Skip to content

Outside Of Time 719

บทที่ 719 สายลมพัดแผ่ว วสันต์มาเยือน

หกคำสั้นๆ นี้ แม้จะปะปนอยู่ในเสียงของผู้ครองกระบี่ทั้งหลาย แต่ชื่อของสวี่ชิงมอบความหมายที่ไม่ธรรมดาให้กับประโยคนี้!

สำหรับเขตปกครองผนึกสมุทร โดยเฉพาะผู้ครองกระบี่แล้ว สวี่ชิงสองคำนี้ นัยยะที่แฝงอยู่ยิ่งใหญ่นัก!

นั่นเป็นสหายร่วมรบที่ร่วมเป็นร่วมตายกับพวกเขา ผ่านพิธีชำระล้างจากสงครามอันโหดร้ายมาด้วยกัน!

ยิ่งเป็นวีรบุรษในของเขตปกครองผนึกสมุทรในอดีต และเป็นเจ้าเขตปกครองผนึกสมุทรในอนาคต

คนธรรมดาก็เช่นเดียวกัน สำหรับชื่อนี้ ไม่มีทางลืมเลือนไปได้เลย

ดังนั้น เพียงพริบตาผู้ครองกระบี่ที่อารมณ์มาพร้อมด้วยความเศร้าโศกโกรธแค้นคิดจะทุ่มสุดกำลังสังหารทุกอย่าง ในใจต่างเกิดคลื่นยักษ์ซัดกระหน่ำ ต่างจิตใจหวั่นไหว

พวกเขารู้ คนคนนั้น ออกจากด่านแล้ว!

ตอนนี้สีหน้าต่างฉายความตื่นเต้น มองไปรอบๆ คิดจะหาเงาร่างในความทรงจำของพวกเขาเงาร่างนั้น

ไม่ใช่แค่ผู้ครองกระบี่ที่เป็นเช่นนี้ ผู้บำเพ็ญสองวังที่เหลือก็เป็นเช่นนี้เหมือนกัน ทั้งยังมีผู้บำเพ็ญยอดเยี่ยมของสำนักต่างๆ ในเขตปกครองผนึกสมุทร ส่วนใหญ่แล้วในใจเกิดระลอกคลื่นอารมณ์กันทั้งสิ้น

ต่อให้ในนั้นมีคนที่ไม่เคยเห็นสวี่ชิง แต่ก็ต่างรู้ดีถึงน้ำหนักของชื่อนี้ในเขตปกครองผนึกสมุทร

พวกเขาเป็นเช่นนี้ เจ้าวังทั้งสามตลอดจนพวกโหวเหยาที่อยู่บนท้องฟ้า แต่ละคนต่างสีหน้าเปลี่ยนไป

และในพริบตาที่ชื่อนี้ปรากฏขึ้น สร้างระลอกคลื่นอารมณ์ในใจให้กับคนนับไม่ถ้วนในเขตปกครองผนึกสมุทร ม่านฟ้าก็มีคลื่นวนที่ทรงพลังยิ่งกว่าปรากฏขึ้น คลื่นวนลูกนี้มีขนาดใหญ่โตมหาศาล ปกคลุมไปค่อนท้องฟ้า

ขณะที่หมุนวนเสียงดังครืนครัน ก่อให้เกิดสายฟ้าฟาดผ่ารอบๆ ทำให้ฟ้าดินเปลี่ยนสี ลมกรรโชกพัดมาจากเส้นขอบฟ้า เชื่อมต่อกับผืนฟ้า วนล้อมอยู่ที่ไกลๆ กลายเป็นลมพายุ

ทันทีที่พลังและเสียงน่าครั่นคร้าม เรือยักษ์ลำมหึมาก็ทะยานออกมาจากในคลื่นวนบนท้องฟ้า!

เรือลำนี้เป็นสีดำทั้งลำ แผ่พลังกดดันน่ากลัวออกมา รอบๆ มีรยางค์ที่ก่อขึ้นจากหมอกนับไม่ถ้วนแผ่มา มองไกลๆ เหมือนปีกแห่งรัตติกาลคู่หนึ่ง

บริเวณหัวเรือมีส่วนยื่นออกมาส่วนหนึ่ง สลักหัวมังกรเอาไว้ ในขณะเดียวกับที่ดูโหดเหี้ยมก็แฝงไว้ด้วยความทรงอำนาจน่าเกรงขาม ยิ่งมีกรงเล็บหกเล็บยื่นออกมา เต็มไปด้วยความสูงส่ง ทำให้คนหวาดหวั่นครั่นคร้าม จิตใจสั่นสะท้าน

บนใบเรือที่ยกขึ้นสูงยิ่งมีตัวอักษรสองตัวใหญ่ๆ เขียนเอาไว้

“จี้ชาง!”

สองตัวอักษรนี้ คนนอกไม่เข้าใจความหมายของมัน ทำได้แค่เพียงสัมผัสถึงความทรงอำนาจน่าเกรงขามและยิ่งใหญ่ทรงพลังจากตัวอักษรทั้งสองนี้เท่านั้น ความจริงแล้ว นี่คือเรือที่รัฐทายาทมอบให้สวี่ชิง ใบเรือเขาเป็นคนเขียนเอง เขียนชื่อของตัวเองลงไปบนนั้น

ทันทีที่ปรากฏออกมา ฟ้าดินระเบิด สายฟ้าคะนองผ่า ทหารขององค์ชายเจ็ดที่อยู่บนท้องฟ้าต่างหน้าเปลี่ยนสี ชายกลางคนบนหลังช้างสีขาวก็วางตำราโบราณในมือลงทันที สีหน้าตกใจสงสัย

และบรรพจารย์หลิงอวิ๋นที่อยู่ข้างหน้าสุดก็ตื่นตกใจไปเช่นกัน

แต่ยังไม่ทันให้เขาทางนี้ได้ตั้งสติ เรือลำมหึมาที่ปรากฏอยู่ในคลื่นวน ก็มาด้วยพลังทะลักล้นท่วมฟ้าดิน จากม่านฟ้าพุ่งมาหาบรรพจารย์หลิงอวิ๋นทางนี้อย่างรวดเร็ว

ไม่อาจหลบหลีก ไม่อาจต้านทานได้!

เรือลำนี้หลังจากที่รัฐทายาทสร้างขึ้น คุณสมบัติน่าตื่นตะลึง ความเร็วยิ่งอยู่เหนือจินตนาการ รวมกับจู่ๆ ก็ปรากฏขึ้น และทุกอย่างนี้แม้จะพูดแล้วยาว แต่ความจริงแล้วเกิดขึ้นในชั่วเสี้ยวพริบตาเท่านั้น

ดังนั้นเพียงพริบตา เรือลำมหึมาที่พลังท่วมท้นคล้ายจะกลืนกินฟ้าดินนี้ ก็เหมือนมังกรที่แท้จริง มาพร้อมด้วยความโกรธ ความโหดเหี้ยม จากท้องฟ้าพุ่งตรงไปหาบรรพจารย์หลิงอวิ๋น

ทุกที่ที่ผ่าน ท้องฟ้าพังถล่ม พลังกดดันปะทุ ชั่วอึดใจก่อนหน้านี้ยังอยู่บนท้องฟ้า เสี้ยวขณะต่อมาก็มาปรากฏอยู่หน้าบรรพจารย์หลิงอวิ๋น แล้วกระแทกอย่างเต็มแรง

ต่อให้บรรพจารย์หลิงอวิ๋นมีพลังบำเพ็ญระดับหวนสู่อนัตตาขั้นหนึ่ง แต่ตอนนี้จิตใจก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างมหาศาลเช่นกัน วิกฤตเป็นตายพวยพุ่งรุนแรง ปากส่งเสียงคำรามต่ำ ทุ่มสุดกำลัง สำแดงพลังบำเพ็ญอย่างบ้าคลั่ง ทำให้ดาวตกในดวงตาปรากฏข้างนอก ก่อเป็นรอยมรรคาพันทาง ต่อต้านเรือใหญ่

แต่เพียงพริบตา รอยมรรคารอบๆ บรรพจารย์หลิงอวิ๋นแตกสลาย แต่ละทางๆ พังทลาย มิติที่อยู่รอบๆ ยุบลงไป ทลายเป็นบริเวณกว้าง

ผู้เข้าสวามิภักดิ์เขตปกครองผนึกสมุทรพวกนั้นที่อยู่ข้างหลังเขา พลังบำเพ็ญล้วนสู้เขาไม่ได้ ตอนนี้ไม่มีกำลังต้านทานได้เลย แต่ละคนกระทั่งว่าเสียงร้องน่าสังเวชยังไม่ทันจะดังออกมา กายและจิตดับสลายภายใต้การพังถล่มของมิตินี้

เพียงพริบตา เลือดเนื้อกลายเป็นหมอกหอบม้วนไปข้างหลัง

พลังอำนาจที่แข็งแกร่งยิ่งกว่า จากการมาถึงของเรือลำยักษ์ปกคลุมไปยังช้าง สีขาวและกองทัพที่อยู่รอบๆ มัน

ส่วนบรรพจารย์หลิงอวิ๋นสีหน้าขาวซีดไปทันที จากนั้นก็แดงก่ำ หน้าผากเส้นเลือด ปูดโปน สุดท้ายกระอักเลือดสดๆ ออกมาคำโต ส่งเสียงน่าเวทนาออกมา ร่างส่งเสียงดังบึ้มแล้วถูกกระแทกกระเด็นออกไป

จากการกระเด็นออกไป ร่างของเขาแหลกละเอียด หน้าอกสลาย เลือดกระอักออกมาไม่หยุด พลังบำเพ็ญจากการถูกกระแทกนี้ สลายไปทันที ไม่อาจหลอมรวมขึ้นมาใหม่ได้

ส่วนร่างกายถูกพลังของเรือยักษ์เหนี่ยวนำอยู่รางๆ ต่อให้ถอยหลังก็ยากที่จะสลัดหลุด ความเร็วยิ่งได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง

อีกทั้งทุกอย่างนี้ยังไม่จบสิ้น ทันทีที่บรรพจารย์หลิงอวิ๋นถูกกระแทกได้รับบาดเจ็บสาหัส บนเรือยักษ์ก็มีคนคนหนึ่งพุ่งออกมาอย่างรวดเร็ว คนคนนี้ทั้งร่างแสงสีน้ำเงินกะพริบวูบวาบ เจิดจ้าพร่างพรายไปในฟ้าดิน เหมือนดาวตกสีฟ้าทางหนึ่ง พุ่งตรงไปหาบรรพจารย์หลิงอวิ๋น

ยิ่งมีเสียงดังออกมาจากปากเขาอย่างหยิ่งทะนง

“ผู้ครองกระบี่เฉินเอ้อร์หนิว อยู่นี่!”

ขณะพูด ดาวตกสีฟ้าก็ตามบรรพจารย์หลิงอวิ๋นทัน ในดวงตานายกองมีใบหน้าปรากฏขึ้น ดวงตาทั้งสองของใบหน้ามีใบหน้าปรากฏขึ้นอีก ซ้อนทับเป็นชั้นๆ ทั่วทั้งร่างยิ่งมีรยางค์สีฟ้าเล็กละเอียดจำนวนมหาศาลรวมมาที่มือขวา แล้วโจมตีออกไปเต็มแรง

ท่ามกลางเสียงระเบิด บรรพจารย์หลิงอวิ๋นกระอักเลือดสดๆ อีกครั้ง คิดอยากดิ้นรน อยากต่อต้าน แต่เพียงพริบตา เงาร่างที่สองก็พุ่งออกมาาจากในเรือยักษ์ ร่างนี้ทีแรกยังมีขนาดเท่าคนธรรมดาทั่วไป แต่เสี้ยวขณะต่อมา เลือดเนื้อฉีกขาด ก่อเป็นยักษ์ร่างกายใหญ่โตมโหฬารตนหนึ่ง

เป็นสภาวะเทพขั้นที่หนึ่งของสวี่ชิงนั่นเอง!

จักรพรรดิภูติเป็นกาย ยิ่งใหญ่เป็นอย่างยิ่ง ศีรษะสวมกวานจักรพรรดิ สูงส่งดุจราชัน

แสงสีทองแสบตาแผ่ออกมาจากร่างนี้ แล้วแปรเปลี่ยนเป็นแสงรุ้งรอบๆ

เตาหลอมวิถีสวรรค์อยู่ที่หัวใจ เต้นอยู่ตลอด ทุกครั้งราวทัณฑ์สวรรค์ ยิ่งปะทุเปลวเพลิงร้อนแรงเผาไหม้ไปทั่วร่าง ทำให้ร่างนี้เปลวเพลิงพวยพุ่ง

ทวนยาวสีดำพันล้อมด้วยสายฟ้านับไม่ถ้วน ปรากฏข้างกายสวี่ชิง เขาคว้าแล้วกำเอาไว้ หอบม้วนไปด้วยพลังอำนาจท่วมฟ้า พุ่งทวนไปหาบรรพจารย์หลิงอวิ๋น

เสียงวู้มดังขึ้น ทวนยาวสีดำเล่มนี้ทะลุมิติ ทรงพลังไร้เทียมทาน ทุกสรรพสิ่งพังทลาย บดขยี้ทุกอย่าง หอบม้วนไปด้วยพลังล้างผลาญ มาปรากฏหน้าบรรพจารย์หลิงอวิ๋น แล้วทะลุผ่านไปจากบริเวณหน้าอกของเขา

เสียงร้องน่าเวทนาดังมาจากปากบรรพจารย์หลิงอวิ๋น หน้าอกของเขามีรูมหึมา รอยมรรคาสลาย แต่ละทางๆ ลุกไหม้ขึ้นมา

ความเจ็บปวดอันยากบรรยายแผ่ลามไปทั่วร่าง ดวงตาทั้งสองข้างแดงก่ำ ความรู้สึกอันตรายยิ่งรุนแรง สมองขาวโพลน เหลือเพียงต้องสู้สุดชีวิตเท่านั้น กำลังจะหลอมรวมพลังบำเพ็ญที่ถูกสลายไปอย่างไม่สนอะไรทั้งนั้น ทว่านายกองจะให้โอกาสเขาได้อย่างไร

แทบจะในเวลาเดียวกับที่ทวนยาวพุ่งทะลุ เงาร่างของนายกองประชิดเข้ามาอีกครั้ง สุนัขสวรรค์ปรากฏขึ้น แสงสีน้ำเงินกะพริบวูบวาบ แล้วกลืนลงไปอย่างโหดเหี้ยม

บรรพจารย์หลิงอวิ๋นร่างสะท้านเฮือกอย่างรุนแรง ร่างแปรเปลี่ยนเป็นน้ำแข็งสลักอย่างรวดเร็ว พลังชีวิตมหาศาลถูกดูดออกไปอย่างไม่อาจควบคุมได้ ผสานไปทางนายกองทางนั้น ทั้งหมดนี้ทำให้บรรพจารย์หลิงอวิ๋นคลุ้มคลั่ง

แต่เปล่าประโยชน์ เงาร่างของสวี่ชิงประชิดเข้ามาแล้ว ชกไปบนน้ำแข็งสลักด้วยแรงทั้งหมด

เสียงตูมดังขึ้น น้ำแข็งสลักพังทลาย บรรพจารย์หลิงอวิ๋นทั่วทั้งร่างเลือดสดๆ สาดกระจาย ทั้งคนผมกระเซิงหลุดรุ่ย สะบักสะบอมน่าสมเพชและอ่อนแรงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

นายกองหยิ่งทะนง พุ่งออกไปอีกครั้ง ร่วมมือกับสวี่ชิงได้อย่างสมบูรณ์แบบทั้งสองสลับเข้าออกโจมตี ในเวลาสั้นๆ นี้สำแดงการโจมตีอย่างถล่มภูเขาล่มมหาสมุทรใส่บรรพจารย์หลิงอวิ๋น

ผู้บัญชาการทหารและกองทัพที่อยู่รอบๆ กำลังจะเข้าช่วย แต่พวกนายท่านเจ็ดต่างปะทุรัศมีอำนาจขึ้น

จากนั้นบรรพจารย์หลิงอวิ๋นก็ส่งเสียงคำรามสะเทือนเลื่อนลั่น กลิ่นอายเดือดพล่านซัดโหม คล้ายว่าเป็นพลังเฮือกสุดท้ายของชีวิต แต่ไม่ได้ลงมือ กลับถอยหลังไป การตัดสินใจของเขาคือหลบหลีกความรุ่งโรจน์ของศัตรู

เห็นได้ว่า การลงมือของสวี่ชิงและนายกองทำให้บรรพจารย์หลิงอวิ๋นหวาดกลัว

แต่เขาไม่มีโอกาสแล้ว

ทางนายกองทางนั้นทั่วทั้งร่างสะบัด แสงสีน้ำเงินราวมหาสมุทร ท่ามกลางแสงกะพริบทั่วสารทิศแปรเปลี่ยนเป็นหนอนสีน้ำเงินนับไม่ถ้วน หอบม้วนทะเลแสงก่อเป็นมือยักษ์สีน้ำเงินข้างหนึ่ง พุ่งไปหาบรรพจารย์หลิงอวิ๋นแล้วบดขยี้!

ทางสวี่ชิงทางนั้น ร่างปะทุปราณสีดำขึ้นมาทันที พันล้อมรอบกาย ก่อเป็นเกราะสีดำ ในดวงตาแสงไฟเย็นเยือกลุกไหม้ กลิ่นอายในเสี้ยวขณะนี้ปะทุอย่างน่าตื่นตะลึง

นี่ไม่ใช่ทั้งหมดของสภาวะเทพขั้นที่สองของเขา เป็นเพียงแค่บางส่วนเท่านั้น

ร่วมมือกับนายกองลงมือสังหารบรรพจารย์หลิงอวิ๋นคนหนึ่ง ยังไม่มีค่าพอให้สวี่ชิงใช้เลือดเนื้อของชื่อหมู่ สำแดงสภาวะเทพขั้นที่สองสภาวะสมบูรณ์ ตอนนี้เป็นสภาวะที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาโดยไม่ต้องใช้เลือดเนื้อของชื่อหมู่

เพียงพริบตา ทั้งสองคนปะทุพลัง ลงมือพร้อมกัน ฟ้าดินสั่นคลอน ทัณฑ์สวรรค์คำรามลั่น ขณะมิติแตกร้าว เงาร่างสวี่ชิงก็ประชิดไปยังบรรพจารย์หลิงอวิ๋น มือขวายกขึ้นปราณดำปะทุ พันล้อมทวนยาว ก่อเป็นเงาดาบข้างนอก แล้วแปรเปลี่ยนเป็นดาบสวรรค์

ดาบนี้กวาดโหม ฟันผ่านคอของบรรพจารย์หลิงอวิ๋นไป!

พิษต้องห้ามแผ่ลามไปอย่างรวดเร็ว แผ่ระลอกไปทั่วร่างหลิงอวิ๋น เน่าเปื่อยไปอย่างรวดเร็ว

หลิงอวิ๋นร้องครวญคราง รอยมรรคาของเขาเกิดรอยถูกกัดกร่อน

ขณะเดียวกัน มือใหญ่สีน้ำเงินที่นายกองจำแลงออกมา ก็คว้าไปยังบรรพจารย์ หลิงอวิ๋นที่ตัวและศีรษะแยกออกจากกัน แล้วขยี้ไปเต็มแรง ท่ามกลางเสียงดังสนั่นหวั่นไหว กายเนื้อของหลิงอวิ๋นกลายเป็นเศษเนื้อเละๆ ใบหน้าของนายกองปรากฏขึ้น กำลังจะเขมือบกลืนกินลงไป

แต่เสี้ยวขณะต่อมา เขาสังเกตเห็นพิษในนั้นถึงรีบล้มเลิก เปลี่ยนจากกลืนกินเป็นเก็บลงไป

แสงสีน้ำเงินในเสี้ยวขณะนี้สลายไป เผยให้เห็นร่างแท้จริงของนายกอง มองสวี่ชิงอย่างเง้างอดผาดหนึ่ง

ร่างสวี่ชิงเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว จากสภาวะเทพขั้นที่สองกลับเป็นขั้นที่หนึ่ง ยืนอยู่ตรงนั้น มองไปทางกองทัพ รังสีอำมหิตพวยพุ่ง ทำให้ฟ้าดินมืดหม่น

รอบๆ เงียบสงบลงอย่างรวดเร็ว สายตานับไม่ถ้วนรวมอยู่บนร่างสวี่ชิงและนายกอง เสียงสูดลมหายใจเป็นระลอกๆ ทยอยดังมา

ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วเหลือเกิน ดุดันเป็นอย่างยิ่ง ทุกคนที่นี่ต่างจิตใจสั่นสะท้าน

ผู้บำเพ็ญระดับสมบัติวิญญาณสังหารผู้บำเพ็ญระดับหวนสู่อนัตตา

เรื่องนี้…แทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะเกิดขึ้น แต่วันนี้ คนทั้งหลายที่อยู่ที่นี่เห็นเป็นประจักษ์กับตา!

ฝ่ายผู้บัญชาการทหาร ผู้บำเพ็ญหลายหมื่นบนร่างต่างมีระลอกคลื่นรุนแรง ชายกลางคนบนหลังช้างสีขาวตอนนี้สีหน้าเคร่งเครียด ในดวงตาฉายแววโหดเหี้ยม

และในเขตปกครองผนึกสมุทรแห่งนี้ นายท่านเจ็ดยิ้มขึ้นมา ในดวงตาแฝงไว้ด้วยความชื่นใจ แล้วมองไปทางแผ่นดินใหญ่เซ่นจันทราผาดหนึ่ง ขณะที่คล้ายครุ่นคิดอะไร หางตาก็กวาดไปทางท้องฟ้า ไม่พูดอะไร

เสี่ยเลี่ยนจื่อกลับลูบเครา สีหน้าภาคภูมิใจ แฝงด้วยความได้ใจ ดูแล้วเหมือน สีหน้าที่นายกองชอบทำ มีความคล้ายอยู่หลายส่วน

โหวเหยาใบหน้าฉายแววแปลกประหลาดอัศจรรย์ใจ จุดที่เขามองโดยเฉพาะคือตัวอักษรสองตัวนั้นที่อยู่บนใบเรือ!

ส่วนคนอื่นๆ สีหน้าแตกต่างกันไป

เจ้าวังทั้งสาม ผู้ดูแล ตลอดจนผู้แข็งแกร่งสำนักต่างๆ ต่างมองค้าง

บนพื้นดิน ในใจของเหยาอวิ๋นฮุ่ยเกิดระลอดคลื่นอารมณ์ ในช่วงนี้ นางอดคิดถึงความดีของสวี่ชิงขึ้นมาไม่ได้ อีกทั้งยังค่อยๆ หยั่งรากลึกไม่สั่นคลอนอีกด้วย

ทำให้ตอนนี้สีหน้าอึ้งตะลึงไปเล็กน้อย

ส่วนจื่อเสวียนที่งดงามอ้อนแอ้นอรชร ในดวงตาของนางไม่มีเรือยักษ์ ไม่มีสรรพสิ่งทั้งหลาย มีเพียงเงาร่างที่ยืนอยู่ไกลๆ ร่างนั้นที่กลายเป็นเพียงสิ่งเดียวในโลกของนาง เอ่ยเสียงพึมพำแผ่วเบา

“กลับมาก็ดีแล้ว”

ใบหน้างดงามเลิศล้ำหาใครเทียบ ความกลัดกลุ้มค่อยๆ สลายไป เผยให้เห็นสีหน้าอันงดงามสดใส ยิ่งทวีความเฉิดฉัน

ดวงตางามเต็มไปด้วยรอยยิ้ม คล้ายสรวลแย้มเยื้อนกับหมู่มาลา บุปผชาติก็คล้ายจะเข้าใจจิตใจของนาง ประดุจสายลมพัดแผ่ว วสันต์มาเยือน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!