บทที่ 861 ความลับที่ถูกเทพเจ้าปิดบัง
หลังเสียงอันขมขื่นนี้ปรากฏ ในหัวสวี่ชิงพลันเกิดคลื่น ความทรงจำช่วงหนึ่งที่ไม่ใช่ของเขาผุดขึ้นในจิตใจ
ความทรงจำนี้กลายเป็นเศษเล็กเศษน้อย ไม่ปะติดปะต่อ คล้ายตัวต่อปริศนา
ด้วยขาดหายไปเยอะ ดังนั้นแม้ผุดขึ้นในใจสวี่ชิงก็ยังยากรวบรวมความหมายโดยสมบูรณ์มากมายที่แฝงอยู่ในนั้น
มีเพียงความเข้าใจประการหนึ่งที่เผยจากเศษเสี้ยวความทรงจำนี้ค่อนข้างชัดเจน
เผ่านภาคิมหันต์ในช่วงเวลานับไม่ถ้วนก่อนหน้านี้ ตอนยังเป็นยุคจักรพรรดิโบราณเสวียนโยวซึ่งเทพเจ้ายังไม่มาเยือนดินแดนต้องประสงค์ ชื่อของมัน…ไม่ใช่ชื่อในปัจจุบัน
ชื่อเดิมของเผ่านี้คือ…เผ่านภามหาเวท!
เป็นหนึ่งในพันธมิตรสำคัญใต้บังคับบัญชาของจักรพรรดิโบราณเสวียนโยว
ยังเป็นเผ่าที่ให้การสนับสนุนเผ่ามนุษย์ซึ่งมีกำลังมากที่สุด
มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเผ่ามนุษย์อย่างยิ่ง ทั้งสนับสนุนจักรพรรดิโบราณเสวียนโยวขึ้นเป็นกษัตริย์อย่างเต็มที่เพื่อรวบรวมดินแดนต้องประสงค์ให้เป็นปึกแผ่น
สมัยจักรพรรดิโบราณเสวียนโยว จักรพรรดิโบราณถึงกับเป็นสหายร่วมเป็นร่วมตายกับบรรพจารย์ผู้ใช้เวทของเผ่านี้ในตอนนั้น ก่อนทั้ง 2 จะต่างฝ่ายประสบความสำเร็จถึงขีดสุด พวกเขาก็เป็นทั้งเพื่อนร่วมทางและสหายคนสนิท ต่างช่วยชีวิตกันและกันมาหลายครั้ง
บรรพจารย์ผู้ใช้เวทมีพลังน่าสะพรึงกลัว เรียกได้ว่าเป็นไหล่ซ้ายแขนขวาของเสวียนโยว เคยสร้างคุณูปการยิ่งใหญ่ให้จักรพรรดิโบราณรวบรวมดินแดนต้องประสงค์
ชื่อบุตรชายคนเดียวของบรรพจารย์ผู้ใช้เวท จักรพรรดิโบราณเสวียนโยวก็เป็นคนตั้งให้
ความเข้าใจส่วนนี้ผุดขึ้นในเศษเสี้ยวความทรงจำและสะท้อนสู้การรับรู้ของสวี่ชิง ทำให้ใจเขาสั่นสะเทือน นัยน์ตาที่ปิดพลันเบิกออก เผยให้เห็นความประหลาดใจ
“เผ่านภาคิมหันต์ เผ่านภามหาเวท…”
สวี่ชิงหายใจถี่เล็กน้อย ไม่ว่าในเมืองหลวงจักรพรรดิเผ่ามนุษย์หรือในเผ่านภาคิมหันต์ เขาล้วนไม่เคยเห็นคำอธิบายของประวัติศาสตร์ช่วงนี้
และคิดย้อนถึงบันทึกของเผ่านภาคิมหันต์กับเผ่ามนุษย์ ได้เพียงสืบสาวไปถึงความพินาศย่อยยับในยุคจักรพรรดิมนุษย์ตงเซิ่ง ส่วนประวัติศาสตร์ก่อนหน้านั้นไม่มีเลยสักอย่าง
ราวกับทั้ง 2 ฝ่ายต่างลบประวัติศาสตร์ยุคจักรพรรดิโบราณเสวียนโยวทิ้งไปโดยไม่รู้ตัว
แต่กลับไม่มีใครนึกถึง ทั้งไม่มีใครสนใจ ยิ่งไม่มีคนไปสืบสาวราวเรื่อง ประหนึ่งความทรงจำที่ว่างเปล่านั้นสมเหตุสมผล
นี่มันประหลาดยิ่งนัก
‘ความเข้าใจถูกบิดเบือน!’
6 คำนี้ผุดขึ้นในหัวสวี่ชิงทันที
‘บิดเบือนช่วงเวลาของทั้ง 2 เผ่าได้ยาวนานขนาดนี้…เป็นพลังเทพเจ้าแน่นอน’
สวี่ชิงเงียบขรึม ในหัวปรากฏเทพทั้ง 3 ของเผ่านภาคิมหันต์
จากนั้น เขาจัดระเบียบเศษเสี้ยวความทรงจำที่สะท้อนเข้าจิตใจหลังตักกะโหลกแรกออกมาอย่างละเอียด แม้ยังมองภาพรวมได้ยาก แต่สำหรับเขตต้องห้ามจิ่วหลี เขามีการคาดเดาเพิ่มเข้ามา
“บิดรผู้ใช้เวทที่เอ่ยถึงในประโยคนั้น โดยรวมคงเป็นสหายคนสนิทของจักรพรรดิโบราณเสวียนโยว และเป็นบรรพจารย์ผู้ใช้เวทของเผ่านี้ในตอนนั้น”
“ลูกหลี ก็หมายถึงบุตรของบรรพจารย์ผู้ใช้เวท ชื่อหลี…”
“ชื่อนี้จักรพรรดิโบราณเสวียนโยวก็เป็นคนตั้ง และที่นี่คือเขตจิ่วหลี”
สวี่ชิงจิตใจป่วนปั่น
“หรือว่า จิ่วหลีไม่ใช่อสูรร้าย…แต่เป็นบุตรของบรรพจารย์ผู้ใช้เวทเผ่านภามหาเวท”
“เช่นนั้นประโยคที่เขากล่าว ละอายใจต่อเผ่านภามหาเวท…”
สวี่ชิงก้มมองโคลนตมเบื้องล่าง สายตาเขาราวกับสามารถมองทะลุพันจั้ง เห็นถึงลักษณะผนึกด้านล่าง
“ภูเขาที่ก่อรูปจากเถ้ากระดูก เกิดจากซากจิ่วหลีงั้นหรือ”
สวี่ชิงเงียบขรึม เขาเกิดความใคร่รู้เกี่ยวกับเขตแดนของจิ่วหลีอย่างหาได้ยาก
ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาเก็บความคิด สัมผัสผลึกวารีสีม่วงของตนเล็กน้อย มีกะโหลกอันหนึ่งปรากฏอยู่ในผลึกวารีอย่างชัดเจน กำลังเปล่งแสงประหลาด
สวี่ชิงหรี่ตา เงยหน้ามองกระถางกำยานสัมฤทธิ์เหนือศีรษะ ไม่นานเขาก็ตัดสินใจ
เขายกมือขวาขึ้นโบกเร็วรี่ พลันสลายวงแหวนควันที่กระถางกำยานสัมฤทธิ์แผ่ออกมา
พลังปิดกั้นจากวงแหวนควันก็หายไปด้วย
และหมอกเทาที่กระจายอยู่รอบด้านเหล่านั้นก็โผเข้ามาทันที
ทว่าเกิดฉากประหลาดขึ้น
เมื่อไอหมอกเหล่านั้นเข้าใกล้สวี่ชิง แม้ยังคงกลัวการยับยั้งจากพลังเทพเจ้าและพลังบำเพ็ญ แต่การบุกโจมตีกายเนื้อและจิตวิญญาณของสวี่ชิงกลับลดลง!
เพียงแต่ความรู้สึกคล้ายถูกผลกรรมฉุดดึงเช่นนั้นยิ่งรุนแรงกว่าเดิม ทำให้สวี่ชิงเชื่อมโยงกับที่นี่อย่างแนบแน่นหาใดเปรียบ ราวกับจะกลายเป็นหนึ่งเดียว ไม่อาจแยกจาก
สวี่ชิงสัมผัสอยู่ค่อนวัน นัยน์ตาฉายประกาย ยกมือชี้กระถางกำยานสัมฤทธิ์ วงแหวนควันลดลงมา ปราการก่อรูปอีกครั้ง พลังเทพเจ้าและพลังบำเพ็ญในกายเขาก็ตื่นตัวขึ้นมาใหม่
“หมอกเทาที่มาจากจิ่วหลีนี้รุนแรงยิ่งนัก มันกีดกันพลังแปลกปลอมทั้งหมด ยังทำให้ผู้บำเพ็ญทุกคนที่มาเยือนไม่อาจก้าวออกไปเมื่อเข้ามาเหยียบที่นี่”
“แต่หลังข้าผสานกะโหลกอันหนึ่งก็ไม่ได้ผิดแปลกจากหมอกเทาที่นี่ขนาดนั้นแล้ว ก็คือ…ถูกมองเป็นกึ่งพวกเดียวกัน?”
“เช่นนั้นหากข้าตักกะโหลกทั้ง 9 ออกมาได้ และเป็นพวกเดียวกับหมอกเทาเหล่านี้โดยสมบูรณ์ หมอกเทาก็จะไม่ใช่ขีดจำกัดสำหรับข้าอีกต่อไป”
“แม้ผลกรรมฉุดดึงถึงขีดสุด หมอกเทาก็ไม่ให้ข้าออกไป…”
“แต่ว่า หากข้าเอาหมอกเทาไปด้วยล่ะ!”
สวี่ชิงพึมพำ จากนั้นหลับตาอีกครั้งและเริ่มฟื้นฟูร่างกาย
เวลาไหลผ่านไปเช่นนี้ หลายวันต่อมา สวี่ชิงลืมตา สัมผัสได้ว่ารอยร้าวบนนาฬิกาแดดตนลดลงบ้างแล้ว ทั้งสัมผัสได้ว่าวิชาช้อนจันทรากลางบ่อของตนกลับมาใช้ได้
เขาจึงไม่มีความลังเลใด ลุกเดินไปบนโคลนตมที่ฝังกะโหลกที่ 2 ไว้ในส่วนลึกตามตำแหน่งในความทรงจำ
สวี่ชิงยกมือทำมุทราตรงนั้น เปลวเพลิงสีน้ำตาลปรากฏอีกครั้ง ตามด้วยเผาเลือดเนื้อชื่อหมู่ ไม่นานของเหลวเป็นหยดก็ตกลงมา โคลนตมละลาย เกิดเป็นช่องทางเล็ก
หลังประสบผลสำเร็จมาครั้งหนึ่งแล้ว สำหรับสวี่ชิงการทำซ้ำความสำเร็จเดิมค่อนข้างง่ายทีเดียว
แม้การกัดกินพลังนาฬิกาแดดและผลกระทบต่อตนเองยังคงอยู่ แต่เมื่อทางผ่านพันจั้งก่อรูป วิชาช้อนจันทรากลางบ่อเกิดผล ฟ้าดินสะเทือนเลื่อนลั่น กลางน้ำที่มือขวาเขาล้วงออกมาถึงกับปราฏกะโหลกอันที่ 2
ยังคงกลืนลงไป ใช้พลังผลึกวารีผนึกมันไว้ข้างในเช่นเดิม
ความทรงจำในหัวเขาพัดหมุนรุนแรงและก่อรูปอีกครั้ง เศษเสี้ยวความทรงจำเพิ่มขึ้นอีกส่วนหนึ่ง
สวี่ชิงข่มความคิดที่อยากสำรวจความทรงจำ หลับตาซ่อมแซมร่างกาย พริบตาเดียวเวลาก็ผ่านไปครึ่งเดือนเช่นนี้
ด้วยวิธีนี้ แม้ระหว่างทางเกิดความล้มเหลวอย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่โดยรวมมีตอนที่สวี่ชิงทำสำเร็จเยอะทีเดียว
ในผลึกวารีสีม่วงของเขามีกะโหลกจำนวน 4 อันเต็ม!
กะโหลกทั้ง 4 ทำให้สวี่ชิงเชื่อมกับเขตแดนจิ่วหลีในระดับน่าตกใจ ถึงขั้นที่เขาไม่ต้องใช้กระถางกำยานสัมฤทธิ์แล้ว
สำหรับเขา หมอกเทาที่นี่สูญเสียสมรรถภาพการบุกโจมตีไปโดยสิ้นเชิง มันแหวกว่ายอยู่รอบตัวเขา ถึงกับให้ความรู้สึกสนิทสนม
แม้แต่การยับยั้งจากพลังเทพเจ้าและพลังบำเพ็ญ เขาก็ข่มไว้ได้ในระดับหนึ่งเช่นกัน
เรื่องนี้ ไม่เคยเกิดขึ้นในเผ่านภาคิมหันต์มาก่อน!
กระทั่งหากเป็นจี้ตงจื่อเห็นฉากนี้เข้าก็ต้องตกตะลึงถึงขีดสุด ไม่อยากเชื่อทุกอย่างที่เห็น
ช่างเหนือจินตนาการโดยแท้!
แต่ว่า…นี่คือขีดจำกัดของสวี่ชิง
เพราะเปลวเพลิงสีน้ำตาลของเขาดับลงแล้ว หลังจากเผาไหม้ต่อเนื่องมาครึ่งเดือนกว่า
ไม่มีเปลวเพลิงก็ไม่อาจเผาเลือดเนื้อชื่อหมู่ให้เป็นของเหลวสีทอง ยากละลายโคลนตม
เว้นแต่สวี่ชิงคิดวิธีอื่นออก ไม่อย่างนั้น ถ้าคิดจะทำต่อก็มีแต่ต้องจมเข้าไปในโคลนตมเอง
ทว่าหลังจากคิดวิธีนี้เขายังคงล้มเลิก
หลังเป็นหนึ่งเดียวกับที่นี่มากขึ้น สวี่ชิงมีลางสังหรณ์บางอย่าง น่ากลัวพอตนลงไปใต้โคลนตมพันจั้งจะถูกศาลเจ้าในนั้นคิดว่าเป็นจิ่วหลีทันที…
และทำการสำเร็จโทษเขาเพราะสิ่งนี้
ถึงตอนนั้นทุกอย่างก็ไม่เหลือความหวังแม้เพียงนิด
ส่วนจะทำต่อไปอย่างไร สวี่ชิงหยุดคิดปัญหานี้ชั่วคราว
เพราะเศษเสี้ยวความทรงจำที่แฝงในกะโหลกทั้ง 4 กำลังผสมรวมอยู่ในหัวเขาไม่หยุดหย่อน กระทั่งฉากประวัติศาสตร์ที่ถูกซ่อนเร้นเป็นเวลานับไม่ถ้วน รวมถึงความลับที่ถูกเทพเจ้าปิดบังแย้มมุมในใจสวี่ชิง
สายลมโบราณกาลพัดขึ้น
นั่นคือเรื่องราวหลังจากจักรพรรดิโบราณเสวียนโยวจากไป
บรรพจารย์ผู้ใช้เวทแห่งเผ่านภามหาเวทปฏิเสธคำเชิญเสวียนโยวสหายคนสนิท ปฏิเสธการจากแผ่นดินต้องประสงค์ จากบ้านเกิดของเขา
เมื่อเผชิญกับเรื่องเทพเจ้า ทั้ง 2 เกิดความเห็นต่างที่ทั้งชีวิตมีน้อยครั้ง
และยามที่จักรพรรดิโบราณจากไป เสี้ยวหน้าเทพเจ้ามาเยือน ฟ้าดินมืดมัว รางเลือนทั้งผืน สิ่งที่มาพร้อมกับเสี้ยวหน้าคือเทพมากมายที่น่าหวาดกลัว
วันนั้นวิถีสวรรค์หลั่งน้ำตา สรรพชีวิตร้องโอดครวญ
เทพเหล่านี้กระจายในแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ บางองค์ลงมาในเผ่าที่อยู่รักษาการณ์ บางองค์ลงในพื้นที่เร้นลับ ต่างดึงภัยพิบัติขึ้นมา
ในนั้นมีองค์หนึ่งลักษณะเหมือนแมงมุม เดินออกมาจากเสี้ยวหน้า
พลังขององค์ท่านน่าตื่นตะลึง เหนือกว่าเทพเกินครึ่ง
ผ่านบริเวณใดเหล่าเทพล้วนก้มหน้า
และเป้าหมายขององค์ท่านก็ชัดเจนนัก นั่นคือ…เผ่านภามหาเวท
หมายกดขี่เผ่านี้ให้เป็นสาวกขององค์ท่าน
เผ่านภามหาเวทไม่ยอมตกเป็นทาส เปิดศึกฟ้าดินกับเทพองค์นั้นรวมถึงเทพองค์อื่นที่ติดตามมาอย่างไม่กลัวเกรงและไม่กลัวตาย นำทัพโดยบรรพจารย์ผู้ใช้เวท
ศึกนี้ฝนฟ้าตกเป็นโลหิต แผ่นดินใหญ่พินาศย่อยยับ
บรรพจารย์ผู้ใช้เวทเป็นถึงสหายร่วมเป็นร่วมตายของเสวียนโยว พละกำลังเขาย่อมน่าสะพรึงกลัว ชาวเผ่าเองก็เป็นที่ข่มขวัญ ศาสตร์เวทที่ฝึกฝนต่างกับผู้บำเพ็ญ ต่างคนสามารถแปลงร่าง บ้างก็เป็นยักษ์ บ้างก็เป็นอสูรยักษ์
ศึกครั้งนั้นสะเทือนฟ้าสะท้านดิน
เผ่านภามหาเวทตายจากนับไม่ถ้วน แต่เทพ…ก็เป็นเช่นนั้น ถูกสังหารจำนวนมาก ซากศพเทพร่วงลงผืนดิน
สุดท้าย หลังบรรพจารย์ผู้ใช้เวทสังเวยชีวิตและทำให้เทพร่างแมงมุมที่เหล่าเทพนบนอบบาดเจ็บสาหัส ตัวเขาร่วงลงมา กลายเป็นค่ายกลเวทสังหารเทพปิดกั้นพลังเทพเจ้าทั้งหมด ปกคลุมอยู่เหนือเผ่าเพื่อคุ้มครองเผ่าของตน
ก่อนตายเขาส่งมอบตำแหน่งบรรพจารย์ผู้ใช้เวทให้บุตรชายเพียงคนเดียว ให้เขาสืบทอดความเชื่อของเผ่านภามหาเวท ต่อสู้กับเทพเจ้าเพื่อเผ่า!
บุตรชายของเขามีนามว่าจิ่วหลี
จิ่วหลีโศกเศร้าเสียใจ แต่ในยุคนี้ ในโลกที่มีแต่เทพ ที่เขาสืบทอดไม่ใช่แค่ตำแหน่งบรรพจารย์ผู้ใช้เวทกับความเชื่อของเผ่า ยังมีหน้าที่อีกด้วย
ดังนั้น เขาจึงนำทัพจอมเวทที่เหลือทั้งหมดในเผ่าต่อสู้กับเทพนอกค่ายกลสังหารเทพต่อไป ไม่ถอยหลังครึ่งก้าว ก็จะไม่มีวันกลับเผ่า
สำหรับเผ่านภามหาเวท จิ่วหลีเป็นบรรพจารย์ผู้ใช้เวทที่เหมาะสม
เพราะระหว่างเขารวมถึงเหล่าจอมเวทต่อสู้กับเทพ เวลาไหลผ่านไป กลุ่มเผ่าจึงมีเวลาพักฟื้นอยู่ภายในเขตเผ่านภามหาเวทที่ถูกปกคลุมด้วยค่ายกลสังหารเทพ
เวลาผ่านไป ผู้บำเพ็ญเวทรุ่นใหม่ค่อยๆ เริ่มปรากฏตัว และหนึ่งในนั้นพรสวรรค์เลิศล้ำเหนือใคร ยิ่งมีความเป็นผู้นำในตัว
ด้วยบรรพจารย์ผู้ใช้เวทออกไปรบจนแทบจะเป็นเพียงตำนาน และเผ่าก็ต้องปฏิรูปไปตามยุคสมัย ดังนั้นเมื่อผู้ที่ถูกฝากความหวังแสดงความสามารถทั้งหมดออกมา เขาจึงกลายเป็นอุปราชไอศวรรย์คนแรกของเผ่านภามหาเวท
บรรพจารย์ผู้ใช้เวทควบคุมลิขิตฟ้าอยู่บนสวรรค์
หัวหน้าเผ่าควบคุมอำนาจทั้งหมดบนโลกมนุษย์
ด้วยเหตุนี้จึงเป็นอุปราชไอศวรรย์
ความทรงจำตัดจบเพียงเท่านี้
สวี่ชิงลืมตา สีหน้าสับสนอย่างยิ่ง เพราะเขานึกถึงเนื้อหาที่ปรากฎซ้ำในข้อมูลเกี่ยวกับจิ่วหลีที่ตนเห็นที่เมืองศักดิ์สิทธิ์เขาเทวะ
“อสูรร้ายอันดับ 1 บนแผ่นดินผืนคีรี มีนามว่าจิ่วหลี!”
“อสูรตัวนี้มีฐานะพิเศษในเผ่านภาคิมหันต์ เพราะบนหน้าประวัติศาสตร์ของนภาคิมหันต์ เคยปรากฏเรื่องจิ่วหลีถูกปราบเพียงครั้งเดียว”
“คนผู้นั้นคือหัวหน้าเผ่าคนแรกของนภาคิมหันต์ ทั้งเป็นอุปราชไอศวรรย์ผู้รวมเผ่าให้เจริญรุ่งเรือง”
“พาหนะของเขาก็คือจิ่วหลี”
(>>>พิสูจน์อักษร By Zank<<<)