Skip to content

Outside Of Time 777

บทที่ 777 สายเซียนต่างวิถีจะโด่งดังแล้ว

ยามนี้สตรีลึกลับที่เอ้อร์หนิวพูดถึงหายใจหอบถี่ ดวงตา จับจ้องสวี่ชิงเหมือนมองสัตว์ประหลาด

ก่อนหน้านี้นางคิดจะขายเฉินต้าชิงที่เข้าไปด้วยกันให้ เป็นแพะรับบาปปัดความผิดให้เขาหลังออกมาจริง และทาง ฝั่งตนก็ปกปิดเป็นอย่างดีตั้งแต่ต้นจนจบ ต่อให้เฉินต้าชิงไปพูดอย่างไรก็ไม่มีเบาะแสใดให้ขุดค้น

แต่บัดนี้ ระลอกคลื่นในใจนางสูงเทียมฟ้า นางรู้จักสายเซียนต่างวิถี

ความจริงนางรู้จักสายโดยทั่วไปในวังศึกษาทั้งหมด นี่ เกี่ยวกับฐานะผู้ร่ำเรียนและเกี่ยวกับภูมิหลังของนาง

นางไม่เพียงคุ้นเคยกับสายต่างๆ ในวังศึกษา กระทั่ง สุดยอดสำนักภายนอกเหล่านี้นางก็รู้มากกว่าคนทั่วไป แต่ก็เพราะรู้จักนี้เอง ยามนี้นางจึงสั่นสะท้านรุนแรงปานนี้

“ไหมวิญญาณหลายแสนเส้น…ไม่ว่าหลี่เสวียนเฟิงหรือ เฉินเต้าเจ๋อ ตอนนั้นล้วนทำไม่ได้!”

“ว่ากันว่าหลี่เสวียนเฟิงในตอนนั้นมีไหมวิญญาณห้าหมื่นเส้น เฉินเต้าเจ๋อเยอะกว่าหน่อย แค่เจ็ดหมื่นเส้นเท่านั้น”

“นอกจาก…พวกเขาสองคนยังไม่ตาย อยู่มาถึงตอนนี้ อาจยังพอทำได้…”

“แต่นี่เป็นไปไม่ได้ หลี่เสวียนเฟิงเป็นคนเมื่อแปดพัน ปีก่อน เว้นแต่จะเป็นเตรียมสู่เทวะไม่อย่างนั้นตามกฎเกณฑ์ วิถีสวรรค์คงอยู่ไม่ได้นานเพียงนี้ หรือว่า… คนผู้นี้คือเฉินเต้า เจ๋อ ภายนอกบอกว่าตอนนั้นเฉินเต้าเจ๋อกลายเป็นสิ่งมีชีวิต ประเภทเทพ กลับร่างเดิมไม่ได้ สุดท้ายกลายเป็นตัวอย่างคือ เรื่องเท็จหรือ”

ใจนางสับสนยิ่ง เรื่องที่เห็นวันนี้โค่นล้มความรู้ ความเข้าใจของนาง ไหมวิญญาณหลายแสนเส้นน่ากลัวเกินไป

กระทั่งด้วยความตกตะลึงเช่นนี้ใบหน้าธรรมดาของนาง ถึงขั้นไม่เข้ากับอารมณ์และน้ำเสียงที่แสดงออกมา ดูแข็งทื่อเล็กน้อย นี่ยิ่งยืนยันเรื่องที่นางสวมหน้ากากมนุษย์

ยามนี้กล่าวจบแล้ว นางจ้องสวี่ชิงไม่วางตา อยากจะเห็น เบาะแสรายละเอียดบางอย่างเพื่อพิสูจน์การคาดเดาที่แทบจะ ไร้เหตุผลของตน

สวี่ชิงสีหน้าปกติ มองสตรีตรงหน้าผาดหนึ่ง เขาไม่สนใจความสั่นสะท้านของอีกฝ่าย และทุกคนแค่บังเอิญมาเจอกัน เขาไม่จำเป็นต้องตอบอะไร

สวี่ชิงจึงเบนสายตามองไปยังสำนักย่อยยอดจักรพรรดิ ดาราที่นายกองมุ่งหน้าไป แต่ยังแบ่งประสาทสัมผัสเทพกลุ่ม หนึ่งไว้ที่สตรีผู้นั้นอยู่ตลอด หากอีกฝ่ายคิดไม่ซื่อ เขาจะลงมือทันที

ขณะเดียวกันใจสวี่ชิงก็วิเคราะห์วิชาสายเซียนต่างวิถีที่ ตนสำแดงเดชก่อนหน้านี้

นี่เป็นครั้งแรกที่เขาใช้วิธีถักทอไหมวิญญาณตอนสู้กับคน แม้ดูจากอานุภาพจะยังไม่ค่อยพอ แต่การเปลี่ยนแปลงของกลิ่นอายได้เปรียบกว่ามาก

ทั้งยังยืดหยุ่นพลิกแพลงได้มากกว่าการเผยสภาวะ เทพเจ้าขั้นแรกเพียงอย่างเดียว

สำคัญที่สุดคือสามารถทะลวงขีดจำกัดที่มีอยู่แต่เดิม ตราบใดที่จำนวนไหมวิญญาณมากพอก็ยกระดับได้ไม่สิ้นสุด ‘ขีดจำกัดที่มีอยู่แต่เดิมขึ้นอยู่กับการเปลี่ยนแปลงสภาวะ และจำนวนไหมวิญญาณที่สภาวะเทพขั้นแรกต้องการ หาก เป็นไหมวิญญาณสายเซียนต่างวิถี ด้วยแก่นแท้ของมันคือการ เลียนแบบพลังต้นกำเนิดเทพ จึงต้องใช้เป็นหลายล้านเส้นถึง จะก่อรูปได้

‘ทว่าไหมวิญญาณของข้าล้วนเกิดจากพลังต้นกำเนิด เทพ ดังนั้นความจริงใช้สองแสนเส้นก็เพียงพอแล้ว

‘แต่สภาวะเทพขั้นที่สองมีอานุภาพมากกว่า ซับซ้อนกว่า สภาวะเทพขั้นแรก วิเคราะห์ด้วยสิ่งนี้ คงต้องใช้ห้าแสนเส้นถึง จะถักทอออกมาได้

‘นี่ก็คือเหตุผลว่าทำไมข้าต้องใช้เลือดเนื้อซื่อหมู่มาช่วย เสริมตอนสำแดงสภาวะเทพขั้นที่สองตามปกติ’

สวี่ชิงใช้ประโยชน์จากวิชาสายเซียนต่างวิถี นอกจากเข้าใจสิ่งนั้นแล้วยังเข้าใจสภาวะเทพของตนลึกซึ้งยิ่งขึ้น

‘จำนวนไหมวิญญาณข้ายังน้อยเกินไป…’

‘คืนนี้ลองกลับไปสูดรับเลือดเนื้อซื่อหมู่ ดูว่าจะใช้วิชาสายเซียนต่างวิถีหลอมเป็นไหมวิญญาณได้หรือไม่!’

สวี่ชิงครุ่นคิด

สตรีตรงหน้ากลับยิ่งรู้สึกสวี่ชิงลึกล้ำยากคาดเดา ยิ่งเขาไม่พูด นางไม่ได้เบาะแสรายละเอียดใด ก็ยิ่งเกิด ความรู้สึกนึกคิดมากมายเพิ่มมาในหัว

การเสริมเติมแต่งเช่นนี้ทำให้นางยิ่งมองว่าเขาลึกลับ เวลาไหลผ่านไปครึ่งชั่วยามในความเงียบสงัดเช่นนี้ เห็นสีท้องฟ้ายิ่งมืดมิด รุ่งอรุณใกล้มาเยือน สวี่ชิงมองสำนักย่อยยอดจักรพรรดิดารา ค่อยๆ มุ่นหัวคิ้ว

จากที่เขารู้จักนายกอง ปกติอีกฝ่ายจะไม่ทำการชักช้าเช่นนี้ ส่วนใหญ่รวดเร็วฉับไว ถึงจะเข้ากับนิสัยเขา แต่ตอนนี้ค่อนข้างนานแล้ว

“อาจเกิดเรื่องกับสหายเจ้าผู้นั้นแล้ว…”

เห็นฟ้าใกล้สว่าง สตรีลึกลับผู้นั้นลังเลครู่หนึ่งจึงส่งเสียง ทว่าพริบตาที่นางกล่าวออกมา ภูเขาแสงดาวเรืองรอง ที่ตั้งสำนักย่อยยอดจักรพรรดิดาราพลันเปล่งแสงวาบ เงาร่าง สายหนึ่งพุ่งออกจากในนั้น นายกองนั้นเอง

เขาสะบักสะบอมทั้งร่าง สภาพยํ่าแย่ยิ่ง มีบาดแผลตามกายไม่น้อย มีแต่รูเต็มไปหมด เลือดไหลทะลัก แต่สีหน้ากลับ เหิมฮึกไร้ใดเปรียบ

หลังจากออกมา เขามองสวี่ชิงเพียงผาดเดียว สวี่ชิงก็ เข้าใจความหมาย ไม่มีความลังเลใด ไหมวิญญาณ 310,000 เส้นก็พวยพุ่งออกไปด้านนอกขณะยกมือ ก่อเป็นร่างฐานเทพเจ้าขนาดมหึมารูปหนึ่ง

ปล่อยพลังทั้งหมดออกมา

ด้วงยักษ์แผ่พลังอำนาจน่าสะพรึงกลัวทั่วร่าง คลื่นความ เป็นเทพอยู่ด้านนอก เนื้อในคือพลังของผู้บำเพ็ญ แหงนหน้า คำรามไร้เสียง สะกดไปทางภูเขาสุกใสข้างหน้านายกอง

พริบตาต่อมา ภูเขาแสงดาวแวววามข้างหลังนายกอง เกิดคลื่นสะท้อน เงาร่างหลายสิบร่างพุ่งออกมาจากในนั้น ต่างคนฉายแววโกรธเกรี้ยว จิตสังหารรุนแรง

แต่ทันทีที่ปรากฏตัว เป็นตอนที่ร่างฐานไหมวิญญาณ ของสวี่ชิงมาถึงพอดี สองฝ่ายพลันปะทะกัน เสียง เลื่อนลั่นสะท้อนก้อง

และที่น่ากลัวยิ่งกว่าคือเมื่อสวี่ชิงนึกคิด ไหมวิญญาณ พรั่งพรู เปลี่ยนรูปร่างเป็นสิ่งมีชีวิตประเภทเทพหยินพิฆาต

หยินพิฆาต คือสิ่งมีชีวิตประเภทเทพที่ปรากฏตัวและ หลบซ่อนอยู่ทางตะวันตกของแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ ลักษณะมันคล้ายกับแมงมุม แต่รูปร่างไม่ใช่ทรงกลม กลับ จะตัวยาวเหมือนตะขาบ

ในระดับหนึ่งออกไปทางแมงมุมกับตะขาบรวมร่างกัน ทั้งยังพ่นใยได้ บัดนี้หลังจากปรากฏตัว หยินพิฆาตอ้าปากกว้าง พลันพ่นเส้นใยสีดำออกมาเป็นสายนับไม่ถ้วน เกิด เป็นตาข่ายแผ่ปกคลุมภูเขาสุกใสลูกนั้น

สกัดคนหลายสิบคนในนั้นที่ไล่ตามมาไว้ด้านใน

ทำเรื่องเหล่านี้เสร็จ สวี่ชิงบีบแผ่นหยกส่งข้ามจนแหลก โดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย เงาร่างหายไปในพริบตา

และฝั่งนายกองก็ฉวยโอกาสตอนที่สวี่ชิงขัดขวางหนี ออกมาได้ด้วยการบีบแผ่นหยกส่งข้ามจนแหลกเช่นกัน หายไปไม่เหลือร่องรอย

ในขั้นตอนทั้งหมด พวกเขาไม่ได้กล่าวอะไรออกมาเลย เพียงส่งสายตาครั้งเดียวเท่านั้น…

ส่วนสตรีผู้นั้น แม้ไม่มีสัญญาณอันเป็นที่รู้กันของสวี่ชิงกับนายกอง แต่นางก็ถอยห่างออกไปทันที ซ่อนเงาร่างอยู่ ในคํ่าคืนมืดมิด

ทว่าพริบตาต่อมา เงาร่างที่ซ่อนอยู่ของนางพลันเกิดแสง สีฟ้าแยงตา ดูสะดุดตาในราตรีเป็นพิเศษ

สตรีที่ห้อตะบึงพลันหน้าเปลี่ยนสี นางไม่ต้องวิเคราะห์ก็ เดาได้ทันทีว่านี่คืออุบายของเฉินต้าชิงกับเจ้าหมาสองนั้นเป็นแน่ ส่วนตัวการเป็นใคร นางคิดว่าเฉินต้าชิง มีความเป็นไปได้มากที่สุด

‘สมควรตาย!’

นางซ่อนตัวอีกครั้ง แต่ยังคงมีแสงเปล่งออกมา ขณะที่ร้อนใจ นางก็สำแดงวิชาลับ พุ่นเลือดออกมาถึงฝืนสะกดไว้ได้

ขณะเดียวกัน ภูเขาแวววามของสำนักย่อยยอด จักรพรรดิดาราสั่นสะเทือนเลื่อนสั่นในนั้นมีผู้แข็งแกร่งลงมือ ระเบิดพันธนาการด้านนอก ไหมวิญญาณเหล่านั้นก็ค่อยๆ สลายไป ชายชราผมขาวคนหนึ่งทะยานออกมาจากในนั้น ชายชราสวมชุดคลุมดาวพร่างฟ้า สีหน้าเขียวคลํ้า ดวงตาแฝงความโกรธเกรี้ยว เดินออกมาแล้วมองความว่างเปล่าโดยรอบ จากนั้นมองไปยังจุดที่แสงสีฟ้าของสตรีหายไป เสียงก้องสะท้อนเจือเจตนาสังหาร

“ตรวจดูโดยรอบ ตามหาเบาะแสทั้งหมด โดยเฉพาะจุด ที่มีแสงสีฟ้านั่น พร้อมรายงานสำนักหลักให้ปูพรมตรวจสอบ ต้องจับขโมยให้ได้!”

หลายสิบคนด้านหลังเขาพากันสีหน้ายํ่าแย่ ทยอยรับคำ ต่างคนต่างเคลื่อนไหว เริ่มไล่ตาม กว่าครึ่งในนั้นล้วนมุ่ง ไปทางที่แสงสีฟ้าของสตรีหายไป

ส่วนชายชรา ยามนี้เขาขมกลั้นโทสะที่กำลังจะระเบิด หันกายมองไปยังยอดเขา มองวิชาเวทที่หลงเหลืออยู่ตรงนั้น สีหน้าเขาฉงนขึ้นทีละนิด

เขารู้สึกได้รางๆ ว่าเหมือนเคยเห็นร่องรอยวิชาเวทที่ เหลืออยู่นี้ที่ไหนสักแห่ง

เขาจึงยกมือขวาขึ้นคว้าทันที เอาหินภูเขาที่เคยสัมผัสกับไหมวิญญาณของสวี่ชิงมาก้อนหนึ่ง ถือพินิจพิเคราะห์อยู่ตรงหน้า สุดท้ายดวงตาเผยแววเหลือเชื่อ ม่านตาพลันหด
ทันใด

เขานึกได้แล้วว่านี่คือร่องรอยอะไร!

‘ไหมวิญญาณของสายเซียนต่างวิถี?’

สายเซียนต่างวิถี เคยเป็นสายอันดับหนึ่งในวังศึกษา แม้ ปัจจุบันตกตํ่า แต่ชื่อเสียงเลื่องลือยิ่ง ตั้งแต่โบราณมา คนที่ เคยเรียนวิชาสายเซียนต่างวิถีก็มีจำนวนมาก

ดังนั้นผู้แข็งแกร่งในเมืองหลวงจักรพรรดิจึงคุ้นเคยกับสิ่งนี้ เพียงแต่สายเซียนต่างวิถีไม่มีบุคคลที่โดดเด่นปรากฏตัวมานานปี ผู้ที่ฝึกบำเพ็ญก็น้อยลงเรื่อยๆ มาตลอด ชายชราจึงนึกไม่ออกในทันใด

และหลังจากนึกถึงสายเซียนต่างวิถี ในหัวชายชราก็

มีร่างฐานและหยินพิฆาตก่อนหน้านี้ผุดขึ้นมาตามสัญชาตญาณ อีกทั้งพลังอำนาจที่แผ่ออกมาจากสิ่งมีชีวิตประเภทเทพสองอย่างนี้

ทุกอย่างนี้พลันทำให้ใจเขามีคลื่นโหมซัดทันที

‘สายเซียนต่างวิถีขั้นใหญ่!’

ชายชราหันหน้ามองออกไปฉับพลัน จากนั้นหยิบแผ่น หยกสื่อเสียงไปขอข้อมูลเกี่ยวกับสายเซียนต่างวิถีจากสำนักหลักทันที

หลังจากข้อมูลส่งมา เขายิ่งอ่านยิ่งประหลาดใจ นึกถึง สองสิ่งมีชีวิตประเภทเทพก่อนหน้านี้แล้วเทียบกับข้อมูล อีกครั้ง ใจเขาก็ค่อยๆ ส่งเสียงครืนครัน

‘ไหมวิญญาณห้าหมื่นเส้น คือขั้นแรกของขั้นใหญ่ ‘ไหมวิญญาณหนึ่งแสนเส้น คือขั้นสูงสุดของขั้นใหญ่…

‘แตสิ่งมีชีวิตประเภทเทพที่ปรากฏตัวที่นี่เมื่อครู่ จาก ระลอกคลื่นไม่ใช่แค่ไหมวิญญาณหนึ่งแสนเส้น นั่นเกิดจาก ไหมวิญญาณหลายแสนเส้น!

‘เรื่องนี้…’

ร่างชายชราทะยานออกไป มุ่งหน้าสู่สำนักหลักยอด จักรพรรดิดารา

และสีของท้องฟ้าค่อยๆ ขับไล่ความมืดมิด และสว่างขึ้น ในยามนี้จากการที่ดวงอาทิตย์ไกลลอยขึ้นมา

ในจวนหนิงเหยียน สวี่ชิงกลับมาแล้ว แต่ไม่เห็นร่องรอยนายกอง

สวี่ชิงชินกับเรื่องเช่นนี้แล้ว ไม่ได้สนใจ อย่างไรฝั่งนายกองก็ส่งข้ามไปแล้ว ไม่ตายหรอก

ส่วนนายกองขโมยอะไรในสำนักยอยยอดจักรพรรดิ ดารา สวี่ชิงก็ไม่ได้อยากรู้ถึงเพียงนั้น ตอนนี้เขาจดจ่ออยู่กับ วิชาของสายเซียนต่างวิถีมากกว่า

‘ทุกอย่างที่ข้าใช้ลงมือเมื่อคืนล้วนเป็นวิชาของสายเซียนต่างวิถี ดังนั้นเป็นไปได้น้อยนักที่จะถูกเปิดโปง

‘เช่นนั้นสิ่งสำคัญตอนนี้ก็คือลองดูว่าสูดรับเลือดเนื้อซื่อ หมู่มาเพิ่มจำนวนไหมวิญญาณได้หรือไม่’

สวี่ชิงเดินเข้าห้องลับ ผนึกรอบด้านปิดกั้นกลิ่นอาย จากนั้นถอดดวงตะวันบรรพกาลออกมาให้มันลอยสะกดทั่ว สารทิศเหนือศีรษะ ถึงได้นั่งขัดสมาธิ ดวงตาฉายประกาย นำเลือดเนื้อซื่อหมู่ออกมาชิ้นหนึ่ง

เมื่อเลือดเนื้อออกมา คลื่นความเป็นเทพน่าสะพรึงกลัวก็พวยพุ่ง

สวี่ชิงจดจ่อ เริ่มทดลอง เวลาไหลผ่านไป

ด้านนอกเป็นเวลาเช้าตรู่ เกล็ดหิมะโปรยปรายอยู่ใน เมืองหลวงจักรพรรดิดังเดิม ทุกอย่างดูเงียบสงบ แต่จากการ ตรวจสอบของสำนักย่อยยอดจักรพรรดิดารา เรื่องที่ถูกขโมย ของก็แพร่สะพัดเป็นวงแคบๆ ที่เมืองหลวงจักรพรรดิ

ลิขิตไว้แล้วว่ามีพายุลูกหนึ่งที่จะสั่นสะเทือนวังศึกษากำลังก่อตัว

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!