บทที่ 554 หยุดเวลา
แสงผลึกวารีสีม่วงผสานไปกับตะเกียงแห่งชีวิตที่เกิดจากสายโลหิต หลังจากการค้นคว้าของสวี่ชิงพบว่าพลังของมันเกี่ยวกับเวลาจริงๆ แต่ก็ไม่ได้ทั้งหมด
ยกตัวอย่างเช่นการป้องกันวิญญาณจากร่มดำ ไม่ได้ถูกหลอมละลายหายไป ยังคงอยู่เช่นเดิม
อีกทั้งเทียบกับอดีตยังแข็งแกร่งขึ้นอีกนิดด้วย
นอกจากนี้เวลาของนาฬิกาแดดกับเวลาโลกภายนอกห่างกันประมาณเจ็ดชั่วยามกว่าๆ
สวี่ชิงไม่รู้ว่าความแตกต่างของเวลานี้แฝงความลับอะไรไว้ หลังจากขบคิดก็ไม่ได้ตอบคำตอบ
เวลาเจ็ดวัน เขาลองให้นาฬิกาแดดเร่งความเร็ว แต่ตะเกียงแห่งชีวิตที่แปลงมาจากปราณเหมือนจะถูกเหนี่ยวนำ ยากจะทำได้
ส่วนย้อนเวลากลับก็เช่นกัน
ทำให้มันหยุดก็เช่นกัน
ทั้งๆ ที่นาฬิกาแดดมีต้นกำเนิดพลังเดียวกับเขา แต่กลับขยับหมุนเอง ต่อให้สวี่ชิงบังคับปราณออกไป แต่ตะเกียงแห่งชีวิตก็ยังคงอยู่เหมือนเดิม เคลื่อนไปตามวิธีที่กำหนดไว้เช่นเดิม
เช่นนี้คล้ายกับตอนที่สวี่ชิงเพิ่งได้ผลึกวารีสีม่วง
จนสวี่ชิงคิดได้วิธีหนึ่ง
เขาไม่สามารถเปลี่ยนการขยับหมุนของตะเกียงแห่งชีวิตได้ และไม่สามารถทำให้หน้าปัดนาฬิกาหมุนเอง แต่เขาสามารถควบคุมเข็มนาฬิกาได้!
อย่างไรเสีย พูดจากรากฐานแล้ว เข็มนาฬิกาเป็นสิ่งที่หลอมขึ้นจากสายเลือดของเขาจริงๆ
เขาสามารถควบคุมให้เข็มนาฬิกาไปจากหน้าปัดนาฬิกา ทำให้มันพุ่งออกไปได้
และจากการลองเขาก็พบว่า ทันทีที่เข็มนาฬิกาลอยออกไป หน้าปัดนาฬิกาก็เหมือนสูญเสียทิศทาง สูญเสียการชี้นำ ตะเกียงหยุดลง ไม่ขยับเคลื่อนไหวอีกต่อไป
จึงไม่มีแนวคิดเรื่องเวลา ไม่ว่าแสงตะเกียงจะส่องสว่างเพียงใด ก็เป็นเพียงแค่แสงส่องสว่างเท่านั้น
กระทั่งมีเค้ารางว่าหน้าปัดนาฬิกาเกิดสัญญาณเน่าเปื่อย
และเมื่อสวี่ชิงใส่เข็มนาฬิกากลับไปใหม่อีกครั้ง หน้าปัดนาฬิกาฟื้นคืนสภาพ แสงตะเกียงขยับเคลื่อนไหวต่อ เงาเข็มก็เป็นปกติตามไปด้วย
ด้านเวลาก็ยังคงเริ่มนับต่อจากเสี้ยวขณะที่เข็มนาฬิกาลอยออกไปก่อนหน้านี้
มองจากมุมหนึ่ง เข็มนาฬิกาพุ่งออกไปจนกระทั่งกลับมา เวลาระหว่างนั้นเหมือนว่าหายไป
“เช่นนั้นก็เข้าใจได้ว่าถูกหยุดลงได้หรือไม่”
สวี่ชิงพึมพำ ดวงตาฉายประกายแววครุ่นคิด บางทีเขารู้สึกว่าวิธีนี้ของตัวเองอาจจะไม่ได้ถูกต้อง แต่ไม่ว่าจะอย่างไร นี่คือความสามารถแรกที่ค้นพบได้จากตะเกียงแห่งชีวิต
และทันทีที่นาฬิกาแดดเสียเข็มไป เวลาก็เหมือนถูกหยุด หลิงเอ๋อร์ที่กำลังโผล่หัวออกมาจากแขนเสื้อสวี่ชิง เลื้อยไปที่หูเขา หลังจากที่สวี่ชิงก้มหน้า สายตามองไป ร่างของนางก็หยุดชะงัก
นิ่งไม่ไหวติง
เหมือนว่าเวลาของนางถูกหยุดเอาไว้
เหตุการณ์ทั้งหมดเพียงเสี้ยวพริบตาก็กลับเป็นปกติ เพราะสวี่ชิงพบว่าการเน่าเปื่อยของหน้าปัดนาฬิกามีความสัมพันธ์กับเรื่องนี้
การค้นพบนี้ทำให้จิตใจของสวี่ชิงเกิดระลอกคลื่นลูกมหึมา
‘ในเสี้ยวพริบตาที่ดึงเข็มนาฬิกาออก เวลารอบๆ ตัวข้าจะหยุดลงภายใต้สายตาของข้าอย่างนั้นหรือ’
สวี่ชิงรีบลองอีกหลายครั้ง หลิงเอ๋อร์รางเลือนไม่รู้เรื่อง ไม่รู้เรื่องที่ตัวเองเวลาหยุดไปหลายครั้ง
นางพยายามเลื้อยไปที่หูสวี่ชิง ร่างเดี๋ยวหยุดเดี๋ยวชะงัก ระยะทางที่แต่ก่อนไม่นานก็มาถึง ตอนนี้สำหรับนางแล้วคล้ายว่าห่างไกลเหลือเกิน
จนกระทั่งครู่หนึ่ง ในที่สุดนางก็เลื้อยมาถึงหูสวี่ชิง มองไปทางเขาอย่างเขินอาย
“พี่สวี่ชิง ท่านมองข้าเช่นนี้ทำไมเจ้าคะ”
ประโยคนี้สวี่ชิงค่อนข้างคุ้นหู แต่ตอนนี้ความคิดของเขาซัดโหม ไม่ได้ไปขบคิดให้ลึก หลังจากพยักหน้าก็ถามไปว่า
“หลิงเอ๋อร์ เมื่อครู่เจ้ารู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติหรือไม่”
หลิงเอ๋อร์แปลกใจ ส่ายหน้า
สวี่ชิงคล้ายครุ่นคิด ค้นคว้าต่อไป
หลิงเอ๋อร์ประหลาดใจ แต่ก็รู้ว่าตอนนี้พี่สวี่ชิงกำลังยุ่ง จึงหาท่าที่สบาย เลื้อยไปเลื้อยมา เล่นกับตัวเอง
สวี่ชิงคิดในใจ
‘หลิงเอ๋อร์ไม่รู้เรื่องที่เวลาตัวเองหยุด เช่นนั้นความสามารถนี้ขอบเขตของมันกว้างเพียงใด…’
สวี่ชิงใจเต้น เดินออกไปจากถ้ำ มองฟ้าและดินที่มืดมิดข้างนอก สัมผัสลมรอบๆ และความร้อนที่ยังระอุอยู่ข้างใน แล้วมองไปทางทะเลเพลิงที่แสงเปลวไฟท่วมฟ้าที่ไกล
เขาคิดๆ แต่ก็ยังไม่กล้า
สวี่ชิงรู้สึกว่าด้วยพลังตอนนี้ของตัวเอง และนาฬิกาแดดที่เพิ่งก่อขึ้นมา หากแผ่พลังหยุดเวลาออกไปเป็นบริเวณกว้าง เช่นมองไปทางการโคจรของดวงดาว มองไปทางการไหลเวียนของลม มองไปยังการโคจรของโลก
เช่นนั้นจุดจบของตัวเองคงจะดับสลายทั้งจิตและวิญญาณทันทีแน่นอน
หากเปรียบเทียบการโคจรของแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์เป็นอสูรยักษ์ที่ห้อตะบึง กฎเกณฑ์ทุกทางในนั้นเป็นส่วนหนึ่งของพลังอสูรยักษ์ และตนในตอนนี้ก็เป็นเพียงเชือกธรรมดาๆ เส้นหนึ่ง
ใช้เชือกเช่นนี้ ไปรัดอสูรยักษ์ จุดจบแค่คิดก็รู้
“ช่างดีกว่า…”
สวี่ชิงเงียบนิ่ง แต่เขารู้สึกว่าความสามารถนี้ หากสำแดงในตอนสังหารทำลายล้าง พลังจะต้องน่าครั่นคร้ามมากอย่างแน่นอน
“ตั้งชื่อความสามารถนี้ว่าหยุดเวลา!”
สวี่ชิงพึมพำ เขามีความรู้สึกว่าพลังของตะเกียงแห่งชีวิตนาฬิกาแดดน่าจะยังมีอีกมาก ต้องให้ตัวเองค่อยๆ ศึกษาและค้นพบ
‘เรื่องนี้ไม่รีบ ตอนนี้ที่สำคัญที่สุดคือหลอมตะเกียงที่เหลือทั้งสี่’
ร่างกายของเขาในเจ็ดวันนี้ก็ฟื้นฟูกลับมาอยู่ในสภาวะที่สมบูรณ์ที่สุด สามารถไปฝึกฝนต่อที่ทะเลพลิงสวรรค์ได้ อีกทั้งหลังจากที่ผ่านการปกคลุมจากเปลวไฟจากหินหนืดแล้ว การต้านทานต่อเพลิงสวรรค์ของเขาก็เพิ่มมากขึ้น
ดังนั้นสวี่ชิงจึงไม่เสียเวลา ทะยานไปในความมืดอย่างรวดเร็ว ค่อยๆ เดินเข้าไปที่แสงเพลิง ก้าวเข้าไปในทะเลเพลิง
ครั้งนี้สวี่ชิงเรียนรู้จากบทเรียนครั้งก่อน เขาไปยังที่ที่ไกลขึ้น อีกทั้งคอยระวังการปรากฏขึ้นของหินผลึกวารีสีแดงอยู่ตลอด ขณะเดียวกันก็เปลี่ยนพื้นที่ถี่ขึ้น
ส่วนสุดท้ายจะเกิดคลื่นวนพันจั้งหรือไม่ สวี่ชิงไม่แน่ใจ
เรื่องนี้ไม่สามารถปกปิดได้ เขาจึงเลือกตำแหน่งที่ยิ่งห่างไกลออกมา
ยี่สิบวันผ่านไปเช่นนี้
การหลอมตะเกียงลมครวญเจ็ดสี ไม่รู้ว่าเป็นการเพิ่มพลังจากนาฬิกาแดด หรือเป็นเพราะตัวของตะเกียงเอง ด้านความเร็วของการหลอมเร็วกว่าตะเกียงแห่งชีวิตร่มดำเล็กน้อย
จากการหลอมของมันทีละเล็กทีละน้อย ความเข้มข้นของสารตะเกียงแห่งชีวิตในสายเลือดสวี่ชิงเพิ่มขึ้นอีกครั้ง ความรู้สึกที่คล้ายกันทำให้เขารู้ดีว่าตะเกียงแห่งชีวิตของตัวเองใกล้จะเสร็จสมบูรณ์แล้ว
ในที่สุด หลังจากวันที่ยี่สิบสาม สวี่ชิงที่จมอยู่ในหินหนืดก็พลันลืมตาขึ้นมา
คลื่นวนพันจั้งลูกหนึ่งปรากฏขึ้นรอบๆ เขา ท่ามกลางการหมุนวนเสียงดังครืนครัน ตะเกียงลมครวญเจ็ดสีหายไปโดยสมบูรณ์ ตะเกียงแห่งชีวิตนาฬิกาแดดดวงที่สองปรากฏขึ้นมายังหมอกแห่งชะตาในทะเลความรู้สึกของสวี่ชิง
เหมือนกับนาฬิกาแดดดวงแรกไม่ผิดเพี้ยน!
นี่ถึงจะเป็นลักษณะที่ควรจะเป็นของตะเกียงแห่งชีวิตที่กำเนิดจากสายเลือดที่แท้จริง
เจ้าเหนือหัวและผู้สืบสายเลือดของเขาเหล่านั้น ในด้านรูปลักษณ์ของตะเกียงแห่งชีวิตล้วนเป็นเช่นนี้
ส่วนคนนอกหากอยากรวบครบชุด ความยากมากกว่ารวบรวมตะเกียงแห่งชีวิตอย่างมหาศาล
ตอนนี้จากการปรากฏตัวออกมาของเขา เงาเข็มบนนั้นก็เริ่มขยับ เวลาก็ห่างจากตะเกียงแห่งชีวิตดวงแรกเจ็ดชั่วยามเช่นกัน
การโคจรพร้อมกันของนาฬิกาแดดสองอัน ทำให้การหมุนวนของพื้นที่ภายในและภายนอกบริเวณพันจั้งเกิดการปะทะกันรุนแรงขึ้น ท่ามกลางความรางเลือนยังรอยแยกมิติเป็นทางๆ ถูกฉีกออกมา
ขณะที่ดูแล้วน่าครั่นคร้ามสยดสยอง สวี่ชิงก็สัมผัสได้ถึงพลังของตะเกียงแห่งชีวิตดวงที่สองของตัวเองว่ายังคงรักษาการคุ้มกันกายเนื้อของตะเกียงลมครวญเจ็ดสีแต่เดิมเอาไว้เช่นกัน อีกทั้งการเพิ่มพลังซึ่งกันและกันที่เกิดขึ้นระหว่างตะเกียงทั้งสองดวงก็น่าครั่นคร้ามนัก เหนือกว่าอดีตอย่างมหาศาล
และวิชาหยุดเวลาที่เขาคิดค้นพลังก็ปะทุขึ้นอีกหนึ่งเท่า
ส่วนผลึกวารีสีแดงยิ่งถูกสวี่ชิงเก็บไปในทันที เก็บไปในกล่อง สกัดกั้นกลิ่นอาย
มีเพียงคลื่นวนลูกนี้ที่บางทีอาจจะดึงดูดความสนใจ แต่เนื่องจากอยู่ห่างไกล ดังนั้นขอบเขตการดึงดูดก็ไม่กว้างมาก ต่างไปจากจานเข็มทิศสัมผัสรับรู้ผลึกเพลิงสวรรค์ที่อ่อนไหวถึงเพียงนั้น
เดิมสวี่ชิงทำเช่นนี้ก็จะหลบหลีกปัญหาได้เป็นอย่างมาก แต่บางครั้ง ชะตาชีวิตก็ยากจะคาดเดา ยกตัวอย่างเช่นตอนนี้ ในพื้นที่พันจั้ง ขณะที่คลื่นวนหมุนวนไม่หยุดก็พลันมีผลึกวารีสีแดงสามก้อน ถูกหอบม้วนออกมาจากในจุดลึกของหินหนืด หมุนวนตามคลื่นวน
เมื่อสวี่ชิงเห็นก็หน้าเปลี่ยนสี ลงมือไปตามสัญชาตญาณจะเก็บพวกมันเอาไว้ แต่หลังจากที่คิดก็ล้มเลิกความคิด
ตอนนี้เก็บมันไป ก็ไม่อาจหยุดเรื่องที่ถูกค้นพบได้ ดังนั้นสวี่ชิงจึงกัดฟัน ไม่สนใจ จากไปอย่างรวดเร็ว
ของแบบนี้เขาไม่สนใจ
หากสามารถใช้มันดึงดูดความสนใจคนอื่นไป ก็ยิ่งสะดวกต่อการอำพรางของเขา
และเรื่องที่เกิดขึ้นที่ทะเลเพลิงสวรรค์เมื่อหนึ่งเดือนก่อน เนื่องจากความล้มเหลวในตอนสุดท้ายจึงคลี่คลายได้ แต่เผ่าเงาคันฉ่องและเผ่าผืนนภาไม่ได้ล้มเลิกความพยายาม
เพราะผลึกเพลิงสวรรค์ที่จะปรากฏขึ้นจากการคำนวณหลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีมากถึงหลายสิบก้อน
ต่อให้มีซ้ำ แต่คิดแล้วจำนวนจริงๆ ก็คงจะไม่น้อย อย่างไรเสีย ครั้งสุดท้ายก็ปรากฏออกมาพร้อมกันถึงยี่สิบกว่าก้อน
จำนวนนี้มากพอจะให้พวกเขาให้ความสำคัญ ราชครูยังมาด้วยตัวเอง
ดังนั้น แทบจะในพริบตาที่ผลึกเพลิงสวรรค์ถูกหอบม้วนออกมาจากใต้ทะเล พวกเขาก็จับเป้าหมายแล้ว เดิมคิดว่าคงเหมือนกับครั้งที่แล้วที่หายไปในทันที
แต่หลังจากที่พบว่าครั้งนี้ไม่ได้หายไป เป้าหมายของพวกเขาชัดเจนเป็นอย่างยิ่ง พุ่งตรงไปที่นั่น
สวี่ชิงที่ไปไกลจากคลื่นวน ตลอดทางความเร็วเป็นอย่างยิ่ง ไม่หยุดเลยแม้แต่น้อย แต่ไม่นานนักเขาก็ค้นพบความไม่ชอบมาพากล
ที่ไกลๆ มีผู้บำเพ็ญเผ่าเงาคันฉ่องกลุ่มหนึ่ง พวกเขาเหมือนจะจับเป้าหมายสวี่ชิงได้ เพียงพริบตาก็มาขวางเขาเอาไว้จากอีกทางหนึ่ง ในนั้นมีผู้บำเพ็ญแก่นลมปราณสี่คน และมีผู้บำเพ็ญที่แผ่ระลอกคลื่นระดับปราณก่อกำเนิดสองคน
คนหนึ่งหนึ่งทัณฑ์ อีกคนหนึ่งสองทัณฑ์
หลังจากสังเกตเห็นสวี่ชิง สีหน้าของพวกเขาตื่นเต้น ผู้บำเพ็ญระดับแก่นลมปราณรีบแจ้งเผ่าพันธุ์ทันที ส่วนผู้บำเพ็ญปราณก่อกำเนิดกลับพุ่งตรงมาหาสวี่ชิง
‘หาข้าเจอด้วยหรือ’
สวี่ชิงขมวดคิ้ว เขาสัมผัสได้อย่างลึกซึ้งถึงความยุ่งยากจากการขาดข้อมูลและรายงานข่าวนำมาให้เมื่อที่อยู่ในสถานที่คุ้นเคย
‘หรือว่าผลึกเพลิงเก็บลงกล่องไปแล้วก็ถูกสัมผัสรับรู้ได้อย่างนั้นหรือ’
จิตสังหารฉายวาบขึ้นในดวงตาสวี่ชิง ช่วงนี้เขาหนีไปหนีมา จิตสังหารในใจสะสมมากมาย ตอนนี้เมื่อเห็นเป็นเช่นนี้ จิตสังหารพุ่งรุนแรงทันที
‘ในเมื่อขาดรายงานข่าว เช่นนั้นก็ฆ่าให้มากสักหน่อย ก็จะถามสาเหตุออกมาได้’
พิษในร่างสวี่ชิงแผ่ออกมาอีกครั้ง เจ้าเงาก็ระงับเอาไว้ไม่ไหวแล้ว ก้างปลาแผ่ประกายความคมออกมา ปราณทั้งหมดในร่างของเขาล้วนปะทุระลอกคลื่นพลังออกมา
กำลังจะลงมือ
แต่ในตอนนี้เอง เงาร่างรางเลือนคุ้นเคยร่างหนึ่งก็พลันปรากฏขึ้นข้างหลังผู้บำเพ็ญเผ่าเงาคันฉ่องที่พุ่งมาหาสวี่ชิงสองคนนั้น สองมือยกขึ้น ทุบหนึ่งทีหนึ่งคน
เมื่ออยู่ต่อหน้าพลังที่แข็งแกร่ง ผู้บำเพ็ญเผ่าเงาคันฉ่องสองคนนั้นท่ามกลางความหวาดกลัวก็ยากจะหลบหลีก ในพริบตาที่เสียงร้องน่าอนาถดังขึ้น ก็ระเบิดทันที เลือดเนื้อและปราณแหลกเละปะปนกัน แต่ก็เหมือนกับที่สวี่ชิงเห็นในตอนนั้น รวมตัวกันอย่างรวดเร็ว
ครั้งนี้ไม่ได้รวมหน้ากาก แค่รวมไปที่กระจกของเผ่านี้ ถูกตาแก่เผ่ามนุษย์คนนี้คว้าเอาไป
ร่างของเขายิ่งไหววูบ เผ่าเงาคันฉ่องระดับแก่นลมปราณที่สื่อเสียงให้เผ่าตัวเองยิ่งไม่มีสิทธิ์ต่อต้าน เพียงพริบตาก็ตายอนาถ กลายเป็นกระจกถูกเอาไป
ทำเรื่องพวกนี้เสร็จ ชายชราเผ่ามนุษย์คนนี้ก็หันมามองสวี่ชิงอย่างโมโห
สวี่ชิงขมวดคิ้ว มองไปทางอีกฝ่ายเช่นกัน สังเกตเห็นมือขวาของชายชรามีถุงมือที่เหมือนกระจกเพิ่มขึ้นมา ทำการสกัดกั้น
“ไอ้หนูทำไมถึงเอาแต่สร้างปัญหาถึงเพียงนี้นะ!”
ชายชราเอ่ยอย่างโมโห
“หากไม่เห็นแก่ที่เป็นเผ่ามนุษย์เหมือนกัน ตาแก่ข้าคนนี้ก็คร้านจะสนใจเจ้า!
“แค่เห็นก็รู้ว่าเจ้าเป็นเผ่ามนุษย์ที่มาจากด้านนอก เป็นผู้สืบสายเลือดชนชั้นสูงอะไรพวกนั้นที่มาจากแผ่นดินใหญ่เมืองหลวงจักรพรรดิใช่หรือไม่
“อาศัยว่าตัวเองพรสวรรค์ดี ตะเกียงแห่งชีวิตครบ ถึงได้กำเริบเสิบสานถึงเยงนี้ที่นี่หรือ
“ข้าจะบอกเจ้าให้ ที่นี่คือแผ่นดินใหญ่เซ่นจันทรา ที่นี่ เผ่ามนุษย์เป็นเผ่าชั้นล่าง เป็นอาหาร!
“และสิ่งมีชีวิตแผ่นดินใหญ่เซ่นจันทราหลังจากที่รู้ชะตาชีวิตของตัวเอง การทารุณสังหารและการทรมานก็กลายเป็นการกระทำตามสัญชาตญาณของทุกคน
“เจ้าเชื่อหรือไม่ หากเจ้าทำเช่นนี้ต่อไป ไม่ถึงสองเดือน เจ้าจะถูกจับวางไว้ในเมืองศักดิ์สิทธิ์เงาคันฉ่องและผืนนภา ถูกพวกมันชิมทีละนิดๆ!”
ตาแก่เผ่ามนุษย์คนนี้แค่อ้าปากก็ตำหนิรัวมาเป็นชุด
สวี่ชิงถอยไปข้างหลังอย่างเงียบงัน เอ่ยเสียงสงบนิ่ง
“ท่านอยากจะบอกอะไร”
“ข้าอยากจะบอกอะไรหรือ ไอ้หนูนี่ ทำไมถึงโยนกล่องที่ข้าให้เจ้าทิ้ง เจ้ารู้หรือไม่ว่าราชครูของเผ่าเงาคันฉ่อง พลังพิเศษของมันก็คือมองทะลุการอำพรางส่วนใหญ่ได้ มีเพียงกล่องใบนั้นของข้า เพราะมีการเพิ่มพลังจากข้า ถึงสามารถสกัดกั้นการรับรู้ได้
“ตาแก่อย่างข้าคนนี้อุตส่าห์หวังดีขายให้เจ้า เจ้าไม่เพียงแต่โยนทิ้ง แต่กลับยังวางยาพิษอีกด้วย!
“เอายาแก้พิษมา!”
ตาแก่พูดอะไรมากมาย ในที่สุดก็พูดถึงประเด็นสำคัญ
สวี่ชิงใบหน้าไร้อารมณ์ เขาไม่อยากอยู่ที่นี่ยืดเยื้อกับอีกฝ่ายต่อไป จึงหยิบขวดลูกกลอนออกมาใบหนึ่ง แล้วโยนไป
“พิษของข้าเป็นพิษที่ผสมผสาน ยาแก้พิษกินติดต่อกันเจ็ดวัน ทุกวันทันทีที่ดวงอาทิตย์ยามรุ่งอรุณปรากฏให้กินสามเม็ด โคจรพลังบำเพ็ญอยู่กับที่เจ็ดวัน
“แต่ที่นี่ไม่มีดวงอาทิตย์ ดังนั้นเจ้าประมาณเวลาเอาเอง เรื่องจำนวนก็ต้องเพิ่มอีกหนึ่งเท่า
“เวลาไม่หยุดรอ”
สวี่ชิงพูดพลางโยนขวดยาลูกกลอนไปอีกขวดหนึ่ง
“พิษท่านออกฤทธิ์แล้ว จะเสียเวลาไม่ได้ ไม่เช่นนั้นแก้พิษไม่ได้ ไม่เกี่ยวกับข้า”
สวี่ชิงพูดพลางเตรียมตัวว่าอีกฝ่ายจะลงมือ ร่างถอยหลังไปอย่างรวดเร็ว
ชายชราเผ่ามนุษย์คนนั้นรับขวดยาลูกกลอนเอาไว้ กำลังจะพูดอะไร แต่ที่ไกลมีพลังที่จับเป้าหมายที่นี่แผ่มา สีหน้าของเขาเปลี่ยนไป ถลึงตาใส่สวี่ชิงอย่างโหดเหี้ยม หันหลังกำลังจะจากไป แต่สุดท้ายก็ถอนหายใจ แล้วโยนกล่องใบหนึ่งให้สวี่ชิงอีกครั้ง
“หวังว่ายาแก้พิษของเจ้าจะเป็นของจริง เก็บเจ้านี่ไว้ให้ดี ใช้อำพรางได้”
พูดจบ ชายชราก็จากไปอย่างรวดเร็ว
สวี่ชิงครุ่นคิด ซัดพลังม้วนรับกล่องเอาไว้ จากไปเช่นกัน
ระหว่างทางก็วิเคราะห์คำพูดของอีกฝ่าย ในดวงตาสวี่ชิงฉายแววตัดสินใจ ลองเปลี่ยนกล่อง แล้วส่งกล่องใบนี้เข้าไปในติงหนึ่งสามสอง ใช้พลังนิ้วเทพเจ้าสยบ
จากนั้นก็เอาออกมา เปลี่ยนเอาพิษต้องห้ามไปปกคลุมไว้ สุดท้ายสลายไปแล้วใช้ปราณพระจันทร์สีม่วงชำระล้าง
แล้วถึงได้เร่งความเร็วทะยานไป
เวลาเพียงพริบตา ห้าวันก็ผ่านไป
ในห้าวันนี้สวี่ชิงไม่ได้เจอเผ่าเงาคันฉ่องที่เหมือนรู้ตำแหน่งของตัวเขาอีก ต่อให้เจอเผ่านี้บ้างเป็นบางครั้ง อีกฝ่ายก็จากไปอย่างเร่งร้อน ไม่สนใจเขา
สวี่ชิงลังเล ยาแก้พิษที่เขาให้อีกฝ่ายเป็นของปลอม
พิษของพิษต้องห้ามไม่มียาแก้ได้ วิธีเดียวคือเขาเรียกกลับคืนมา
สวี่ชิงคิดๆ เรื่องนี้ยังมีจุดที่น่าสงสัยและจุดที่ไม่ชอบมาพากลบางอย่าง จึงไม่สนใจ แต่หาสถานที่หนึ่ง ทำการหลอมตะเกียงแห่งชีวิตดวงที่สามของตัวเองต่อ
นี่คือตะเกียงปีกโลหิตวิญญาณทมิฬ ปีกซ้าย
‘ตะเกียงแห่งชีวิตของคนอื่นๆ ก็ล้วนเป็นเช่นนี้ มีเพียงตะเกียงปีกโลหิตวิญญาณทมิฬที่แบ่งเป็นซ้ายขวา…’
สวี่ชิงจ้องเพ่งตะเกียงแห่งชีวิตดวงที่สามของตน ในใจเกิดการคาดเดา จากนั้นก็เริ่มหลอม
สิบวันผ่านไป ทางตะวันตกของทะเลเพลิง บนหินหนืดกว้างใหญ่ไพศาล คลื่นวนพันจั้งลูกหนึ่งปรากฏขึ้นอีกครั้ง
ครั้งนี้ในที่สุดก็กลับเป็นปกติ ไม่มีผลึกเพลิงสวรรค์ถูกหอบม้วนออกมา และระลอกคลื่นที่นี่เนื่องจากอยู่ห่างไกล ก็ไม่ได้สร้างความสนใจอะไร
หลังจากนั้นสองสามชั่วยาม ในยามที่คลื่นวนพันจั้งหายไป สวี่ชิงก็ทะยานอย่างรวดเร็วอยู่ที่ไกลแล้ว
สีหน้าของเขาแฝงด้วยความเหนื่อยล้าเล็กน้อย ร่างกายสำหรับการทนทานต่อเพลิงสวรรค์ก็มาถึงขีดจำกัดสูงสุดแล้ว ต้องกลับไปพักฟื้นสักหน่อยจึงจะลงมือต่อไปได้
แต่ว่าความตื่นเต้นในดวงตาของเขาไม่ได้ลดลงเพราะความเหนื่อยล้า กลับมากขึ้นด้วยซ้ำ
‘นาฬิกาแดดสามดวง!’
ตะเกียงแห่งชีวิตสามดวงในร่างสวี่ชิงตอนนี้ถูกแทนที่ด้วยนาฬิกาแดดเหมือนกัน และการเพิ่มพลังจากต้นกำเนิดพลังเดียวกันตอนนี้ก็ยิ่งทรงพลัง ทำให้ความเร็วของสวี่ชิงเพิ่มขึ้นจากพื้นฐานเดิมประมาณเจ็ดเท่า
ตอนนี้เขาเคลื่อนไหวด้วยความเร็วเต็มอัตรา ผู้บำเพ็ญทั่วไปตาเนื้อไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเจน เห็นเป็นเพียงรอยเงาเท่านั้น
‘แต่ว่าหลังจากที่ตะเกียงห้าดวงกลายเป็นชุดแล้วจะเป็นเช่นไรอีก’
สวี่ชิงในใจเกิดความวาดหวังสูง เขาสัมผัสได้เลาๆ ว่า ในยามที่ตะเกียงแห่งชีวิตของตนหลอมทั้งหมด หลังจากที่ตะเกียงแห่งชีวิตนาฬิกาแดดที่เกิดขึ้นจากสายเลือดของตนกลายเป็นหนึ่งชุดโดยสมบูรณ์แล้ว มีความเป็นได้ว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งน่าอัศจรรย์เป็นอย่างมาก
นึกถึงตรงนี้ สวี่ชิงสูดลมหายใจลึก เพิ่มพลังความเร็ว เคลื่อนไปข้างหน้าอย่างเร็วรี่
หลายวันหลังจากนั้น สวี่ชิงที่กำลังทะยานไปอย่างว่องไว จู่ๆ ฝีเท้าก็หยุดชะงัก หยุดอยู่บนทะเลเพลิง ทอดสายตามองไปที่ไกล สีหน้าฉายความประหลาดใจ
ที่ที่สายตามองไป ท่ามกลางความรางเลือนมีเสียงดังสนั่นหวั่นไหวกึกก้อง พลังของเคล็ดวิชาแผ่ซ่าน ทะเลเพลิงเหมือนถูกเหนี่ยวนำไปรวมอยู่ที่นั่นอย่างช้าๆ เหมือนว่ากำลังหลอมอะไร
และสิ่งที่ดึงดูดความสนใจของสวี่ชิงคือทางทิศทางนั้น เขาสัมผัสได้ถึงพิษต้องห้ามของตัวเอง
ก่อนหน้านี้ครั้งแรกที่เจอตาแก่เผ่ามนุษย์คนนั้น อีกฝ่ายแม้จะถูกพิษ แต่เห็นได้ชัดว่าแปดเปื้อนไปไม่มาก รวมกับมีถุงมือกระจกสกัดกั้น ดังนั้นกลิ่นอายจึงไม่ได้ชัดมาก
แต่ตอนนี้ผ่านไปนานขนาดนั้น พลังพิษต้องห้ามเข้มข้น ไม่สามารถสกัดกั้นได้อีกต่อไป ดังนั้นสวี่ชิงจึงสัมผัสได้
‘เข้มข้นมากแล้ว…’
สวี่ชิงรู้ดีถึงความน่ากลัวของพิษต้องห้ามของตัวเอง จึงคิดๆ อีกฝ่ายเหมือนไม่ได้หลอกตน
‘ไปดูสักหน่อย’
สวี่ชิงร่างเพียงไหววูบ ก็เข้ามาใกล้พื้นที่แถบนั้น
เขาเตรียมจะไปดูสักหน่อยว่าตาแก่คนนั้นตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง ค่อยชั่งน้ำหนักว่าจะแก้พิษให้เขาหรือไม่
และจากการเข้าใกล้ สวี่ชิงสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมา ไม่ลังเลใดๆ ทั้งสิ้น ซ่อนไปในหินหนืด
เขาเห็นผู้บำเพ็ญเผ่าเงาคันฉ่อง อีกทั้งยังมีจำนวนไม่น้อย มากถึงหลายสิบคนในนั้นแม้ระดับแก่นลมปราณจะมีมาก แต่ระดับปราณก่อกำเนิดก็มีแปดเก้าคน พลังมีตั้งแต่ขั้นหนึ่งไปจนถึงสามทัณฑ์
สิ่งที่ทำให้สวี่ชิงยิ่งระแวดระวังคือ เขาเห็นค่ายกลที่นี่
ต้องรู้ว่าบนทะเลเพลิงสวรรค์ เนื่องจากสภาพแวดล้อมที่พิเศษ ดังนั้น ค่ายกลจึงยากที่จะวางมาก นี่ก็เป็นจุดที่สวี่ชิงก่อนหน้านี้กลัดกลุ้มนัก แต่ที่นี่กลับมีอยู่
และค่ายกลที่สามารถวางอยู่ที่นี่ได้จะต้องมีพลังที่ไม่ธรรมดาแน่นอน
ค่ายกลนั่นก็แปลกประหลาดมาก เป็นกระจกบานมหึมาบานหนึ่ง
กระจกบานนี้มีขนาดถึงร้อยจั้ง ลอยอยู่บนท้องฟ้า ผู้บำเพ็ญเผ่าเงาคันฉ่องที่อยู่รอบๆ ล้วนกำลังเพิ่มพลังให้มัน
คนที่ถูกขังเป็นชายชราเผ่ามนุษย์คนนั้นนั่นเอง
ตอนนี้ทั่วทั้งร่างแผ่ลามไปด้วยสีดำคล้ำ หลายที่กำลังเปื่อยเน่า ในขณะที่ลึกจนเห็นกระดูก ร่างของเขาก็สั่นสะท้าน แบกรับพลังสะกดจากกระจกค่ายกลบนฟ้า
การหลบซ่อนอำพรางของเขาถูกลบเลือนไป แม้จะยังเป็นชายชรา แต่ไม่ผอมแห้ง กลับร่างกายสูงใหญ่ สีหน้าแฝงด้วยความทรงอำนาจ ต้องเพ่งกระจกที่อยู่ข้างบน
ในกระจกสะท้อนทะเลเพลิงและเงาร่างของเขา นอกจากนี้ ผิวกระจกนูนออกมา เกิดเป็นใบหน้าดวงหนึ่ง กำลังมองไปทางเขาอย่างเย็นชา
“ตวนมู่ฉาง!
“ปกติเจ้าไปมาไร้ร่องรอย ลอบสังหารอัจฉริยะเผ่าข้า แต่วันนี้ไยจึงตกมาอยู่ในสภาพเช่นนี้ได้เล่า
“ตอนนี้หากเจ้าคุกเข่าเลือกที่จะเข้าเป็นพวกด้วย ข้าจะให้โอกาสเจ้าได้เป็นเผ่าเงาคันฉ่อง ให้เจ้าหลุดพ้นจากสายเลือดเผ่ามนุษย์ที่ต่ำต้อย อีกทั้งจะช่วยเจ้ายกระดับสมบัติวิญญาณอีกครั้งด้วย
“แม้หนทางของสรรพชีวิตทั้งหลายล้วนยากจะหนีความตาย แต่อย่างน้อยตอนที่เจ้ายังมีชีวิตอยู่ ก็สุขสบายกว่า ไม่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ
“เจ้าขบคิดให้ดี หากร่างของข้ามาถึง เจ้ายังดื้อดึงต่อไป เจ้าจะไม่มีสิทธิ์ได้เลือกแล้ว”
เสียงแก่ชราผ่านห้วงวันเวลามานานดังก้องขึ้นทั่วทิศ แต่ชายชราเผ่ามนุษย์คนนั้นกลับหัวเราะเหี้ยมเกรียมออกมาทีหนึ่ง
“ผายลม!
“สายเลือดเผ่ามนุษย์ข้าสูงส่งเป็นอย่างยิ่ง ใช่สิ่งที่พวกเจ้าพันธุ์ผสมพวกนี้จะมาเปรียบเทียบได้
“ประวัติศาสตร์เผ่าเงาคันฉ่องเพิ่งจะนานเท่าใดเชียว ประวัติศาสตร์เผ่ามนุษย์ข้าอยู่เคียงคู่กับแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ ไม่พูดถึงเวลาอันไกลโพ้น พูดถึงช่วงใกล้ ในยุคจักรพรรดิโบราณเสวียนโยว แผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์รวมเป็นหนึ่ง ตอนนั้นเผ่าเงาคันฉ่องยังเป็นวุ้น ยังไม่มุดรูออกมาเลย!”
“ดื้อด้านไม่สำนึก!” ในกระจกบานมหึมาบนท้องฟ้า มีเสียงแค่นขึ้นจมูกดังมา
เผ่าเงาคันฉ่องที่อยู่รอบๆ รู้หน้าที่ แผ่พลังบำเพ็ญออกมาเต็มกำลัง ซัดโหมเข้าไปในกระจกบานมหึมา ทำให้พลังสยบในค่ายกลเพิ่มมากขึ้น ชายชราเผ่ามนุษย์คนนั้นทั่วร่างส่งเสียงดังก้อง ยังคงค้ำยันอย่างยากลำบาก
ในใจของเขาความจริงสิ้นหวังไปตั้งนานแล้ว ต้นเหตุทั้งหมดล้วนเป็นพิษในร่าง
ร่างของเขา วิญญาณของเขา ทุกอย่างของเขาล้วนถูกกัดกินอย่างรุนแรง และทำให้วิชาอำพรางของเขาสลายไป ถูกเผ่าเงาคันฉ่องตามร่องรอยเจอ
ขังเอาไว้ที่นี่
‘ไอ้หนูเผ่ามนุษย์นั่นสารเลวนัก!’
ตวนมู่ฉางก่นด่าในใจ ทีแรกเขาก็ไม่ได้ประสงค์ดีอะไร แต่หลังจากค้นพบว่าสวี่ชิงเป็นเผ่ามนุษย์ก็เปลี่ยนความคิด แค่ทำสัญลักษณ์เอาไว้ หาโอกาสชิงทรัพย์ ไม่คิดจะฆ่า
แต่คิดไม่ถึงว่าจะถูกพิษที่จัดการยาก น่ากลัวเช่นนี้เข้า
‘ยาแก้พิษก็เป็นของปลอม!’
ขณะที่ตวนมู่ฉางหัวเราะขมขื่นในใจ สวี่ชิงที่ซ่อนตัวอยู่ใต้หินหนืดที่ไกลๆ ก็จ้องมองทุกอย่าง เผ่าเงาคันฉ่องเหล่านั้นส่วนใหญ่ล้วนกำลังเพิ่มพลังค่ายกล ทำให้พลังการกักขังเพิ่มมากขึ้น ไม่ได้สังเกตใต้หินหนืด
จะอย่างไรสำหรับเขา พื้นที่แถบนี้ก็ไม่มีเผ่าพันธุ์ใดกล้ามาหาเรื่องพวกเขา โดยเฉพาะค่ายกลของราชครู กำลังสำแดงพลังสยบ ใครมาเห็นล้วนหลบหลีกไปเอง
สวี่ชิงชั่งน้ำหนักอยู่ครู่หนึ่ง คิดถึงการช่วยเหลือของกล่องใบนั้นในช่วงนี้ก็ตัดสินใจ
‘ช่วยเขาสักครั้งหนึ่งแล้วกัน!’
ในพริบตาที่ความคิดนี้ผุดขึ้นมา ลูกกลอนพิษต้องห้ามในร่างสวี่ชิงก็พลันแผ่ออก พวยพุ่งไปตามหินหนืด ตลบอวลไปทั่วทุกทิศ
และขณะที่เขายกมือขวาขึ้นก็เอาก้างปลาออกมา เจ้าเงาก็แผ่ออกไปรอบๆ เช่นกัน กระเหี้ยนกระหือรืออยากลงมือ
เสี้ยวขณะต่อมา ประกายเย็นเยียบในดวงตาสวี่ชิงฉายวาบ ทั้งคนพุ่งออกมาจากใต้หินหนืด
ปราณทั้งสิบสามต่างปะทุพลัง พลังสะท้านฟ้าสะเทือนดินพวยพุ่งออกมาจากในร่างสวี่ชิงอย่างมหาศาล
นาฬิกาแดดสามดวงในร่างของเขา เข็มข้างบนสั่นสะเทือนเล็กน้อย เพียงดึงออกเกิดเป็นพลังหยุดเวลาได้ทุกเวลา
ฆ่า!