บทที่ 857 ส่งเข้าไปในเขตนพกาฬ
กลางท้องฟ้า สวี่ชิงสำแดงความเร็วทั้งหมดที่มี ทะยานไปข้างหน้า
ในแผ่นดินใหญ่ผืนคีรี ไอพลังประหลาดหนาแน่นเกินไป ทั้งยังมีการปกคลุมจากผนึกของเทพทั้ง 3 เผ่านภาคิมหันต์ ดังนั้นวิชาเคลื่อนย้ายชั่วพริบตาบริเวณกว้างยากที่จะสำแดง วัตถุส่งข้ามบางอย่างก็เสียความสามารถไปเช่นกัน
แม้จะเป็นเช่นนี้ แต่อาศัยการลงมือก่อกวนหลายครั้งก่อนหน้านี้ สวี่ชิงก็ยังคว้าเวลาไว้ช่วงหนึ่ง ทิ้งระยะห่างซึ่งกันและกัน
เพียงแต่ค่าตอบแทนไม่น้อยเลย
ไม่ว่าจะเป็นอาการบาดเจ็บของบรรพจารย์สำนักวัชระทางนั้นหรือจะเป็นการหมองหม่นลงไปของเจ้าเงา หรือจะเป็นอาการบาดเจ็บของตัวเอง ล้วนอยู่ในจุดวิกฤตทั้งสิ้น เป็นเช่นนี้ต่อไปจะเป็นผลเสียอย่างมาก
นอกจากนี้ก็เป็นติงหนึ่งสามสอง
สวี่ชิงดวงตาหรี่ลง ติงหนึ่งสามสองเป็นวิชาพลังวิเศษ ย่อมไม่มีทางหายไป แม้การแตกสลายยากที่จะเลี่ยง แต่ขอเพียงช่วงชิงเวลามาได้ ก็นับว่าคุ้มค่าแล้ว
สำหรับเขา ขอเพียงหล่อเลี้ยงสักระยะหนึ่งก็สามารถสร้างห้องขังติงหนึ่งสามสองขึ้นมาอีกครั้งได้
อย่างไรเสียอำนาจเคราะห์หายนะดูเหมือนมาจากนิ้วเทพเจ้า แต่สวี่ชิงควบคุมไว้ตั้งนานแล้ว และการลืมเลือนก็เกิดขึ้นเพราะการผสานของพลังชะตา
“เสียดายก็เพียงแต่นิ้วข้างนั้นกับนักโทษไม่เหลือแล้ว ต้องหาจับขังใหม่”
สวี่ชิงค่อนข้างเสียดาย แต่คิดถึงว่านิ้วเทพเจ้าค่อนข้างไร้ค่า ก็ไม่ได้ไปสนใจ
ตอนนี้ยืนยันทิศทาง พุ่งไปอย่างรวดเร็ว
และในตอนนี้ การตัดสินใจเลือกเส้นทางของสวี่ชิงในตอนนั้นสำคัญเป็นอย่างมาก
เขาหากเป็นเมื่อ 1 วันก่อนหน้านี้ เลือกมุ่งหน้าไปยังถิ่นของพยัคฆาคีรีต่อไป วันนี้เกรงว่าติดปีกก็ยากจะบินหนี
แต่ตอนนี้ต่างออกไป ที่นี่ห่างจากเขตนพกาฬใกล้มากแล้ว ระยะทางอีกเพียงแค่ 1 ถึง 2 ชั่วยามก็จะสามารถเข้าไปยังพื้นที่ชายขอบเขตต้องห้ามนพกาฬได้แล้ว
“หากเปลี่ยนเป็นก่อนหน้านี้ที่ข้าไม่ได้สำแดงดวงอาทิตย์บรรพกาล จี้ตงจื่อคนนี้บางทีก็อาจจะมีความเป็นไปได้เล็กๆ ที่จะไล่ตามเข้าไป แต่ตอนนี้…เขาเป็นไปได้สูงมากว่าจะไม่เสี่ยงเข้าไป”
“นอกจากนี้ จี้ตงจื่อคนนั้นอีกเดี๋ยวหากไล่ตามมาก็ต้องขบคิดถึงวิธีอื่นๆ…”
สวี่ชิงห้อตะบึงอย่างเร็วรี่พลางขบคิดในใจ หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เขาสัมผัสได้ถึงการพังทลายของติงหนึ่งสามสอง ในใจนึกสงสัย
“เร็วขนาดนี้เชียว นิ้วนั่นไร้ค่าจริงๆ ด้วย!”
สวี่ชิงสีหน้าเย็นชา กัดปลายลิ้นเเป็นแผล กระตุ้นความเร็วให้เร็วยิ่งขึ้น ทั้งคนมองไม่เห็นเงา เห็นเพียงรอยเส้นผ่านท้องฟ้า
เช่นนี้เอง เวลาไหลไป 1 ชั่วยามผ่านพ้นไป
เห็นชายขอบเขตต้องห้ามนพกาฬเหลือระยะทางอีกเพียงครึ่งชั่วยามกว่าๆ สวี่ชิงที่กำลังเคลื่อนไปข้างหน้าอยู่บนท้องฟ้า ร่างเพียงไหววูบก็หลบไปข้างๆ
ขณะที่เขาหลบหลีก แสงเลือดทางหนึ่งจากบริเวณที่เขาอยู่ก็ระเบิดออก ก่อเป็นดอกไม้โลหิตดอกหนึ่ง
ไม่นานนัก ดอกไม้โลหิตก็ทยอยปรากฏขึ้นรอบๆ ระเบิดอย่างต่อเนื่อง มากมายเต็มไปหมด แผ่ลามมายังเส้นทางข้างหน้าเขา
ทำให้ฟ้าดินรอบๆ กลายเป็นสีเลือด
ยิ่งมีเงาร่างหนึ่งพุ่งมาพร้อมเสียงสายฟ้าคำรามสนั่นหวั่นไหว ตรงดิ่งมายังที่นี่
สีหน้าของสวี่ชิงเคร่งเครียด หลบหลีกอย่างรวดเร็ว หลบดอกไม้โลหิตมากมาย แต่ดอกไม้โลหิตที่นี่บานนับไม่ถ้วน สุดท้ายก็ยังมีดอกหนึ่ง สวี่ชิงก็ไม่รู้ว่าไม่ได้ดูหรือไม่ ถูกเศษพลังของมัน
จากการระเบิดของดอกไม้โลหิต แสงเลือดแปรเปลี่ยนเป็นเส้นไหม ครอบมาทั่วทั้งร่างของเขา
สวี่ชิงร่างไหววูบ ไหมวิญญาณแผ่ออก ต้านทานเส้นเลือดรอบๆ แต่เส้นเลือดพวกนี้ไม่ธรรมดา แม้จะถูกทำลายไปจำนวนหนึ่ง แต่กลับมากลุ่มหนึ่งที่รัดมายังเอวสวี่ชิง
วนล้อมอย่างรวดเร็ว ทำให้เงาร่างเขาจำต้องหยุดชะงักกลางอากาศ
และเวลาที่แค่หยุดชะงักไปเพียงชั่วครู่นี้ จี้ตงจื่อที่ไล่ตามมาจากปลายขอบฟ้า ความเร็วปะทุขึ้นในทันที เสี้ยวขณะต่อมาก็แหวกมิติมาปรากฏต่อหน้าสวี่ชิง
สีหน้าของเขาเหี้ยมเกรียม ในดวงตาฉายจิตสังหาร ทันทีที่ประชิดเข้ามาก็ไม่ได้ลงมือในทันที แต่ประสานปางมืออย่างรวดเร็ว
ทันใดนั้นดอกไม้โลหิตก็ระเบิด ทั้งหมดก่อเป็นเส้นแสงสีเลือด พุ่งมาจากทั่วทุกทิศ พันรัดไปบนร่างสวี่ชิงอย่างรวดเร็ว ส่งผลไปทั้งร่างเขา เวลาเพียงเสี้ยวพริบตา ท่ามกลางสีหน้าซีดเซียวเหนื่อยล้าของสวี่ชิง เส้นแสงสีเลือดรอบๆ เขาก็ก่อเป็นรังไหมสีเลือดขนาดมหึมารังหนึ่ง
“ข้าจะดูสิว่าครั้งนี้เจ้าจะหนีไปได้อย่างไร!”
เห็นสวี่ชิงถูกพันธนาการเอาไว้โดยสมบูรณ์ จี้ตงจื่อที่วิญญาณยังเจ็บปวดอยู่ จิตสังหารในใจปะทุขึ้นมาโดยสมบูรณ์ ร่างเพียงไหววูบก็ผสานไปในรังไหมสีเลือดทันที
แต่ตอนที่เขาผสานเข้าไปในรังไหม ในพริบตาที่มองเห็นสวี่ชิง เขาก็สังเกตเห็นอย่างได้อย่างชัดเจนว่าสีหน้าของสวี่ชิงไม่มีความร้อนรนของเมื่อครู่ อีกทั้งในดวงตาก็ฉายแววเฉียบขาด ยกมือขวามาทางเขา
บนมือขวามีเปลวเพลิงสีน้ำตาลขนาดเท่าเล็บมือกองหนึ่ง
เปลวเพลิงนี้ตัวมันเองก็กะพริบวูบวาบอยู่แล้ว ประเดี๋ยวก็ขยายแผ่ไปข้างนอก ประเดี๋ยวก็หดกลับมาอย่างรวดเร็ว คล้ายว่าไม่เสถียร
สิ่งที่ยิ่งน่าตกใจคือ การปรากฏขึ้นของมันทำให้ผืนฟ้าข้างนอกเมฆหมอกมืดสนิทอย่างรวดเร็ว เสียงฟ้าฟาดดังมาในพริบตา สายฟ้าแต่ละทางๆ แลบแปลบปลาบในนั้น คล้ายว่าถูกเหนี่ยวนำ แผ่ไปข้างนอก
จี้ตงจื่อจิตใจสั่นสะท้าน เขาสัมผัสได้ถึงอันตรายจากสัญชาตญาณ คล้ายว่าเลือดทั่วทั้งร่างในเสี้ยวขณะนี้มีความคิดที่เป็นอิสระ ล้วนกรีดร้องใส่เขา บอกถึงอันตรายอย่างที่สุดของวัตถุชิ้นนี้
ดังนั้นเขาจึงไม่ลังเลใดๆ ทั้งสิ้น ถอยหลังไปอย่างรวดเร็ว
แต่กลับช้าไปแล้ว
เปลวเพลิงสีน้ำตาลขนาดเท่าเล็บชิ้นนั้นถูกสวี่ชิงโยนไปข้างนอกเบาๆ พุ่งตรงไปหาจี้ตงจื่อ ในขณะที่ลอยมา มันก็ขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว
ความไม่เสถียรของมันก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน
เสี้ยวขณะต่อมา เสียงระเบิดดังก้อง ไฟสีน้ำตาลลุกโหมขึ้นจากเปลวเพลิง กะพริบวูบวาบในรังไหมเลือด
สิ่งที่เกิดขึ้นตามมันมาคือกลิ่นอายที่น่ากลัวจนถึงขีดสุดกลุ่มหนึ่ง
กลิ่นอายนี้มาพร้อมด้วยการทำลายล้าง คล้ายว่าฟ้าดินหมื่นสรรพสิ่งไม่มีอะไรที่มันเผาไหม้ไม่ได้ ตอนนี้จากการแผ่ออกไป รังไหมเลือดไม่อาจทนรับได้ ก็ถูกมันเผาไหม้
ยิ่งมีสายฟ้านับไม่ถ้วนฟาดลงมา เหมือนฝนสายฟ้า พุ่งตรงมายังที่นี่ เพียงพริบตาก็ฟาดลงมาบนพื้น
ทันทีที่สายฟ้าฟาดลงมา กองไฟสีน้ำตาลนั่นก็ระเบิดเป็นวงกว้างทันที
เพลิงอัสนีน่ากลัวกลุ่มหนึ่งระเบิดมาจากข้างในนั้นท่วมฟ้า ก่อเป็นลมพายุเปลวเพลิงที่สั่นสะท้านฟ้าดิน กวาดโหมครืนครั่นสนั่นหวั่นไหวไปทั่วทุกสารทิศ
ทุกที่ที่ผ่าน ทุกอย่างดับสลาย
พลังที่แฝงอยู่ในนั้นทรงพลังแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง ต่อให้เป็นพลังบำเพ็ญของจี้ตงจื่อก็ยังต้องจิตใจสั่นสะท้าน ถูกลมพายุเปลวเพลิงสีน้ำตาลนี้ปกคลุมไปทันที
เปลวเพลิงนี้ก็คือไฟลึกลับที่ก่อขึ้นจากพื้นที่ต้องห้ามที่เจ้าเงากลืนกินในตอนนั้น ชื่อของมัน…ฟู่ๆๆ
และสวี่ชิงทางนี้ก็เตรียมตัวนานแล้ว ทันทีที่เปลวเพลิงปะทุขึ้น ก็ควบคุมเจ้าเงามาปกคลุมทั่วทั้งร่างแล้ว
ต่อให้เจ้าเงาถูกเผาไหม้ส่งเสียงร้องครวญครางเข้ามาในวิญญาณ แค่นี่เป็นสิ่งที่มันสร้างขึ้น อย่างไรก็มีร่างที่สามารถต้านทานได้ในระดับหนึ่ง
ดังนั้นสวี่ชิงแม้จะได้รับผลกระทบจากเศษพลัง แต่ก็ยังสามารถรับได้
เขาไม่ได้แม้แต่จะดูผลลัพธ์
แม้ความเป็นไปได้ที่อีกฝ่ายจะถูกไฟนี่ฆ่าตายจะมีในระดับหนึ่ง แต่สวี่ชิงนิสัยรอบคอบ กังวลว่าจะมีกับดัก
จะอย่างไรนี่ก็เป็นเรื่องที่ไม่รู้ และความไม่รู้ทุกอย่าง ในความเป็นไปได้แล้วล้วนครึ่งๆ
แต่หากไม่ไปสนใจ เช่นนั้นอัตราที่จะไม่เกิดปัญหาก็จะเต็มร้อยส่วน
ดังนั้นสวี่ชิงไม่ลังเลแม้แต่น้อย ถอยหลังไปทันที พุ่งไปยังทางที่กำหนดเอาไว้อย่างรวดเร็ว
และเขาจากไปได้ไม่นาน ในเปลวเพลิงสีน้ำตาลนั่น ทันทีที่เงาร่างของจี้ตงจื่อถูกเผาไหม้กลายเป็นธุลีไปโดยสมบูรณ์ พลังระเบิดกลุ่มหนึ่งก็แผ่ออกมาจากภายใน ปกคลุมเป็นพื้นที่ร้อยลี้ ส่งเสียงคำรามลั่นสนั่นฟ้า
ทุกที่ที่ผ่าน ระดับการทำลายล้างแม้จะไม่สามารถเทียบได้กับไฟสีน้ำตาล แต่ในระดับหนึ่งก็มีพลังสังหาร
ดีที่สวี่ชิงจากไปแล้ว ไม่เช่นนั้นจะต้องโดนเศษพลังอย่างแน่นอน
จวบจนกระทั่งหลังจากนั้นครู่หนึ่ง จากระลอกคลื่นพลังร้อยลี้ที่หายไป จากการดับลงของไฟลึกลับสีน้ำตาล ในพื้นที่ 10 ลี้รอบๆ พื้นดินเกิดเป็นหลุมลึก สรรพสิ่งทุกอย่างล้วนถูกไฟลึกลับเผาจนกลายเป็นความว่างเปล่า
และในร้อยลี้ตลบอวลไปด้วยกลิ่นอายทำลายล้าง นั่นเกิดจากการระเบิด
ในขณะเดียวกัน ที่ปลายขอบฟ้ามีเงาร่างหนึ่งพุ่งมาอย่างรวดเร็ว หยุดอยู่กลางท้องฟ้าที่นี่ หลังจากก้มหน้ากวาดตามอง สีหน้าของเขาก็เคร่งเครียดขึ้นมาทันที
คนคนนี้ก็คือจี้ตงจื่อ
“สวี่ชิงคนนี้ฆ่ายากนัก!”
ในดวงตาจี้ตงจื่อฉายประกายเย็นเยือก ก่อนหน้านี้เขาเนื่องจากระมัดระวังรอบคอบ ดังนั้นในตอนที่ไล่ตามก็ส่งร่างโลหิตของตัวเองออกไป ร่างจริงอยู่ข้างหลัง เป้ามหมายก็เพื่อป้องกันสวี่ชิงใช้วิธีแปลกประหลาดอะไรพวกนั้นอีก
ขณะเดียวกัน ร่างแยกโลหิตของเขาก็ยังระเบิดตัวเองได้ด้วย พลังทำลายล้างน่าครั่นคร้าม
ตามความคิดของเขา ไม่ว่าอย่างไรก็ทำให้สวี่ชิงต้องจ่ายค่าตอบแทนแสนสาหัสได้ทั้งนั้น แต่ตอนนี้มองไป ฝีมือของอีกฝ่ายแปลกประหลาดกว่าที่ตัวเองวิเคราะห์เอาไว้
อีกทั้งความระมัดระวังรอบคอบของนิสัยของอีกฝ่าย ก็ทำให้การระเบิดตัวเองของร่างแยกโลหิตของเขาไร้ผล
“สมควรตาย!”
จี้ตงจื่อเงยหน้า จ้องมองไปทางที่สวี่ชิงหนีไปจากสัมผัสรับรู้ สีหน้ายิ่งอึมครึม ในใจเขาความจริงเสียใจภายหลังขึ้นมานิดๆ แล้ว
สวี่ชิงทางนี้ แต่เดิมสำหรับเขาแล้วฆ่าทิ้งได้ง่ายดายนัก
แต่การไล่ล่าตลอดทางมานี้ตลอดจนการลงมือก่อนหน้านี้ แม้ตัวเขาจะเป็นฝ่ายได้เปรียบ แต่ลูกไม้ของอีกฝ่ายมากมายเหลือเกิน ทำให้เขาทางนี้ไม่เผชิญหน้าอย่างสุดกำลังไม่ได้
“จะไล่ตามต่อไปดีหรือไม่…”
วิญญาณจี้ตงจื่อส่งความเจ็บปวดมา หลังจากสูดลมหายใจลึก
“ในเมื่อเจ้าจะเข้าไปในเขตต้องห้ามนพกาฬ เช่นนั้น…ข้าส่งเจ้าเข้าก็แล้วกัน!”
จี้ตงจื่อแค่นเสียงเย็นขึ้นจมูก ในฐานะที่เป็นอัจฉริยะของเผ่านภาทมิฬ เขาย่อมมีความเข้าใจในเขตต้องห้ามนพกาฬมากกว่าอยู่แล้วว รู้เป็นอย่างดีว่าที่นั่นเป็นพื้นที่ต้องห้ามอันตราย
มหกรรมล่าเหยื่อทุกครั้งล้วนมีคนโชคดีคิดเอาว่าตัวเองเป็นบุตรแห่งโชคชะตา จะได้รับวาสนาจากในนั้น
แต่ความจริงแล้วผู้ที่เข้าไปในช่วงมหกรรมล่าเหยื่อ ไม่มีใครออกมาได้ ล้วนตายอยู่ในนั้นทุกคน
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ร่างของจี้ตงจื่อก็ไหววูบ ไล่ตามไปอีกครั้ง แต่ความเร็วนั้นไม่ได้เร่งรีบแบบนั้น แต่รักษาระยะห่างยื้อไว้ไกลๆ ใช้จิตสังหารของตนสร้างความกดดัน ราวกับกำลังไล่ต้อน
การกระทำเช่นนี้ไม่นานนักสวี่ชิงก็สังเกตได้ ในดวงตาของเขาฉายแววลังเล แต่ไม่นานนักก็เปลี่ยนเป็นความเด็ดเดี่ยว เดิมก็ไม่มีทางให้ถอยอยู่แล้ว อีกทั้งเป็นเช่นนี้ต่อไปอย่างไรก็เป็นผลเสีย
เทียบกับเป็นเช่นนี้แล้ว มิสู้ทำตามแผนเดิม เข้าไปในเขตนพกาฬ
นึกถึงตรงนี้ สวี่ชิงแตะที่หน้าอก นั่นเป็นบริเวณที่ผลึกแก้วสีม่วงอยู่ ออกแรงกด พลังบำเพ็ญในร่างก็ทะลักมา เพียงพริบตาทั่วทั้งร่างของเขาแสงสีม่วงก็ฉายประกายวาบ
อาศัยการกระตุ้นจากผลึกแก้วสีม่วง แลกพลังการฟื้นฟูที่มากยิ่งขึ้น
จากนั้นความเร็วของเขาก็ไม่ลดลง พุ่งตรงไปยังเขตต้องห้ามนพกาฬอย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นครึ่งชั่วยาม เขตพื้นที่นพกาฬที่ปกคลุมไปด้วยหมอกสีเทาก็ปรากฏขึ้นในดวงตาสวี่ชิง
ในฟ้าดินล้วนเป็นหมอกสีเทา ขณะที่เดือดพล่านก็ก่อเป็นใบหน้าเจ็บปวดมากมาย คำตะโกนไร้เสียงไปรอบๆ มาพร้อมด้วยเสียงคำรามที่สิ้นหวังและบ้าาคลั่งมากมาย ดังก้องมาจากในส่วนลึกของหมอก
มองเขตนพกาฬ ฟังเสียงนี้ สวี่ชิงสูดลมหายใจลึก ร่างเพียงไหววูบก็เข้าไปในหมอกสีเทา หายลับไป
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เงาร่างของจี้ตงจื่อมาปรากฏอยู่นอกเขตนพกาฬ จ้องมองหมอกเทา จี้ตงจื่อหัวเราะเสียงเย็นออกมา
“สวี่ชิงคนนี้น่าจะมีคิดว่าตัวเองมีความเข้าใจต่อเขตต้องห้ามนพกาลอยู่บ้าง แต่เขาไม่รู้ ความลับบางอย่างมีเพียงผู้อยู่ในลำดับอย่างข้าเท่านั้นที่จะได้รู้”
“อย่างเช่น หมอกเทาผืนนี้ ขอเพียงสัมผัสเพียงเศษเสี้ยว ก็จะออกมาจากเขตต้องห้ามนพกาฬไม่ได้แล้ว”
(>>>พิสูจน์อักษร By Zank<<<)