Skip to content

Outside Of Time 786

บทที่ 786 เขาคือเซียนต่างวิถี

คืนนี้เงียบสงบสำหรับคนมากมาย แต่สำหรับบางคน คืนนี้มีลมพัดเข้ามาในจิตใจ โหมคลื่นนับหมื่นจั้ง

อย่างเช่น องค์ชายเจ็ดที่กลับถึงจวน เขาดูเหมือนนั่ง สมาธิ แต่ใจกำลังโหมซัดอย่างรุนแรง เนื้อหาที่มาจากแผ่น หยกนั้นผุดขึ้นมาในหัวเขาไม่หยุดเหมือนภูตผี

อีกตัวอย่างคือเฉินเต้าเจ๋อบรรพจารย์สายเซียนต่างวิถี ยามนี้ด้วยกายอันเป็นร่างฐานของเขามีเกล็ดหิมะสีเขียวลอย ออกมา จากการผสานเมล็ดพันธุ์วิญญาณสีม่วง ไหมวิญ ญาณก็เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

สั่งสมมากจึงปล่อยต่อเนื่อง จำนวนพุ่งพรวดอย่างรวดเร็ว

วิญญาณของเขาเรียบง่ายแต่ทรงพลังกว่าทุกคนในสายเซียนต่างวิถี ถึงขั้นเหนือจินตนาการไปแล้ว นี่คือเหตุผล
ว่าทำไมเพียงเกล็ดหิมะสีเขียวขนาดเล็กก็ทำให้ไหมวิญญาณ ของเขามีมากถึงสามแสนเส้นในพริบตา

บัดนี้ เมล็ดพันธุ์วิญญาณผสานเข้าไป จำนวนไหมวิญ ญาณเพิ่มขึ้นไม่หยุด สี่แสนเส้น ห้าแสนเส้น กระทั่งเกือบหก แสนเส้น

เจ้าสายเซียนต่างวิถีเปิดค่ายกลกำบังระลอกคลื่นที่ แผ่ออกไป ไม่เช่นนั้นต้องเกิดเสียงสนั่นหวั่นไหวเป็นแน่ ที่ต้องกำบังเป็นเพราะความจนปัญญาของเจ้าสาย ถึงอย่างไร…ก็ฝึกบำเพ็ญเร็วเกินไป

ความเร็วที่พอเหมาะจะดึงดูดความสนใจ ทำให้คนใฝ่ ฝันหา แต่หากผิดธรรมดา เช่นนั้นจะทำให้รู้สึกหวาดกลัว

ทว่า แม้การกำบังของเขายากจะทำให้คนนอกสืบพบ

แต่กลับไม่ส่งผลกับสัมผัสรับรู้ของสวี่ชิงแม้แต่น้อย คืนนี้สวี่ชิงลืมตามองไปทางวังศึกษาหลายครั้ง สีหน้าเขาก็เปลี่ยนไปหลายครา ในใจโหมคลื่นเป็นระยะ วิญญาณของเฉินเต้าเจ๋อถึงกับมาอยู่ในระดับเช่นนี้…’

สวี่ชิงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เขาสัมผัสถึงจำนวนไหมวิญ ญาณที่พุ่งพรวดของอีกฝ่ายผ่านเมล็ดพันธุ์วิญญาณได้อย่าง ชัดเจน และการเพิ่มพูนระดับนี้ทำให้พลังต้นกำเนิดเทพของ เขามีมากขึ้น เรียกได้ว่าน่าตกใจ

เวลาเพียงหนึ่งคืนไหมวิญญาณพลังต้นกำเนิดเทพของสวี่ชิงเพิ่มขึ้นนับหมื่นเส้น

ขณะเดียวกัน คืนนี้ทางฝั่งเจ้าสายเซียนต่างวิถีก็จิตใจ โหมซัด

เขาเห็นการยกระดับของบรรพจารย์กับตา ขณะที่ทำให้

เขารู้จักเมล็ดพันธุ์วิญญาณลึกซึ้งยิ่งขึ้น ก็เกิดความหวาดกลัว แท้จริงแล้วเขาที่พูดจาคล้ายว่ามีหลักการมากกับ ภายนอกด้วยท่าทางเด็ดขาดมั่นใจ จะไม่มีการคาดเดากับเมล็ดพันธุ์วิญญาณนี้ในใจได้อย่างไร

แต่เพื่อฟื้นฟูสายเซียนต่างวิถี เขาต้องคว้าโอกาสนี้ไว้ ต่อให้สิ่งนี้เป็นยาพิษ เขาก็ต้องเลือกกลืนลงไป

แม้ตัวเลือกนี้อาจไม่ได้ดีกับอนาคตของสายเซียนต่างวิถี มากนัก ทั้งยังไม่รู้อะไรเลย แต่แทนที่จะปล่อยให้สายเซียนต่าง

วิถีตายไปเงียบๆ เช่นนี้ เขาอยากทุ่มเทสุดกำลังสักครั้ง มากกว่า

แต่สุดท้าย การที่เมล็ดพันธุ์วิญญาณปะทุพรั่งพรูระดับนี้ ทำให้ใจเขาสั่นไหว ความหวาดกลัวเข้มข้นรุนแรง

แต่จากการที่กายอันเป็นร่างฐานของเฉินเต้าเจ๋อค่อยๆ ลืมตา ความรู้สึกนี้จึงลดลง

“นี่คือพลังต้นกำเนิดเทพ’’

เสียงแหบพร่าแฝงความรู้สึกของวันเวลาอันน่าฉงน ก้อง สะท้อนในหูเจ้าสายเซียนต่างวิถี

“คารวะบรรพจารย์!’’ เจ้าสายเซียนต่างวิถีคุกเข่าลง รู้สึก ตื่นเต้น

“มีคน…เดินอยู่ข้างหน้าเรา นี่ก็พิสูจน์โดยอ้อมว่าวิชาสายเซียนต่างวิถีของข้าทำได้จริงจากทฤษฎี”

“พวกเราใช้ไหมวิญญาณเลียนพลังต้นกำเนิดเทพ แต่ เขากลับมุ่งไปทางตรงข้าม กำหนดวิธีด้วยผลลัพธ์ ใช้วิชาสาย เซียนต่างวิถีของข้าปลุกพลัง”

“เป็นเทพเป็นเซียนได้เพียงนึกคิด บางที…นี่อาจเป็น เซียนต่างวิถีที่แท้จริง”

ยามนี้กายอันเป็นร่างฐานขนาดมหึมาของเฉินเต้าเจ๋อ ค่อยๆ รางเลือน สุดท้ายร่างเขาก็กลายเป็นไหมวิญญาณ นับไม่ถ้วนรวบเข้าหากันท่ามกลางเสียงครืนครัน กระทั่งตอนที่ หายไปหมดสิ้น ปรากฏเป็นร่างจริงที่เขาไม่ได้เผยออกมาสองพันปี

ดวงตาเขาเว้าลึก รอบๆ หางตาเต็มไปด้วยรอยย่น เป็น ประจักษ์พยานให้แก่วันเวลาและความทุกข์ยากที่เขาพบเจอ

ผมยาวสีขาวเทา ร่างกายผอมแห้ง รอยย่นเต็มหน้า แต่ ประกายแวววามในดวงตาแฝงสติปัญญายากอธิบาย คล้าย แผดเผาวิญญาณทุกสรรพสิ่ง กระทั่งมองทะลุแก่นแท้ความเป็น คนได้

เฉียบคมอย่างยิ่ง

ยามนี้หลังเอ่ยเสียงแหบแห้ง เขาก็สัมผัสรับรู้ร่างกาย ของตนก่อน นัยน์ตาฉายแววทอดถอนใจ เขานึกไม่ถึงจริงๆ ว่า ตนจะมีวันที่ยังฟื้นฟูกลับมาได้

และเดิมที เขาก็เตรียมตัวจะตายจากไปอย่างช้าๆ เช่นนี้ แล้ว

แต่ตอนนี้ในเมื่อฟื้นตื่น เขาก็ตัดสินใจเด็ดขาด จึงเดิน ไปหาเจ้าสายเซียนต่างวิถี ยกมือตบบ่าอีกฝ่าย

“ไม่ต้องคิดมาก เพียงใจเจ้าเชื่อว่ามันคือเซียนต่างวิถี ความซับซ้อนทั้งหมดนี้ก็จะเปลี่ยนเป็นง่ายดาย”

“เซียนต่างวิถี…” เจ้าสายเซียนต่างวิถีหายใจหอบถี่เล็กน้อย พยักหน้าเงียบๆ ขบฟันรุนแรง คล้าย ความหวาดกลัวและลังเลกลุ่มสุดท้ายในใจออกไป

และจากการที่ความยึดมั่นในใจเขาหายไป จิตใจก็โปร่งโล่งอย่างสิ้นเชิง ทำให้เกล็ดหิมะสีม่วงในกายเขาเกิดการเปลี่ยนแปลง ผูกกันแน่นหนากว่าเดิม

สิ่งที่ตามมาคือไหมวิญญาณยกระดับอีกครั้ง ทะลวง โซ่ตรวนที่เคยมี บรรลุถึงหนึ่งแสนเส้น

“เพิ่มอีกไม่ได้แล้ว นี่เกินขีดจำกัดของวิญญาณเจ้า เดิม ด้วยวิญญาณของเจ้าไม่มีทางก่อไหมวิญญาณหนึ่งแสนเส้นได้ นี่คือการสนับสนุนจากเกล็ดหิมะสีเขียวที่เจ้าแยกออกมา”

เฉินเต้าเจ๋อจ้องมองเจ้าสายเซียนต่างวิถี สายตาเขาลึกลํ้า คล้ายอ่านทุกสิ่งของคนรุ่นหลังตรงหน้าได้ทะลุปรุโปร่ง

“หากอยากทะลวง เจ้าลองช่วยศิษย์ที่ผสานเกล็ดหิมะสีเขียวดูได้ ลองดูว่าหลังจากไหมวิญญาณของพวกเขาเพิ่มขึ้น ถึงจำนวนหนึ่งแล้วจะ…สร้างเมล็ดพันธุ์วิถีในขั้นต่อไปได้หรือไม่!”

เจ้าสายเซียนต่างวิถีได้ยิน นัยน์ตาฉายแววประหลาด พลางพยักหน้า

เวลาก็ไหลผ่านไป 7 วันเช่นนี้

ใน 7 วันนี้ สวี่ชิงมาเจดีย์ขาวสายเซียนต่างวิถีเหมือนเช่นเคยทุกวัน สัมผัสรับรู้วิชาสายเซียนต่างวิถีที่ละเอียดกว่า
ท่ามกลางการฝึกบำเพ็ญของศิษย์หลักจำนวนมาก

เขาสังเกตได้นานแล้ว ยิ่งมีคนฝึกบำเพ็ญสายเซียนต่างวิถีมากเท่าไร คลื่นพลังที่แผ่ซ่านอยู่ในเจดีย์ขาวเป็นของบำรุงชั้นดีต่อการฝึกกำหนดลมหายใจของเขา

จะทำให้คลื่นวนในทะเลความรู้สึกเขาหมุนวนได้ราบรื่นยิ่งขึ้น

สวี่ชิงจึงชอบสภาพแวดล้อมเช่นนี้มาก

ขณะเดียวกัน สวี่ชิงก็สังเกตเห็นพฤติกรรมของเจ้าสายเซียนต่างวิถี อีกฝ่ายไม่ฝึกบำเพ็ญอยู่ชั้นบนทั้งวันอีก แต่ย้อน กลับมาชี้แนะการฝึกบำเพ็ญให้ศิษย์ในโถงใหญ่หลายครั้ง คล้ายกำลังคัดเลือก

เขาก็เคยเลือกสวี่ชิง แต่เพราะการฝึกบำเพ็ญช่วงหลังของสวี่ชิงค่อนข้างช้า อีกทั้งสวี่ชิงไม่รู้จักประจบเอาใจเท่าศิษย์หลักบางคน

ดังนั้น ในขณะที่คนอื่นขยันหมั่นเพียร ก็จะเปรียบเทียบกับสวี่ชิงทางนี้

ไม่ใช่แค่สวี่ชิงที่เป็นเช่นนี้ไม่ว่าจะเป็นศิษย์หลักกลุ่มแรก สุดผสานเมล็ดพันธุ์วิถีได้แล้วหรือที่ลังเลมาตลอด ล้วนค่อยๆ ถดถอยไปเช่นนี้

ที่จริงตอนนี้ศิษย์หลักสายเซียนต่างวิถีมีมากถึงหลายร้อยคนแล้ว ในนั้นไม่ขาดพวกจิตวิญญาณเลิศล้ำ จะไล่หลังคนเก่าก็ไม่แปลก

และคนเยอะย่อมมีทุกนิสัยใจคอ ยิ่งประกอบกับไม่มีใคร รู้ฐานะภายนอกของแต่ละคน ดังนั้นสันดานบางอย่างที่ไม่ แสดงออกข้างนอกก็จะโผล่ออกมาเป็นบางครั้ง อย่างเช่น การเหยียดหยามและการยั่วยุ สวี่ชิงก็เคยเจอสองสามครั้ง โดยเฉพาะหลังจากเจ้าสายปล่อยวางเรื่องเขา ศิษย์หลักที่ถูกเจ้าสายเลือกคนนั้นก็จะมองมาทางศิษย์เก่าอย่างพวกสวี่ชิงอย่างมีนัยของผู้สูงส่งมองคนตํ่าต้อยทุกครั้ง

สวี่ชิงไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้เขาเดาความคิดของเจ้าสายได้ และอยากรู้มากว่าเมล็ดพันธุ์วิญญาณสีเขียวจะแยกออกเป็น เมล็ดพันธุ์วิญญาณขั้นต่อไปได้อีกหรือไม่

และคนผู้นี้ก็ยอดเยี่ยมจริงๆ จิตวิญญาณยกระดับต่อ เนื่องด้วยการช่วยเหลือของเจ้าสาย

จำนวนไหมวิญญาณในร่างกายเขาก็เพิ่มขึ้นไม่หยุด กระทั่งในวันนี้ ศิษย์ผู้นี้กลายเป็นคนแรกที่มีจำนวนไหมวิญ ญาณถึงห้าหมื่นเส้นในบรรดาคนทั้งหลาย

ยามนั้น พายุที่เกิดจากคลื่นพลังไหมวิญญาณแผ่ระลอก ในเจดีย์ขาว หลังจากดึงดูดความสนใจของทุกคน เจ้าสายก็ พาคนผู้นี้ขึ้นไปชั้นบนทันที

ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาคุยอะไรกัน รู้เพียงตอนที่คนผู้นี้เดิน ลงมาในอีกหนึ่งชั่วยาม เจ้าสายประกาศให้เขาเป็นศิษย์ ตัวแทนสายเซียนต่างวิถี

เมื่อเอ่ยคำนั้นออกมา ศิษย์ทุกคนในสายเซียนต่างวิถีส่วนใหญ่ล้วนก้มหน้า

ศิษย์ตัวแทนสายเป็นตำแหน่งที่สำคัญยิ่งไม่ว่ากับสายใด ทุกการกระทำคำพูดจะเป็นหน้าเป็นตาของสาย และเมื่อได้ เป็นศิษย์ตัวแทนสาย ศิษย์คนอื่นในสายย่อมต้องเคารพ สายเซียนต่างวิถีก็เป็นเช่นนี้ ภายนอกยิ่งให้ความสนใจ สวี่ชิงกวาดสายตาจากที่ไกลๆ พินิจพิจารณาศิษย์ตัวแทนสายเซียนต่างวิถีที่นัยน์ตาฉายแววหยิ่งทะนงผู้นี้ สุดท้ายก็คล้ายครุ่นคิด

‘แยกออกมาแล้วจริงๆ ปรากฏเมล็ดพันธุ์วิญญาณในขั้นต่อไป’

ในร่างกายศิษย์ตัวแทนสายเซียนต่างวิถีผู้นี้ นอกจากเมล็ดพันธุ์วิญญาณสีเขียว ยังมีเกล็ดหิมะสีขาวอีกเกล็ดกำลังก่อรูป

สวี่ชิงถอนสายตากลับมา ออกไปจากเจดีย์ขาวในระหว่างที่ศิษย์คนอื่นเข้าไปล้อมแสดงความยินดีกับศิษย์ตัวแทนสาย

ที่ออกมาพร้อมกันมีศิษย์เก่าอีกจำนวนหนึ่ง และเงาหลังของพวกเขายังอยู่ในสายตาของศิษย์ ตัวแทนสายและศิษย์ที่ห้อมล้อมอยู่ข้างกาย บางคนไม่สนใจ บางคนก็จงใจแสดงความเหยียดหยาม

แต่อย่างไรคืนนี้ เรื่องที่สายเซียนต่างวิถีมีศิษย์ตัวแทน สายปรากฏตัวขึ้นก็ทำให้คนหมู่มากสนใจ ทั้งยังทำให้คนคน หนึ่งตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว คนผู้นั้นคือองค์ชายเจ็ด

หลังจากรู้ว่าสายเซียนต่างวิถีมีลูกศิษย์สร้างไหมวิญ ญาณห้าหมื่นเส้นได้ในเวลาสั้นๆ เขาที่กลับถึงจวน ในหัว ปรากฏคำที่เจ้าสายผสานเทพประเมินเมล็ดพันธุ์วิถีเซียนต่างวิถี

‘สิ่งชั่วร้าย…’

องค์ชายเจ็ดหลุบตาลงเล็กน้อย บดบังประกายมืดหม่นที่ ฉายวาบในดวงตา เขาตัดสินใจแล้ว

คืนนั้น ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองหลวงจักรพรรดิ ในบ้านหลังหนึ่งที่อยู่ใกล้จวนขององค์ชายใหญ่ มีแสงตะเกียง สลัววับแวม เงาร่างสวมชุดดำที่ปิดบังตั้งแต่ศีรษะจรด ปลายเท้านั่งอยู่ที่โต๊ะไม้ในบ้าน ยกนิ้วผอมแห้งเล่นกับไฟใน ตะเกียงน้ำมัน

ร่างกายคนผู้นี้คล้ายถ้ำมืดมิด แสงไฟเดี๋ยวมืดเดี๋ยวสว่างทอดลงบนกาย ไม่อาจทะลุผ่านสักน้อยนิด ถูกดูดเอาไว้ ทั้งหมด

เขานั่งอยู่ตรงนั้นเงียบๆ รอคอยอย่างสงบ

จนเวลาผ่านไปเนิ่นนาน ด้านนอกมีเสียงลมพัดมาแผ่วเบา ไม่นานเงาร่าง 3 ร่างปรากฏอยู่นอกบ้าน เปิดประตูเดินเข้ามาแล้วก้มหน้าไม่เอ่ยคำ

สักพัก เสียงแหบแห้งก็ดังออกจากปากคนชุดดำเรียบๆ “หนึ่ง อย่าสืบฐานะนายจ้าง แม้แต่ข้าก็ไม่รู้เช่นกัน”

“สอง เสร็จเรื่องนี้ พวกเจ้าก็เป็นอิสระ”

“สาม หากเกิดเหตุสุดวิสัย ถูกคนพบเห็นระหว่างกระทำการ พวกเจ้าต้องระเบิดกายเนื้อตนเอง เผยเมล็ดพันธุ์วิถีเซียนต่างวิถีในกาย ให้เบาะแสทั้งหมดชี้ไปที่สายเซียนต่างวิถี ส่วนจะทำให้อย่างไรเหมือนจริงมากขึ้น พวกเจ้าตัดสินเอาเอง”

“สี่ ครั้งนี้นายจ้างต้องการวิญญาณเผ่ามนุษย์ 30 ล้านดวง ไม่เกี่ยงคนธรรมดาหรือผู้บำเพ็ญ แค่เป็นเผ่ามนุษย์ก็พอ นำใส่กานี้แล้วส่งมาให้ข้า”

กล่าวจบ แสงไฟตะเกียงน้ำมันวูบไหว เงาร่างของคนชุด ดำหายไปไม่เหลือร่องรอย มีเพียงกาสีดำ 3 กาตกอยู่ตรงหน้า 3 คน

ทั้ง 3 เงียบนิ่ง สีหน้าเฉยชา ก้าวไปหยิบกาวิญญาณขึ้นมา ไม่มีการสื่อสารด้วยคำพูดและสายตา ต่างคนแยกย้าย หายไปในม่านราตรี

พวกเขาใช้เวลาสั้นที่สุด ออกจากเมืองหลวงจักรพรรดิ ด้วยวิธีต่างกัน บางคนไปพื้นที่วงอื่น บางคนไปแดนอื่น…

และทันทีที่พวกเขา 3 คนออกจากเมืองหลวงจักรพรรดิ สวี่ชิงที่นั่งขัดสมาธิสัมผัสเกล็ดหิมะสีขาวในห้องลับพลันลืมตาขึ้น ดวงตาฉายประกายวาววาม เงยหน้ามองออกไปไกล

เขาสัมผัสได้ว่ามีเมล็ดพันธุ์วิญญาณสีเขียว 3 เมล็ด ออกไปจากเมืองหลวงจักรพรรดิ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!