Skip to content

Outside Of Time 864

Outside of time

บทที่ 864 กะโหลกศีรษะที่ 9 !

ท้องฟ้าทั่วทั้งแผ่นดินใหญ่ผืนคีรีขมุกขมัว ลมพายุพัดกระหน่ำ พื้นดินคำราม สัตว์ร้ายนับไม่ถ้วนในถิ่นที่อยู่อาศัยต่างๆ ล้วนแต่ส่งเสียงคำราม

สรรพเสียงรวมกันเป็นหนึ่ง สุดท้ายก็กึกก้องไปทั่วฟ้า ส่งผลให้ฟ้าดินเปลี่ยนสี

เสียงคำรามนั้นยังมาพร้อมกับเสียงโอดครวญน่าสลด เต็มไปด้วยความโศกศัลย์และความแค้นอย่างรุนแรงสุดกู่

ราวกับเคียดแค้นสวรรค์ที่ไม่ยุติธรรม เคียดแค้นแผ่นดินที่ไม่เที่ยง!

เคียดแค้นที่เผ่าพันธุ์หักหลัง เคียดแค้นตนที่จงรักภักดีอย่างโง่เขลา!

ความรู้สึกทั้งปวงนี้คล้ายจะฝังรากลึกในจิตวิญญาณและสายเลือดของสัตว์ร้ายมาตั้งแต่ต้น ในยามปกติเก็บซ่อนไว้ในส่วนลึก แม้แต่ตัวมันเองก็ไม่อาจรับรู้ได้ ตอนนี้เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของแผ่นดินใหญ่ผืนคีรี เนื่องจากกลิ่นอายของศัตรู จึงฟื้นคืนชีพขึ้นมาบางส่วน ปรากฏออกมาโดยสัญชาตญาณ

เหล่าผู้ทดสอบมหกรรมล่าเหยื่อของเผ่านภาคิมหันต์ต่างหน้าเปลี่ยนสี บางคนสงสัย บางคนตกใจ บางคนตกตะลึง อารมณ์ต่างๆ ในใจของพวกเขาระเบิดออกราวกับลมเพชรหึง

“นี่มันเรื่องอะไรกัน!”

“แผ่นดินใหญ่ผืนคีรี เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้!”

“สัตว์ร้ายพวกนี้เหมือนถูกกระตุ้นอย่างรุนแรงเลย!”

ไม่ใช่แค่ผู้ทดสอบธรรมดาที่จิตใจไหวกระเพื่อม เวลานี้เหล่าอัจฉริยะฟ้าประทานแห่งนภาคิมหันต์ในแผ่นดินใหญ่ผืนคีรีก็ไม่ต่างกัน

ขณะที่จี้ตงจื่อมองไปทางเขตต้องห้ามนพกาฬด้วยความหวาดกลัว ในอีกพื้นที่หนึ่ง ฝานซื่อซวงที่นั่งขัดสมาธิ ใบหน้าสงบราบเรียบ ก็ลืมตาโพลง สีหน้าเปลี่ยนไป รีบหันไปมองเขตต้องห้ามนพกาฬ

สีหน้าค่อยๆ เคร่งเครียดขึ้น ดวงตาทั้งคู่หดลง

“ต้นตอมาจากนพกาฬ!

“เกิดอะไรขึ้น…ที่นั่น?”

ฝานซื่อซวงรู้สึกไม่สังหรณ์ใจไม่ดี ไม่ว่าจะจากประสบการณ์ หรือเรื่องราวที่เคยได้ยินมา ก็ไม่เคยเกิดเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน

ยังมีเทียนโม่จื่อและทั่วสือซานที่อยู่กันคนละที่ ทว่าคลื่นลมอันเกิดจากนพกาฬโถมซัดจิตใจนั้นรุนแรงไม่ต่างกัน

ความรู้สึกสังหรณ์ร้ายยิ่งแพร่กระจายมากขึ้น

ในขณะเดียวกัน ในเขตพื้นที่ล้อมรอบแผ่นดินใหญ่ผืนคีรี ในดินแดนพยัคฆาคีรี มีเงาหนึ่งกำลังวิ่งมาอย่างรวดเร็ว

เงาร่างนี้ว่องไวมาก แต่หากสังเกตดูให้ดี จะรู้สึกถึงความหยาบกระด้างอย่างไร้ที่มา

นั่นคือเอ้อร์หนิว

เขารู้สึกถึงคลื่นความผันผวนอันยิ่งใหญ่ ระหว่างที่วิ่งก็เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า สันนิฐานหนึ่งผุดขึ้นในใจ

“เหตุใดถึงสังหรณ์ใจว่าจะเกี่ยวข้องกับศิษย์น้องเล็กกันนะ?”

เอ้อร์หนิวกะพริบตา คิดในใจว่าศิษย์น้องเล็กไม่ได้มาพบเขา หรือว่าค้นพบของล้ำค่าที่ดีกว่า…

ขณะที่เขากำลังคิด ด้านหลังก็มีเสียงคำรามแหลมคม ชายหนุ่มหน้าตาดี วิ่งออกมาจากป่าหลังเอ้อร์หนิว

แม้ว่าฟ้าดินจะเปลี่ยนแปลง แต่ในดวงตาของชายหนุ่ม ดูเหมือนว่าไม่มีอะไรสำคัญ มีเพียงเอ้อร์หนิวเท่านั้นที่อยู่ในสายตาของเขา

ดังนั้นหลังจากปรากฏตัว เขาก็วิ่งตามไป

ถ้ามีผู้บำเพ็ญนภาคิมหันต์คนอื่นอยู่ที่นี่ ต้องจำได้ว่า ชายหนุ่มคนนี้คืออัจฉริยะฟ้าประทานอันดับ 1 แห่งเผ่านภาคิมหันต์ เหยียนเสวียนจื่อ!

ในฐานะอัจฉริยะฟ้าประทานอันดับ 1 ตำแหน่งและสถานะของเขานั้นยิ่งใหญ่ ไม่มีใครในรุ่นเดียวกันกล้ายุแหย่เขา ดังนั้นจึงไม่ค่อยมีเหตุการณ์ที่ถูกเขาไล่ล่ามากนัก

แต่มันกลับเกิดขึ้น ณ ที่แห่งนี้

ที่สำคัญที่สุด เหยียนเสวียนจื่อที่ปรากฏตัวที่นี่ เสื้อผ้ายับยู่ยี่ สีหน้าเคร่งเครียด ดวงตาเต็มไปด้วยจิตสังหาร ราวกับเอ้อร์หนิวเป็นศัตรูมาแต่ชาติปางก่อน

เรื่องเช่นนี้หายากมาก

“เยี่ยนจื่อเอ๋ย เหตุใดเจ้าต้องไล่ตามผู้ชายอย่างข้าด้วย ข้ามีคนรักแล้ว เจ้าตัดใจเสียเถิด”

พูดจบ ร่างกายของเขาก็สั่นไหว วิ่งเข้าไปในป่า แต่ในดวงตากลับฉายแววบ้าคลั่ง

เหยียนเสวียนจื่อที่ตามมาด้านหลัง ได้ยินประโยคนี้ ดวงตาพลันแดงก่ำ จิตสังหารยิ่งดุดัน กัดฟันวิ่งตามไป

และแล้วทั่วทั้งแผ่นดินใหญ่ผืนคีรีก็เกิดคลื่นและพายุด้วยประการฉะนี้

และที่ใจกลางพายุ ในดินแดนนพกาฬ จิตใจของสวี่ชิงเองก็สั่นคลอน การสั่นสะเทือนของศาลเจ้าใต้โคลนลึก 1,000 จั้ง และพลังที่น่ากลัว ทำให้เขารู้สึกเหมือนเรือลำเล็กในคลื่นคลั่ง พร้อมจะพังทลายได้ทุกเมื่อ

เห็นได้ชัดว่า การนำกะโหลกศีรษะที่ 9 ออกมา ได้แตะต้องรากฐาน จึงทำให้ศาลเจ้าเกิดการเปลี่ยนแปลง

หากต้องการแก้ไขก็ง่ายนิดเดียว เพียงแค่สวี่ชิงล้มเลิกความพยายามจะครอบครองมัน

แต่อุตส่าห์นำกระโหลกออกมาได้ 8 หัวแล้ว เหลือเพียงหัวสุดท้ายก็จะครบถ้วน หากทิ้งไปสวี่ชิงก็รู้สึกเสียดาย

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขามีลางสังหรณ์อย่างรุนแรงว่าหากนำกะโหลกศีรษะที่ 9 ออกมาได้ มีความเป็นไปได้สูงที่จะมีการเปลี่ยนแปลงแปลกประหลาดจะเกิดขึ้นกับกระโหลกทั้ง 9

การเปลี่ยนแปลงนั้นคืออะไร เขาไม่สามารถรับรู้ได้ แต่เขาคิดว่าต้องไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงเล็กๆ

เพียงแต่สิ่งแลกเปลี่ยนในการได้มานั้นค่อนข้างสูง

หากฝืนนำออกมา จะกระตุ้นให้ศาลเจ้าปล่อยพลังที่น่ากลัวยิ่งกว่าอย่างแน่นอน

เมื่อเผชิญหน้ากับเทพเจ้าที่เหนือกว่าชื่อหมู่ สวี่ชิงรู้ดีว่าตัวเองไม่มีพลังที่จะต่อต้าน

แต่…หากเขาไม่รู้ประวัติศาสตร์ของเผ่านภาคิมหันต์ เมื่อเผชิญทางเลือกเช่นนี้ เขาเลือกที่จะล้มเลิกโดยไม่ลังเล

เพราะการเอาชีวิตรอดสำคัญที่สุด

แต่…การรู้ประวัติศาสตร์ของเผ่านภาคิมหันต์ ทำให้สวี่ชิงรู้สึกว่า ตัวเอง…สามารถแย่งชิงเหยื่อจากปากเสือได้!

ดังนั้นเขาจึงคาดคะเนอย่างรวดเร็ว ภาพโครงสร้างใต้โคลนลึก 1,000 จั้งปรากฏขึ้นในใจ

“ศาลเจ้าถูก 3 เทพเจ้ากดขี่…การสั่นสะเทือนขององค์ท่าน ต้องกระตุ้นการผนึกของ 3 เทพ!”

“จากประวัติศาสตร์ก่อนหน้านี้ มีเบาะแสบางอย่างระหว่าง 3 เทพกับเทพเจ้าแมงมุม…”

เมื่อคิดได้ดังนั้น ดวงตาของสวี่ชิงก็ประกายแววเด็ดเดี่ยวและความบ้าคลั่งเหมือนเอ้อร์หนิว

บางครั้ง ชีวิตไม่ควรจะเข้มงวดเกินไป ต้องลองเสี่ยงดูบ้าง!

เช่นเดียวกับตอนนี้ ช้อนจันทรากลางบ่อกำลังพังทลายภายใต้อิทธิพลของกลิ่นอายนี้ แม้แต่ค่ายกลของเอ้อร์หนิวก็เช่นกัน หากมองเห็นโอกาสก็ต้องรีบคว้าเอาไว้

สวี่ชิงไม่ลังเล พลังบำเพ็ญและพลังเทพเจ้าทั้งหมดระเบิดออกมา กลายเป็นพลังมหาศาล รวมเข้ากับช้อนจันทรากลางบ่อ กระชากกะโหลกศีรษะอันสุดท้ายออกมาอย่างแรง

เสียงน้ำแตกกระเซ็น ร่างสวี่ชิงสั่นสะเทือน การตักครั้งนี้ ทำให้ร่างกายของเขาพังทลายหลายส่วน ทิ้งบาดแผลไว้ตามตัวนับไม่ถ้วน ทำให้เขากลายเป็นมนุษย์เลือดโชก

แต่หลังจากจ่ายสิ่งแลกเปลี่ยนระดับนี้ กะโหลกที่ 9 ก็โผล่ออกมาจากรอยน้ำบนมือขวาของเขาอย่างชัดเจน

เมื่อนำออกมา สวี่ชิงไม่ลังเลรีบกลืนลงไปทันใด ร่างกายก็ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว กำลังจะหนีออกไปจากที่นี่

ทว่าคลื่นความผันผวนที่รุนร้ายกว่า ก็พุ่งขึ้นมาจากใต้โคลน

พร้อมกับความรู้สึกฟื้นคืนชีพแผ่ขยายออกไป

ท้องฟ้าแตกสลาย พื้นดินพังทลาย

ราวกับวันสิ้นโลกมาเยือน!

เสียงกระซิบคล้ายจากยุคบรรพกาล ก้องกังวานมาจากใต้ดิน ดินแดนโคลนตมได้รับผลกระทบ ก่อตัวเป็นกระแสวนขนาดใหญ่เมื่อมันสั่นสะเทือน

กระแสวนหมุนอย่างรุนแรง พัดพาโคลนทั้งหมดให้ขยับไหว ช่วงแรกเชื่องช้า ขนาดเพียงไม่กี่พันจั้ง แต่ในพริบตา ก็ใหญ่ขึ้นจนน่าทึ่ง แผ่ออกไปถึงหลายหมื่นจั้ง หลายแสนจั้ง

สุดท้ายก็ปกคลุมดินแดนนพกาฬทั้งหมด การหมุนเองก็เร็วขึ้นเรื่อยๆ ดึงดูดทุกทิศทุกทาง ทำให้โคลนสาดกระเซ็นไปทุกสารทิศ

ความลึกหลายพันจั้งใต้โคลนถูกเปิดเผยในวังวนนี้ทันใด

ถ้ำภายในนั้นปรากฏตัว!

ศาลเจ้าภายในกำลังลอยขึ้นเช่นกัน!

แสงที่แผ่ออกมา ส่องขึ้นท้องฟ้า มองจากระยะไกล หมอกสีเทาของนพกาฬเริ่มจางหาย

และคลื่นที่ปะทุออกมาจากศาลเจ้า ส่งเสียงกระซิบไปยังทุกมุมของแผ่นดินใหญ่ผืนคีรี

ในขณะนั้น เสียงคำรามและเสียงครวญครางของสัตว์ร้ายก็ยิ่งดังระงม จิตวิญญาณของผู้บำเพ็ญยิ่งสั่นสะเทือน

แผ่นดินใหญ่ผืนคีรี…ระเบิดอย่างสมบูรณ์!

และรูปปั้นแมงมุมที่เป็นต้นตอพลังพลันแกร่งขึ้นท่ามเสียงคำรามของฟ้าดิน ความรู้สึกฟื้นคืนชีพชัดเจนยิ่งขึ้น

พลังรื่อเหยียนที่หว่างคิ้ว รอยแผลของเยวี่ยเหยียนบนร่างกาย การผนึกของซิงเหยียนรอบด้านต่างก็เริ่มเคลื่อนคล้อย คลายตัว

เปลือกตาของเขาเริ่มสั่นไหว คล้ายจะลืมตาขึ้น

สวี่ชิง เมื่อเห็นเช่นนั้นก็หายใจหอบ ตอนนี้ร่างกายของเขาอยู่บนยอดกระแสวน ขณะที่เขาห้อตะบึง หมอกจำนวนมากก็พุ่งเข้าหาเขาจากทุกทิศทาง ห้อมล้อมและเสริมพลังให้แก่เขา

แต่การเสริมพลังเช่นนี้ไม่ได้ผลมากนัก เมื่อเผชิญกับเทพเจ้ารูปแมงมุม

ท่ามกลางความรู้สึกฟื้นคืนชีพที่รุนแรง พลังดูดกลืนอันรุนแรง ก็พุ่งขึ้นมาจากภายใน ครอบงำสวี่ชิง ทำให้ร่างกายที่กำลังจะหลุดพ้น ไม่อาจหนีต่อไปได้ และถูกดูดกลับเข้าไป

ดูเหมือนว่าถ้าไม่ละทิ้งกะโหลกศีรษะ เขาจะออกจากที่นี่ไม่ได้

“หรือว่าข้าประเมินผิด 3 เทพเจ้ากับเทพเจ้าองค์นี้ไม่มีความเกี่ยวข้องกัน?”

ในช่วงวิกฤต สวี่ชิงเผชิญกับทางเลือกว่าจะล้มเลิกหรือไม่ ก็เกิดเหตุการณ์ขึ้นอีก!

ที่รูปปั้นแมงมุมในศาลเจ้า กิ่งไม้ที่เป็นพลังรื่อเหยียนตรงหว่างคิ้ว ปล่อยแสงสว่างวาบออกมาเมื่อถูกดันออกประมาณ 1 ชุ่น

แสงนี้สว่างจ้าดวงอาทิตย์แผ่ขยายไปทั่วฟ้าดิน สวี่ชิงรู้สึกเหมือนกับว่าที่หว่างคิ้วของรูปปั้นแมงมุม มีดวงอาทิตย์ปรากฏขึ้นจริงๆ

เสียงครวญครางที่เจ็บปวด ดังออกมาจากข้างในรูปปั้นแมงมุม

แล่นเข้ามาในหูของสวี่ชิง เสียงก็พลันดังก้องขึ้นในใจ เขากระอักเลือดออกมา อดกลั้นไม่ไหวอีกต่อไป

โชคดีที่หมอกซึ่งเกิดจากกะโหลกศีรษะ 9 หัวในผลึกวารีสีม่วงของสวี่ชิง ตอนนี้หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับสวี่ชิง ส่งเสียงคำรามไปทั่วมวลอากาศ และสลายตัวเพื่อช่วยเขา

ในขณะเดียวกัน หอกยาวพลังเยวี่ยเหยียน 4 เล่มบนลำตัวรูปปั้นเทพเจ้าแมงมุม พลันแหลมคมขึ้นทันที ความรู้สึกเย็นยะเยือกแผ่ซ่าน บังเกิดเงาซ้อนซับ ก่อตัวเป็นหอก 4 เล่ม ตกลงมา

เสียงโอดครวญยิ่งโศกสลด

และไหดิน 8 ใบซึ่งเป็นพลังซิงเหยียน คล้ายจะหนักขึ้น กดทับลงอย่างแรง

กระแสวนนพกาฬหยุดลงทันที ศาลเจ้าที่กำลังลอยขึ้น สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ภายใต้พลังของดวงตะวัน จันทราและดวงดาราทั้ง 3 ไม่อาจเคลื่อนตัวต่อได้ จำต้องถอยกลับเข้าไปในถ้ำเท่านั้น

พลังดูดกลืนก็หายไปเช่นกัน

ส่วนสวี่ชิงร่างสั่นเทา เขารับความเจ็บปวดอย่างยิ่งยวดจากเสียงโอดครวญของเทพเจ้าแมงมุม ร่างกายยังคงพังทลาย จิตวิญญาณมืดมนไปด้วย

หากไม่ได้การปกป้องจากหมอกสีเทา ทั้งร่างกายและวิญญาณอาจจะถูกทำลายไปแล้ว ตอนนี้เขาพยายามอย่างเต็มที่ อาศัยจังหวะที่พลังดูดกลืนหายไป พุ่งตัวไปข้างหน้าอย่างแรง

เกิดเป็นเสียงระเบิด สุดท้ายก็หลุดออกจากพื้นที่แห่งนี้ได้ ปรากฏตัวขึ้นที่ห่างออกไปหลายพันจั้ง

สวี่ชิงกัดลิ้นโดยไม่ลังเล เพื่อให้สมองที่กำลังจะสิ้นสติตื่นขึ้น แล้วห้อตะบึงต่อไป

จนกระทั่งบินไปไกลหลายร้อยจั้ง ด้านหลังของเขาก็แผ่คลื่นราวกับคลื่นยักษ์ พร้อมกับพลังกดดันของเทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ 3 องค์

สวี่ชิงหายใจติดขัด หันกลับไปมอง

ห่างออกไปหลายร้อยจั้ง เหนือใจกลางกระแสวนที่ศาลเจ้าแมงมุมอยู่ บนท้องฟ้า ฉากที่สั่นสะเทือนโลกได้ปรากฏขึ้น ณ บัดนี้!

นั่นคือศาลเจ้าขนาดใหญ่ 3 แท่นปรากฏขึ้นมาจากอากาศ!

หลังหนึ่งรูปทรงเหมือนรถรบ ภายในบูชาดวงอาทิตย์

หลังหนึ่งรูปทรงเหมือนวังวิหคเพลิง ภายในบูชาพระจันทร์

หลังหนึ่งรูปทรงเหมือนเกี้ยวแดง ภายในบูชาดาวพระเคราะห์

ปรากฏตัวพร้อมกัน ส่องแสงทองทั่วฟ้า

กดทับเบื้องล่างอย่างรุนแรง!

(>>>พิสูจน์อักษร By Zank<<<)

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!