Skip to content

Outside Of Time 878


บทที่ 878 นางแอ่นน้อยร่อนลมชมวสันต์

สวี่ชิงได้ยินแล้วมองนายกองผาดหนึ่ง ตอนอยู่นอกเขาเทวะก่อนหน้านี้เขาย่อมสัมผัสได้ถึงความลับๆ ล่อๆ ของนายกอง บวกกับภายหลังเหยียนเสวียนจื่อมาตามหาคนด้วยจิตสังหาร รวมถึงข้อมูลป่าพยัคฆาคีรีบนแผ่นดินใหญ่ผืนคีรี

ทั้งหมดนี้ล้วนเข้าเค้า

ด้านศิษย์พี่ใหญ่กับเหยียนเสวียนจื่อต้องเกิดความขัดแย้งรุนแรงบางอย่างเป็นแน่ และชัดว่าฝ่ายที่เสียเปรียบคือเหยียนเสวียนจื่อ…

แม้พลังบำเพ็ญของเหยียนเสวียนจื่อเทียบได้กับเตรียมสู่เทวะ น่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง แต่สวี่ชิงมองว่าแทบจะไม่มีเรื่องใดที่นายกองจัดการไม่ได้ ส่วนความลับของเหยียนเสวียนจื่อ สวี่ชิงไม่ค่อยสนใจเท่าไร

แต่เห็นแก่ที่ศิษย์พี่ใหญ่ตื่นเต้นเต็มประดา สวี่ชิงพยักหน้า ตอบให้ความร่วมมือ “ความลับอะไร”

นัยน์ตานายกองเปล่งประกาย เลียริมฝีปาก นั่งยองตรงหน้าสวี่ชิง มองรอบด้านตามสัญชาตญาณและกล่าวคำเสียงค่อย “ศิษย์น้องข้า เหยียนเสวียนจื่อนั่นน่ะสุดยอด!”

สวี่ชิงไม่เข้าใจ ยังเป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินศิษย์พี่ใหญ่บรรยายคนอื่นด้วยคำว่าสุดยอด โดยเฉพาะการกระทำที่ศิษย์พี่ใหญ่เลียริมฝีปาก…ชวนให้คนอยากรู้นัก

เห็นสีหน้าสวี่ชิง ความคันปากของนายกองพลันพุ่งพรวด เขาหัวเราะมีเลศนัยกับสวี่ชิง สีหน้าท่าทางหยาบโลนยิ่ง

“ข้าจะบอกเจ้าให้อาชิงน้อย จากความรู้และประสบการณ์หลายชาติที่ผ่านมาของข้า เจ้าเหยียนเสวียนจื่อนั่นในสายตาผู้บำเพ็ญที่มีความชอบเฉพาะตัวบางคน เขาเปรียบได้กับสมบัติล้ำค่าเทียวนะ”

“คนผู้นี้รับได้ชนได้ บุกถอยได้ตามใจนึก พลิกแพลงเก่งยากคาดเดา ไม่มีทางป้องกันได้รอบด้าน”

นายกองกล่าวพลางทำปากแจ๊บๆ ให้ความรู้สึกอยากกินจนน้ำลายจะไหล

สังเกตสีหน้านายกองอีกครั้ง ครั้งนี้สวี่ชิงอึ้งไปอย่างแท้จริง นัยน์ตาปรากฏความฉงน แม้เขาผ่านเรื่องราวมามากมายตั้งแต่เด็กจนโต แต่ว่ากันถึงแก่น บางด้านยังคงอ่อนต่อโลก

ตอนนี้จึงตอบสนองไม่ได้โดยสิ้นเชิง ในหัวปรากฏเงาร่างเหยียนเสวียนจื่อ ย้อนนึกถึงกลิ่นอายของอีกฝ่ายตอนคุมเชิงกันก่อนหน้านี้เพื่อเสาะหาความพิเศษ

สังเกตเห็นความฉงนของสวี่ชิง นายกองขยิบตา ใจรู้สึกสนุก ยิ่งมีความครึ้มใจ

แอบคิดว่าศิษย์น้องในตอนนี้ถึงจะเป็นตอนที่ไร้เดียงสาที่สุด และในฐานะศิษย์พี่ใหญ่ ตนไม่อาจปล่อยให้ศิษย์น้องขาดพร่องความรู้ระดับใด

เขาจึงตบไหล่สวี่ชิง กล่าวคำพูดจากใจด้วยน้ำเสียงของผู้อาวุโส

“ศิษย์น้อง เจ้ายังมีประสบการณ์การน้อยเกินไป”

“เอาเถิดๆ ข้าบอกเจ้าตามตรงแล้วกัน เหยียนเสวียนจื่อผู้นั้น…”

นายกองทิ้งช่วง

“เป็นทั้งชายทั้งหญิง เลิศล้ำหาใดเปรียบ!” นายกองกล่าวพลางเลียริมฝีปาก

คำพูดเขาดังเข้าหูสวี่ชิงประหนึ่งฟ้าผ่า

สวี่ชิงเบิ่งตาโต แม้เรื่องพิลึกกึกกือบนแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์มีเยอะจนนับไม่ถ้วน การเปลี่ยนเพศก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรนัก แต่ที่ทำให้สวี่ชิงเกิดคลื่นในใจคือสีหน้าและคำพูดที่นายกองใช้บรรยายเรื่องนี้ตั้งแต่ต้นจนจบ

นี่ทำให้สวี่ชิงอดเกิดความคิดเชื่อมโยงบางอย่างไม่ได้ ลังเลอยู่ครู่หนึ่งจึงเอ่ยปาก

“ศิษย์พี่ใหญ่ ท่าน…เกิดขึ้นได้อย่างไร”

นายกองได้ยิน เชิดคางวางท่าเหนือกว่า

“นางแอ่นน้อยนั่นไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ถึงกับกล้าแย่งปราบพยัคฆาคีรีไปต่อหน้าข้า!”

“ถูกข้าจับได้แล้วยังให้ข้าไสหัวไป!”

“สีหน้านั้น น้ำเสียงนั้น ทำท่าทางสูงส่งอย่างกับอะไร”

นายกองแค่นเสียงเย็น

“พอเป็นแบบนั้นข้าก็ไสหัวออกไปตามคำขอของเขา แต่ยิ่งคิดข้ายิ่งโกรธ ข้าเลยฉวยจังหวะตอนเขาปราบพยัคฆาคีรีใช้บัญญัติเทพเจ้าทั้งหมดที่ข้าสร้าง ดึงพ่อแม่ปู่ย่าตายายของพยัคฆาคีรีที่เขาปราบมาให้หมด”

“ผลน่ะหรือ หึหึ นางแอ่นน้อยนั่นน่าเวทนาสุดๆ แม้เขาพลังบำเพ็ญและกำลังรบไม่ธรรมดา สามารถเทียบได้กับเตรียมสู่เทวะ แต่ถูกพยัคฆาคีรีรุมโจมตีเยอะขนาดนั้น เขาก็รับมือได้ยาก”

“แล้วเจ้าเดาสิว่าข้าเห็นอะไร”

นายกองถูมือด้วยตื่นเต้นยิ่ง ไม่รอสวี่ชิงตอบก็เฉลยเอง

“ข้าเห็นเขาถึงกับใช้วิชาพลังวิเศษน่าสะพรึงกลัวอย่างหนึ่งช่วงเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย ในขั้นหนึ่งนี่ไม่ใช่พลังวิเศษ แต่เป็นวิชาเทพ”

“แถมยังเป็นวิชาเทพอานุภาพน่าสะพรึงกลัว อย่างกับทัณฑ์เทวะ!”

นัยน์ตาสวี่ชิงจดจ่อ

ด้านนายกองยิ่งพูดยิ่งหน้าชื่นตาบาน

“แต่วิชานี้มีผลข้างเคียง แต่สำหรับนางแอ่นน้อยอาจจะไม่ใช่ผลข้างเคียงอะไร เอาเป็นว่าพอใช้วิชานี้จะมีช่วงสั้นๆ ที่เพศเขาเปลี่ยนไป!”

“ข้าบอกเจ้าให้นะอาชิงน้อย ข้าเห็นกับตาว่าทุกครั้งที่เขาใช้ล้วนจะกลายเป็นหญิง เดี๋ยวเป็นชาย เดี๋ยวเป็นหญิง แล้วเดี๋ยวเป็นชาย น่าสนุกเทียวละ”

เห็นท่าทางตื่นเต้นของนายกอง สวี่ชิงเริ่มสีหน้าเหยเก

ตอนนี้นายกองไม่สนใจสวี่ชิง คนทั้งคนอยู่ในห้วงความรู้สึกตื่นเต้น ยังกล่าวต่อไป

“และทุกครั้งที่เกิดผลข้างเคียง ตอนเพศเขาเปลี่ยนไป ข้างกายเขาจะมีไข่มุกเม็ดหนึ่งวนรอบ คอยดูดซับกลิ่นอายที่เปลี่ยนไปในกายเขา ทำให้ผลข้างเคียงจากวิชาเทพของเขาหายไป และกลับมาเป็นชายอีกครั้ง”

“แค่เห็นข้าก็รู้ว่านั่นคือไข่มุกแห่งชีวิตของเขา สำคัญหาใดเปรียบ”

“และเจ้าก็รู้ว่าศิษย์พี่ใหญ่เจ้าเป็นคนจิตใจดี ชอบช่วยผู้คน เห็นแก่ส่วนรวม ข้าเห็นคนเป็นทุกข์ไม่ได้”

“ดังนั้นข้าจะแข็งใจเห็นเขาทรมานเปลี่ยนเพศไปมาเช่นนั้นได้อย่างไร อย่างไรการเปลี่ยนจากชายเป็นหญิงก็เกี่ยวโยงกับเส้นลมปราณในกายและการเปลี่ยนแปลงเฉพาะภายนอกมากมาย คิดดูก็เจ็บปวดไม่น้อย”

“ข้าก็เลย…อาศัยจังหวะเขาเปลี่ยนเป็นหญิง ไปขโมยไข่มุกนั่นมาเสีย…”

“พอเป็นแบบนั้น เขาก็เปลี่ยนกลับไม่ได้แล้ว ถือว่าหลุดพ้นแล้วละ”

นายกองกล่าวพลางยกมือ ไข่มุกสีแดงลอยออกจากฝ่ามือเขา มันเปล่งรัศมีเตะตาพร้อมถูกแสงสีน้ำเงินปกคลุม ทำให้คลื่นของมันไม่อาจแผ่ออกมา

“เป็นอย่างไร”

นายกองมองสวี่ชิงด้วยครึ้มใจ

“ดังนั้น เจ้าอย่าเห็นว่าก่อนหน้านี้นางแอ่นน้อยนั่นภายนอกไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่ความจริงข้างในคือน้องสาวคนหนึ่ง นางน่ะ เปลี่ยนกลับไปไม่ได้แล้ว ก่อนไปข้ายังหวังดีทิ้งเสื้อชั้นในลายดอกของโยวจิงไว้ให้นางตัวหนึ่ง”

สวี่ชิงตื่นตะลึง มองนายกองอย่างเหม่อลอย นึกถึงจิตสังหารขบเขี้ยวเคี้ยวฟันพร้อมโทสะถึงขีดสุดตอนเหยียนเสวียนจื่อตามหาอีกฝ่ายก่อนหน้านี้

บัดนี้เข้าใจสาเหตุทั้งหมดแล้ว

“มิน่าเล่า…” สวี่ชิงถอนหายใจ

นายกองหัวเราะ กำฝ่ามือเก็บไข่มุกกลับไป ลุกขึ้นบิดขี้เกียจด้วยรู้สึกพึงใจยิ่ง

เขารู้สึกตนมาแผ่นดินใหญ่ผืนคีรีครั้งนี้สนุกยิ่งนัก ได้อะไรก็ตั้งมาก แต่นึกถึงจิ่วหลีของสวี่ชิง เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง

สุดท้ายอดสงสัยไม่ได้จริงๆ จึงเริ่มถาม

สวี่ชิงบอกตามความจริง

ได้ยินสวี่ชิงเล่าความเป็นไป นายกองเบิ่งตาโตเช่นกัน อึ้งอยู่ตรงนั้นค่อนวันแล้วกระทืบเท้าอย่างรุนแรง

“นางแอ่นน้อยไม่เจอข้า!”

“เรื่องแบบนี้ข้าควรจะเข้าร่วมด้วยสิ ขาดทุนแย่เลย!!”

สวี่ชิงไม่เอ่ยคำ

นายกองถอนหายใจยาว นั่งยองลงอีกครั้ง สีหน้าฉายแววครุ่นคิด ผ่านไปค่อนวันก็ไม่รู้เขาปลอบตัวเองอย่างไร ถึงกับตาเป็นประกายพึมพำเสียงค่อย

“แม้พลาดโอกาสนี้ แต่เรื่องนี้ก็ยืนยันสิ่งที่ข้าเคยคาดเดา เพิ่มหลักฐานที่มีน้ำหนักให้กับเรื่องที่พวกเราจะทำต่อจากนี้!”

พูดจบ นายกองมองสวี่ชิง นัยน์ตาเปล่งประกายแวววามแฝงความบ้าคลั่ง

“ศิษย์น้อง การบุกเบิกแผ่นดินเทวะครั้งนี้ เดิมข้ามีความมั่นใจกับการใหญ่ที่จะทำแค่ 1 ส่วน”

“แต่ตอนนี้ฟังเจ้าพูดจบแล้ว ข้ายิ่งมั่นใจกว่าเดิม!”

“ครั้งนี้ ศิษย์พี่จะพาเจ้า…ทำสุดยอดการใหญ่ที่ใหญ่กว่าทุกเรื่องที่เราเคยทำ!!”

สวี่ชิงตื่นตัวทันที เดิม 3 คำว่า ‘ทำการใหญ่’ ก็เป็นคำที่ทำให้เขาสนใจให้ความสำคัญอยู่แล้ว เพราะทุกครั้งที่นายกองพูดแบบนี้ล้วนหมายถึงการเข้าใกล้ความตายไม่สิ้นสุด

และระดับความบ้าคลั่งก็น่าตกใจมากขึ้นทุกที

ย้อนนึกดู ตั้งแต่เลือดเนื้อจวีอิง รูปปั้นเผ่าสิงซากสมุทร ขโมยอาภรณ์วิเศษโยวจิง บุตรแห่งวิถีสวรรค์ ดินแดนของเจ้าเหนือหัวทะเลทรายคราม สังหารเทพชื่อหมู่ นับวันยิ่งเหนือจินตนาการขึ้นทุกที

ตอนนี้นายกองถึงกับพูดคำว่าสุดยอด

ระดับความตื่นตัวของสวี่ชิงก็พุ่งถึงขีดสุดทันที มองนายกองแล้วอดถอนหายใจไม่ได้ “ศิษย์พี่ใหญ่ พวกเรา…อย่าไปรนหาที่เลย…”

นายกองยิ้มมีเลศนัย

“วางใจ เรื่องนี้ข้าวางแผนมานานมากแล้ว ยังมีหลักฐานจากเจ้ามายืนยันการคาดเดาของข้า ครั้งนี้ปลอดภัยแน่นอน”

นายกองออกแรงตบอก

ได้ยินนายกองพูดแบบนี้ สวี่ชิงขนลุกชันทั้งตัว จิตใจก็ปั่นป่วน เขามีลางสังหรณ์ว่าครั้งนี้นายกองอาจจะทำเรื่องน่ากลัวอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนจริงๆ

เขากำลังจะพูดอะไรสักหน่อย ด้านนายกองพลันเคลื่อนกายหายไปจากที่พัก เสียงสุดท้ายของเขาดังก้องอยู่ข้างหูสวี่ชิง

“ศิษย์น้องไม่ต้องรีบร้อน ข้าออกไปเดี๋ยวหนึ่งก่อน จะไปเตรียมการขั้นสุดท้ายให้การใหญ่ของพวกเรา”

ในที่พัก สวี่ชิงนิ่งเงียบ ค่อนวันผ่านไปนัยน์ตาเขาฉายแววเฉียบขาด

เท่าที่เขารู้จักนายกอง บวกกับลางสังหรณ์บางอย่างที่ผุดขึ้นในใจตอนนี้ เขาตัดสินใจว่าหลังจากเข้าแผ่นดินเทวะครั้งนี้ เป้าหมายจะมีเพียงสะสมวิถีสวรรค์และเก็บรอยตรา

ส่วนการใหญ่ของนายกอง เขาไม่เข้าร่วมเด็ดขาด

อย่างไรสวี่ชิงก็คิดว่าตัวเองไม่มีความชอบเอาชีวิตไปเล่นสนุก

คิดถึงตรงนี้ เขาหายใจเข้าลึก หลับตานั่งสมาธิ เสริมพลังให้สมบัติเวทที่ 5 ของตน ทำให้ตนประคองสภาวะขั้นสูงสุดพร้อมเพิ่มการดูดซับป้ายสักการะเทพ 95 ชิ้นในสมบัติเวทที่ 5

เวลาก็ไหลผ่านไปเช่นนี้

6 วันผ่านไป ใกล้ถึงเวลา

ในอีก 1 ก้านธูปมหกรรมออกล่าแผ่นดินเทวะจะเริ่มต้น ตอนสวี่ชิงลุกเตรียมออกจากที่พัก นายกองกลับมาแล้ว

ในช่วงเวลาแรกที่เขากลับมา ไม่รอสวี่ชิงเอ่ยปากก็หยิบขวดใบหนึ่งออกมาก่อน จากนั้นร่างกายเกิดเสียงดังตูม พังทลายลงตรงหน้าสวี่ชิง กลายเป็นหนอนสีน้ำเงินมุดเข้าในขวดตัวแล้วตัวเล่า…

“ศิษย์น้อง เอาข้าใส่ถุงเก็บของแล้วพวกเราออกเดินทางเลย”

แทบในพริบตาที่เสียงนายกองส่งมาจากในขวด คลื่นสะเทือนฟ้ากระจายออกจากเขาเทวะ กวาดทั่วทิศดุจย้ายภูเขาพลิกสมุทร ในเสียงสะเทือนเลื่อนลั่นนั้นมีจิตเทพน่าสะพรึงกลัวสามสายแผ่คลุมแผ่นดินใหญ่ผืนนี้

กลิ่นอายเทพเจ้าปกคลุมสรรพสิ่ง

ยามทุกสิ่งมีชีวิตที่ต่ำกว่าเทพสั่นสะท้านในพริบตานั้น เสียงเทพเจ้าเย็นเยือกดังก้องฟ้าดิน

“แผ่นดินเทวะกำลังจะเปิด ทุกคนจงออกมา”

สวี่ชิงฉวยมือหยิบขวดที่นายกองอยู่ เอาใส่ถุงเก็บของแล้วเขาพลันเคลื่อนกายหายไปจากที่พัก

ชั่วขณะที่ปรากฏกลางอากาศ เขาเห็นเงาร่างยิ่งใหญ่สะท้านฟ้าสะเทือนดิน 3 สายที่ยืนตรงอยู่เหนือเขาเทวะที่อยู่ไกลออกไป

รื่อเหยียน เยว่เหยียน ซิงเหยียน

เทพเจ้าทั้ง 3 ปรากฏตัวพร้อมกัน!

(>>>พิสูจน์อักษร By Zank<<<)

ACAC

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version