1012. เปิดถ้ำเทพ
‘ฉิงหลินวางแผนนี้ไว้ได้ดี…ข้าไม่คาดคิดว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงขนาดใหญ่เช่นนี้ขึ้นตอนที่เปิดถ้ำ…หากข้าไม่ได้ดูดซับวิญญาณปิศาจโบราณตนอื่น ตอนนี้ข้าคงไม่สามารถหักล้างได้เลย!’
‘อย่างไรก็ตามแม้ดินแดนวิญญาณปิศาจจะกลับมาสู่สิ่งที่มันเคยเป็น มันก็ไม่สำคัญ! เมื่อถ้ำนั้นเปิดขึ้น ครั้งนี้ข้าจะสำเร็จ!’
‘มารโบราณ จักรพรรดิเทพ ข้าเป้ยหลัวมาหาแล้ว!’ ปิศาจโบราณเผยใบหน้าดุร้ายจากนั้นพุ่งออกมาจากแอ่งน้ำกลายเป็นลำแสงปิศาจ
พลังปราณสวรรค์กวาดผ่านไปแต่เมื่อมันเข้ามาใกล้พลันถูกแสงชั่วร้ายรอบตัวดูดซับและเพิ่มพลังปิศาจของตนเอง
ณ ถ้ำใต้ดินซึ่งอยู่ใต้แคว้นปิศาจในแดนสวรรค์วิญญาณเทพ เหยาซีเชว่เงยศีรษะขึ้นในจังหวะที่พลังปราณสวรรค์กวาดผ่านมา เมื่อนางสัมผัสพลังปราณสวรรค์ ร่างกายสั่นเทา จากนั้นดวงตาปลดปล่อยแสงชั่วร้าย พลังปิศาจทรงพลังล้อมรอบตัวเอง
พลังปิศาจก่อตัวเป็นวังวนยักษ์ดูดซับพลังปราณสวรรค์ทั้งหมดรอบๆ
ร่างเหยาซีเชว่กระพริบวูบวาบและหายตัวไป นางปรากฏตัวอีกครั้งลอยอยู่กลางอากาศ ร่างกายปลดปล่อยกลิ่นอายปิศาจทรงพลังปกคลุมเหนือกายหยาบ แต่กลิ่นอายเย็นเยียบของนางยังแข็งแกร่ง
นางเปลี่ยนกลายเป็นลำแสงปิศาจและพุ่งไปข้างหน้า
สถานที่อีกแห่งซึ่งถูกผลกระทบจากพลังปราณสวรรค์ ที่นั่นคือแคว้นปิศาจอัคคีในจุดที่สำนักหลอมวิญญาณอยู่!
พลังปราณสวรรค์ลอยเข้าหารูปปั้นหวังหลินภายในส่วนลึกของสำนัก พลังปราณสวรรค์พยายามสลายพลังปิศาจข้างในแต่เกิดเสียงกรีดแหลมดังออกมาภายในรูปปั้น
วินาทีที่พลังปราณสวรรค์มาถึง ศิษย์หลายล้ายของสำนักหลอมวิญญาณรู้สึกกังวลปนร้องไห้ เมื่อไม่มีคนดูแล ศิษย์เกือบทั้งหมดจึงนำธงวิญญาณของตนออกมา ดวงวิญญาณมากมายนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นและก่อตัวเป็นม่านพลังปกป้องล้อมรอบรูปปั้นหิน
นครหลวงของสำนักหลอมวิญญาณถูกล้อมรอบด้วยดวงวิญญาณนับไม่ถ้วนที่กรีดร้องเผชิญหน้ากับพลังปราณสวรรค์ ทว่าพลังปราณสวรรค์ทรงพลังเกินไป สำนักหลอมวิญญาณเป็นเหมือนเรือโดดเดี่ยวล่องไปในคลื่นกระหน่ำโกรธเกรี้ยว
ศิษย์หลายล้านเต็มไปด้วยความหวาดกลัวแต่ก็กัดฟันแน่นและยันเอาไว้!
ชั่วขณะนี้เอง พลังปราณสวรรค์ส่วนหนึ่งก็เปลี่ยนไปราวกับมันมีความต้องการของตนเอง มันไม่เพียงแต่ไม่ได้โจมตีแต่กลับสร้างวังวนขึ้นมาช่วยเหลือสำนักหลอมวิญญาณเข้าต่อต้านกับพลังปราณสวรรค์อื่นๆอีกสามตำแหน่ง
พลังปราณสวรรค์สามตำแหน่งไม่ได้โจมตีและอ้อมไปแทน
วังวนรอบสำนักหลอมวิญญาณรีบหยุดลงและผสานเข้ากับอีกสามแห่งเพื่อกวาดไปทั่วโลก
เมื่อพลังปราณสวรรค์เต็มไปทั่วแดนสวรรค์วิญญาณเทพ เสาทั้งสี่ส่องประกายเจิดจ้าทำให้ดินแดนห่อด้วยแสงไฟ
เสาทั้งสี่เชื่อมต่อกันด้วยแสงราวกับเป็นม่านพลังผสานเข้าด้วยกันเหนือแดนสวรรค์วิญญาณเทพ
ค่ายกลป้องกันตัวเองของแดนสวรรค์วิญญาณเทพเปิดใช้งานขึ้นอีกครั้ง!
ณ วินาทีนี้ขณะที่แสงเต็มไปทั่วฟ้าและค่ายกลป้องกันกลับมากระตุ้น เกิดการเปลี่ยนแปลงขนาดใหญ่ขึ้นใจกลางแดนสวรรค์วิญญาณเทพ ตรงใจกลางมีเทือกเขามากมายไร้ก้นบึ้ง
พื้นดินสั่นไหว ภูเขาจำนวนมากถล่มลง ฝุ่นผงลอยขึ้นกลางอากาศ มองไกลๆทุกสิ่งทุกอย่างปกคลุมอยู่ในฝุ่น
แสงสีม่วงโผล่ออกมาจากภูเขาลูกหนึ่งที่กำลังพังทลาย เผยตัวตนเป็นมังกรม่วง มันร้องคำรามทำให้ภูเขาที่เหลือพังทลายลง
มังกรม่วงพุ่งขึ้นสู่อากาศ ปลดปล่อยเสียงร้องคำรามสั่นสะเทือนสวรรค์! มังกรตัวนี้สูงศักดิ์และเผยสายตาเยือกเย็นสุดขั้ว
เทือกเขาอีกแห่งพังทลาย มังกรม่วงตัวที่สองปรากฏขึ้นมา จากนั้นภูเขาอีกหลายแห่งพังทลาย มังกรม่วงปรากฏขึ้นทีละตัว ท้ายที่สุดในท้องฟ้ามีมังกรม่วงเก้าตัว ร้องเสียงคำรามคล้ายจะคงอยู่ไปตลอดกาล
มังกรเก้าตัวตัดผ่านกันและกันเกิดเป็นแสงสีม่วงกระพริบกลายเป็นค่ายกล พลังปราณสวรรค์ภายในพื้นที่ระเบิดออกมาอย่างมหาศาล
ค่ายกลเก้ามังกรลอยอยู่กลางอากาศและเรืองแสงสีม่วง มองเห็นได้ไกลๆ
ท้องฟ้าเหนือค่ายกลบิดเบี้ยว จากนั้นคนสามคนเดินออกมา พวกเขาคือหลิงเทียนโฮว ชายวัยกลางคนชุดม่วงและตรงกลางเป็นปรมาจารย์ชีกง เขาลืมตาขึ้นและส่องประกายเจิดจ้า
หลังจากสามคนปรากฏตัวไม่นาน มิติเบื้องหน้าก็บิดเบี้ยว คนผู้หนึ่งเดินออกมา
หลิงเทียนโฮวสายตาดุดัน ปรมาจารย์ชีกงเงยศีรษะขึ้นมองเทียนหยุน
เทียนหยุนมองปรมาจารย์ชีกงด้วยสีหน้าเป็นปกติ “เทียนหยุนขอคำนับสหายเซียนชีกง”
ปรมาจารย์ชีกงยิ้มบางและพยักหน้า “หลิงเทียนโฮวชวนข้า ข้าก็เลยจะมาดู”
เทียนหยุนมองค่ายกลเก้ามังกรและเอ่ยสงบนิ่ง “แค่ความแข็งแกร่งของข้าจึงไม่มั่นใจนัก แต่เมื่อสหายเซียนชีกงอยู่ที่นี่ การเดินทางครั้งนี้ไม่น่าจะมีปัญหา!”
ขณะที่ทั้งสองพูดคุย อวกาศบิดเบี้ยวสองตำแหน่งตรงข้ามของอีกด้านของค่ายกล มันคือคู่รักเซียนเมฆาและหวังหลิน
ร่างมายาติดตามคู่รักเซียนเมฆามาด้วย ส่วนด้านหลังหวังหลินคือซือถูหนาน จ้าวสายลมหวนและคนอื่นๆ เมื่อทั้งสองฝ่ายปรากฏตัว พวกเขาก็ประเมินอีกฝ่าย
เมื่อหวังหลินปรากฏตัว ร่างด้านหลังหวังเว่ยสั่นสะท้านพลางมองหวังหลินอย่างละเอียด สายตาเผยความเสียใจและพึงพอใจ
หวังหลินส่งสายตาไปหาคู่รักเซียนเมฆา เขาเคยเห็นทั้งสองมาก่อนแต่ไม่รู้จัก อย่างไรก็ตามหวังหลินจดจำเงาด้านหลังพวกเขาได้ว่ามันคือโจวยี่!
หวังเว่ยมองหวังหลินด้วยความสนใจและยิ้มแย้ม “เจ้าคือหวังหลิน คนที่นำกุญแจไปเปิดถ้ำที่สี่ใช่ไหม?”
หวังหลินท่าทางสงบนิ่งแต่สายตาระมัดระวัง เขาไม่สามารถเห็นระดับบ่มเพาะของชายตรงหน้าได้ ส่วนหญิงสาวด้านข้างเขาก็มีระดับบ่มเพาะที่หวังหลินมองไม่ออกเช่นเดียวกัน
‘คู่รักเซียนเทพเมฆา!’ หวังหลินเคยได้ยินเรื่องระดับบ่มเพาะของคู่รักนี้จากเหยาซีเชว่ หลังจากพวกเขาควบคุมถ้ำได้ก็ไม่เคยออกมาอีกเลย ทั้งสองคนนนี้ต้องเป็นคู่รักเซียนแน่
หวังหลินเอ่ยตอบ “ข้าเอง”
ฮู่จวนซึ่งอยู่ข้างหวังเว่ยยิ้มให้คู่รักตนเอง “ท่านแพ้เดิมพันของเราแล้ว”
หวังเว่ยยิ้มและพยักหน้า จากนั้นยิ้มให้หวังหลิน “กฏเกณฑ์ทางเข้าเหวนรกตรงแคว้นปิศาจอัคคีก็เป็นฝีมือเจ้าใช่ไหม?” หวังเว่ยเอ่ยขึ้นพลางโบกแขน ปรากฏคมมีดใบหญ้า
เมื่อหวังหลินเห็นใบหญ้าเขาก็จำได้ว่ามันคือกฏเกณฑ์ที่วางเอาไว้เมื่อตอนนั้น หวังหลินพยักหน้าโดยไม่มีสีหน้าเปลี่ยนไปอันใด
“ระยะหลังรุ่นเยาว์จะล้ำหน้าเราไปอีก ตอนที่ข้าอายุเท่าเจ้า ข้าไม่สามารถวางกฏเกณฑ์ซับซ้อนแบบนั้นได้เลย” หวังเว่ยถอนหายใจ สายตาเต็มไปด้วยความชื่นชม
“ผู้อาวุโสพูดเกินไปแล้ว” สายตาหวังหลินค่อยๆกวาดไปหาเงาด้านหลังหวังเว่ย
เมื่อหวังหลินกวาดสายตาผ่านไป โจวยี่กระพริบตาเบาๆ
หวังหลินเข้าใจทันที
ขณะนั้นลำแสงหลายเส้นโผล่ออกมาไกล คนด้านหน้าเป็นหญิงวัยกลางคนสุดสวย ด้านหลังนางคือศิษย์สี่คนรวมถึงเฉียนฉินและคนที่จะเป็นเซียนสตรีของฟ้ากระจ่าง
สตรีงดงามมาถึงและมองไปรอบๆ เริ่มแรกนางคำนับเทียนหยุน จากนั้นก็มองคู่รักเซียนเทพเมฆาอย่างละเอียด จากนั้นส่งท่าทีไมตรีแก่หวังหลิน ท้ายที่สุดก็มาอยู่ข้างปรมาจารย์ชีกง
เทียนหยุนท่าทางปกติแต่ก็ขมวดคิ้ว
หลังจากหญิงสาวงดงามมาถึงก็เป็นสองชายชรา คนหนึ่งนั่งบนน้ำเต้าและอีกคนสวมชุดดำ ชายชราน้ำเต้ามองทุกคน เมื่อเห็นคู่รักเซียนเทพเมฆา รูม่านตาหรี่แคบ ขบคิดอยู่ชั่วขณะจึงมาอยู่ข้างเทียนหยุน
ส่วนชายชุดดำเขาไม่ได้พูดอะไรและมายืนข้างหวังหลิน
หวังหลินดวงตาส่องสว่างขึ้นและมองชายชุดดำ หวังหลินไม่เคยแม้แต่จะพูดกับเขาสักครั้งแต่ก็รู้สึกเลือนลางว่าเขามีนิสัยเย็นชาและท่าทีโอหัง และนั่นจึงไม่ชอบเข้าใกล้คนแบบนี้
ชายชุดดำมองหวังหลินและเอ่ยเป็นครั้งแรก “พาข้าเข้าไป”
หวังหลินขบคิดเล็กน้อยและพยักหน้า
ค่ายกลเก้ามังกรค่อยๆหมุนอยู่ภายใต้แสงสีม่วง ทว่าวินาทีนั้นเปลวเพลิงปิศาจทรงพลังพุ่งมาหาที่นี่
เปลวเพลิงปิศาจมาถึงในเสี้ยววินาทีและเปลี่ยนเป็นร่างมนุษย์แต่ถูกห่อหุ้มด้วยพลังปิศาจจนไม่อาจเห็นใบหน้าได้ชัดเจน บอกไม่ได้แม้กระทั่งเป็นชายหรือหญิง
กระนั้นวินาทีที่ร่างนี้ปรากฏขึ้นมาหวังหลินก็มองเข้าไป ร่างปิศาจมองมาที่หวังหลินเช่นเดียวกัน ดวงตาเผยสัมผัสความเกลียดชังรุนแรง สายตามองตรงเข้าใส่หวังหลินดุจปลายกระบี่
ทว่าเขาก็ถอนหายตาออกมาและยืนอยู่ข้างเทียนหยุน
เทียนหยุนพลางพยักหน้า สายตามองออกไปไกลและคราวนี้แฝงความคาดหวังเอาไว้ด้วย
ชายหนุ่มชุดแดงกล้าหาญเดินออกมาไกล เขาหล่อเหลาและเผยสัมผัสปิศาจโออ่า
ศีรษะเรียบลื่นไร้เส้นผม พลังปราณสวรรค์ล้อมรอบเขา มองหวังหลินเป็นคนแรกและยิ้มออกมา “น้องหวัง ข้ามาสายไปหน่อย”
“เป้ยหลัว…” หวังหลินสงบนิ่งพลางพยักหน้า “ท่านไม่สายหรอก นี่เป็นโอกาสดี”
การปรากฏตัวของชายหนุ่มหัวล้านทำให้ปรมาจารย์ชีกงหรี่ตาแคบ คู่รักเซียนเทพเมฆายังต้องกระพริบสายตาเยือกเย็น
มีเพียงเทียนหยุนค่อยๆเผยรอยยิ้ม
ค่ายกลเก้ามังกรกระตุ้นออกมาและพลังปราณสวรรค์เต็มไปทั่วพื้นที่ มังกรม่วงเก้าตัวเคลื่อนไหวและร้องคำราม แสงสีม่วงกระพริบเข้มข้นปกคลุมพื้นที่ระยะห้าสิบลี้
แสงผ่านไปอย่างรวดเร็วและทุกคนก็หายวับ
ถ้ำที่ห้าเปิดขึ้นแล้ว!