Skip to content

Outside Of Time 536

บทที่ 536 ไป๋เซียวจัว ปิดฉาก

จิตเทพที่แผ่ออกมา แม้จะมาจากแค่ที่วังจักรพรรดิที่สวี่ชิงเคยไปครั้งนั้น แต่อันที่จริงในตอนนี้ ดวงตายักษ์วังจักรพรรดิทั้งโลกวิญญาณบรรพกาลเปลือกตากระตุกเล็กน้อย

ความจริงคือ…นับตั้งแต่ที่ดวงชะตาแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ย้อนกลับทำลายชนเผ่า หลังจากพาคนในเผ่าหลบซ่อนตัวในที่แห่งนี้และยังถูกคำสาป จักรพรรดิวิญญาณโบราณที่อยากจะคืนชีพอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ไม่มีทุกอย่างเหมือนดังเคย จึงคับข้องใจอย่างยิ่ง

ด้วยกายทิพย์ขององค์ท่าน ด้วยความรุ่งโรจน์ในอดีตขององค์ท่าน ตอนนั้นที่ตะโกนคำว่าไสหัวไปเดี๋ยวนี้ออกมา ก็นึกภาพระลอกคลื่นในใจของเขาได้

ถึงอย่างไรในสายตาองค์ท่าน สวี่ชิงก็ประหนึ่งมดปลวก และมดปลวกเช่นนี้กลับใช้สัญลักษณ์ของชื่อหมู่ข่มขู่ตน ยังไม่พูดเรื่องที่ฉกชิงวิญญาณบูชาเซ่นไหว้ไป ยังจะรีดไถดวงชะตาวิญญาณบรรพกาลอีกสายหนึ่งด้วย

โอหังกำเริบ ไม่เคารพเช่นนี้ หลังจากให้สวี่ชิงออกไป ทำให้องค์ท่านต้องใช้เวลาหลายเดือนถึงค่อยๆ สงบลงได้

แต่ตอนนี้ อีกฝ่ายยังกล้ากลับมาอีก!

ต่อให้จักรพรรดิวิญญาณบรรพกาลไม่ได้รุ่งโรจน์เช่นตอนนั้น การคืนชีพหลังจากดับสูญทำให้สูญเสียความสามารถในการวิเคราะห์อย่างถี่ถ้วน เล่ห์เหลี่ยมก็ไม่ได้มากมายอย่างเคย เนื่องจากใคร่ครวญได้เชื่องช้าทำให้ตื้นเขินมากขึ้น

แต่ความหยิ่งทะนงขององค์ท่านยังคงอยู่ กายทิพย์ขององค์ท่านยังคงเป็นจักรพรรดิโบราณที่เคยรวมต้องประสงค์ให้เป็นหนึ่ง

เมื่อเสวียนโยวอยู่ต่อหน้าองค์ท่าน ล้วนเป็นชนรุ่นหลังทั้งสิ้น

ดังนั้น กลิ่นอายคุ้นเคยมาอยู่อีกครั้ง ปฏิกิริยาแรกขององค์ท่านจึงเป็นโทสะ ตอนนี้ท้องฟ้าแผ่นดินใหญ่จักรพรรดิวิญญาณบรรพกาลก็เปลี่ยนแปลงไปจากการที่จิตเทพปะทุขึ้น

บนท้องฟ้า วิญญาณทั้งหมดเงยหน้าขึ้น สัมผัสความพิโรธของจักรพรรดิได้ พวกมันจึงร้องคำราม กลายเป็นคลื่นเสียงน่าครั่นคร้ามขึ้นมา

บนพื้นดิน โครงกระดูกทั้งหมดแผ่จิตสังหาร ชูดาบกระดูกขึ้น

แม่น้ำยมโลกโหมซัด สัตว์ตัวมหึมาหลายร่างพุ่งขึ้นมา เมฆหมอกบนท้องฟ้าก็ตีเกลียวราวกับมหาสมุทร ธงสีดำโบกสะบัด กองทัพทหารเกรียงไกรปรากฏจากความว่างเปล่า

ขณะที่จิตปฏิปักษ์ซึ่งมาจากทั้งโลกวิญญาณบรรพกาลน่าครั่นคร้าม คลื่นวนขนาดยักษ์ปรากฏขึ้นเหนือภูเขาเลือดเนื้อวังจักรพรรดิที่สวี่ชิงเคยไปมา

ตรงนั้น คือที่ที่เขาส่งหลิงเอ๋อร์ออกไปตอนนั้น หรือก็คือเบื้องหน้าดวงตายักษ์จักรพรรดิวิญญาณบรรพกาลที่ลื่มตื่นอยู่

ในคลื่นวน มีเสียงดังครืนคันดังออกมา ร่างเงาสองร่างปรากฏขึ้น

หนึ่งใหญ่หนึ่งเล็ก หนึ่งอยู่ด้านซ้ายหนึ่งอยู่ด้านขวา

ตัวใหญ่สูงสามสิบจั้ง ตัวเล็กที่เป็นคนขนาดปกติกลับจับนิ้วโป้งของคนตัวใหญ่ไว้ ทั้งสองคนดูสนิทสนมกันยิ่ง จูงมือกันในคลื่นวนค่อยๆ ชัดเป็นรูปเป็นร่าง!

“พาผู้ช่วยมาด้วยรึ”

จักรพรรดิวิญญาณบรรพกาลโมโหระคนตกใจเป็นอย่างยิ่ง ดวงตายักษ์เบิกกว้างขึ้นทันที แววตาสีทองทำให้ฟ้าดินสว่างไสวไปหมด

รอบด้านบิดเบี้ยวเลือนราง ยิ่งมีไอพลังประหลาดพิเศษแผ่ซ่าน ทำให้พลังที่มาจากภายนอกทั้งหมดสลายไป ถูกสะกดสยบทั้งสิ้น

ยิ่งมีอำนาจเทพที่ปะทุออกมาจากแววตาจักรพรรดิวิญญาณบรรพกาลดวงนี้ด้วย

อำนาจเทพขององค์ท่าน ทำให้คนที่เป็นปฏิปักษ์กับเขา หลังจากได้รับบาดเจ็บ อาการก็ยิ่งแย่ลงสิบเท่า!

บาดเจ็บเล็กน้อยกลายเป็นบาดเจ็บสาหัส บาดเจ็บสาหัสกลายเป็นความตาย!

ร่างสองร่างที่ปรากฏในคลื่นวน ยังไม่ทันชัดเจนดีก็สั่นเทิ้มไปหมด ได้รับผลกระทบจากอำนาจเทพอย่างเห็นได้ชัด

ทางขวา ร่างเทพเจ้าแหลกสลายไปกว่าครึ่ง

ทางซ้าย ร่างเลือนราง สลายไปเหมือนถูกลบเลือน เผยเสี้ยวหน้าออกมา

หลังจากสัมผัสไปรอบด้าน สีหน้าของเสี้ยวหน้านี้ก็เปลี่ยนไปอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน กระทั่งบิดเบี้ยวไปหมด และสีหน้าเช่นนี้ ปรากฏขึ้นครั้งแรกบนเสี้ยวหน้าปลัดเขตปกครองอีกด้วย

ต่อให้เขาถูกเปิดโปงทั้งหมดก่อนหน้านี้ ก็ยังไม่ถึงขั้นสีหน้าเป็นเช่นตอนนี้

เขาไม่อาจสีหน้าเรียบเฉย ไม่อาจนิ่งสงบได้ เพราะ…เขาเห็นดวงตายักษ์แล้ว และสัมผัสกายทิพย์น่าตกตะลึงจากร่างของอีกฝ่ายที่แผ่ออกมา

แม้จะสู้ชื่อหมู่ไม่ได้ แต่ก็เหนือกว่าเทพเจ้าแดนต้องห้ามเซียน กระทั่งพูดได้ว่าดวงตายักษ์เบื้องหน้านี้ก็คือเทพเจ้า

และฐานะของอีกฝ่าย เขาก็คาดเดาได้จากที่นี่

“จักรพรรดิวิญญาณบรรพกาล?!”

จะอย่างไรเขาก็คิดไม่ถึงว่าไม้ตายของสวี่ชิงจะเป็นจักรพรรดิวิญญาณบรรพกาล!

สิ่งนี้เกินกว่าที่เขาคาดการณ์ไว้ เกินกว่าที่เขาจะสัมผัสรับรู้ จักรพรรดิวิญญาณบรรพกาลซ่อนตัวลึกลับได้เกินไป ถ้าไม่ใช่เรื่องของหลิงเอ๋อร์ สวี่ชิงก็คงไม่มีทางรู้

ดังนั้นตอนนี้ ใจปลัดเขตปกครองจึงสั่นสะท้านรุนแรง เขาไม่ลังเลแม้แต่น้อย ถอยหลังไปทันที ทั่วร่างเปล่งแสงสีทองวูบวาบ คิดจะส่งข้ามหวนกลับไป หนีออกจากที่ที่น่ากลัวนี้

แต่มีหรือที่สวี่ชิงจะยอมให้เขาสมปรารถนา!

แทบจะพริบตาที่เสี้ยวหน้าปลัดเขตปกครองคิดจะหลบหนี สวี่ชิงก็ค้อมตัวลงหน้าจักรพรรดิวิญญาณบรรพกาลขณะที่รู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวราวกับคลื่นน้ำกระหน่ำซัดแผ่ลามในใจและร่างที่แหลกสลายย่อยยับไปแล้วกว่าครึ่ง

“จักรพรรดิวิญญาณบรรพกาลผู้ยิ่งใหญ่ ผู้เยาว์มาถวายอาหารแด่ท่าน นี่คือดอกเบี้ยงวดแรกของดวงชะตาวิญญาณบรรพกาล หลังจากท่านย่อยแล้ว ข้าจะเข้ามาส่งดอกเบี้ยงวดที่สองให้ท่าน!”

“ดอกเบี้ย?”

จักรพรรดิวิญญาณบรรพกาลตกตะลึง จากนั้นก็พลันเบิกตากว้าง ละสายตาจากร่างสวี่ชิง มองเสี้ยวหน้าปลัดเขตปกครองที่คิดจะหลบหนี

ความสนใจก่อนหน้านี้ของเขาล้วนอยู่ที่ร่างสวี่ชิง ตอนนี้หลังจากจ้องไปที่ปลัดเขตปกครอง เสียงหัวใจเต้นราวกับสายอัสนี ดังขึ้นมาจากใต้ดินโลกวิญญาณบรรพกาลฉับพลัน

ตึกตัก ตึกตัก!

แม่น้ำยมโลกคลอนไหวราวกับเป็นสิ่งที่แปรมาจากน้ำลายของจักรพรรดิวิญญาณบรรพกาล จู่ๆ ก็เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว ตีเกลียวออกไปด้านนอกทั้งสี่ทิศ จากนั้นก็สลายหายไปเป็นวงกว้าง

เสียงกลืนน้ำลาย มาพร้อมกับความน่าหวาดหวั่นทำให้รู้สึกหนังศีรษะชาหนึบ อัดแน่นไปทั่วสารทิศ

ปลัดเขตปกครองตื่นตระหนกระคนโมโห ระเบิดแสงสีทองเพิ่มความเร็วในการหลบหนีสุดกำลังอย่างไม่เสียดาย จนเสี้ยวหน้าของตนเองปรากฏรอยปริแตก

สวี่ชิงก็ถูกผลกระทบของแสงสีทองเช่นกัน ร่างแหลกสลายอีกครั้ง นิ้วเทพเจ้าในร่างร้องโอดครวญ ต้านทานสุดกำลัง คิดจะฟื้นฟูร่างกายนี้!

ขณะเดียวกัน ปลัดเขตปกครองก็เปล่งแสงสีทองเจิดจ้าจนกลายเป็นหนามแหลม พุ่งเข้าไปในคลื่นวน คิดจะทวนกระแส เปิดทางเส้นหนึ่ง พุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว

ทว่า…สภาวะของปลัดเขตปกครองตอนนี้ สำหรับชื่อหมู่ถือเป็นอาหารอันโอชะ ไม่ต้องพูดถึงจักรพรรดิวิญญาณบรรพกาลที่หิวโหยมาหลายปี ปกติทำได้แค่ดูดกลืนจิตวิญญาณคนในเผ่าที่ร่วงหล่นลงมาโดยบังเอิญเลย

บนพื้นดิน แม่น้ำยมโลกโหมซัด น้ำลายเหมือนจะหลั่งไหลออกมามากเกินไปไม่อาจจนกลืนลงไปหมด ทำให้แม่น้ำยมโลกเปลี่ยนเป็นทั้งกว้างใหญ่ และยังโหมขึ้นมา พุ่งเข้าไปในคลื่นวน

จักรพรรดิวิญญาณบรรพกาล โหยหิวเกินไป

ดวงตาของเขาเผยแสงแรงกล้า ทำให้ฟ้าดินเปลี่ยนสี

ส่วนทางออกของปลัดเขตปกครองก็สลายไปในพริบตาด้วยสายตาของจักรพรรดิวิญญาณบรรพกาล แม่น้ำยมโลกโหมบ่าเข้าไปแทนที่ ท่วมทับปลัดเขตปกครอง

ปลายสายแม่น้ำยมโลกมีเสียงกลืนกินดังมา เสียงนี้ทำให้รู้สึกหวาดผวา ในนั้นแฝงความละโมบโลภมาก ความตื่นเต้น ความปรารถนา กลายเป็นดูดดึง จะกลืนกินปลัดเขตปกครองที่เป็นอาหารรสเลิศนี้ลงไป

เมื่อเห็นว่าร่างกายตนถูกดูดดึงลงไปยังส่วนลึกของแม่น้ำยมโลก เสี้ยวหน้าปลัดเขตปกครองก็เปล่งแสงวูบวาบ มีแขนหยกขาวยักษ์สองข้างปรากฏออกมา ฉีกทึ้งรอบๆ อย่างรุนแรง

ท่ามกลางการไหลผ่านไปของกาลเวลา แรงดึงดูดของแม่น้ำยมโลกหยุดชะงักชั่วครู่ และเขาก็ใช้โอกาสนี้หลบหนีอีกครั้ง

ตอนนี้เอง จิตเทพที่กว้างใหญ่ไพศาลก็สะท้อนก้องในโลกวิญญาณบรรพกาล

“โลกของข้า ไร้ซึ่งกาลเวลา”

จิตเทพนี้แฝงอำนาจเทพเอาไว้ ยิ่งมีความเผด็จการอย่างไม่ต้องสงสัย แม่น้ำยมโลกกลับคืนเป็นปกติในพริบตา ตอนที่เกิดแรงดึงดูดขึ้นอีกครั้ง เสี้ยวหน้าปลัดเขตปกครองก็แบกรับไม่ไหว เสียเปรี๊ยะดังออกมา ปรากฏขึ้นรอยแยกทางหนึ่ง

แขนหยกขาวสองข้างที่จำแลงออกมาของเขาเริ่มแตกเป็นเสี่ยงๆ ร่วงสู่แม่น้ำยมโลก ราวถูกกลืนกิน

เมื่อเห็นเช่นนี้ ปลัดเขตปกครองก็ส่งเสียงกรีดร้อง ต่อให้ร่างเสี้ยวหน้าของตนจะปรากฏรอยร้าวขึ้นอีกหน แต่ก็ยังเปล่งแสงสีทองออกมาสุดกำลัง

เขาทุ่มทั้งหมดแล้ว ขณะที่แสงนี้แผ่ลามออกไป เห็นด้านบนเสี้ยวหน้ามีรูปสลักปรากฏขึ้นมาอย่างเลือนรางด้วย

ความจริงรูปสลักนี้คงอยู่มาตลอด เพียงแต่ก่อนหน้านี้ไม่มีใครสามารถมองเห็นได้ ตอนนี้ด้วยการสะกดของจักรพรรดิวิญญาณโบราณ มันจึงปรากฏออกมา

รูปสลัก เป็นภาพภาพหนึ่ง ในภาพสื่อถึงเขตปกครองผนึกสมุทรในยุคโบราณกาล

ภูมิประเทศเป็นเช่นเดียวกับลักษณะของโลกภายนอกที่ถูกเปลี่ยนแปลงไปไม่ผิดเพี้ยน

ที่นี่ ถึงจะเป็นแก่นสำคัญที่ปลัดเขตปกครองปูทางกลับมาจากห้วงบรรพกาล

ในตอนนั้นก่อนที่เขาจะตาย หลังจากสังหารประชาชนทั้งหมด เขาก็ใช้เลือดของพวกเขาสลักขึ้นมา!

บัดนี้ปรากฏขน สะท้อนเข้าไปในทะเลแสง

ในขณะที่คลื่นโหมสาดซัดเป็นวงกว้าง เขตปกครองผนึกสมุทรในยุคที่รัฐม่วงครามรุ่งโรจน์ ก็ราวกับเป็นภาพลวงตา

นี่ไม่ใช่พลังกาลเวลาที่บริสุทธิ์ นี่คือแผนการที่ปลัดเขตปกครองใช้ก่อนหน้านี้ ดึงช่วงเวลาหนึ่งออกมาจากแม่น้ำกาลเวลา ผสานกับเขตปกครองผนึกสมุทรในโลกภายนอก กระตุ้นรูปสลักบนใบหน้าตนจนกลายเป็นการกลับมาจากห้วงบรรพกาล

สนับสนุนมัน สะกดไปทางแม่น้ำยมโลก

แม่น้ำยมโลกโหมคลื่น ปรากฏเค้าลางว่าจะถูกตัดขาด ยิ่งมีความเหือดแห้ง น้ำในแม่น้ำลดลงอย่างเห็นได้ด้วยตาเนื้อ

เขตปกครองผนึกสมุทรในสมัยก่อน ปรากฏขึ้นในแสงสีทองเวลานี้ ราวกับจะมาเยือนโลกวิญญาณบรรพกาล และใช้สิ่งนี้อุดปากของจักรพรรดิวิญญาณบรรพกาล เพิ่มโอกาสหนีให้ปลัดเขตปกครอง

“ที่นี่ ทุกสิ่งเป็นอาหาร”

จิตเทพราบเรียบ แผ่ไปรอบทิศ ยิ่งมาพร้อมความคล้ายคลึงกับราชโองการ สื่อไปทางทะเลแสง

วินาทีถัดมาเขตปกครองผนึกสมุทรโบราณในทะเลแสง ก็ไม่อาจรักษาความชัดเจนไว้ได้ เริ่มสลัวเลือนราง

แม่น้ำสายใหญ่ในนั้นพังทลาย ภูเขาถล่มทรุด ขณะที่ส่งเสียงครืนครัน วิญญาณร้ายบรรพกาลนับไม่ถ้วนที่อยู่รอบๆ ก็พุ่งหวีดหวิวมาพร้อมความละโมบและบ้าคลั่ง

พุ่งไปที่ทะเลแสงอย่างไม่กลัวว่าจะเป็นหรือตาย ไม่ว่าปลัดเขตปกครองจะปะทุ จะทำลายล้างอย่างไร ก็ไม่มีประโยชน์ จำนวนของวิญญาณร้ายมากเกินไป

พวกมันพุ่งเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง ปกคลุมทะเลแสง โหมบ่าเข้าไปในภาพเขตปกครองผนึกสมุทรโบราณขณะที่กำลังแตกละเอียด ภาพเดียวกับที่เขตปกครองผนึกสมุทรโลกภายนอกได้พบเจอก่อนหน้านี้ไม่ผิดเพี้ยน

วงจรมรรคาสวรรค์ ตอนนี้ก็เหมือนโคจรไปรอบหนึ่งแล้ว

หลังจากที่วิญญาณร้ายบรรพกาลเหล่านั้นทะลวงเข้าไป ก็เริ่มกลืนกิน

จะแผ่นดินก็ดี บนท้องฟ้าก็ดี สรรพชีวิตและสรรพสิ่ง ล้วนเป็นเป้าหมายการกลืนกินของพวกมัน

เพราะจักรพรรดิบอกกับพวกมันว่า สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นอาหาร!

แม่น้ำยมโลกตีเกลียว แรงดึงดูดเพิ่มมากขึ้น

ปลัดเขตปกครองมองทั้งหมดนี้ ถอนใจออกมาเสียงหนึ่ง

เสี้ยวหน้าของเขาปริแตกออกมาจากการถอนหายใจชิ้นหนึ่ง รูปร่างไม่สมประกอบ หลังจากหลุดร่วงลงมา ก็กลายเป็นแสงสีทองสายหนึ่งพุ่งไปยังท้องฟ้าที่มัวหมอง

ชั่วพริบตา แสงสีทองนี้ก็แหวกท้องฟ้า หลังจากสลายไป ฟ้าดินก็สั่นสะเทือน ส่งเสียงเปรี๊ยะดังสนั่น แสงสีทองผืนหนึ่งเจิดจ้าที่เส้นขอบฟ้า ท้องนภามีปลายกระบี่เล่มหนึ่งปรากฏขึ้น

กระบี่สีทองเล่มนี้ราวกับทะลวงมาจากด้านนอกแผ่นฟ้า ผ่าท้องนภา พุ่งครืนครันมายังแผ่นดินใหญ่

ลงมาที่ยอดเขาแห่งหนึ่งบนพื้นในโลกวิญญาณบรรพกาล

ยอดเขาพังถล่ม มีเพียงกระบี่สีทองหมื่นจั้งที่ตั้งตระหง่าน กลายเป็นจุดสนใจ

พื้นดินโหมลมคลั่ง วิญญาณร้ายนับไม่ถ้วนเปล่งคำราม จักรพรรดิวิญญาณบรรพกาลไม่ได้สกัดทัดทาน

ไม่นานนัก เสี้ยวหน้าปลัดเขตปกครองก็มีชิ้นที่สอง ชิ้นที่สาม ชิ้นทีสี่…หลุดร่วงลงมา

พวกมันทั้งหมดลอยขึ้นไปกลางอากาศ เสียงม่านฟ้าพังทลายดังขึ้นไม่หยุด กระบี่สีทองหมื่นจั้งเล่มที่สองก็ร่วงลงมาจากฟ้าราวสายอัสนีฟาด หลังจากปักลงบนผืนแผ่นดิน เล่มที่สามสี่ห้าก็ร่วงลงมาทั้งหมด

ขณะที่เศษเสี้ยวหน้าปลัดเขตปกครองหลุดร่วงลงมาเรื่อยๆ จวบจนกลายเป็นชิ้นๆ ก็ลอยขึ้นกลางอากาศพร้อมกัน

ทั้งหมดสามสิบสามชิ้น กลายเป็นกระบี่สามสิบสามเล่ม

ผืนฟ้าสั่นไหว ปักลงมาบนผืนแผ่นดินไม่ขาดสาย

ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในชั่วพริบตา ฟ้าดินจืดจางลงอย่างรวดเร็ว กระบี่ขนาดใหญ่สามสิบสามเล่มปักเป็นวงกลม ครอบคลุมพื้นที่นับหมื่นจั้ง จุดศูนย์กลางคือจุดที่เสี้ยวหน้าปลัดเขตปกครองแตกเป็นชิ้นๆ

กระบี่สามสิบสามเล่มนี้ต่างเปล่งแสงสีทองเจิดจ้า กลายเป็นสายใยสีทอง ถักทอกันขึ้นมา

กลายเป็นค่ายกลชั้นยอดค่ายหนึ่ง

ในค่ายกล กระบี่ขนาดใหญ่สามสิบสามเล่มส่งเสียงครืนครัน กาลเวลาในบริเวณหมื่นลี้ราวกับย้อนกลับมาอีกครั้ง แม่น้ำยมโลกหยุดหลั่งไหล ร่างเงาร่างหนึ่งก่อตัวขึ้นใหม่จากความว่างเปล่าในจุดที่ปลัดเขตปกครองหายไป

ไม่ใช่รูปร่างเสี้ยวหน้าเทพเจ้าอีกต่อไป แต่ฟื้นฟูกลับมาเป็นร่างมนุษย์

อีกทั้งดูเด็กลงมาก เสื้อผ้าอาวรณ์ก็ไม่ใช่รูปแบบปัจจุบัน

ปักเย็บรูปแบบโบราณ

ราวกับว่า ที่ปรากฏตัวขึ้นตอนนี้ไม่ใช่ปลัดเขตปกครอง แต่เป็นเจ้าเขตปกครองผนึกสมุทรของรัฐม่วงครามในอดีต ร่างที่แท้จริงของไป๋เซียวจัว

เขายืนอยู่ระหว่างฟ้าดิน ยืนอยู่ท่ามกลางกระบี่สามสิบสามเล่ม จ้องมองผืนดิน มองดวงตาขนาดยักษ์ของจักรพรรดิวิญญาณบรรพกาลที่จ้องมองตนมาตลอด สีหน้าเจือแววเปลี่ยวเหงา คารวะไปทางดวงตายักษ์ครั้งหนึ่ง

“ขุนนางรัฐม่วงครามในกาลก่อน คารวะจักรพรรดิวิญญาณบรรพกาล

“ในเมื่อพระองค์ไม่ยอมให้กระหม่อมหนีออกไป หมายมาดจักกลืนกินกระหม่อมให้ได้ เช่นนั้นกระหม่อมก็ทำได้เพียงใช้วิธีการจากโลกภายนอกกับที่นี่แล้ว”

ดวงตายักษ์จักรพรรดิวิญญาณบรรพกาลเฉยชา แต่ส่วนลึกกลับมีประกายหม่น เมื่อพาดผ่านก็หายไป

ไป๋เซียวจัวชี้สวี่ชิงบนพื้นดิน

“จักรพรรดิวิญญาณบรรพกาล ข้าจะเปิดประตูกาฬกาลกิณี ทำให้กาฬกาลกิณีกับโลกวิญญาณบรรพกาลของท่านเชื่อมถึงกัน ผลที่ตามมาทั้งหมด มหันตภัยทั้งหมด มิใช่ความปรารถนาของข้า แต่ล้วนเป็นสิ่งที่เด็กคนนี้ถวายให้”

สวี่ชิงในแม่น้ำยมโลก ขณะที่ถูกปกป้อง เดิมขณะที่ถูกดูดดึงก็พัดม้วนเข้าไปยังส่วนลึกแม่น้ำยมโลกที่เสียงเคี้ยวดังออกมาอย่างไม่อาจควบคุมได้ ร่างของเขาก็หยุดชะงักอีกครั้งจากการที่แม่น้ำยมโลกหยุดหลั่งไหลในตอนนี้เช่นกัน

แต่เขาก็ยังอยู่ในท่าโค้งคารวะตั้งแต่ต้นจนจบ

ไม่ต่อต้าน เคารพอย่างสุดซึ้ง

ต่อให้ตอนนี้จะถูกไป๋เซียวจัวชี้ เขาก็ไม่เงยหน้าขึ้น ยังคงเป็นเช่นเดิม

ต่อให้เจตนาที่แฝงอยู่ในคำพูดของไป๋เซียวจัวจะคล้ายกับวิธีที่เขาเคยทำ สวี่ชิงก็ไม่หวั่นไหวแม้แต่น้อย เมื่อพาอีกฝ่ายเข้ามาที่นี่ และหลังจากแสดงเจตนาที่มา สวี่ชิงรู้ดีว่าตนควบคุมทุกอย่างไม่ได้อีกต่อไปแล้ว

เขา ทุ่มสุดตัวแล้ว

ดังนั้นสวี่ชิงจึงก้มหน้า หลับตา ไม่สนใจ

จักรพรรดิวิญญาณโบราณก็ไม่สนใจ องค์ท่านเพียงแค่มองปลัดเขตปกครอง เสียงกลืนน้ำลายเดี๋ยวชัดเดี๋ยวเลือนอยู่รอบด้าน

ไป๋เซียวจัวเงียบนิ่ง รู้สึกกระวนกระวายขึ้นมา

แต่ไม่ว่าอย่างไร เขาก็ต้องลองดู จึงยกสองมือขึ้นฟ้า ส่งเสียงร่ายคาถาออกมา

“ใช้กรรมของข้า เชื่อมโยงกาฬกาลกิณี พสกนิกรของข้า…จงหวนคืน!”

เมื่อเขาเปล่งเสียงออกมา จู่ๆ ม่านฟ้าชั้นที่สองบนท้องฟ้าเขตปกครองผนึกสมุทรนอกโลกวิญญาณบรรพกาลที่ถูกตาข่ายยักษ์สีทองฝืนต้านทานไว้ก็สั่นไหว

ขณะที่เทือกเขาบรรพกาลบนแผ่นดินใหญ่ถล่มลงมาเรื่อยๆ จู่ๆ ม่านฟ้าชั้นนั้นก็สลายหายไปท่ามกลางความหวาดกลัวและตกตะลึงของเหล่าสรรพชีวิตหลังจากที่ฟื้นคืนกลับมาในเขตปกครองผนึกสมุทร วิญญาณร้ายที่พุ่งออกมาจากในนั้นก็หวนกลับคืนเป็นจำนวนมาก

พริบตานั้น ม่านฟ้าชั้นที่สองก็หายไป

ต่อมา ส่วนลึกของหุบเหววิญญาณ ซากงูขนาดยักษ์ซึ่งแบกโลกวิญญาณบรรพกาลที่สวี่ชิงเคยเห็นในพื้นที่ว่างเปล่าครั้งนั้น จู่ๆ ก็ปรากฏคลื่นวนขนาดมโหฬารขึ้นมา

การหมุนวนครืนครันของคลื่นวนนี้ทรงพลังอย่างยิ่ง ราวกับวาดม่านฟ้าชั้นที่สองในโลกภายนอกที่กำลังหายไป

ตอนนี้ ที่นี่ มันแผ่ขยายออกไป

งูยักษ์สั่นคลอน

ในม่านฟ้าชั้นที่สองมีเสียงคำรามนับไม่ถ้วนดังออกมา วิญญาณจำนวนมากพุ่งออกมาจากด้านใน และที่นี่ไม่มีกลิ่นอายของแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์คอยรบกวน วิญญาณของรัฐม่วงครามเหล่านี้จึงมาเยือนได้อย่างราบรื่น พุ่งไปหางูยักษ์

แต่พริบตาที่พวกมันไปถึง

จู่ๆ งูยักษ์ตัวนั้นก็ลืมตา แววตาไร้ประกาย ขาวโพลนไปหมด ร่างพลันเลื้อยขยับ แผ่พลานุภาพที่น่าตื่นตะลึง แบกโลกวิญญาณบรรพกาลไว้บนศีรษะ กระแทกไปที่คลื่นวนอย่างจัง

สองฝ่ายปะทะกันในพริบตา ไม่มีเสียงครืนครัน ไม่มีคลื่นพลังใด

มีแค่การพังทลายที่ไร้ซุ่มเสียง

งูยักษ์แตกสลาย โลกวิญญาณบรรพกาลเหนือศีรษะของมันพังทลาย

และสิ่งที่พังทลาย ยังมีคลื่นวนม่านฟ้าชั้นที่สองรวมถึงวิญญาณราษฎรรัฐม่วงครามจำนวนนับไม่ถ้วนที่เสียชีวิตกระจัดกระจายออกมาจากด้านใน นอกจากนี้ยังรวมถึงดินแดนกาฬกาลกิณีที่อยู่ในคลื่นวนส่วนหนึ่งด้วย

เหมือนฟองอากาศที่แตก สูญสลายไปในพื้นที่ว่างเปล่า

ไม่ฟื้นคืนกลับมาอีก

และตอนนี้ ในโลกวิญญาณบรรพกาล เหนืออาณาบริเวณหมื่นลี้ที่เกิดจากกระบี่ใหญ่สีทองสามสิบสามเล่ม บนท้องฟ้าไม่มีอะไรปรากฏออกมา

สวี่ชิงไม่รู้สึกแปลกใจ

ในดวงตายักษ์ของจักรพรรดิวิญญาณบรรพกาลเพียงแค่เปล่งแสงหม่นออกมาเล็กน้อย ไร้ระลอกคลื่น

ปลัดเขตปกครองเงียบนิ่ง เขาเงยหน้ามองท้องฟ้าที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด สัมผัสได้ว่าการอัญเชิญของตนล้มเหลว ขณะเดียวกันก็สัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดที่ทิ่มแทงดวงใจ

ขณะที่เขารู้สึกคลุมเครือไม่ชัดเจน ราวกับเห็นพสกนิกรนับไม่ถ้วนของตนกำลังกรีดร้อง กำลังสูญสิ้ย

หลังจากผ่านไปหลายอึดใจ ทั้งตัวเขาก็เหมือนแก่ชราลงมาก ก้มหน้ามองสวี่ชิง ถอนหายใจแผ่วเบา

“ก่อนหน้านี้เจ้าก็เคยใช้วิธีการเช่นนี้หรือ”

สวี่ชิงมองปลัดเขตปกครอง พยักหน้า

ก่อนที่อีกฝ่ายจะสำแดงเคล็ดวิชานี้ สวี่ชิงก็คาดการณ์ไว้แล้ว เขาไม่เชื่อว่าจักรพรรดิวิญญาณบรรพกาลจะไม่อุดช่องโหว่นี้หลังจากที่เคยโดนตนข่มขู่ไปแล้ว

ส่วนขจัดอย่างไร สวี่ชิงไม่รู้ แต่จะต้องเกี่ยวข้องกับการซ่อนเร้นเป็นแน่

และสีหน้าของปลัดเขตปกครองก็ทำให้สวี่ชิงเดาวิธีของจักรพรรดิวิญญาณบรรพกาลได้ นอกจากการซ่อนเร้นโลกวิญญาณบรรพกาลแล้ว น่าจะยังหาวิธีโต้กลับเอาไว้

ตอนนี้กระบี่ขนาดใหญ่สีทองสามสิบสามเล่มเริ่มหม่นแสง แม่น้ำยมโลกที่ถูกสะกดไว้ก็เริ่มตีเกลียว พลังกลืนกินปะทุขึ้นอีกครั้ง

เมื่อเห็นสิ่งเหล่านี้ ปลัดเขตปกครองก็สีหน้าฝืดเฝื่อน

แผนการทั้งหมดของเขา การเตรียมการทั้งหมด ตอนนี้ไม่มีประโยชน์เลย

สิ่งที่เขาสัมผัสได้ในตอนนี้ ก็เหมือนกับที่เทพเจ้าแดนต้องห้ามเซียนพบกับชื่อหมู่

ส่วนตัวแปรทั้งหมด ต้นกำเนิด…ล้วนมาจากสวี่ชิง

ปลัดเขตปกครองจึงหันหน้าไปมองสวี่ชิงอย่างล้ำลึกผาดหนึ่ง สีหน้าเปลี่ยนจากฝืดเฝื่อนเป็นเยือกเย็น

“ข้าแพ้แล้ว”

เขาเอ่ยเสียงแผ่ว ไม่คิดจะลองอัญเชิญเสี้ยวหน้าเทพเจ้า เขารู้ว่าไม่มีความหมาย อีกฝ่ายไม่มีทางลืมตาเพื่อตนแน่นอน การแลกเปลี่ยนเสร็จสิ้นไปในตอนที่ตนตื่นขึ้นมาแล้ว

เขาไม่ได้พยายามจะใช้วิธีของตนเพื่อขอความช่วยเหลือจากองค์รัชทายาทม่วงครามเช่นกัน

เพราะเขาแพ้แล้ว ผิดต่อนายท่าน ไม่มีหน้าไปพบ และเอ่ยปากขอความช่วยเหลือไม่ออก ยิ่งไม่อยากให้นายท่านต้องมาคุมเชิงกับจักรพรรดิวิญญาณบรรพกาลนี้เพื่อตนด้วย

‘ยังดีที่ข้านำกระดูกของนายท่านกลับมาให้แล้ว ส่วนองค์ชายเจ็ดที่ชื่นชอบผลประโยชน์คนนั้น ก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้ลงมืออะไรกับข้า เช่นนั้นหลังจากเห็นแผนการของข้าทั้งหมด ก็คงไม่กล้าฉีกสัญญาง่ายๆ เช่นกัน’

ปลัดเขตปกครองถอนหายใจยาวในใจ หลับตาลง

กระบี่ใหญ่สามสิบสามเล่มรอบตัวเขาหม่นหมองลงในพริบตา ถูกแม่น้ำยมโลกไร้ที่สิ้นสุดท่วมทับ ร่างของเขาก็จมอยู่ด้านใน พัดไหลไปยังส่วนลึก

ส่วนลึกแม่น้ำยมโลก มีปากฟ้าดินขนาดใหญ่อยู่ น้ำลายหลั่งไหลออกมาไม่รู้จบ ใกล้เข้าไปเรื่อยๆ

เมื่อเห็นว่าร่างของปลัดเขตปกครองกำลังจะถูกกลืนกิน

ตอนนี้เอง จู่ๆ สายฟ้าสีม่วงสายหนึ่งก็พาดผ่านท้องฟ้า สะท้านฟ้าสะเทือนดิน กึกก้องไปทั้งชั้นเมฆ และความยาวของมันก็ตัดผ่านม่านฟ้าของโลกวิญญาณบรรพกาลไปกว่าครึ่ง

ท้องฟ้าราวกับถูกตัดขาดจากหนึ่งเป็นสอง

สวี่ชิงพลันเงยหน้าขึ้น ร่างปลัดเขตปกครองสั่นเทิ้ม

ดวงตายักษ์ที่อยู่เหนือวังจักรพรรดิในโลกวิญญาณบรรพกาลทั้งหมด ลืมตาขึ้นพร้อมกันในพริบตา มองไปบนท้องฟ้า

ยิ่งปากฟ้าดินขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นมากกว่าเดิมไปรอบทิศ แม่น้ำยมโลกจำหลายสายก็โหมซัดไปทางฟ้าดิน

สั่นคลอนไปทั้งโลกวิญญาณบรรพกาล

วิญญาณร้าย โครงกระดูก และธงที่มากกว่าก่อนหน้านี้หลายสิบเท่าปรากฏขึ้นมาทั้งหมดในพริบตานี้ ร่างเงาสูงร้อยจั้ง พันจั้ง กระทั่งหมื่นจั้งหลายร่าง มาพร้อมกับกลิ่นอายที่น่ากวาดหวั่น ปีนป่ายขึ้นมาจากส่วนลึกใต้ดิน ร้องคำรามไปทางท้องฟ้า

โลกวิญญาณบรรพกาลราวกับมีชีวิตขึ้นมาในพริบตานี้

พื้นดินพลิกม้วน ราวกับสัตว์ขนาดยักษ์ตัวหนึ่งที่อาศัยอยู่ในนั้นกำลังเคลื่อนไหว ใช้พฤติกรรมใช้สายตาใช้เสียงคำราม บอกกล่าวกับสายอัสนีบนฟากฟ้า

ว่านี่ คืออาหารของข้า ใครก็ห้ามแย่งไปทั้งนั้น!

ฟ้าดิน คุมเชิงกัน

ดวงตาสวี่ชิงฉายประกายเย็นเยือก จ้องไปบนท้องฟ้าเขม็ง จิตสังหารในดวงตาพลุ่งพล่าน นิ้วมือเทพเจ้าในร่าง ตอนนี้ก็สั่นสะท้านอย่างรุนแรง

องค์ท่านกลัวมากจริงๆ

เดิมองค์ท่านคิดว่าหลังจากผ่านไปหนึ่งก้านธูป ตนจะสามารถช่วงชิงร่างกายนี้ได้ ดังนั้นหลังจากที่เห็นว่ารับมือกับเสี้ยวหน้าปลัดเขตปกครองที่อยู่โลกภายนอกไม่ได้ เขาจึงไม่ทุ่มพลังทั้งหมด คิดจะรักษาพลังไว้ รอให้สวี่ชิงตาย จากนั้นก็ครองร่างแล้วหลบหนีไป

ทว่าเขาคิดไม่ถึงว่าสวี่ชิงจะพาตนมาที่นี่

ตอนที่มาถึง สายตาของจักรพรรดิวิญญาณบรรพกาลไม่ใช่แค่ทำให้ปลัดเขตปกครองตกใจเท่านั้น ยังรวมถึงองค์ท่านด้วย

สายตาหิวโหยของจักรพรรดิวิญญาณบรรพกาลรวมถึงเสียงกลืนน้ำลาย ทำให้นิ้วเทพเจ้าหวาดกลัวอย่างยิ่ง องค์ท่านนึกถึงตอนที่ตายอย่างเวทนา ก็รู้สึกตื่นตกใจจนถึงขีดสุด

และตอนนี้ กลับมีเพิ่มมาอีกหนึ่งกลิ่นอาย

‘เจ้าเด็กคนนี้…ถ้าวันนี้ข้ารอดออกไปได้โดยไม่ถูกกิน พริบตาที่ข้าออกไปได้ข้าจะต้องทุ่มสุดกำลังเพื่อยึดร่างของเขามา จะปล่อยให้เขาวิ่งวุ่นเช่นนี้ไม่ได้!!’

ขณะที่นิ้วกำลังสั่นเทิ้ม สีหน้าปลัดเขตปกครองก็ตื่นเต้น จากนั้นก็กลายเป็นละอายใจ คุกเข่าไปทางท้องฟ้า ร้องเรียกนายท่าน

สายอัสนีสีม่วงวูบวาบบนท้องฟ้า เวลานี้ยิ่งสว่างขึ้นอีกเล็กน้อย สักพัก เสียงที่คุ้นเคยเสียงหนึ่งก็ดังก้องโลกา

“ผู้อาวุโส ข้าต้องการเวลาของเขา”

“ไม่ให้!” ระหว่างฟ้าดิน จิตเทพของจักรพรรดิวิญญาณโบราณ มาพร้อมกับความเผด็จการดังออกมาพลัน

“ข้าได้มาแล้ว” สายอัสนีสีม่วงกะพริบวูบวาบกลางท้องฟ้า

ดวงตาทั้งหมดของจักรพรรดิวิญญาณบรรพกาลเย็นชาพร้อมกัน

“แล้วยังไม่ไสหัวไปอีก!”

อัสนีสีม่วงรวมกันในพริบตา สุดท้ายก็กลายเป็นใบหน้าคล้ายเสี้ยวหน้าเทพเจ้าบนฟากฟ้า จ้องมองยังฟ้าดิน จ้องมองไปที่สวี่ชิง

สวี่ชิงเงียบนิ่ง ใบหน้านั้น เขาคุ้นเคยที่สุด

“น้องชาย เจ้าเติบโตขึ้นแล้วจริงๆ”

เมื่อเอื้อนเอ่ยออกมา ดวงตาทั้งหมดของจักรพรรดิวิญญาณบรรพกาลก็เกิดระลอกคลื่น ส่วนนิ้วเทพเจ้าในร่างสวี่ชิง ตอนนี้ก็สั่นสะท้านถึงขีดสุด กระทั่งไม่กล้าร้องโอดครวญด้วยซ้ำ

งร่างกายของข้า ข้าไม่ต้องการแล้ว! ข้าต้องหนีเขาไปให้ไกล!ง

นิ้วเทพเจ้าสั่นเทา

สวี่ชิงสีหน้าไร้อารมณ์ ดวงตาสงบนิ่ง ไม่กล่าวอะไรออกมา

เสี้ยวหน้าบนท้องฟ้าก็ไม่กล่าวอะไรต่อเช่นกัน สายตาจับจ้องร่างสวี่ชิงอย่างลึกซึ้งหลายอึดใจ สุดท้ายก็สลายหายไปกลางท้องฟ้า

ส่วนปลัดเขตปกครองในแม่น้ำยมโลกก็โขกศีรษะอย่างนอบน้อมในตอนนี้

“เซียวจัวไม่อาจติดตามองค์รัชทายาทได้อีกต่อไปแล้ว หวังว่าพระองค์…จะแคล้วคลาดปลอดภัย”

ไป๋เซียวจัวพูดจบ ก็เงยหน้ามองท้องฟ้า ดวงตาฉายแววอาลัยอาวรณ์ ระลึกย้อนถึงความทรงจำ

จากนั้นจึงลุกขึ้น ไม่จำเป็นต้องให้แม่น้ำยมโลกพัดพาไป เขาเดินเข้าไปในปากฟ้าดินขนาดใหญ่ด้วยตัวเองราวกับยอมพลีชีพ สีหน้าไม่สะทกสะท้านแต่อย่างใด

ตอนที่เข้าใกล้ เขาไม่ได้หันหน้า แต่เปล่งเสียงออกมา

“สวี่ชิง เขตปกครองผนึกสมุทรเป็นของเจ้าแล้ว ดูแลมันให้ดี”

พูดจบ ไป๋เซียวจัวก็เดินไปด้านหน้า หายไปในปากขนาดใหญ่

จากนั้นก็มีเสียงเคี้ยวดังมา เจ้าเขตปกครองผนึกสมุทรรัฐม่วงครามคนนี้ ก็ดับสูญไปทั้งร่างกายและวิญญาณ

ถูกจักรพรรดิวิญญาณบรรพกาลกลืนกิน

ชั่วชีวิตของเขายากจะเอื้อนเอ่ย สิ่งที่เห็นจากจุดยืนที่ต่างกันก็ไม่ใกล้เคียงกันเลย ซื่อสัตย์ ชั่วร้ายหรือโหดเหี้ยม ไม่อาจใช้ประโยคเดียวในการอรรถาธิบายได้

ไม่นานนัก เสียงหายถอนใจอย่างพึงพอใจก็ดังก้องไปทั่วโลกวิญญาณบรรพกาล

คล้ายว่ารสชาติยอดเยี่ยมยิ่ง และคล้ายว่านานโขแล้วที่ไม่ได้กินอาหารเช่นนี้ ดวงตายักษ์ของจักรพรรดิวิญญาณบรรพกาลทั้งหมดในโลกนี้ก็หรี่ลงอย่างสบายอกสบายใจ

ไม่นานนัก ก็มองมาที่สวี่ชิงพร้อมกัน

“สิ่งที่อยู่ในร่างเจ้า ใช่ดอกเบี้ยงวดที่สองที่เจ้าเตรียมไว้ให้ข้าใช่หรือไม่”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!