Skip to content

Outside Of Time 535

บทที่ 535 ไพ่ตายของสวี่ชิง!

เงื่อนไขสำคัญของการเปิดโลกกาฬกาลกิณีก็คือก้างปลาทั้งสามอันนั้น!

ก้างทั้งสามชิ้นสวี่ชิงจำได้เพียงในพริบตา มันคือวัตถุที่มือหยกขาวมหึมาข้างนั้นช่วงชิงไปในแดนต้องห้ามเซียนนั่นเอง

ตอนนี้ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าประโยชน์ของก้างสามชิ้นนั้นคืออะไร

ท้องฟ้าส่งเสียงเลื่อนลั่น ในม่านฟ้าชั้นที่สองที่แปลงมาจากระลอกคลื่นพลังหนามทั้งสามอัน หมอกสีดำทะลักโหม เสียงผีครวญคร่ำหมาป่าหอนโหยหวนชวนให้คนหวาดผวาเป็นระลอกๆ ดังมาจากทั่วทุกทิศ

ในภาพหมอกดำมืด วิญญาณร้ายนับไม่ถ้วนเงยหน้า ในเสี้ยวพริบตาที่มองไปข้างนอก เสียงเรียกให้กลับคืนมาของปลัดเขตปกครองแปรเปลี่ยนเป็นเส้นด้ายแห่งกรรมเวรนับไม่ถ้วน

ฝั่งหนึ่งเชื่อมกับเสี้ยวหน้าปลัดเขตปกครอง อีกฝั่งหนึ่งพุ่งเข้าไปในโลกกาฬกาลกิณี เชื่อมไปในวิญญาณคนตายของเขตปกครองผนึกสมุทรรัฐม่วงคราม แปรเปลี่ยนเป็นแรงเหนี่ยว

ดังนั้น วิญญาณร้ายที่ถูกเหนี่ยวรั้งมาเป็นทางๆ จึงมาตามเส้นด้ายแห่งกรรมเวร มุดออกมาจากม่านฟ้าชั้นที่สอง มองไปยังผืนแผ่นดินอย่างละโมบ มองไปยังคนที่ยังมีชีวิตอยู่ทุกคนที่นี่

นี่ถึงจะเป็นแผนการใหญ่ของปลัดเขตปกครอง

สิ่งที่เขาจะสังเวยให้กับนายของเขาไม่ใช่แค่ผลชะตาที่หลอมรวมไว้ซึ่งชีวิตของผู้คนทั้งหลายในเขตปกครองผนึกสมุทรและพลังดวงชะตาเท่านั้น ยังมี…การหวนคืนกลับมาของเขตปกครองผนึกสมุทรด้วย!

ใช้เรื่องนี้เป็นการชดใช้

และคนทั้งหลายในเขตปกครองผนึกสมุทรก็คือร่างที่เตรียมไว้ให้ประชาชนที่กลับมาจากดินแดนกาฬกาลกิณีของตัวเอง

เพียงแต่จังหวะยังไม่ทันสมบูรณ์ดี ผลยังไม่ทันสุกงอม เขายังไม่ทันหลอกคนทั้งหลายได้เป็นเจ้าเขตปกครองผนึกสมุทรทำให้ตัวเองมีพลังดวงชะตาเขตปกครองผนึกสมุทร

เขาจึงไม่อาจทำการปกป้องให้การมาเยือนของประชาชนราบรื่นได้ตามแผน

ดังนั้น การฝืนลงมาเยือนของวิญญาณร้ายเหล่านั้น ในเสี้ยวพริบตาที่ปรากฏขึ้น ภายใต้การโจมตีจากพลังของแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ วิญญาณร้ายเหลือไม่ถึงหนึ่งในสิบ ตายอย่างน่าเวทนา

ต่อให้แตกดับไปถึงขนาดนี้ แต่ก็ยังมีวิญญาณร้ายอีกจำนวนนับไม่ถ้วนลงมาเยือนเขตปกครองผนึกสมุทร

แต่ว่าปลัดเขตปกครองเป็นคนรักษาคำพูด เขาทำตามสัญญา คนขององค์ชายเจ็ดไม่ตกเป็นเป้าไปด้วย

ทว่าองค์ชายเจ็ดตอนนี้ในใจเกิดคลื่นยักษ์ซัดโหมเช่นกัน เขาคาดการณ์ไม่ถึงแผนการชั้นนี้ของปลัดเขตปกครอง เดิมเขาคิดว่าแค่เป็นการสังเวยเท่านั้น กระทั่งว่าก้างปลาสามชิ้นนั้นเขาก็คิดไม่ถึงว่าจะเอามาใช้ที่นี่

“ไป๋เซียวจัว!” องค์ชายเจ็ดหรี่ตา เขาที่ยืนอยู่บนแท่นพิธีลมหายใจหอบถี่เล็กน้อย ฝีเท้าคิดจะก้าวออกไป

เรื่องนี้ใหญ่หลวงนัก ใหญ่จนเขาหวั่นไหว

ผู้บัญชาการที่อยู่รอบๆ เขาแต่ละคนในดวงตาฉายประกาย มองมาทางเขา

บนท้องฟ้า มังกรทองสี่กรงเล็บคำรามเสียงต่ำ มองไปเช่นกัน

บนพื้น หนิงเหยียนในกลุ่มผู้คน ขณะที่ตัวสั่นงันงกดวงตาก็แดงก่ำเล็กน้อย มองไปทางองค์ชายเจ็ดเช่นกัน

แต่สุดท้าย องค์ชายเจ็ดที่จ้องปลัดเขตปกครอง ภายใต้สายตาที่ไหววูบเล็กน้อย แต่ก็…ไม่ได้เคลื่อนไหว

เขาในฐานะองค์ชาย รู้ความลับมากมาย และความรู้ความเข้าใจที่เกิดขึ้นจากการเติบโตเช่นนี้ ทำให้เขาวิเคราะห์สถานการณ์ข้างหน้านี้ได้อย่างชัดเจน

เขารู้ ปลัดเขตปกครองในเสี้ยวขณะนี้ไม่ใช่พลังธรรมดาทั่วไปที่จะสยบได้ จะต้องมีคุณสมบัติสายเลือดที่สูงมากจึงจะกำจัดไปได้

ยกตัวอย่างเช่นการมาเยือนของระดับเตรียมสู่เทวะ หรือยกตัวอย่างเช่นจางซืออวิ้นยังอยู่

เพราะปลัดเขตปกครองในสภาวะนี้ความจริงสำหรับชื่อหมู่แล้ว ก็เป็นอาหารโอชะเช่นกัน

น่าเสียดายที่ชื่อหมู่หลับใหลสู่ห้วงนิทราลึกแล้ว

และเทพเจ้าองค์อื่นๆ หลังจากการเคลื่อนไหวของชื่อหมู่ก่อนหน้านี้ ส่วนใหญ่ก็หลบซ่อนอำพรางไป

ส่วนเสี้ยวหน้าเทพเจ้าบนท้องฟ้า จากเอกสารลับในเมืองหลวงจักรพรรดิ เขารู้ว่าเผ่าต่างๆ ที่ทำการแลกเปลี่ยนกับเสี้ยวหน้าเทพเจ้า มีมาเนิ่นนานแล้ว

แต่ก็เป็นเพียงการแลกเปลี่ยน เสี้ยวหน้าจะไม่ลืมตาให้พวกเขา

ในประวัติศาสตร์ ครั้งเดียวที่เสี้ยวหน้าลืมตาให้มนุษย์ มีเพียงจื่อชิง

ดังนั้น หากตนฝืนลงมือ แม้จะขัดขวางไม่ให้โศกนาฏกรรรมเกิดขึ้นได้ แต่ค่าตอบแทนมหาศาลนัก เขาจะต้องเสี่ยงอันตราย อีกทั้งตัวเองก็จะสูญเสียหลังรากฐานในระดับสูงสุด

เป็นฝ่ายฉีกสัญญาก่อน ทั้งยังผลาญพลังรากฐานของตัวเองในระดับสูงสุด ตัวเองยังมีอันตรายเป็นตาย ทุกอย่างนี้เทียบกับเขตปกครองผนึกสมุทรแล้ว องค์ชายเจ็ดรู้สึกว่าไม่คุ้มค่า

พลังรากฐานของเขาไม่ควรมาเสียเปล่าที่นี่ เสียเปล่าในตอนนี้

ดังนั้นเขาจึงไม่ขยับ เขากำลังรอ รอการดำเนินไปของเรื่องราวหลังจากนี้ ขณะเดียวกันสมองก็วิเคราะห์อย่างรวดเร็วว่าจะจัดการอย่างไรถึงจะรักษาผลประโยชน์ได้มากที่สุด

ส่วนเคราะห์ของเขตปกครองผนึกสมุทร…ไม่มีความวุ่นวาย จะมีความดีความชอบได้อย่างไร

ดังนั้น คนที่มองมาที่เขาจากรอบๆ เขาจึงเมินเฉยไปเสีย

ส่วนสวี่ชิงไม่ได้มององค์ชายเจ็ดคนนี้มาตั้งแรกแรกแล้ว เพราะก่อนหน้านี้เขาก็รู้แล้วว่า ฝากความหวังไว้ที่องค์ชายเจ็ด เดิมก็เป็นเรื่องที่ไร้เดียวสาประเภทหนึ่ง

มังกรทองสี่กรงเล็บบนท้องฟ้า คำรามโศกเศร้าอีกครั้ง ตามังกรมองไปทางสวี่ชิงที่อยู่บนพื้นไปตามสัญชาตญาณ

สวี่ชิงยกมือเงียบๆ ไฟของวิเศษเวทต้องห้ามเมืองหลวงเขตปกครองบนร่าง ลอยไปจากร่าง แปรเปลี่ยนเป็นตาข่ายสีทอง ปกป้องเขตปกครองผนึกสมุทรเหมือนกับก่อนหน้านี้ พลันขยายไปทั่วทุกทิศ ขวางกั้นวิญญาณร้ายจากม่านฟ้า

“ไม่มีประโยชน์ ชื่อหมู่กลืนกินเทพเจ้าแห่งดินแดนกาฬกาลกิณีไปแล้ว ทำให้ที่นั่นเสียการควบคุม ดังนั้นข้าจึงลงมือได้อย่างราบรื่นแบบนี้ เจ้าขวางกั้นไม่ได้”

เสี้ยวหน้าปลัดเขตปกครองเอ่ยเสียงเบา

สวี่ชิงมองปลัดเขตปกครอง จู่ๆ พลันพูดขึ้นมา

“เช่นนั้นเจ้าตอนนี้ สมดังเจตนารมณ์แล้ว กล้าเข้าใกล้ข้าหรือไม่”

เสี้ยวหน้าปลัดเขตปกครองเงียบนิ่ง มองสวี่ชิงอย่างล้ำลึกแวบหนึ่ง

“เสี้ยวขณะนี้นอกจากเทพเจ้าลงมาจุติหรือจักรพรรดิมนุษย์เสด็จมา ไม่เช่นนั้นแล้วทางด้านคุณสมบัติสายเลือดไม่มีใครสยบข้าได้

“แต่เจ้าถามคำถามนี้กับข้าหลายครั้งแล้ว ข้าก็จะให้โอกาสเจ้า ให้ข้าดูหน่อยสิว่า เจ้าถือไพ่ตายอะไรเอาไว้

“เจ้าเดินมาได้เลย”

ปลัดเขตปกครองเอ่ยเสียงสงบนิ่ง

สวี่ชิงยกเท้า เดินไปหาเขา

ผืนดินรางเลือนไร้ขอบเขต

ผืนฟ้าบิดเบี้ยวไปทั้งผืน

พลังสยบควบคุมทำให้ทุกอย่างในมิติล้วนลำบากเป็นอย่างยิ่ง ส่วนหุ่นเชิดร่างทดสอบเทพเจ้าทั้งสองตัวนั้น ท่ามกลางสายฝนเลือดพลังอำนาจท่วมฟ้า การลงมือของพวกมันสกัดกั้นทุกสิ่ง

นายกองเงียบนิ่ง เขามองเงาแผ่นหลังของสวี่ชิง จู่ๆ ก็หัวเราะขึ้นมา พูดออกไปว่า

“อาชิงน้อย หากเจ้ากับอาจารย์พลีชีพกันหมด ข้าจะตามพวกเจ้าไปอยู่ด้วย”

“ได้!” สวี่ชิงไม่ได้หันกลับไป เอ่ยเสียงเบา

นายกองหัวเราะ พึมพำในใจ

“ศิษย์น้องเล็กทำอะไรน้อยครั้งนักที่จะบุ่มบ่าม เขาน่าจะมีไพ่ตายของตัวเอง แต่ว่าในฐานะที่เป็นศิษย์น้องแต่กลับทำท่าเหมือนเป็นศิษย์พี่มาขวางข้า หึ

“ช่างเถิด เห็นแก่ที่เขาเป็นห่วงข้า ข้าก็ไม่คิดเล็กคิดน้อยเรื่องนี้ ในเมื่อเขาไม่อยากให้ข้าปลดผนึกตอนนี้ เช่นนั้น อีกเดี๋ยวหากเขาล้มเหลวก็ไม่มีเหตุผลมาขวางข้าแล้ว

“ข้าต้องคิดสักหน่อย อีกเดี๋ยวในตอนที่ลงมือต้องทำท่าอย่างไร ต้องพูดอะไร ถึงจะทำให้การสิ้นสุดของชาตินี้ยิ่งยอดเยี่ยม ยิ่งสะท้านไปทั่วภพ

“ในเมื่อ…ให้ตายสิ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าการปลดผนึกสุดท้ายครั้งข้าจะมีชาติต่อไปหรือไม่…นับๆ ครั้งดูแล้วคงจะไม่มีแล้ว น่าเสียดาย ข้ายังอายุน้อยแท้ๆ เถาจื่ออวบอั๋นยังรอข้า นวลนางนิ้วทั้งห้าก็เฝ้ารอข้า ในอนาคตยังมีพวกน้องสาวอีกมาก ข้ายังไม่ได้แต่งงานเลย…”

นายกองยกมือ นับๆ นิ้ว ถอนหายใจ

ตอนนี้สวี่ชิงเดินไปทางท้องฟ้า แต่จากการเข้าไปใกล้ พลังกดดันที่มาจากเสี้ยวหน้าปลัดเขตปกครองทำให้เขายิ่งก้าวเดินได้ยากลำบากขึ้นเรื่อยๆ ห่างร้อยจั้งประดุจห่างกันราวฟ้ากับดิน

ในตอนที่เดินไปได้อีกสิบจั้ง ร่างของสวี่ชิงก็มีหลายที่ที่เลือดเนื้อเหวอะหวะ ปากมีเลือดสดๆ ไหลย้อย ท่ามกลางฝีเท้าที่โซเซ เขายกมือสะบัด ทันใดนั้นพลังปราณทั้งสิบสองปะทุขึ้นเพิ่มพลังให้กับทั้งร่าง เดินไปข้างหน้าต่อ

หลังจากเดินไปสิบสามจั้ง ปราณตะเกียงแห่งชีวิตร่มดำหมองหม่น หลังจากสิบหกจั้ง ปราณตะเกียงลมครวญเจ็ดสีรางเลือน หลังจากสิบเก้าจั้ง ปราณตะเกียงปีกโลหิตวิญญาณทมิฬหลบเร้น หลังจากยี่สิบสองจั้ง ปราณตะเกียงสังหารเซียนกัดกินเทพบิดเบี้ยว

ฝีเท้าของสวี่ชิงพลันหยุดนิ่ง หอบหายใจฮัก เขาพยายามเงยหน้า มองไปทางเสี้ยวหน้าปลัดเขตปกครอง

ปลัดเขตปกครองก็จ้องมองมาทางเขาเช่นกัน

“ยังเหลืออีกเจ็ดสิบแปดจั้ง”

สวี่ชิงพยักหน้า วิหคทองปรากฏขึ้นเหนือศีรษะ เป็นกายปราณ เพิ่มพลังให้ทั่วทั้งกายเคลื่อนไปข้างหน้า จากนั้นแสงประกายอรุณกะพริบวูบวาบ เคลื่อนไปข้างหน้าอีกครั้ง

ยังไม่จบ อสูรสมุทรบรรพกาลในร่างสวี่ชิงปรากฏออกมา เงยหน้าคำราม เขาเดินไปอีกหลายจั้ง

ปราณในร่างสวี่ชิงทยอยปะทุขึ้นมาเช่นนี้เอง ปราณพิษต้องห้าม ปราณพระจันทร์สีม่วง ปราณจักรพรรดิภูต เพิ่มพลังอยู่เรื่อยๆ ทำให้เขาเคลื่อนไปข้างหน้าไม่หยุด แต่ละครั้งเป็นระยะไม่เท่ากัน

จวบจนเดินไปได้สามสิบจั้ง สี่สิบจั้ง ห้าสิบจั้ง…สุดท้ายเมื่อเงาเด็กชายตัวน้อยคนนั้นปรากฏขึ้นมาซ้อนทับกับสวี่ชิง เขาเดินได้ถึงห้าสิบหกจั้ง!

“ถึงขีดจำกัดแล้วหรือ” ปลัดเขตปกครองห่างออกไปสี่สิบสี่จั้ง ส่ายหน้าเบาๆ

สวี่ชิงเงียบนิ่ง ในดวงตาประกายวาววับฉายวูบ ยกมือขวาขึ้นแล้วพลันกดไปทางพื้นดินข้างล่าง ปากส่งเสียงต่ำทุ้มออกมา

“จงมา!”

ใต้เมืองหลวงเขตปกครอง แผ่นดินรางเลือนสั่นคลอนทันที หอกระบี่นับไม่ถ้วนพังถล่ม เหมือนมังกรดินพลิกตัว และต้นกำเนิดทุกอย่างนี้มาจากในจุดลึกกรมราชทัณฑ์ มาจาก…แดนต้องห้ามเซียนที่นั่น

สวี่ชิงตอนนั้นอยู่ในแดนต้องห้ามเซียนเขาก็สัมผัสได้แล้ว หลังจากที่เทพเจ้าแดนต้องห้ามเซียนจากไป เขาสามารถดูดซับไอพลังประหลาดที่หลงเหลือในนั้นได้ เพียงแต่ความสามารถของเขามีจำกัด อีกทั้งยังกังวลว่านิ้วเทพเจ้าในติงหนึ่งสามสองจะฟื้นตื่น จึงควบคุมตัวเองเอาไว้

แต่ตอนนี้เขาไม่คิดจะควบคุมแล้ว

เพราะเขาจะปลุกนิ้วเทพเจ้าในติงหนึ่งสามสอง!

ตอนนี้จากการเหนี่ยวนำของเขา เสียงครืนครันจากแดนต้องห้ามเซียนในกรมราชทัณฑ์บนพื้นก็ส่งเสียงดังก้องฟ้าดิน

ไอพลังประหลาดในนั้นทะลักโหมบ่าออกมาจากทางออก ซัดทะลวงค่ายกลทั้งหมด เกิดเป็นไอพลังสีดำเข้มข้นกลุ่มหนึ่ง พวยพุ่งขึ้นมาบนฟ้าจากในหลุมลึกกรมราชทัณฑ์

มองไกลๆ เหมือนมังกรดำทะยานขึ้นฟ้า พุ่งตรงมาหาสวี่ชิง

เพียงพริบตา ไอพลังประหลาดพวกนี้ก็ปกคลุมสวี่ชิงไว้ในนั้น พุ่งเข้าไปในร่างกายของเขาอย่างบ้าคลั่ง สีหน้าสวี่ชิงฉายแววเจ็บปวด ร่างกายส่งเสียงดังกร๊อบๆ หลังจากมาถึงขีดจำกัดสูงสุดก็ถูกฝืนทะลวงเปิด ร่างเปลี่ยนจากหนึ่งจั้งก่อนหน้านี้เป็นสองจั้ง สามจั้ง…

จวบจนสูงถึงสิบจั้ง ประดุจยักษ์

พลังมหาศาลบิดม้วนปรากฏขึ้นรอบๆ กลิ่นอายเทพเจ้าปะทุขึ้นมาอย่างมหาศาลแข็งแกร่งจากบนร่างสวี่ชิง

นิ้วเทพเจ้าที่หลับใหลในติงหนึ่งสามสองในร่างเขา ท่ามกลางการแผ่ขยายของเส้นสีทองในเลือดเนื้อสวี่ชิงตอนนี้ ท่ามกลางไอพลังประหลาดที่ตลบอวลไปทั่วร่างสวี่ชิงก็พลันตื่นขึ้นมา

ในเสี้ยวพริบตาที่ตื่นขึ้น ร่างสวี่ชิงร่างนี้ก็แผ่กลิ่นอายเทพเจ้าที่เข้มข้นยิ่งกว่าเดิมออกมา เสียงคำรามที่ไม่เหมือนเสียงมนุษย์คำรามมาจากในร่างของเขา

แววตาของเขาเปลี่ยนไป ฉายความสับสนงุนงง สีหน้าของเขาฉายอำนาจน่าเกรงขาม

ส่วนร่างของเขากำลังพุ่งไปหาปลัดเขตปกครอง

“อ๊าก เจ้ากำลังจะทำอะไร!”

เสียงคำรามดังออกมาจากในร่างสวี่ชิง นิ้วเทพเจ้าถูกกระตุ้นจนตื่นขึ้นมาโดยสมบูรณ์

ในเสี้ยวพริบตาที่ตื่นขึ้น สิ่งที่องค์ท่านเห็นข้างหน้าก็คือเสี้ยวหน้าปลัดเขตปกครอง

คุณสมบัติสายเลือดและกลิ่นอายของอีกฝ่ายทำให้องค์ท่านสะท้านเฮือก ยิ่งเมื่อได้เห็นม่านฟ้าชั้นที่สอง นั่นเป็นก้างปลาที่เกิดขึ้นจากร่างของตัวเอง

จากนั้นองค์ท่านก็สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของโลก ความบิดเบี้ยวและรางเลือนรอบๆ ทำให้องค์ท่านตื่นตระหนกไปตามสัญชาตญาณ

ทุกสิ่งทุกอย่างนี้ ในยามที่ในใจองค์ท่านเกิดคลื่นยักษ์ท่วมฟ้าซัดโหม สวี่ชิงก็ก้าวข้ามระยะสามสิบกว่าจั้ง คำรามเสียงดังลั่นออกมา

“ยังไม่ลงมืออีก!”

นิ้วเทพเจ้าโมโหตกใจ คิดอยากหนี แต่ก็ถูกผลึกวารีสีม่วงควบคุมไม่สามารถจากไปได้ คิดอยากจะดิ้นรนแต่สิทธิ์การควบคุมร่างกายอยู่กับสวี่ชิงทางนั้น

แม้การผสานไอพลังประหลาดต้นกำเนิดเดียวกันทำให้องค์ท่านอาจจะได้โอกาสทำให้สวี่ชิงร่างระเบิด แต่จากการที่สวี่ชิงผ่านเคราะห์ชีวิตปราณก่อกำเนิดเคราะห์แรก พลังบำเพ็ญเพิ่มขึ้นมหาศาล ผลึกวารีสีม่วงก็แผ่พลังได้มากกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด

ทุกอย่างนี้แม้จะทำให้นิ้วเทพเจ้ามีโอกาสดิ้นรนหลุดพ้น แต่ก็ไม่สามารถทำได้ในเวลาสั้นๆ

แต่องค์ท่านสามารถรับรู้ได้ในทันที เพียงหนึ่งก้านธูปตัวเองก็จะสามารถหลุดพ้นจากร่างของสวี่ชิงได้อย่างสมบูรณ์ กระทั่งว่าจะเปลี่ยนจากผู้อาศัยมาเป็นเจ้าของร่างก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้

และองค์ท่านตอนนี้หลังจากที่ตื่นขึ้นมาก็สัมผัสได้ว่าร่างของตัวเองเสียหายไปแล้ว นี่ทำให้ในใจขององค์ท่านทั้งดีใจทั้งกังวล ที่กังวลคือความน่ากลัวของโลกข้างนอก ที่ดีใจคือนับจากนี้มีความเป็นไปได้ที่จะพัฒนามีร่างของตัวเอง

ตอนนี้มองสวี่ชิงเอาหัวชนไป เห็นสายตาของเสี้ยวหน้าขนาดเล็กนั่นมองมาที่ตนแฝงด้วยความแปลกประหลาดใจเล็กๆ สมองขององค์ท่านก็หมุนเร็วจี๋ แต่ไม่ว่าจะเกิดความคิดอะไร องค์ท่านก็รู้ดีว่าตัวเองต้องจัดการวิกฤตตอนนี้ก่อน

“เจ้าหนูนี่มอบโอกาสให้ข้า! เพื่อความอิสระ สู่กันสักตั้ง หลังจากเรื่องนี้แล้วข้าจะกลืนกินเจ้าเด็กนี่เสีย”

นิ้วคำราม ตอนนี้พุ่งออกไป พลังเทพดังครืนครันขึ้นมา หลังจากทำให้ร่างของสวี่ชิงขยายใหญ่ขึ้นจากสิบกว่าจั้งเป็นสามสิบจั้งแล้ว ภายใต้มือขวาของสวี่ชิงที่เงื้อขึ้น นิ้วเทพเจ้าก็หลอมรวมมาในนิ้วชี้ของสวี่ชิง

เพียงพริบตา นิ้วชี้ของสวี่ชิงก็แสงสีทองระยิบระยับ โจมตีไปยังเสี้ยวหน้าเทพเจ้าอย่างรุนแรง

ขณะเดียวกัน พวกนายท่านเจ็ดทั้งสามคนที่สู้กับหุ่นเชิดสองตัวบนท้องฟ้า ในเสี้ยวพริบตานี้ก็ไม่สนว่าต้องได้รับบาดเจ็บ ต่างลงมือโจมตี

แสงสีแดงม่วงทั่วทั้งร่างชิงฉินปะทุขึ้น ก่อเป็นทะเลแสงผืนหนึ่งกวาดไปยังเสี้ยวหน้าปลัดเขตปกครอง

ข้างหลังนายท่านเจ็ดมีมือหยกขาวขนาดร้อยจั้งปรากฏขึ้น แหวกความบิดเบี้ยว ซัดไป

และยังมีโหวเหยา เขาเป็นผู้ที่มีพลังบำเพ็ญสูงที่สุดที่นี่ ตอนนี้ในดวงตาฉายแววแน่วแน่ เหนือศีรษะมีดอกไม้สีเลือดดอกหนึ่งปรากฏ ขณะที่ไหวโอนเอน กิ่งของดอกไม้โค้งราวคันธนู จากการเหี่ยวแห้ง ลูกศรคมสีเลือดดอกหนึ่งปรากฏขึ้น

เมื่อยิงธนูออกไป ลูกศรเลือดมาพร้อมด้วยพลังน่าครั่นคร้าม ขนาดราวรุ้งยาว ถล่มภูเขาล่มสมุทร พุ่งตรงไปยังเสี้ยวหน้าปลัดเขตปกครอง

ปลัดเขตปกครองไม่หลบหลีก มองสวี่ชิง ดวงตามีความผิดหวัง ส่งจิตเทพออกมา

“ไม่ผิดจากที่ข้าคิดเอาไว้เลย นิ้วเทพเจ้าในร่างของเจ้าก็คือไพ่ตายของเจ้านั่นเอง สวี่ชิง พลังบำเพ็ญของเจ้าไม่พอ การอำพรางที่เจ้าคิด ในสายตาของข้าเห็นได้อย่างชัดเจนมาตั้งนานแล้ว

“หากร่างเดิมของนิ้วนี้ปรากฏขึ้น ก็สามารถสะกดข้าได้จริงๆ แต่องค์ท่านถูกชื่อหมู่กลืนกินไปแล้ว น่าเสียดาย สวี่ชิง ข้าให้โอกาสเจ้า แต่เจ้าก็ยังล้มเหลว”

แสงสีทองของเสี้ยวหน้าปลัดเขตปกครองแผ่มา ก่อเป็นโครงร่าง ยกมือขวาขึ้นสะบัดไปยังท้องฟ้า ทันใดนั้นประกายแสงสีทองปะทุขึ้นมา แปรเปลี่ยนเป็นร่มสีทองคันใหญ่เหนือศีรษะเขา

ขณะที่สกัดกั้นพลังของโหวเหยาทั้งสามคน ปลัดเขตปกครองก็ยกมือขวาขึ้น กดไปทางนิ้วชี้ของสวี่ชิงที่มาถึง

สัมผัสในพริบตา

เสียงระเบิดเลื่อนลั่นดังก้อง ฝ่ามือของปลัดเขตปกครองที่กดมายังนิ้วของสวี่ชิงยากจะแบกรับ ระเบิดทันที

พลังของของนิ้วเทพเจ้าแข็งแกร่งทรงพลังเกินต้าน ประชิดเข้ามาในพริบตา แต่ในขณะเดียวกับที่มือรางเลือนของปลัดเขตปกครองแตกสลาย มือหยกขาวข้างหนึ่งก็ยื่นมาจากในร่างของปลัดเขตปกครอง แรกเริ่มเล็กมาก แต่ในพริบตาก็มีขนาดมหึมา คว้านิ้วของสวี่ชิงเอาไว้

ทันใดนั้นนิ้วเทพเจ้าสั่นระริก ไม่อาจเคลื่อนไปข้างหน้าได้อีกแม้เพียงเล็กน้อย และไม่อาจสลัดให้หลุดพ้นได้

พลังน่าหวาดกลัวกลุ่มหนึ่งปะทุมาจากมือหยกขาว มาตามนิ้วสะเทือนทั่วร่างสวี่ชิง

ในยามที่นิ้วเทพเจ้าตกใจโมโห ร่างเทพของสวี่ชิงเลือดเนื้อเหวอะหวะ เริ่มเน่าเปื่อย หลายแห่งแตกสลาย เลือดอาบย้อม เส้นสีทองจำนวนไม่น้อยขาดสะบั้น

ไม่รอให้สวี่ชิงเจ็บปวดหัวใจ นิ้วเทพเจ้าก็ชิงเจ็บปวดสุดขีดก่อน องค์ท่านท่ามกลางเสียงคำรามก็ปะทุพลังทั้งหมดออกมา คิดจะปกป้องร่างนี้ แต่ก็ทำได้แค่ชะลอเท่านั้น ไม่สามารถแก้ไขได้

สวี่ชิงเงียบนิ่งไม่พูดไม่จา

เห็นว่าอันตรายเต็มที ร่มคันใหญ่สีทองเหนือศีรษะปลัดเขตปกครองส่งเสียงดังลั่น

ภายใต้การลงมือจากโหวเหยา นายท่านเจ็ดและชิงฉิน ร่มสีทองคันนี้ก็ยากจะแบกรับเช่นกัน ระเบิดทันที

แต่มือใหญ่ข้างที่สองยื่นออกมาจาร่างของปลัดเขตปกครอง กดไปทางลูกศรของโหวเหยา พลังเทพของนายท่านเจ็ด และแสงของชิงฉินอีกครั้ง

ในยามที่เสียงดังสนั่นหวั่นไหวสะท้านฟ้า ปลัดเขตปกครองเมินข้างหลัง ในดวงตาของเขามีเพียงแค่สวี่ชิงเท่านั้นมาโดยตลอด

ตอนนี้ส่ายหน้า ดวงตามีความเสียดาย กำลังจะเอ่ยปาก สวี่ชิงกลับส่งเสียงขัดขึ้นมา

“ในที่สุดก็เข้าใกล้เจ้าได้แล้ว”

ปลัดเขตปกครองอึ้ง ในพริบตาที่รูม่านตาของดวงตาข้างเดียวบนเสี้ยวหน้าหดเล็ก สวี่ชิงบีบป้ายที่พิเศษมากๆ ป้ายหนึ่งที่อยู่กลางฝ่ามือซ้ายจนแหลกละเอียด!

ป้ายนี้มีประโยชน์เพียงอย่างเดียว นั่นก็คือส่งข้ามไปในพื้นที่ที่กำหนด

เนื่องจากเกี่ยวพันกับพื้นที่ที่ส่งข้าม ดังนั้นพลังของมันจึงสูงมาก อีกทั้งป้ายนี้เองก็เป็นของวิเศษ มีอยู่ไม่มาก

ชื่อของมันคือยันต์ห้วงวิญญาณ

สถานที่ส่งข้ามที่กำหนดชื่อว่าหุบเหววิญญาณ

ที่นั่นไม่มีเทพเจ้า ไม่มีจักรพรรดิมนุษย์ แต่กลับมีตัวตนที่คุณสมบัติสายเลือดสูงกว่าจักรพรรดิมนุษย์แห่งยุคมหาศาล เหนือกว่าเจ้าเหนือหัว

ตัวตนท่านผู้นี้เคยรวบรวมแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ทั้งแผ่นดินให้เป็นหนึ่ง ตอนที่เขาดำรงตำแหน่ง เสวียนโยวยังไม่ได้มรรคา ท้องฟ้ายังมีไม่มีเสี้ยวหน้าเทพเจ้า

กระทั่งว่าหลังจากที่เขาตายแล้ว แผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ตกอยู่ในห้วงสงครามหมื่นเผ่าปั่นป่วนอีกครั้ง ดังนั้นแล้วเผ่ามนุษย์ถึงได้ผงาดขึ้น มีจักรพรรดิโบราณเสวียนโยวในยุคหลัง

ท่านผู้นี้ก็คือจักรพรรดิวิญญาณบรรพกาลผู้นำเผ่าวิญญาณบรรพกาลรวบรวมแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ให้เป็นหนึ่งนั่นเอง!

โลกหุบเหววิญญาณก็คือสถานที่แห่งความตายที่เขานำพาสมาชิกในเผ่ามา ส่วนเขา…กำลังฟื้นคืน

ในตอนที่สวี่ชิงเห็นดวงตามหึมาข้างนั้นของจักรพรรดิวิญญาณบรรพกาล พลังกดดันที่นำมาให้เขาแม้จะไม่น่ากลัวขนาดชื่อหมู่แบบนั้น แต่ก็ไม่ด้อยไปกว่าเทพเจ้า กระทั่งว่ามีเค้ารางว่าแข็งแกร่งกว่าเทพเจ้าแดนต้องห้ามเซียนเล็กน้อย

นี่ถึงจะเป็นไพ่ตายของสวี่ชิง!

ทุกอย่างเมื่อก่อนหน้านี้ล้วนเป็นการอำพรางทั้งสิ้น เขาไม่เชื่อในสิ่งที่ปลัดเขตปกครองพูด ดังนั้นก่อนที่เขาจะสำแดงไพ่ตายก็จะต้องนำนิ้วเทพเจ้าออกมาก่อน ดึงดูดความสนใจของปลัดเขตปกครอง อีกทั้งดึงระยะห่างให้เข้ามาใกล้มากที่สุด

มีเพียงอีกฝ่ายคิดว่านั่นคือไพ่ตายของเขา ไพ่ตายถึงจะสำแดงออกมาได้

เขามีโอกาสเพียงครั้งเดียว

สวี่ชิงไม่ใช่หมอดู เขาไม่รู้แผนการของปลัดเขตปกครองหลังจากตัวเองเดินออกไป เขาทำได้เพียงวิเคราะห์พลังคร่าวๆ ของอีกฝ่าย แต่ไม่ว่าจะมีพลังแท้จริงเป็นเช่นไร ไพ่ตายใบนี้สามารถใช้ได้

เดิมสวี่ชิงคิดจะใช้ไพ่ตายใบนี้กับจื่อชิง

แต่ปลัดเขตปกครองไม่ใช่จื่อชิง สวี่ชิงเสียดายนิดๆ

ส่วนสุดท้ายแล้วจะได้ผลจริงๆ หรือไม่ สวี่ชิงก็ไม่รู้เหมือนกัน ไปเยือนหุบเหววิญญาณอีกครั้ง เผชิญหน้ากับจักรพรรดิวิญญาณบรรพกาลเขาจะไม่เป็นอะไรเหมือนครั้งที่แล้วหรือไม่ เขาก็ไม่มั่นใจ

แต่เขารู้สึกว่า ในเมื่อระหว่างเทพด้วยกันยังกลืนกินได้ ในเมื่อชื่อหมู่กลืนกินเทพเจ้าแดนต้องห้ามเซียนได้ เช่นนั้นจักรพรรดิวิญญาณบรรพกาลที่เหมือนกับเทพเจ้า ในขั้นตอนการฟื้นตื่นนี้ก็น่าจะอยากกลืนกินตัวตนที่สู้องค์ท่านไม่ได้ เพื่อเพิ่มความเร็วในการฟื้นคืน

อย่างไรเสีย จักรพรรดิวิญญาณบรรพกาลก็หิวมานานมากๆ…วิญญาณสมาชิกในเผ่าที่มาเป็นบางครั้งไม่อาจทำให้อิ่มท้องได้เลย เห็นได้ชัดว่าไม่มีคนให้อาหารสักเท่าไร

ความคิดเหล่านี้ก็คือสิ่งที่สวี่ชิงคิดไว้เมื่อก่อนหน้านี้ ตอนนี้ในพริบตาที่บีบป้ายแหลกละเอียด พลังดูดรุนแรงมหาศาลกลุ่มหนึ่งก็ปะทุมาจากกลางฝ่ามือของเขาทันที

และภูเขาเนื้อวังหลวงที่เขาเห็นดวงตาของจักรพรรดิวิญญาณบรรพกาลในตอนนั้นก็ผุดขึ้นมาในใจอย่างรวดเร็ว

ชายชราเจ้าของโรงเตี๊ยมถนนทองผุดตอนนั้นบอกวิธีการใช้ยันต์ห้วงวิญญาณให้กับเขา เคยบอกว่ามันสามารถกำหนดจุดหมายส่งข้ามไปได้

พลังดูดกลุ่มนี้เนื่องจากคุณสมบัติสายเลือด สวี่ชิงจึงไม่อาจขัดขืนได้ ส่วนทางปลัดเขตปกครองก็ไม่สามารถขัดขืนได้เช่นกัน

โดยเฉพาะมือหยกขาวของปลัดเขตปกครองที่กำลังคว้านิ้วเทพเจ้าที่สวี่ชิงเอามาเป็นเหยื่อล่อ

พวกเขาสัมผัสกัน

ดังนั้น เพียงพริบตา แรงดูดนี้ก็มีพวกเขาทั้งสองเป็นศูนย์กลาง แผ่ขยายออกไปข้างนอกเสียงดังสนั่นหวั่นไหว พลังมหาศาลเกินต้าน ฟ้าดินเปลี่ยนสี

ไอพลังประหลาดรอบๆ ถูกกำจัดไป ท้องฟ้ามีแสงสลัวกลับคืนมาอีกครั้ง ขณะที่แผ่นดินบิดเบี้ยวก็สะท้อนเงาภูเขา แม่น้ำ ออกมา และพลังดูดแข็งแกร่งมหาศาลก็พวยพุ่งขึ้นทั้งหมด ปะทุไม่รู้จบสิ้น

ปลัดเขตปกครองหน้าเปลี่ยนสี คิดจะถอยไปก็ไม่ทันแล้ว

เขามั่นใจในตัวเองเกินไป

จากการปกคลุมของพลังดูดในตอนนี้ คนทั้งสองที่อยู่ใจกลาง เงาร่างหายไปจากท้องฟ้าแท่นพิธีเขตปกครองหลวงทันที!

นายกองลมหายใจหอบถี่ มือทั้งสองประสานปางมืออย่างรวดเร็ว คล้ายว่ากำลังสัมผัสรับรู้

นายท่านเจ็ดสีหน้าเคร่งเครียด มองไปทางองค์ชายเจ็ดที่จนแล้วจนรอดก็ไม่ลงมืออะไรเลย

โหวเหยาสีหน้าตกใจเช่นกัน ชิงฉินคำราม

และที่นี่ ไม่มีต้นกำเนิดพลังที่แผ่ไอพลังประหลาด ความบิดเบี้ยวบนท้องฟ้ากำลังหายไปจากการจากไปของปลัดเขตปกครอง ความรางเลือนบนผืนดินกำลังเปลี่ยนแปลง การเปลี่ยนแปลงทั่วทั้งเขตปกครองผนึกสมุทรหยุดชะงัก

ตาข่ายที่แปรเปลี่ยนมาจากของวิเศษเวทต้องห้ามบนท้องฟ้ากะพริบไม่หยุด ขัดขวางวิญญาณที่ลงมาเยือนทุกตน ยิ่งมีหลายๆ คนที่ได้สติจากการเหม่อลอย เทือกเขาบรรพกาลที่ปรากฏในเขตปกครองผนึกสมุทรพวกนั้นต่างสั่นคลอน

แต่ทุกอย่างยังไม่จบ หุ่นเชิดสองตัวนั้นยังคงเป็นศัตรูตัวฉกาจเช่นเดิม นอกเสียจากปลัดเขตปกครองจะตาย การเชื่อมโยงกับพวกมันขาดสะบั้น ถึงจะสงบลงได้

องค์ชายเจ็ดเงยหน้า จ้องเพ่งหุ่นเชิดสองตัวนั้น

หากหุ่นเชิดสองตัวนี้เสียคำสั่งควบคุมเปลี่ยนมาสงบ เช่นนั้นก็จะเป็นเวลาที่เขาลงมือกอบกู้สถานการณ์

‘ใครจะเป็นผู้ชนะ ค่ายกลส่งข้ามที่สวี่ชิงสุดท้ายบีบแหลกนั่น พลังคุณสมบัติสายเลือดสูงมาก จะดูถูกไม่ได้’ องค์ชายเจ็ดพึมพำในใจ รอคอยต่อไป

ยังไม่มีบทสรุปที่แน่นอน เขาไม่มีทางวางเดิมพันไปฝั่งใดทั้งสิ้น

และในตอนนี้ ในโลกหุบเหววิญญาณที่มีวิญญาณเผ่าวิญญาณบรรพกาลนับไม่ถ้วน ทุกอย่างเงียบสงัด

ท้องฟ้าที่นี่มืดหม่น ผืนดินก็เช่นกัน

ไม่มีเสียงใดๆ ทั้งสิ้น โลกทั้งใบเหมือนมีแต่ภาพเท่านั้น

ท่ามกลางฟ้าดินกว้างไกลสุดลูกหูลูกตาจะเห็นวังหลวงแห่งหนึ่ง

รอบๆ มันมีวิญญาณร้ายนับไม่ถ้วนกำลังลอยวนล้อม

ในวังหลวงมีภูเขาเลือดเนื้อสูงใหญ่ลูกหนึ่ง ท้องฟ้าเหนือยอดเขามีดวงตามหึมาข้างหนึ่งลอยอยู่

วิญญาณสดใหม่จำนวนหนึ่งที่เซ่นไหว้สังเวยเอาไว้รอบๆ องค์ท่านกำลังแผ่เส้นวิญญาณเป็นระลอกๆ ขณะที่ผสานไปในดวงตามหึมา มังกรทองแต่ละตัวพันล้อมรอบๆ ก่อเป็นอักขระตัวแล้วตัวเล่า มาพร้อมกับเส้นวิญญาณเหล่านั้น ผสานไปในดวงตามหึมา

วิญญาณรอบๆ ประเดี๋ยวๆ ร่างทั้งร่างพลันหยุดชะงัก หันไปมองดวงตามหึมา ท่ามกลางความเงียบสงัด ก็ต่างหมอบคารวะ จากนั้นก็ลอยอีกครั้ง

บนพื้นมีโครงกระดูกนับไม่ถ้วน ทุกโครงล้วนเหี้ยมโหดอำมหิตนัก แผ่ความกระหายเลือดและความบ้าคลั่งออกมา แต่กลับยืนเงียบๆ ไม่ขยับเขยื้อน มีเพียงในตอนที่หมอบคารวะเท่านั้นถึงจะขยับ

ที่นี่ความจริงแล้วไม่ใช่วังหลวงเพียงที่เดียว

ที่ไกลจากนี้ วังหลวงประเภทนี้มีอีกไม่น้อย

เหนือวังหลวงทุกแห่งล้วนมีภูเขาเนื้อชุ่มเลือด ล้วนมีดวงตามหึมาที่เหมือนกันทุกประการ

แต่ตอนนี้ ในวังหลวงมากมายนี้ วังหลวงที่สวี่ชิงเคยมาเยี่ยมเยือนมีวิญญาณร้ายนับไม่ถ้วนวนล้อม ดวงตามหึมาที่ลอยอยู่บนภูเขาเลือดเนื้อพลันสะท้านเฮือก

ความสุขสงบคล้ายว่าถูกทำลาย ห้วงนิทราลึกคล้ายว่าถูกรบกวน

องค์ท่านพลันลืมตาขึ้นมา มองท้องฟ้าท้องฟ้าอย่างโมโหโกรธา จิตเทพที่ทรงพลังแข็งแกร่งจนคล้ายว่าท่วมจมฟ้าดินทำให้โลกวิญญาณบรรพกาลทั้งสั่นไหว พลันปะทุออกมาจากในดวงตามหึมาข้างนี้ กวาดมองไปบนผืนดิน

“ไอ้เด็กเวร เจ้ายังกล้ามาอีกหรือ!!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!