Skip to content

Outside Of Time 848

Outside of time

บทที่ 848 ส่องสะท้อนแสงสีชาดของท้องฟ้าต่อเนื่อง

นายทาสที่กำลังเจรจากับองค์ชายใหญ่ ก็เป็นชนเผ่าเดียวนภาคิมหันต์เช่นเดียวกัน เขาสวมชุดคลุมหรูหรา พลังบำเพ็ญไม่ธรรมดา ใบหน้าฉายแววเย้ยหยันเล็กน้อย กวาดตามองไปที่สวี่ชิงที่หยุดอยู่ไม่ไกล แล้วมององค์ชายใหญ่

“ก็ไม่ใช่ว่าจะขายให้ไม่ได้”

“แต่ว่าเจ้าเป็นเผ่ามนุษย์หรือเผ่านภาคิมหันต์ล่ะ? ที่นี่มันต่างกันมากนะ”

“หากเป็นเผ่ามนุษย์ เจ้าไม่มีสิทธิ์ซื้อทาส หากเป็นชนเผ่านภาคิมหันต์ ก็อาจจะขายให้เจ้าได้บางส่วน”

นายทาสพูดเสียงเรียบ ใช้มือแง้มปากของเชลยศึกเผ่ามนุษย์คนหนึ่งที่อยู่ข้างๆ

“ดูสิ ฟันยังดีอยู่เลย คุ้มค่าที่จะซื้อไปนา”

สีหน้าชาชินของเชลยศึกเผ่ามนุษย์คนนั้นเปลี่ยนไป ความอับอายขายหน้าปรากฏอยู่ในดวงตา สุดท้ายก็หลับตาลง หากแต่นายทาสใช้มือถางเปลือกตาของเขาให้เปิดออก

นายทาสหัวเราะ สายตาจ้องมองไปที่สวี่ชิงอีกครั้ง ครั้งนี้เต็มไปด้วยความยั่วยุ

การที่สามารถเปิดตลาดค้าทาสในเมืองศักดิ์สิทธิ์ และมีวิธีการขนถ่ายเชลยศึกเผ่ามนุษย์จากแดนใหญ่ฟ้าทมิฬกลับมาได้ นั่นแสดงให้เห็นว่าเบื้องหลังตลาดค้าทาสแห่งนี้ต้องมีอำนาจมหาศาล

ดังนั้นเขาจึงไม่ใส่ใจองค์ชายใหญ่แห่งเผ่ามนุษย์ เพราะเรื่องที่เขาถูกตระกูลมารดาของตนเองทอดทิ้งนั้นเป็นที่รู้กันดีอยู่แล้ว

สิ่งที่เขาสนใจคือสวี่ชิง เผ่ามนุษย์ที่ได้อันดับสูงสุดในด่านแรกต่างหาก

สีหน้าขององค์ชายใหญ่เหยเกไม่สู้ดี ดวงตาเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว แต่ที่นี่คือดินแดนของเผ่านภาคิมหันต์ ดังนั้นเขาจึงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และอดทน หยิบแผ่นหยกออกมาส่งข้อความ เตรียมจะใช้หนทางของตนเองซื้อเชลยศึกเผ่ามนุษย์กลับมา

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่มีสิ่งใดเหนือความคาดหมาย องค์ชายใหญ่ยังมีเพื่อนในเผ่านภาคิมหันต์อยู่บ้าง แม้จะช่วยเหลือการใหญ่ไม่ได้ แต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างการซื้อเชลยศึกเผ่ามนุษย์ นั้นพอจะช่วยได้

ดังนั้นไม่นานนัก ก็มีผู้บำเพ็ญเผ่านภาคิมหันต์เข้ามา หลังจากเจรจา ก็ซื้อเชลยศึกเผ่ามนุษย์เหล่านั้นไป

สวี่ชิงเฝ้าดูอยู่ตลอด จนกระทั่งจบเรื่อง เขาจึงหันหลังกลับไปที่ที่พักเงียบ ภายใต้สายตาเย้ยหยันของนายทาส

แต่เขากลับเดินอย่างเชื่องช้า

แสงอาทิตย์อัสดงวันนี้เป็นแสงแดง

แสงตะวันที่ขอบฟ้าส่องสว่างเส้นทางของเขา อาบไล้สีท้องฟ้าและถนนราวกับโลหิต

ขณะมองไปที่แสงสีแดง เสียง 2 เสียงก็ดังขึ้นในใจสวี่ชิง

เสียงหนึ่งบอกเขาว่า เผ่ามนุษย์กับตัวเขาเอง หาได้มีความผูกพันต่อกัน และประสบการณ์การกินคนในวัยเด็ก ความชั่วร้ายของโลก ส่วนใหญ่ก็มาจากคนในเผ่าเดียวกันทั้งสิ้น

เมืองหลวงจักรพรรดิไม่ใช่บ้านของเขา บ้านของเขาอยู่ที่เขตปกครองผนึกสมุทร

ญาติพี่น้องและเพื่อนฝูง คือความอ่อนโยนของชีวิต

ในยุคสมัยนี้ ในโลกใบนี้ การที่ตนและญาติสนิทมิตรสหายรอบกายมีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างมีความสุข ถือเป็นสิ่งสำคัญสูงสุด

ขณะที่อีกเสียงหนึ่ง ซึ่งเบาบางมาก พูดอะไรบางอย่าง ทว่าตัวสวี่ชิงเองฟังไม่ถนัด

ได้ยินเพียงชื่อของอดีตเจ้าวัง และนามจักรพรรดิครองกระบี่แทรกอยู่ใน 2 เสียงนั้น…

แสงสีชาดสาดส่องตลอดทางของสวี่ชิง

เนิ่นนานมาก เมื่อแสงสีแดงบนท้องฟ้ากำลังจะลับไป เขาก็มาถึงที่พัก

หน้าประตู มีแผ่นหยกหลายสิบแผ่น

นั่นคือจดหมายท้ารบ มาจากผู้บำเพ็ญเผ่านภาคิมหันต์และเผ่าสาขา

ในช่วงครึ่งเดือนที่ผ่านมา เนื่องจากสวี่ชิงไม่รับคำท้า นอกจากจะเจอผู้ที่เข้ามาท้ารบบนท้องถนนหลายหนแล้ว ยังมีคนมาทิ้งจดหมายท้ารบไว้ที่หน้าประตูที่พักทุกวัน

วันนี้ ถือว่าน้อยแล้ว

มองไปที่แผ่นหยกเหล่านั้น สวี่ชิงหยุดเดิน ความทรงจำต่างๆ หลังจากมาถึงเมืองศักดิ์สิทธิ์นภาคิมหันต์ผุดขึ้นมาเป็นฉากๆ สายตาเดียจฉันท์ ความรู้สึกราวกับเพียงลมหายใจก็ถูกปฏิเสธ กวนใจสวี่ชิงอยู่บ้าง

ซ้ำยังความเศร้าโศกของชิวเชวี่ยจื่อ ความเย้ยหยันของนายทาส

และเชลยศึกเผ่ามนุษย์เหล่านั้น สีหน้าชาชินและแววตาอัปยศอดสูของเผ่ามนุษย์ที่ถูกแง้มปาก

สวี่ชิงหลับตาลง

ตั้งแต่เด็กจนโตการสังหารของเขาล้วนเกิดจากการสัมผัสถึงจิตสังหาร ดังนั้นเขาจึงต้องลงมือฆ่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นภัยคุกคามชีวิตของเขา

และเหตุผลที่เขาเมินเฉยเวลาอยู่ในเมืองศักดิ์สิทธิ์ สาเหตุหลักเป็นเพราะสวี่ชิงไม่อยากสร้างปัญหา

ก่อนที่จะได้อันดับสูงสุดในด่านแรก เป้าหมายของเขาชัดเจน ดังนั้นเขาจึงสามารถลงมือฆ่ามาได้ตลอดทาง แต่หลังจากมาถึงที่นี่ สิ่งที่เขาคิดคือการใช้ชีวิตอย่างสงบสุขใน 1 เดือนนี้ จนกว่าด่านที่ 2 จะเริ่มต้น

ระหว่างนี้ เขาไม่อยากให้เกิดเรื่องไม่คาดฝัน

การท้าทายเหล่านี้ เขาเชื่อว่าบางส่วนเกิดขึ้นเอง แต่เขาก็รู้ดีว่าบางส่วนต้องมีผู้อยู่เบื้องหลัง

เพื่อที่จะไล่เขาออกจากเมือง

เพราะในเมืองศักดิ์สิทธิ์ ไม่มีใครสามารถลงมือได้

และการรับสาสน์ท้ารบ ต้องออกจากเมือง…

“ไม่เป็นไร อดทนอีกสักหน่อยจะเป็นไร”

สวี่ชิงพึมพำในใจ สายตาหันเหจากแผ่นหยกท้ารบ เดินไปยังประตูที่พัก แต่ย่างก้าวกลับช้าลง หนักอึ้งขึ้น

ภายในที่พัก นายกองสังหรณ์ใจจึงเงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจ กำลังจะลุกขึ้นไปดู

แต่ในขณะนั้นเอง ก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นจากด้านหลังของสวี่ชิง ชายหนุ่มเผ่านภาคิมหันต์ 5 หรือ 6 คนที่เคยท้าทายสวี่ชิงบนถนนเมื่อหลายวันก่อน เพื่อหวังชื่อเสียง ปรากฏตัวขึ้น

คนเหล่านี้พลังบำเพ็ญล้วนอยู่ในระดับสมบัติวิญญาณ การท้ารบหลายครั้ง ทำให้พวกเขามีชื่อเสียงในกลุ่มคนหนุ่มสาวเผ่านภาคิมหันต์ ดังนั้นวันนี้จึงมารวมตัวกัน เตรียมที่จะทิ้งแผ่นหยกท้ารบต่อไป

เมื่อเห็นสวี่ชิงจากระยะไกล หนึ่งในนั้นหัวเราะเยาะ ยกมือขึ้นโยนแผ่นหยก ตกลงบนพื้นหน้าที่พัก กำลังจะพูด

แต่ในชั่วพริบตา สวี่ชิงหยุดเดิน มองไปยังแผ่นหยกข้างตัว แล้วหันกลับมามองชายหนุ่มที่โยนแผ่นหยกแผ่นนั้น

ร่างกายของชายหนุ่มคนนั้นสั่นสะท้าน คำพูดที่กำลังจะพูด ก็ถูกกลืนลงคอหลังจากสบตากับสวี่ชิง

ความหนาวเย็น แล่นมาตามสายตาของสวี่ชิงดุจปลาไหล ปกคลุมทั่วร่างกายของเขาในทันที และในขณะนั้น ความรู้สึกอันตรายถึงชีวิตอันรุนแรง ก็ปะทุขึ้นในร่างกายของเขาเช่นกัน

ความรู้สึกที่เนื้อหนังมังสาของร่างกายทั้งหมดสั่นสะท้านเพื่อส่งสัญญาณอันตราย ทำให้ชายหนุ่มคนนั้นถอยหลังไปสองสามก้าว หายใจหอบ

สหายของเขาคนอื่นๆ ต่างก็โยนแผ่นหยกท้ารบทีละคน แต่เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ และถูกสายตาของสวี่ชิงจ้องมอง ทั้งหมดต่างสั่นสะท้าน ความรู้สึกไม่สบายใจ พุ่งขึ้นมาในใจทันที

โลกราวกับกลายเป็นฤดูหนาวในขณะนั้น

และมีเกล็ดหิมะโลหิตโปรยปรายไปทั่วระหว่างภาพเสมือนและความจริง ทั้งหมดม้วนเก็บแผ่นหยก แล้วดาหน้าเข้ามาหาสวี่ชิง

เมื่อมองเห็นแผ่นหยกเหล่านั้น สวี่ชิงก็ยกมือขึ้น

ในขณะนั้น ประตูที่พักก็เปิดออก ร่างของนายกองยืนอยู่ตรงนั่น มองไปที่ด้านหลังของสวี่ชิง เขาอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้าย ก็เปลี่ยนคำพูดที่กำลังจะพูด

“ศิษย์น้องเล็ก อยากทำอะไรก็เชิญ ความคิดที่ชัดเจนถือเป็นสิ่งสำคัญ”

มือของสวี่ชิง วางอยู่บนแผ่นหยกเหล่านั้น บีบเบาๆ แผ่นหยกทั้งหมดก็แตกละเอียด สัญญาท้ารบถูกสร้างขึ้นมาแล้ว!

อุณหภูมิรอบข้างลดฮวบลง ตามเสียงแหบพร่าของสวี่ชิงที่เอ่ยขึ้น

“ข้ายอมรับ”

ทันทีที่พูดจบ ร่างของสวี่ชิงก็พร่าเลือน รวมถึงผู้บำเพ็ญนภาคิมหันต์ที่มารวมตัวกัน และผู้ที่ทิ้งแผ่นหยกท้าทายในวันนี้ด้วย

ตราบใดที่ยังอยู่ในเมืองศักดิ์สิทธิ์ ไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ที่ไหน เมื่อสัญญาท้ารบถูกสร้างขึ้น ร่างกายก็พร่าเลือน และถูกส่งออกไป

ดังนั้นในทันที ร่างของสวี่ชิงหายไปจากหน้าที่พัก เมื่อปรากฏตัวอีกครั้ง ก็อยู่ที่นอกกำแพงเมือง

ร่างที่ปรากฏขึ้นพร้อมกัน คือเหล่าผู้บำเพ็ญนภาคิมหันต์หลายสิบคนที่ส่งสาสน์ท้ารบในวันนี้

คนเหล่านี้ต่างก็หายใจหอบ บางคนงงงวย บางคนตกใจ บางคนหวาดกลัว บางคนพยายามถอยหลัง

พวกเขา แค่ต้องการสร้างชื่อเท่านั้น

การที่สวี่ชิงรับคำท้านั้นไม่สมเหตุสมผล และเป็นสิ่งที่พวกเขาคาดไม่ถึง เพราะก่อนหน้านี้ครึ่งเดือน สวี่ชิงไม่สนใจ แต่วันนี้…กลับยอมรับเสียดื้อๆ

ดังนั้นแต่ละคนจึงใจเต้นโครมคราม บางคนกำลังจะเอ่ยปากพูดอะไรบางอย่าง

แต่ในชั่วพริบตา ความเย็นชาในดวงตาของสวี่ชิงก็ปะทุขึ้น ร่างนั้นก้าวไปข้างหน้า ไปหยุดเบื้องหน้าชายหนุ่มที่โยนแผ่นหยกคนสุดท้าย

ความแตกต่างของพลังต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ ทำให้ชายหนุ่มคนนั้นไม่ทันได้ตั้งตัว ในพริบตา สวี่ชิงก็ใช้มือซ้ายจับคอของเขา

กายเนื้อเหี่ยวแห้งอย่างรวดเร็ว ถูกสวี่ชิงสูบกลืน

วิญญาณค่อยๆ มืดมน ถูกสวี่ชิงกลืนกิน

ร่างของชายหนุ่มเหมือนลูกโป่งที่หมดลม ชีวิตทั้งชีวิตหมดไปในเวลาเพียงชั่วหนึ่งลมปราณ

ในขณะที่ตกตะลึง ยังมีเสียงคร่ำครวญน่าเวทนา ดังก้องไปทั่วฟ้าดิน

เหตุการณ์นี้ ทำให้ผู้บำเพ็ญรอบข้างใจสั่นคลอน สวี่ชิงในสายตาของพวกเขา ไม่ใช่เผ่ามนุษย์ที่สามารถท้าทายได้ตามอำเภอใจอีกต่อไป หากแต่กลายเป็นปีศาจร้าย

ด้วยอารามตกใจ พวกเขาจึงพยายามหนี แต่สายไปเสียแล้ว

ร่างของสวี่ชิง หายวับไปในทันที เมื่อปรากฏตัวอีกครั้ง ก็อยู่ด้านหลังผู้บำเพ็ญอีกคน มีดสั้นฟันฉับเข้าที่คอของคนผู้นี้

ความรู้สึกเย็นยะเยือกปรากฏขึ้น ความรู้สึกว่างเปล่าแผ่กระจาย ศีรษะและเลือดพวยพุ่งไปพร้อมกัน

ฟ้าดินหมุนคว้าง

เสียงคำรามก้องกังวาน นั่นคือเสียงของเลือดเนื้อที่แตกสลาย และศีรษะที่ไม่อาจตกลงมาถึงพื้นพลันแตกสลาย

สังหาร!

ความโกรธแค้นที่สะสมอยู่ในใจของสวี่ชิงพุ่งพล่าน ร่างของเขาเคลื่อนไปอีกก้าว ถึงตัวผู้บำเพ็ญนภาคิมหันต์คนที่ 3 ทันทีที่เดินผ่านไป คนผู้นี้ก็ส่งเสียงกรีดร้องอย่างน่าเวทนา เลือดทั่วร่างกายระเบิดออกมาจากภายใน โดยที่สวี่ชิงไม่ปรายตาเลยด้วยซ้ำ

นั่นคือการควบคุมเลือด

กลายเป็นดอกไม้สีโลหิต บานสะพรั่งกลางอากาศ แล้วพุ่งตรงไปที่สวี่ชิง ล้อมรอบตัวเขาเอาไว้

มองจากระยะไกล ดูน่ากลัวและงดงาม

ในขณะนั้น สวี่ชิงไม่อยากคิดอะไรอีกต่อไป เสียง 2 เสียงในใจ รวมกันเป็นคำเดียว

สังหาร!

ในพริบตา ดอกไม้สีโลหิตก็บานสะพรั่งนอกเมือง พร้อมกับเสียงกรีดร้อง เลือดสดๆ จำนวนมากสาดกระเซ็นออกมาจากร่างผู้บำเพ็ญนภาคิมหันต์เหล่านี้ มารวมอยู่บนร่างสวี่ชิง

และเงาร่างของเขายังไม่หยุด ที่ใดที่เขาเคลื่อนผ่านไป ที่นั่นคือความตาย

ร่างกายแตกสลาย ศีรษะปลิวสูง

ชีวิตในขณะนั้นคล้ายจะมีไว้เพื่อสังเวยแก่คมดาบเท่านั้น

ผ้าห่อศพบนมีดสั้นถูกย้อมเป็นสีแดง ส่งกลิ่นคาวเลือด คมมีด กลายเป็นแสงเดียวที่สิ่งมีชีวิตทั้งหมดเห็นเป็นครั้งสุดท้าย

ผู้บำเพ็ญนภาคิมหันต์หลายสิบคนตายเรียบในชั่วไม่กี่อึดใจ!

และการสังหารของสวี่ชิง ดูเหมือนศิลปะซึ่งพิถีพิถัน ดังนั้นนอกเมืองจึงหลงเหลือศพอยู่

มีเพียงเลือดที่หมุนวนรอบตัวเขาที่สะท้อนและยังคงส่องแสงสีชาดของท้องฟ้าที่กำลังจะจางหายไป

ท่ามกลางแสงสีเลือด สวี่ชิงเงยหน้าขึ้น มองไปยังเมืองศักดิ์สิทธิ์ โดยไม่พูดอะไร

แต่การกระทำ สายตา และท่าทางของเขา ได้พูดทุกอย่างออกมาหมดแล้ว

ผู้ท้ารบทุกคน ข้ารอเจ้าอยู่…มาต่อสู้กันสิ!

(>>>พิสูจน์อักษร By Zank<<<)

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!