจะเพ่งพิจารณาภายในขวด

“มิสเตอร์ฮาร์สันครับ เหลือแค่ไม่กี่หยด…”

“ไปหา…บอร์เจีย ค้นตัวเขา…กระเป๋าเสื้อช่องใน”

อายร์กล่าวด้วยสีหน้าพะอืดพะอม

“ได้ครับ”

ไคลน์ลุกขึ้นพร้อมกับเอ่ยถาม

“เป็นยาฟื้นฟูหรือครับ?”

เกิดจากศาสตร์เร้นลับหรือเปล่านะ?

“ไม่ใช่ยาฟื้นฟู มันช่วยฟื้นฟูได้ไม่มาก สรรพคุณหลักคือการทำให้จิตใจผู้ดื่มแข็งแกร่ง…และสามารถขจัดอาการผิดปรกติที่เกิดกับร่างกายได้ชั่วขณะ เพื่อจะได้รีบถอยกลับไปรักษาตัวที่ศูนย์บัญชาการ”

ขณะกล่าว อายร์ยังคงพยายามลุกนั่ง แต่ก็ไม่สำเร็จ

มันกล่าวเสริมส่งท้าย

“ยาชนิดนี้ชื่อว่า ‘เทพธิดาเพ่งพิศ’ …อย่าลืมให้บอร์เจียดื่มก่อนครึ่งขวด”

ไคลน์ไม่รีรอ มันรีบเดินไปหาบอร์เจียที่นอนโอดครวญโดยไม่มีทีท่าจะลุกไหว มันรื้อค้นกระเป๋าเสื้อด้านในและพบขวดโลหะสีฟ้า

เมื่อปิดฝาออก ชายหนุ่มพยายามนำขวดไปวางใกล้ปากบอร์เจีย

อีกฝ่ายร่วมมือโดยการพยายามอ้าปากให้กว้าง ไคลน์เห็นดังนั้นจึงรีบกรอกของเหลวสีแดงเข้มเข้าไป เมื่อกะเกณฑ์ได้ปริมาณ มันหยุดลงและทำการหมุนปิดผา

ยาได้ผลเกินกว่าที่คาด เพียงไม่กี่วินาที แววตาบอร์เจียกลับมามีเรี่ยวแรงอีกครั้ง

บอร์เจียพึมพำ

“ขอบใจ”

หลังกล่าวจบ มันใช้มือพยุงตัวยืนขึ้นอย่างช้าๆ สิ่งแรกที่ทำคือการตรวจสอบบาดแผลตนเอง ก่อนจะเดินไปในทิศทางที่โรล็อตและดันน์นอนหมดสติอยู่

บอร์เจียก้มหยิบเทพธิดาเพ่งพิศออกจากกระเป๋าด้านในเสื้อกันลมของดันน์

ขณะเดียวกัน ไคลน์เดินกลับมาหาอายร์และกรอกของเหลวสีแดงเข้มที่เหลือเข้าไปจนหมดขวด

หลังจากหายใจหอบสองสามครั้ง สภาพร่างกายอายร์ดูดีขึ้นทันตาเห็น มันขยับตัวคล่องแคล่วและลุกขึ้นง่ายดายราวกับไม่เคยบาดเจ็บ

“ผมจะไปช่วยบอร์เจียอีกแรง คุณไปช่วยคู่หูตรงนั้น”

สุภาพบุรุษวัยกลางคนมาดเข้มชี้นิ้วไปทางเลียวนาร์ด·มิเชล

ไคลน์ไม่คัดค้าน มันลุกขึ้นและรีบเดินไปทาง ‘นักกวี’ เลียวนาร์ด

“ไม่ต้อง ผมดื่มเองได้”

เหยี่ยวราตรีนัยน์ตาเขียวแสยะยิ้มด้วยสภาพผมเผ้าที่ยุ่งเหยิง ก่อนจะยกขวดโลหะสีฟ้าดื่มด้วยตัวเอง

เมื่อเห็นอีกฝ่ายดื่มได้โดยไม่ยากเข็ญ ไคลน์เกือบหลุดสบถออกไป

ถ้าช่วยตัวเองได้ ทำไมไม่ทำตั้งแต่แรก…?

ทันใดนั้น ชายหนุ่มพลันฉุกคิดบางสิ่ง

ถ้าเลียวนาร์ดไม่ได้บาดเจ็บหนัก…

ถ้าหมอนั่นมีแรงดื่มยาได้เองแต่แรก…

หมายความว่า…มันเห็นตอนที่เราเดินทวนเข็มทรงจัตุรัสขณะประกอบพิธีกรรมเปลี่ยนดวงชะตา!

ไม่สิ มันอาจไม่รู้ถึงพิธีกรรม เพราะเราไม่ได้เปล่งคาถาออกเสียง และมิติสายหมอกก็ไม่ได้ทำให้รูปลักษณ์ภายนอกแปลกไป ไม่อย่างนั้น ตัวตลกสูทดำคงไม่หลงติดกับ

แต่อย่างน้อย มันก็มีสติพอจะได้เห็นเหตุการณ์มากมาย ทั้งเรื่องที่เราหลุดพ้นจากอำนาจ 2-049 รวมถึงเรื่องที่เราหลอกตัวตลกให้ติดกับและฆ่าทิ้ง

ขณะไคลน์หรี่ตาลงอย่างไม่พอใจ นักกวีเลียวนาร์ดลุกขึ้นมายืนข้างๆ พร้อมกับส่งเสียงกระซิบ

“ด้วยความสัตย์จริง ผมกำลังจะเข้าไปช่วยคุณ แต่เห็นว่าไม่จำเป็น ก็เลยไม่ได้ทำ ไม่ต้องห่วง บนโลกนี้มีมนุษย์พิเศษอยู่มากมาย คนเหล่านั้นมีปริศนาที่ผู้อื่นไม่มี สามารถกระทำในสิ่งที่ผู้อื่นทำไม่ได้ เหมือนกับคุณ…และผม”

เมื่อกล่าวจบ เลียวนาร์ดโบกมือให้ไคลน์พร้อมกับเดินไปทางดันน์และโรล็อต

หมอนี่หลงตัวเองฉิบ…

เมื่อได้ข้อสรุป ไคลน์เริ่มผ่อนคลาย

เท่าที่ดู เลียวนาร์ดก็คงมีปริศนาไม่น้อย…

ไคลน์ตัดสินใจเดินไปรวมกลุ่มกับทุกคนโดยในหัวยังครุ่นคิดเรื่องราวมากมาย

ทันใดนั้น ชายหนุ่มเหลือบเห็นดันน์·สมิทใช้มือข้างที่สวมถุงมือดำก้มหยิบสมุดบันทึกตระกูลอันทีโกนัสซึ่งมีของเหลวสีเหลืองปนน้ำตาลเปื้อนเปรอะ

สมุดเล่มดังกล่าวมีปกหนาสีดำ คล้ายกับถูกปกคลุมด้วยพลังบางชนิด มันไม่เก่าแก่ลงแม้แต่น้อย และไม่ถูกของเหลวกัดกร่อนหรือทำให้เปื่อยยุ่ย ยังคงเหมือนกับที่ปรากฏในฝันไคลน์ทุกประการ

บางทีก็แอบสงสัยว่า หากกางสมุดออกมาจะพบภาพเดอะฟูลสวมเครื่องประดับศีรษะหรูหราอีกหรือไม่?

เพียงไม่นาน มันก็ตระหนักว่าตนคิดมากเกินไป ถึงจะมองจากมุมไม่ชัด แต่หน้ากระดาษที่ดันน์เปิดผ่านไม่มีภาพของเดอะฟูลแม้แต่แผ่นเดียว

“อะแฮ่ม…ยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์”

เมื่อตรวจสอบเสร็จ ดันน์ปิดสมุดลงและรีบเก็บว่อน ก่อนจะหันไปกล่าวกับอายร์

“ผมคิดว่าเราควรเก็บสมุดเล่มนี้และของวิเศษต้องห้าม 2-049 ไว้ในประตูยานิสสำนักสาขางานทิงเก็นก่อน รอจนกว่าพวกคุณจะฟื้นฟู หรือไม่ก็จนกว่ามุขมณฑลเบ็คลันด์จะส่งคนมาเพิ่ม”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ไคลน์เกิดความรู้สึกขัดแย้ง ทั้งผิดหวังและดีใจ

ใจหนึ่ง มันต้องการอ่านเนื้อความด้านในอย่างละเอียด เพื่อจะได้ทราบถึงสาเหตุการตายที่ชัดเจนของไคลน์คนก่อน เวิร์ช และนาย่า แต่ขณะเดียวกันก็หวาดกลัว สมุดต้องห้ามที่ทำให้เกิดโศกนาฏกรรมสุดสยดสยอง คงไม่ได้นำพาเรื่องดีๆ มาสู่คนรอบตัวแน่ ตัวอย่างที่ชัดเจนคือรีเอล·บีเบอร์

ไคลย์ไม่กล้าแตะต้องโดยตรง การส่งให้โบสถ์รัตติกาลเก็บรักษาถือเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว

“ตามนั้น”

อายร์·ฮาร์สัน บอร์เจีย และโรล็อตผงกศีรษะพร้อมกัน ก่อนจะหันหลังกลับและเดินตรงไปยัง 2-049

ขณะทำการผนึก พวกมันสามคนช่วยปลุกกันและกันเป็นช่วงๆ อย่างชำนาญ สายตาไม่คลาดการกระทำของสองคนที่เหลือ

“กลับสู่ความสงบสักที”

อายร์กล่าวด้วยเสียงผ่อนคลาย

หุ่นกระบอกชุดเปรอะน้ำมันถูกเก็บกลับใส่หีบโลหะและผนึกด้วยพลังวิญญาณอีกครั้ง

ขณะเดียวกัน อีกหนึ่งตัวตลกที่ทาหน้าด้วยสามสี ดวงตาของมันยังไร้สัญญาณชีพเช่นเดิม รูโหว่กลางหน้าผากและลำคอค่อนข้างสยดสยอง

ดันน์ เลียวนาร์ด และไคลน์ที่ถูกเสริมภูมิคุ้มกันเกี่ยวกับศพ ทั้งสามคนช่วยกันชันสูตรร่างตัวตลกทุกซอกมุม อุปกรณ์ที่พบมีทั้งดอกไม้กระดาษ ผ้าเช็ดหน้า สำรับไพ่ และสิ่งของแปลกๆ อีกหลายชนิด

แต่ไม่มีชิ้นใดเลยที่คือสิ่งสำคัญหรือเป็นเบาะแสเชื่อมโยงให้สาวไปถึงองค์กร

ไม่สิ…สิ่งสำคัญยังพอดี กระเป๋าสตางค์ของมันบรรจุธนบัตรมูลค่ารวมเจ็ดสิบถึงแปดสิบปอนด์ไว้ ไคลน์ถอนหายใจยาวที่ต้องอดยักยอกเป็นสมบัติส่วนตัว

เมื่อนึกถึงเรื่องเงิน ไคลน์รีบกลับมาสำรวจสภาพปัจจุบันของตัวเอง มันแทบล้มทั้งยืน

สูทราคาแพงเกิดรอยฉีกขาดหกจุดจากการกลิ้งไปกับพื้น แถมส่วนที่เหลือยังเปื้อนดินโคลนจนมีสภาพดูไม่ได้

ดันน์ชำเลืองมองไคลน์พลางยกมุมปากขึ้น

“ข้าวของที่เสียหายจากภารกิจสามารถเบิกใหม่ได้ทั้งหมด”

เบิก…

หลังจากได้ยินถ้อยคำที่ถูก ‘คิดค้น’ โดยจักรพรรดิโรซายล์ ชายหนุ่มพลันสุขสุดขีด

ใช่แล้ว สูทตัวนี้ เพียงนำไปซักให้สะอาดและเย็บนิดหน่อยก็กลับมาใช้ได้เหมือนใหม่ ระหว่างรอเงินชดเชยส่งมาถึง ตนสามารถออกเงินซื้อสูทตัวใหม่ใส่ก่อนสบายมาก โดยที่ตัวเก่ายังสามารถใช้ได้อยู่

ไม่ผิดแน่…การเบิกครั้งนี้เป็นไปอย่างชอบธรรมแล้ว

แต่ถึงอย่างนั้น ตนก็ควรหาชุดสำหรับต่อสู้โดยเฉพาะมาสวม ต้องเป็นผ้าคุณภาพต่ำ เหมือนกับชุดกันลมของหัวหน้า…

เจ้าบ้าเลียวนาร์ดคงรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว มันจึงไม่เคยใส่สูทเลยสักครั้งเดียว…

“เดี๋ยวให้ฟรายจัดการชันสูตรศพอีกที บางทีอาจพบเบาะแสเพิ่มเติม”

ขณะกล่าว ดันน์ใช้มือลูบใบหน้าสามสีของตัวตลกสูทดำอย่างทะนุถนอม

ถัดมา พวกมันเข้าไปสำรวจภายในโกดังเทา ภาพที่พบคือฉากสุดสยดสยองเหนือคำบรรยาย โลหิตสาดกระเซ็นทั่วผนัง เศษก้อนเนื้อและเสื้อผ้ากระจัดกระจาย กระดูกในที่เกิดเหตุล้วนถูกป่นแหลกด้วยพละกำลังมหาศาล

“รีเอล·บีเบอร์พยายามดูดซับพลังจากสมุดบันทึกผ่านพิธีกรรมโบราณ เหมือนกับที่ผู้วิเศษลำดับสูงต้องประกอบขณะเลื่อนระดับ พิธีกรรมเช่นนี้มักเต็มไปด้วยอันตราย ห้ามถูกรบกวนโดยเด็ดขาด บางที พิธีกรรมที่รีเอล·บีเบอร์ประกอบอาจส่งผลให้ร่างกายเข้าสู่ภาวะหลับใหลยาวนาน มันจึงยังไม่ออกจากทิงเก็นแม้จะผ่านมาแล้วหลายวัน”

ดันน์เริ่มสันนิษฐาน

เมื่อได้ยินเช่นนั้น โรล็อตแสยะยิ้ม ผิวพรรณขาวนวลของเธอตัดกับเส้นผมดำขลับ

“ช่างน่าเศร้า พวกเราคงมารบกวนการนอนก่อนถึงเวลาอันควรสินะ โทสะซึ่งเกิดจากการตื่นก่อนกำหนด จึงถูกระบายใส่พวกเราโดยไม่ยั้งมือ นับว่าน่าประทับใจมากทีเดียว”

“นี่คือหนึ่งในรูปแบบการคลุ้มคลั่ง”

ดันน์หันมามองไคลน์เป็นนัยมอบบทเรียน

“แล้วทำไมมันถึงไม่รีบออกจากทิงเก็นและหาสถานที่เงียบสงบประกอบพิธี?”

ไคลน์ถามด้วยสีหน้าสุดฉงน

อายร์ชี้ไปยังศีรษะของตัวเอง

“บุคคลที่ลุ่มหลงในพลังโบราณหรือพลังต้องห้ามมักขาดสิ่งนี้ ฮะฮะ!”

ดันน์กล่าวเสริมด้วยใบหน้าคล้ายกับกำลังเก็บซ่อนความเจ็บปวด

“เลียวนาร์ด คุณอาการดีกว่าใคร ช่วยอยู่ที่นี่และห้ามใครเข้ามาด้านในเด็ดขาด…พวกเราที่เหลือจะรีบค้นหาสิ่งของสำคัญจากซากรีเอล·บีเบอร์ ก่อนจะกลับไปพักรักษาตัวที่สาขาทิงเก็นพร้อมกับสมุดบันทึก ซากตัวตลก และของวิเศษต้องห้าม 2-049 หลังจากนั้นผมจะให้ฟราย รอยัล และเจ้าหน้าที่ตำรวจรีบตามมาช่วยเหลือที่นี่”

……………………

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!