Skip to content

Outside Of Time 632

บทที่ 632 ต้นกำเนิดเผ่าคุ้มครองวายุ

ในคืนที่ท้องฟ้าปรากฏดาวพระจันทร์สีชาดวันนั้น สายลมที่เกือบจะเป็นสีดำพัดขึ้นมาในทะเลทรายคราม

คล้ายคลึงกับตำนานในทะเลทรายคราม ที่เกิดขึ้นหลังจากสายลมครามแต่เดิมผสานกับสีแดงชาดของแผ่นดินใหญ่

แต่หากสังเกตอย่างละเอียด ความจริงค่อนข้างออกเป็นไปทางสีม่วง

สวี่ชิงเดินออกจากร้านยาเพียงลำพังในลมทรายนี้

ที่ออกมาพร้อมกันนอกจากหนิงเหยียนกับอู๋เจี้ยนอูแล้ว ยังมีหลิงเอ๋อร์ โยวจิงรวมถึงหลี่โหยวเฝ่ยด้วย

ในที่นี้คนที่จัดการยากสุดคือโยวจิง และไม่รู้ว่านายกองกล่าวอะไรกับนาง ถึงทำให้โยวจิงที่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันเขามาตลอดยอมตามมา

นอกจากนี้ เจ้านกแก้วก็ไม่ได้หนีไปไหน สวี่ชิงยืมมาจากรัฐทายาททางนั้น

เดิมในใจเจ้านกแก้วคัดค้านหัวชนฝา แต่หลังจากเห็นมือขวาของสวี่ชิง มันก็เลือกยินยอมราวกับผีสางดลใจ

สุดท้ายเหล่ารัฐทายาทก็ไม่เข้าร่วม อนุญาตให้พวกเขาออกมา

พวกสวี่ชิงจึงเดินเข้าไปในทะเลทรายนี้ท่ามกลางลมทราย มุ่งหน้าไปยังส่วนลึกเช่นนี้

และขณะเดียวกัน จากการที่เงยหน้าขึ้นไปก็เห็นดาวพระจันทร์สีชาดบนท้องฟ้า จากการปะทุของพลังกระแสน้ำขึ้นลง สรรพชีวิตทั่วทั้งแผ่นดินใหญ่เซ่นจันทราก็ทุกข์ทรมานเกินบรรยาย

เทือกเขานับไม่ถ้วนทรุดตัวลงมาตลอดเวลา ทะเลสาบแต่ละแห่งไหลย้อนกลับ โหมซัดขึ้นสู่ฟากฟ้า

โดยเฉพาะคำสาปในร่างกายคนธรรมดายิ่งกำเริบขึ้นมาอย่างชัดเจน

หากมีดวงตาที่มองเห็นแผ่นดินใหญ่เซ่นจันทราได้ทั้งหมด จะเห็นได้ว่าทุกแห่งหนในแต่ละเมืองอบอวลไปด้วยความตาย มีเสียงคร่ำครวญดังออกมาไม่จบไม่สิ้น

จิตวิญญาณของสรรพชีวิตที่ตายไปเหล่านั้นไม่สามารถออกจากเซ่นจันทราได้และจะไปรวมกันที่ตำหนักเทพทุกชาติไป ตกนรกนี้ชั่วกัปกัลย์

และสุดท้ายก็บ้าคลั่งเพียงชั่วคราวเท่านั้น ความสิ้นหวังหลังจากที่ระบายออกไปเป็นเหมือนคลื่นวนที่หมุนวนไม่หยุดตลอดกาล กลืนทุกสรรพสิ่งในพริบตา

ทุกเผ่าพันธุ์ ทุกสำนัก ผู้บำเพ็ญทุกคนล้วนเป็นเช่นนี้

พวกเขาโชคไม่ดีที่มีชีวิตอยู่ในช่วงเวลาที่ชื่อหมู่มาเยือน

จะอย่างไรชื่อหมู่จะมาเยือนในทุกสองถึงสามพันปี เวลาไม่แน่นอน บางครั้งก็ยาวนานบางครั้งก็สั้นๆ ผู้ที่ถือกำเนิดและเติบโตในช่วงนี้ ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีชีวิตอยู่จนได้เห็นชื่อหมู่

ไม่ใช่แค่พวกเขาที่สิ้นหวัง ต่อให้ขั้วอำนาจที่อยู่ใต้อาณัติพระจันทร์สีชาดส่วนก็นิ่งเงียบ

เพราะนับแต่ประวัติศาสตร์ ขั้วอำนาจที่อยู่ใต้อาณัติจะโชคดีรอดไปจนถึงตอนสุดท้ายหรือไม่ ต้องดูจากระดับความหิวของชื่อหมู่

ดังนั้น เสี้ยวขณะที่ดาวพระจันทร์สีชาดปรากฏ ความสิ้นหวังเข้าแทนที่ความบ้าคลั่ง กลายเป็นท่วงทำนองหลักของแผ่นดินใหญ่เซ่นจันทราผสานกับโลก แผ่ออกมาท่ามกลางสายลมของทะเลทรายคราม แปรเปลี่ยนเป็นเสียงอื้ออึง สะท้อนก้องอยู่ข้างหูพวกสวี่ชิง

ในทะเลทราย ฟ้าดินขมุกขมัว ร่างของพวกสวี่ชิงเดี๋ยวชัดเดี๋ยวเลือน

ทางที่พวกเขาเดินผ่านทิ้งรอยเท้าไว้บนทะเลทราย แต่ไม่นานนักก็ถูกลมทรายกลบจนไม่เหลือร่องรอย

นายกองตอนนี้เดินอยู่ด้านหน้า เขากำลังนำทาง

สวี่ชิงอยู่ด้านหลังนายกอง

จากการเดินไปด้านหน้า สวี่ชิงสำรวจความอ้างว้างรอบๆ ตามสัญชาตญาณ เขาเคยมาที่นี่แล้ว

สวี่ชิงเคยผ่านบริเวณนี้ตอนที่ไปช่วยเจ้าเงาในวันนั้น เขาจำได้ว่าเดินไปอีกสักระยะ ก็เป็นที่ที่เขาได้พบกับเผ่าคุ้มครองวายุเป็นครั้งแรก

“พวกเราเดินมาสองชั่วยามแล้ว อีกหนึ่งก้านธูปก็จะถึงที่หมาย”

เสียงของนายกอง ดังมาตามสายลม ผ่านหูของสวี่ชิงรวมถึงคนด้านหลัง

“เผ่าคุ้มครองวายุหรือ”

จู่ๆ สวี่ชิงก็เอ่ยขึ้น

นายกองหันหน้าไปมองสวี่ชิงผาดหนึ่ง ในลมทรายขมุกขมัว ทำให้เห็นสีหน้าของเขาไม่ค่อยชัด แต่ดวงตานั้นเป็นเปล่งประกายอย่างยิ่ง

“ถูกต้อง ศิษย์น้องเล็กนี่เข้าใจข้าจริงๆ สถานที่ที่พวกเราจะไปตอนนี้คือดินแดนของเผ่าคุ้มครองวายุ

“ศิษย์น้องเล็ก เจ้าน่าจะรู้ตำนานของเผ่าคุ้มครองวายุกระมัง”

สายตานายกองหยุดอยู่ที่สวี่ชิง จากนั้นก็มองพวกหนิงเหยียน

อันที่จริงพวกเขาไม่อยากมา และไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับเป้าหมายครั้งนี้

สวี่ชิงพยักหน้า ภารกิจของเผ่าคุ้มครองวายุคือคุ้มครองสายลมของทะเลทรายผืนนี้ นี่จึงเป็นสาเหตุที่เผ่านี้เป็นเผ่าพิเศษ

“อันที่จริงเผ่านี้ไม่เคยมีมาก่อน ไม่มีตัวตนอยู่ในทะเลทรายผืนนี้”

นายกองเดินพลางเอ่ยเล่าไปด้วย

“แต่เนื่องจากเคยมีตัวตนหนึ่งกับอีกหนึ่งผู้ยิ่งใหญ่มีพันธสัญญากันสร้างเผ่านี้ขึ้นมา

“ตอนที่เผ่านี้ถูกสร้างขึ้น ก็ได้รับภารกิจคุ้มครองวายุ

“แต่จากคุณสมบัติ อันที่จริงภารกิจของเผ่านี้ก็คือกุญแจดอกหนึ่ง”

นายกองพูดถึงตรงนี้ ก็หยุดฝีเท้า หันหลังไปมองสวี่ชิง ตาทั้งสองแฝงแววระลึกถึงความทรงจำ

“เป็นกุญแจดอกนี้เป็นดอกที่ใช้เปิดที่ที่เจ้าเหนือหัวประหารเทพเจ้า!”

สวี่ชิงตาจ้องเพ่ง หลังจากที่คนอื่นได้ยินคำพูดของนายกองก็ตกตะลึงเช่นกัน

“อาชิงน้อย ข้าก่อนหน้านี้เคยบอกเจ้าว่าก่อนที่ชื่อหมู่จะกลายเป็นเทพเจ้า เคยถูกเจ้าเหนือหัวในตอนนั้นประหารครั้งหนึ่ง

“ตอนนั้น เจ้าเหนือหัวใช้แผ่นฟ้าเป็นดาบ ใช้แผ่นดินเป็นแท่น ใช้ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์เชื่อมกัน กลายเป็นแท่นประหารเทพเจ้า บั่นศีรษะของชื่อหมู่”

ลมทรายพัดชุดคลุมนายกองจนโบกสะบัด เสียงของเขาฉายแววหนักแน่น ชี้ไปที่พื้น

“จุดที่สังหาร ก็คือใต้เท้าของพวกเรา! สภาพก่อนหน้านี้ของทะเลทรายคราม”

เมื่อกล่าวออกมา จิตใจของทุกคนก็พากันสั่นสะเทือน สวี่ชิงก้มหน้าลงมองใต้เท้า

สายลมกำลังพัดแรงขึ้นเรื่อยๆ เสียงของนายกองขาดๆ หายๆ อยู่ด้านใน

“ต่อมา ผู้ยิ่งใหญ่ผู้นั้นกับสหายของเขาก็ตามหาสถานที่สังหารเทพเจ้าซึ่งกลายเป็นที่รกร้างไปแล้วเจอ สำแดงวิชาแปลกประหลาด ทำให้สถานที่สังหารเทพเจ้าเกิดเค้าลางฟื้นคืน ก่อให้เกิดลมทรายมากขึ้น ทับถมผนึกทุกสิ่ง ซ่อนเร้นอำพราง

“วิธีการเปิด ต้องทำตามเงื่อนไข และเงื่อนไขข้อแรก คือดาวพระจันทร์สีชาดปรากฏ ทรายครามดั่งสีโลหิต”

นายกองสายตาล้ำลึก ในเสียงที่เคร่งขรึม ความฮึกเหิมเต็มเปี่ยม

“เงื่อนไขข้อที่สอง คือ…ลมในทะเลทรายคราม เปลี่ยนจากสีครามเป็นสีดำ และมีกำหนดเวลาชัดเจน ต้องเป็นช่วงที่ลมดำโบกพัดในชั่วยามที่สี่

“ตอนนี้ คือสายลมสีม่วง”

นายกองยกมือขวาขึ้น แสงสีเหลืองผืนหนึ่งแผ่ออกมาจากวัตถุในฝ่ามือเขา เจ้าอ้วนน้อยของนายกองนั่นเอง

แสงอาทิตย์ที่มนุษย์สร้างขึ้นนี้แผ่ออกมาเป็นสีเหลือง

ขณะที่เปล่งแสงวูบวาบ มันก็ลอยขึ้นไม่หยุด หลังจากมาถึงกลางท้องฟ้า แสงสีเหลืองก็สาดส่องไปทั้งแผ่นดินใหญ่ ผสานกับสายลมครามและทรายสีแดง

การซ้อนทับกันของสามสีนี้ แปรเปลี่ยนเป็นสีดำ!

ลมดำพลันหวีดหวิวในพื้นที่แห่งนี้ แผ่ขยายออกไปรอบด้าน

กลิ่นอายความตายวูบหนึ่งเกิดขึ้นระหว่างฟ้าดิน และเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ

พวกหนิงเหยียนตื่นตะลึง จากคำพูดและการกระทำในตอนนี้ของนายกอง พวกเขารู้สึกอย่างแรงกล้าว่าเรื่องที่อีกฝ่ายจะทำในครั้งนี้ จะต้องเป็นเรื่องใหญ่มากแน่นอน

สวี่ชิงมองไปทางนายกองด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

“น่าจะไม่ได้มีแค่สองเงื่อนไขกระมังขอรับ”

นายกองหัวเราะฮ่าๆ ขณะโบกมือก็หยิบกริชสัมฤทธิ์ออกมาแปดเล่ม ขว้างไปรอบๆ

ทันทีที่กริชแปดเล่มกระจายออกไป พวกมันไม่ได้ปักอยู่ที่ทราย แต่ชี้ส่วนคมมีดลงด้านล่าง ลอยค้างอยู่กลางอากาศ

ต่างแผ่อัสนีสีดำออกมาปกคลุมอย่างรวดเร็ว กลายเป็นวงกลมแหว่งๆ วงหนึ่ง

พวกมันคือวัตถุศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าคุ้มครองวายุซึ่งส่งให้รัฐทายาทที่ร้านยาตอนนั้น เห็นได้ชัดว่าตอนนี้ถูกนายกองยืมมา

ทำเรื่องเหล่านี้เสร็จสิ้น นายกองก็ยกมือไปทางสวี่ชิง

“อาชิงน้อย ข้าวัตถุศักดิ์สิทธิ์ขอยืมที่เจ้าเอาไปจากเผ่าคุ้มครองวายุตอนนั้นหน่อย”

สวี่ชิงไม่ลังเล ล้วงกริชเล่มหนึ่งออกมาจากถุงเก็บของ หลังจากโยนให้นายกอง นายกองก็ทำปางมือ

ตัวกริชก็พลันพุ่งตรงไปที่จุดเว้าแหว่งของวงกลมนั้น เสี้ยวขณะที่พุ่งไป สายอัสนีสีดำก็แผ่ออกมา วงกลมขนาดพันจั้งวงหนึ่งก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศโดยมีพวกเขาเป็นศูนย์กลาง

อักขระซับซ้อนนับไม่ถ้วนจำแลงออกมาในสายฟ้าเหล่านี้ คล้ายเป็นอักษร แต่มีน้อยคนนักที่อ่านออก

“เผ่าคุ้มครองวายุ จงปฏิบัติตามพันธสัญญาของสายโลหิตพวกเจ้า ยังไม่ออกมาอีก!”

นายกองยกเท้าขึ้น กระทืบลงไปบนพื้นอย่างแรง

สายลมดำหวีดหวิว กริชศักดิ์สิทธิ์ทั้งเก้าส่งเสียงอื้ออึง สนับสนุนเสียงของนายกอง สะท้อนก้องไปทั้งสี่ด้าน ส่งลงไปใต้ทะเลทราย

ไม่นานนักด้านนอกวงกลมพันจั้ง ทะเลทรายก็ปรากฏคลื่นวนจำนวนมหาศาลขึ้นมา

ทั้งใหญ่ทั้งเล็กมากกว่าพันวงล้อมรอบวงกลม หมุนเวียนต่อเนื่อง ร่างของผู้บำเพ็ญเผ่าคุ้มครองวายุปรากฏขึ้นด้านในทีละคน

หน้าผากของทุกคนในเผ่า ล้วนมีสิ่งที่ดูคล้ายเป็นวงกลมปรากฏขึ้น รับกับวงกลมพันจั้งบนท้องฟ้า หมุนเวียนไปพร้อมกัน

ที่อยู่ใกล้กับวงกลมพันจั้งมากที่สุด คือบรรพจารย์คุ้มครองวายุ เขามองพวกสวี่ชิงอย่างสงสัย สีหน้าเปลี่ยนไปไม่หยุด

ส่วนคนในเผ่าคนอื่นก็กัน จิตใจทุกคนกำลังปั่นป่วน มองวงกลมพันจั้งอย่างไม่อยากเชื่อ

‘พิธีกรรมนี้…’

ในใจบรรพจารย์คุ้มครองวายุโหมกระหน่ำ

เขารู้จักพิธีกรรมนี้เป็นพิธีกรรมสูงสุดในสายโลหิตเผ่าของพวกเขาที่มีบันทึกไว้ และเป็นภารกิจแท้จริงของพวกเขาที่คนนอกไม่มีทางล่วงรู้

ปกป้องสายลม ปกป้องทะเลทราย เฝ้ารอ…สักวันหนึ่ง จะมีคนผู้หนึ่งปรากฏขึ้นพร้อมสายลมสีดำ

พริบตาที่คนผู้นี้ปรากฏ บนพื้นปรากฏวงกลม สายโลหิตของพวกเขาโหมกระหน่ำขึ้นตามมา หน้าผากของพวกเขาปรากฏค่ายกลพิธีกรรม

นี่เป็นความหมายในการคงอยู่ของเผ่าพวกเขา

แต่บรรพจารย์คุ้มครองวายุก็ไม่คาดไม่ฝันว่าภารกิจที่เผ่าพวกเขารอคอยมานานปี จะปรากฏขึ้นในวันนี้

และคนที่ปรากฏตัวขึ้น กลับเป็นผู้บำเพ็ญในร้านยาร้านนั้น

สิ่งนี้ทำให้จิตใจเขาโหมคลื่นลูกยักษ์กระหน่ำอย่างยิ่ง

“อาชิงน้อย เงื่อนไขข้อที่สามในการเปิดที่นั่น ย่อมต้องเป็นเผ่าคุ้มครองวายุนี้

“สิ่งที่ต้องการคือทุกคนในเผ่าปรากฏตัวขึ้นในวันที่สายลมดำมาเยือนในช่วงหลายปีของเผ่านี้”

เสียงนายกองสะท้อนก้อง มองบรรพจารย์คุ้มครองวายุ

“น้อมรับบัญชา!”

จากคำพูดของเขา ในบรรดาคลื่นวนรอบๆ ก็มีสี่วงที่กลายเป็นสีขาวทันที ขณะที่มันสะดุดตา คนในเผ่าสี่ตนด้านในก็โดดเด่นออกมาเช่นกัน

สี่ตนนี้มีทั้งชายทั้งหญิง อายุแตกต่างกัน แต่ที่เหมือนกันคือเส้นผมและขนตา ส่วนดวงตาเป็นสีขาวทั้งหมด

คนในเผ่าเช่นนี้มีตำแหน่งพิเศษในเผ่าคุ้มครองวายุ พวกเขามักจะถูกคุ้มครองเป็นอย่างดีตั้งแต่เกิดจนตายจาก

และข้อบังคับภารกิจของเผ่าคุ้มครองวายุ พวกเขาจะต้องมีตัวตนเช่นนี้ในเผ่าอย่างน้อยสามคนขึ้นไปอยู่เสมอ

“แล้วก็ กะโหลก!”

ร่างนายกองลอยขึ้นไป เอ่ยเสียงต่ำทุ้มกลางอากาศ

บรรพจารย์คุ้มครองวายุสูดลมหายใจลึก ถ่ายทอดคำสั่งทันที ไม่นานนักพวกเขาก็นำกะโหลกสีดำเก้าอันออกมาจากเผ่าอย่างระมัดระวัง คนในเผ่าเก้าตนที่ถืออยู่นำไปวางใต้กริชที่ลอยอยู่กลางอากาศทุกเล่มอย่างดี

“อาชิงน้อย แท่นประหารเทพเจ้าของเจ้าเหนือหัว ถูกผู้ยิ่งใหญ่ผู้นั้นเปลี่ยนเป็นความว่างเปล่า ซ่อนไว้ในสายลมทะเลทรายคราม มีเพียงความทรงจำของเผ่าคุ้มครองวายุ ถึงจะเปิดมันได้

“เช่นนั้นตอนนี้ เริ่มการบวงสรวงได้”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!