บทที่ 842 อย่าเพิ่งใจร้อนสหายน้อย มีอะไรค่อยๆ พูดค่อยๆ จา
ขณะนี้ ณ บริเวณนอกผนึก 2 แห่งใกล้เขาเทวะ มีผู้บำเพ็ญจำนวนมากมายกำลังเฝ้าดูอยู่
จิตเทพจำนวนมากแผ่กระจายออกมาเช่นกัน
ส่วนใหญ่เป็นผู้บำเพ็ญจากเผ่านภาคิมหันต์ รวมถึงบางส่วนจากเผ่าพวกเขาเองด้วย
พวกเขาทุกคนต่างถูกดึงดูดมาที่นี่ด้วยคลื่นความผันผวนที่เกิดขึ้น และเมื่อมาถึงก็ได้เห็นเบาะแสต่างๆ และจากผู้ติดตามทั้ง 9 ของฝ่ายหนึ่งที่อยู่บนยอดเขา พวกเขาก็เดาได้ว่าฝ่ายหนึ่งคือ ทั่วสือซาน และต่างก็รู้สึกสงบใจ
ในความคิดของพวกเขา ทั่วสือซาน ผู้มาจากตระกูลนภาคิมหันต์ ผู้มีความสามารถมาตั้งแต่เด็ก และเป็น 1 ใน 5 สุดยอดอัจฉริยะฟ้าประทานของเผ่านภาคิมหันต์ยุคปัจจุบัน หากเขาเลือกที่จะลงมือ ย่อมไม่มีทางแพ้
แม้ว่าสวี่ชิงจะแสดงความยิ่งใหญ่และความแข็งแกร่งที่ยากจะเทียบได้ตลอดทาง แต่โลกนี้ก็ยังมีคนเก่งกว่าคนเก่ง และเหนือฟ้ายังมีฟ้า
เผ่ามนุษย์ผู้ไร้ซึ่งพรสวรรค์แต่กำเนิด แม้จะเป็นอัจฉริยะฟ้าประทาน แต่เมื่อเทียบกับเผ่านภาคิมหันต์ ยังต่างชั้นกันอย่างมาก
แต่ความมั่นใจและความแน่วแน่นี้ ค่อยๆ กลายเป็นความสงสัย จนกระทั่งเวลาผ่านไป 2 ชั่วยาม ทั่วสือซานก็ยังไม่สามารถออกมาได้ ซึ่งทำให้ผู้บำเพ็ญเหล่านั้นยิ่งตกใจมากขึ้น และต่างคาดเดากันไปต่างๆ นานา
“นี่มันไม่ปกติแล้ว!”
“ผนึกของสวี่ชิงผู้นี้…ไม่ธรรมดาเลย!”
ส่วนผู้ติดตามทั้ง 9 ของทั่วสือซาน ยิ่งพะว้าพะวง
ในความคิดของพวกเขา สถานการณ์เช่นนี้มีเพียงความเป็นไปได้เดียวเท่านั้น นั่นคือภายในผนึกของสวี่ชิง มีสิ่งของหรือเหตุการณ์ที่เหนือความคาดหมายอยู่
มิฉะนั้นแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่นายน้อยของพวกเขาจะยังออกมาไม่ได้
ชิวเชวี่ยจื่อเองก็สับสนเล็กน้อย ความคิดและความกังวลของเขาคล้ายคลึงกับผู้ติดตามทั้ง 9
ส่วนนายกองภายนอกดูสงบยิ่ง ทว่าในใจกำลังครุ่นคิด
“เจ้าทั่วภูเขาอึนั่นต้องเป็นจอมหลอกลวงแน่ๆ ดูเหมือนจะเก่งกาจ แต่ข้างในอาจเต็มไปด้วยอึ ไม่งั้นจะได้ชื่อว่าทั่วภูเขาอึได้ยังไง!”
แต่นายกองไม่ได้วิตกกังวลอะไร เขาคิดว่าอาชิงน้อยอยู่กับเขามาเป็นเวลานาน ผ่านเรื่องราวมามากมาย ตั้งแต่ตอนใสซื่ออ่อนต่อโลก จนตอนนี้ที่เขาอยากจะหลอกก็ทำได้ยาก
ทั้งด้านจิตใจและสติปัญญาต่างได้รับการฝึกฝนจากเขาแล้ว คลื่นลมเล็กน้อยในตอนนี้จึงไม่ใช่เรื่องใหญ่
“อาชิงน้อย ตอนนี้มีปัญญาลึกซึ้ง จากการเคี่ยวเข็ญตรากตรำของข้า เรื่องอะไรเขาล้วนแต่ทนได้ แต่เรื่องเสียเปรียบแบบนี้สิทนไม่ได้ เดาว่าเจ้าทั่วภูเขาอึนั้นตอนนี้คงกำลังร้อนใจน่าดู”
สิ่งที่นายกองคิดนั้นถูกต้อง
ตอนนี้ภายในผนึกเขตติงหนึ่งสามสอง ทั่วสือซานที่ยืนอยู่หน้าประตูคุก กำลังกัดฟันก่นด่าไม่หยุดหย่อน
“ให้ตาย!”
เขามองประตูตรงหน้า ความรู้สึกหมดหนทางพอกพูนขึ้นในใจ
ตลอด 1 ชั่วยามที่ผ่านมา เขาลองใช้วิธีการต่างๆ มากมายเพื่อหลีกเลี่ยงแสงอรุณและเปิดประตูคุก แต่ก็ล้มเหลวทั้งหมด
ไม่ว่าเขาจะคิดหรือใช้วิธีใด ก็ไม่มีวิธีใดที่จะสามารถเปิดประตูได้โดยไม่ทำให้แสงอรุณระเบิด
บางครั้งที่เขาขยับตัวแรงไปหน่อย แสงอรุณก็มีท่าทีจะระเบิด ไม่รู้ว่าเป็นการขู่หรือไม่ แต่ทั่วสือซานก็ตกใจจนตัวสั่น รู้สึกใกล้ตายเต็มที
ซึ่งทำให้เขารู้สึกโมโหมาก
“ชั่วช้าจริงๆ เอาสมบัติแดนสงครามมาใส่ไว้ในที่นี้…คนปกติใครจะพกสมบัติแดนสงครามออกมาด้วย มีของแบบนี้ ข้าจะออกไปได้ยังไง?”
ทั่วสือซานด่าในใจ
“สวี่ชิงเอ๋ยสวี่ชิง ข้าประมาทเจ้า ไม่คิดว่าเจ้าจะชั่วช้าได้ขนาดนี้!”
“แต่แม้เจ้าจะเจ้าเล่ห์ แต่ข้าก็ไม่น้อยหน้า มหาขั้นเตรียมสู่เทวะภายในผนึกของข้าต้องเป็นอุปสรรคที่เจ้าข้ามผ่านไปไม่ได้ ข้าออกไปไม่ได้ เจ้าก็อย่าหวังจะได้ออกไป!”
“อย่างแย่ที่สุดก็แค่เสมอกัน!”
ทั่วสือซานหัวเราะเยาะ
และในขณะเดียวกัน สวี่ชิงที่ทำให้เขาต้องกัดฟันอยู่ตลอดเวลานั้น ภายในผนึก 3 สี ก็กำลังขมวดคิ้วอยู่เช่นกัน มองไปที่กลุ่มแสง 3 สีที่ลอยอยู่เบื้องหน้า
ภายในกลุ่มแสง ร่างลวงตาที่ปรากฏขึ้นจากการผสมผสานของ 3 สี กลายเป็นชายชราผมขาว
เขานั่งขัดสมาธิอยู่ภายในม่านแสง สีหน้าสงบ แววเรียบเฉย มองไปยังสวี่ชิง แล้วพูดเบาๆ
“หนุ่มน้อยเผ่ามนุษย์ อย่าเสียแรงเปล่าเลย มีข้าอยู่ เจ้าออกไปไหนไม่ได้”
สวี่ชิงเงียบไป ก่อนหน้านี้เขาเคยลงมือ ใช้กลวิธีต่างๆ มากมาย แต่ก็เหมือนกับกระทิงตกทะเล ไม่สามารถสร้างแรงกระเพื่อมได้แม้แต้น้อย ไม่สามารถทำอะไรมหาขั้นเตรียมสู่เทวะผู้นี้ได้
พลังวิเศษทั้งหมดถูกอีกฝ่ายแก้ทางอย่างง่ายดาย แรงกดดันจากผนึกแห่งนี้เองก็ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น ดูเหมือนจะหลอมรวมกับอีกฝ่ายอย่างสมบูรณ์
หากคนผู้นี้ไม่ยอมถอย ผนึกก็จะไม่เปิดออก
สวี่ชิงทำการประเมินจากจุดนี้ เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายไม่ใช่เพียงมหาขั้นเตรียมสู่เทวะทั่วไป ซ้ำร้ายยังมีความเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับผนึกแห่งนี้
“ที่นี่ น่าจะเป็น 1 ในโลกของมหาขั้นเตรียมสู่เทวะผู้นี้!”
สวี่ชิงคิด ชายชราหัวเราะเบาๆ แล้วพูดต่อช้าๆ
“เจ้าคงเดาได้แล้วว่าโลกใบนี้ คือโลกที่ข้ารังสรรค์ขึ้น”
“ในโลกภายนอก ข้าคือมหาขั้นเตรียมสู่เทวะ แต่ในโลกของข้า ข้าคือเทพเจ้า”
“แต่ข้าจะไม่รังแกเจ้า เจ้าแค่อยู่เงียบๆ ก็พอ”
“หากยังส่งเอะอะอีกล่ะก็…”
ชายชราเลียริมฝีปาก สายตาแสดงความโกรธ แผ่ไอสังหารออกมา
“ข้าจะกินเจ้า”
สวี่ชิงเงยหน้าขึ้น มองมหาขั้นเตรียมสู่เทวะผู้นี้อย่างละเอียดหลายครั้ง ด้วยดวงตาเปล่งประกาย
แม้ว่าเขาจะมั่นใจว่าทั่วสือซานไม่สามารถออกมาจากเขตติงหนึ่งสามสองได้ แต่หากเสียเวลาอยู่แบบนี้ ก็อาจจะเสมอกัน นี่ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่สวี่ชิงต้องการ
ยิ่งไปกว่านั้น ความรู้สึกถูกคุกคามชีวิตเช่นนี้ ก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาอยากเผชิญ
เขายังมีวิธีการที่ยังไม่ได้ใช้ ถ้าใช้ที่นี่ สวี่ชิงคิดว่าน่าจะมีผล
เมื่อคิดได้ดังนั้น สวี่ชิงจึงตบถุงเก็บของ หยิบของ 1 ชิ้นออกมา
เมื่อเห็นว่าสวี่ชิงยังคิดจะก่อความวุ่นวาย ชายชราที่นั่งขัดสมาธิอยู่ในกลุ่มแสง 3 สี ก็แสดงสีหน้าไม่พอใจ ดวงตาฉายแววเย็นชา
เขาคิดว่าเผ่ามนุษย์คนนี้ไม่รู้จักบุญคุณ จึงคิดจะกำราบด้วยเสียงเย็นชา แต่ในชั่วพริบตา เมื่อชายชรารับรู้ถึงสิ่งที่สวี่ชิงหยิบออกมา ดวงตาของเขาก็หดรั้ง ร่างกายแข็งทื่อไปชั่วขณะ
จากนั้นสายตาและจิตเทพของเขาก็ต่างมุ่งไปที่สิ่งของที่อยู่ในมือของสวี่ชิง
นั่นคือป้ายแนะนำ
“นี่คือ…”
ใจของชายชราเกิดพายุปั่นป่วน
“ป้ายแนะนำจักรพรรดิวิญญาณบรรพกาลแห่งยมโลก!”
ชายชราตกใจ พายุภายในตัวเขาแผ่กระจาย กลุ่มแสงรอบกายบัดนี้รับผลกระทบ บิดเบี้ยวอย่างรุนแรง
เมื่อเห็นเช่นนั้น สวี่ชิงก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เขาไม่คิดว่าชายชราผู้นี้จะรู้จักของสิ่งนี้
สิ่งที่เขาหยิบออกมา เป็นป้ายแนะนำที่จักรพรรดิวิญญาณบรรพกาลประทานให้เพื่อส่งอาหาร
ในเมื่ออีกฝ่ายตระหนักรู้ เรื่องต่างๆ จึงง่ายขึ้น
เมื่อคิดได้ดังนั้น สวี่ชิงจึงยกป้ายแนะนำขึ้นสูง มองไปยังผู้เฒ่ามหาขั้นเตรียมสู่เทวะที่ใบหน้าเปลี่ยนสี แล้วพูดอย่างสงบ
“ป้ายแนะนำนี่ เป็นป้ายแนะนำส่งข้ามของจักรพรรดิวิญญาณบรรพกาลของจริง”
“จักรพรรดิวิญญาณบรรพกาลท่านนั้นหิวโหยมานานมากแล้ว หลายปีมานี้ข้าเป็นคนรับผิดชอบในการส่งอาหารไปให้ท่านเพื่อดับกระหาย”
“ท่านผู้เฒ่าที่จริงแล้วค่อนข้างตรงกับความต้องการและมาตรฐานของอาหารของจักรพรรดิวิญญาณบรรพกาลทีเดียว ไม่มีกายเนี้อ ก็ไม่ติดฟัน วิญญาณสมบูรณ์ รสชาติก็น่าจะใช้ได้”
“แต่ข้าเองก็จะไม่รังแกท่าน ท่านเพียงหลีกทางให้ก็พอ”
“หากยังส่งเอะอะอีกล่ะก็…”
สวี่ชิงจ้องมองผู้เฒ่ามหาขั้นเตรียมสู่เทวะ
“ข้าจะส่งท่านไปให้จักรพรรดิวิญญาณบรรพกาลกินเสีย!”
ผู้เฒ่ามหาขั้นเตรียมสู่เทวะใจสั่นคลอน ถ้อยคำช่างคุ้นเคย เป็นถ้อยคำที่เขาพูดกับสวี่ชิงเอง
ตอนนี้กลับถูกอีกฝ่ายย้อนคืน เขามองสวี่ชิง แล้วมองป้ายแนะนำ สีหน้าลังเล
สวี่ชิงสีหน้าปกติ ไม่ได้ให้เวลาผู้เฒ่ามหาขั้นเตรียมสู่เทวะพิจารณา ก็กำมือลงอย่างแรง ทันใดนั้นป้ายแนะนำก็ส่องแสง
จากนั้นพลังอสูรยมโลกก็แผ่กระจายออกมา ก่อตัวเป็นกระแสน้ำวนสีดำ
เมื่อหมุนอย่างรุนแรง ความน่ากลัวก็แผ่กระจายไปทั่ว กลิ่นอายของความเน่าเปื่อยเจืออยู่ภายใน
นั่นคือกลิ่นอายแห่งความตาย
ต่ามมาด้วยเสียงลมหายใจ แฝงด้วยความหิวโหย แห้งผาก ดังออกมาจากภายใน
“หิว…”
เมื่อได้ยินคำนี้ ผู้เฒ่ามหาขั้นเตรียมสู่เทวะก็ตัวสั่นเทา จิตวิญญาณสั่นคลอน
ดวงตาสวี่ชิงฉายแววน่าสะพรึงกลัว กำลังจะทำการอัญเชิญ
ในขณะนั้น ผู้เฒ่ามหาขั้นเตรียมสู่เทวะภายในกลุ่มแสง 3 สี ก็ไม่ลังเลอีกต่อไป รีบกุลีกุจอลุกขึ้น พูดอย่างรวดเร็ว
“สหายน้อย ทุกอย่างเจรจากันได้ มาผูกมิตรกันไว้เถิด”
สวี่ชิงมองอย่างเย็นชา
หลังจากนั้น ด้วยการเจรจาอย่างมีไมตรีจิตกับชายผชราผู้นี้ ชายชราก็ถอยหลัง ใบหน้ายิ้มแย้ม เลือกที่จะหลีกทางให้
“ขอบคุณท่านผู้เฒ่า” สวี่ชิงเป็นคนมีมารยาท ก่อนจากต้องกล่าวขอบคุณ
ชายชรายิ้มแข็งค้าง สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วยิ้มต่อไป
ในชั่วพริบตา ผนึก 3 สีก็พร่าเลือนไปจากเบื้องหน้าสวี่ชิง มันสลายตัวไปอย่างรวดเร็ว ร่างของเขาจึงปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า
ทันทีที่ออกมา สายตาและจิตเทพจำนวนมากก็รวมตัวกัน เสียงหายใจเฮือกและเสียงฮือฮาด้วยความเหลือเชื่อ ก็ดังมาจากทุกทิศทาง
ผู้ติดตามทั้ง 9 ของทั่วสือซานสีหน้าเปลี่ยนไปเช่นกัน
ชิวเชวี่ยจื่อตื่นเต้น นายกองยิ้ม
สวี่ชิงไม่ได้สนใจพวกเขา ขณะนี้เขาลอยคว้างอยู่กลางอากาศ ทอดสายตาไปยังเขตติงหนึ่งสามสองของเขา ในฐานะผู้ดูแล เขาสามารถรับรู้สถานการณ์ภายในได้ด้วยจิตเทพ จึงยกมือขึ้น
ทันใดนั้นเขตติงหนึ่งสามสองก็สั่นสะเทือน ชั่วขณะถัดไป ทั่วสือซานที่ถูกกักขังก็ปรากฏออกมา
“เจ้าแพ้แล้ว”
สวี่ชิงพูดเสียงเรียบ
ทั่วสือซานจ้องมองสวี่ชิง อยากจะด่า แต่ก็สงสัย เขาไม่รู้ว่าสวี่ชิงออกมาได้อย่างไร
ในความคิดของเขา นี่เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
“ท่านผู้เฒ่าปล่อยเขาออกมาจริงๆ หรือ?”
ทั่วสือซานสับสน แต่วาจานั้นเปล่งออกไปแล้ว รอบข้างมีพยานมากมาย หากเขาไม่ทำตามคำพูด ย่อมเสียหน้า จึงได้แต่ยกมือขึ้น ขว้างภูเขา 900 กว่าลูกออกไป เหลือเพียงลูกเดียว ด้วยใบหน้าบูดบึ้ง
สวี่ชิงยกมือขึ้น รับทั้งหมด ภูเขาต้องห้ามเกือบ 1,800 ลูกลอยอยู่เหนือศีรษะ ยิ่งใหญ่ น่าสะพรึงกลัว
และเมื่อเห็นว่าทั่วสือซานทำตามสัญญา สวี่ชิงก็ไม่ได้พูดอะไร หันหลังกลับไปยังเขาเทวะ
นายกองยิ้มแล้วตามหลังไป
ชิวเชวี่ยจื่อตื่นเต้นมาก รีบตามไป
เมื่อทั้ง 3 จากไป ผู้คนรอบข้างต่างตกตะลึง หลีกทางให้โดยสัญชาตญาณ
จนกระทั่งร่างหายลับไปจากสายตา ทั่วสือซานที่เต็มไปด้วยความหงุดหงิดและความสงสัย จึงเก็บผนึก 3 สีของตน เมื่อถือไว้ในมือ เขาก็ส่งสารไปทันที
“ท่านผู้เฒ่า ทำไมท่านถึงปล่อยเขาไปเล่า”
คำตอบที่เขาได้รับ คือเสียงตวาดลั่นด้วยหงุดหงิดของชายชรา
“เจ้าบ้า เด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์คนนั้นมีป้ายแนะนำของจักรพรรดิวิญญาณบรรพกาล มันใช้ป้ายแนะนำขู่ข้า จะให้ข้าทำยังไง!”
“จักรพรรดิวิญญาณบรรพกาลไอ้แก่บ้านั้นมันหิวโหยมาไม่รู้นานเท่าไหร่ ถ้าส่งข้าไปก็แค่ได้แค่ของว่าง”
“เจ้ายังมีหน้ามาถามข้าอีก เหตุใดเจ้าไม่รีบออกมาเองเล่า!”
เมื่อได้ยินเสียงตวาดของชายชรา ทั่วสือซานก็ยิ่งหดหู่ ส่งเสียงเบาๆ
“เขาแขวนแสงอรุณไว้ที่ประตู จะให้ข้าทำยังไงได้?”
ผู้เฒ่าสูดหายใจ แล้วเงียบไป
ทั่วสือซาน ก็เงียบไปเช่นกัน
(>>>พิสูจน์อักษร By Zank<<<)