1020. ฉิงหลิน?
เดิมทีหวังหลินตั้งใจยืมพลังของวิชาเทพชี้ทางเพื่อเปิดทางสู่ด้านนอกขวด ทว่าในขณะที่พลังมารรุกรานเข้ามาในวังวนจากอีกฝั่งหนึ่ง วิชาเทพชี้ทางจึงหลุดจากการควบคุม!
พลังมารหนาแน่นจนหวังหลินต้องล่าถอยทันที สีหน้าแฝงความตกตะลึง
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาใช้วิชาเทพชี้ทางและไม่คาดคิดว่าอุโมงค์จะนำทางเขาไปสู่สถานที่เช่นนี้
จากประสบการณ์ เจ้าเศษมารปล่อยพลังมารออกมาได้มากที่สุด ตามมาด้วยหมิงไฮ่ แต่พลังมารจากพวกเขาเทียบไม่ได้จากพลังมารจากอีกด้านของวังวน!
พลังมารจากวังวนนั้นบริสุทธิ์มาก มันคือพลังมารเข้มข้นจนอาจบอกได้ว่าเป็นบรรพชนของพลังมารทั้งหมด
เศษมารและหมิงไฮ่เป็นเหมือนหิ่งห้อย ส่วนพลังนี้เหมือนแสงจันทรา!
โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่กำลังนั่งอยู่บนบัลลังก์ในโถงลึกลับนี้ทำให้หวังหลินหนังศีรษะด้านชา เพียงแค่มองครั้งเดียวก็ทำให้จิตใจสั่นเทา
วินาทีนี้หวังหลินได้ยินแต่เพียงเสียงหัวใจเต้นถี่รัว ลมหายใจขาดห้วง หวังหลินตัดวิชาเทพชี้ทางออกไปโดยไม่ลังเล วังวนจึงเริ่มสลายลง
เมื่อวังวนกำลังสลาย เงาผู้คนที่หวังหลินฆ่าไปหลายสิบคนจึงปรากฏตัวขึ้น พวกเขาจ้องหวังหลินด้วยสายตาชั่วร้ายและร้องครวญคราง ราวกับต้องการวิ่งออกไปและกลืนกินหวังหลิน
ร่างที่กำลังนั่งอยู่บนบัลลังก์ค่อยๆเงยศีรษะขึ้นช้าๆ สายตาขุ่นมัวค่อยๆปรากฏขึ้นมาจากในสายหมอก แทงทะลุผ่านวังวนและตกลงบนร่างหวังหลิน สายตาขุ่นมัวพลันเพ่งพินิจ
ตาขวาหวังหลินกระพริบวาบแสงสีฟ้าและล่าถอยโดยไม่ลังเล โล่ห์ฟ้าครามปรากฏขึ้นเบื้องหน้าทันที
ชั่ววินาทีนั้นร่างลึกลับบนบัลลังก์จึงยกแขนขึ้น เขาถือบางอย่างและโยนมันออกไป!
ลำแสงสีเหลืองพุ่งเข้าใส่วังวนที่กำลังแตกสลาย เมื่อลำแสงสีเหลืองเข้าไปในวังวนมันจึงเกิดเสียงดังคะนองและทำให้วังวนแตกสลายเร็วขึ้น เมื่อแสงลอดผ่านวังวน ตัววังวนจึงแตกเป็นเสี่ยงๆ
ร่างเงาดุร้ายหลายสิบคนกรีดร้องคำรามก่อนจะระเบิดกลายเป็นละอองแสงสีดำที่สลายไปทันที
แสงสีเหลืองพุ่งออกไปจากวังวนและร่อนลงบนโล่ห์ฟ้าคราม ทว่ามันพุ่งผ่านโล่ห์ไปตรงๆราวกับไม่มีรูปร่างและเข้าไปใกล้ใบหน้าหวังหลินในเสี้ยววินาที แสงสีเหลืองหยุดห่างออกไปจากจมูกหวังหลินสามนิ้วเท่านั้น
วินาทีนี้วังวนก็หายไป ความสงบกลับคืนสู่หอคอยทมิฬ
แต่เหงื่อเย็นเฉียบยังปกคลุมหน้าผากหวังหลิน พอมองแสงสีเหลืองใกล้ๆเขาจึงเห็นผลึกรูปทรงเพชรอยู่ข้างใน
หลังจากถอยไปสองสามก้าว หวังหลินใบหน้ามืดมนและไม่แน่ใจ ขบคิดอยู่นานจากนั้นยื่นมือออกไป ผลึกลอยเข้ามาในฝ่ามือ
‘ข้าไม่ได้ใช้วิชาเทพชี้ทางผิดพลาด แต่วิชาทรงพลังอื่นเข้าแทรกแซง มันทำให้ข้าเสียการควบคุมและนำข้าไปยังสถานที่ที่ข้าไม่รู้!’ หวังหลินมองผลึกในมือ ด้วยไหวพริบของตัวเองเพียงแค่ขบคิดเล็กน้อยจึงเข้าใจได้
‘คนลึกลับนั่นอาจจะเป็นคนแทรกแซงวิชาเทพชี้ทางของข้า เสียดายที่ข้าไม่เห็นรูปร่างเขาเนื่องจากหมอกสีดำ เขาทำลงไปเมื่อมอบผลึกนี้ให้ข้าอย่างชัดเจน!’
ดวงตาหวังหลินส่องสว่างขึ้นและขมวดคิ้ว ถ้ำจักรพรรดิเทพลึกลับเกินไปและมีหลายสิ่งหลายอย่างที่เขาทำได้เพียงคาดเดาและไม่อาจะได้รับคำตอบที่แท้จริง
‘ร่างลึกลับนั่น…ฉิงหลิน?’ หวังหลินขบคิดเงียบๆและพึมพำ “เขามีเป้าหมายอะไรถึงมอบผลึกนี้ให้ข้า…”
พอมองผลึก หวังหลินไม่ได้กระจายสัมผัสวิญญาณมาตรวจสอบแต่วางมันข้างๆแทน ถอยไปสองสามก้าวและนั่งลงบ่มเพาะ
ร่างกายหยาบเขาได้รับบาดเจ็บและสูญเสียเลือดไปมากจึงทำให้รู้สึกวิงเวียน สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกอันตรายคือไม่มีพลังดั้งเดิมเหลือในร่างมากนัก
หากเป็นแค่นีสถานการณ์คงไม่เคร่งเครียด แต่ว่าพลังปราณสวรรค์ในร่างกายก็แทบไม่มีเหลือไปด้วย
‘ข้าใช้พลังเทพดั้งเดิมของพี่ฉิงชุ่ยให้มามากเกินไป ข้าต้องหาทางเติมเต็มมันให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ อันตรายในการสู้ครั้งนี้เป็นสิ่งที่พบเจอยากในชีวิต’
เมื่อคิดถึงวิชาเทพที่หมิงไฮ่ใช้ หวังหลินอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวาดกลัว เขามองออกไปนอกหคอยและเห็นเปลวเพลิงปกคลุมโลก
แม้ไม่อาจรู้สึกถึงความร้อนจากข้างในหอคอย แต่เมื่อมองออกไปข้างนอก ภาพวิสัยทัศน์จึงบิดเบี้ยวจากคลื่นความร้อน ราวกับกำลังเผาไหม้กลายเป็นฝุ่นจนเห็นได้ไม่ไกล
‘สงสัยว่าซือถูและคนอื่นๆกำลังทำอะไร…’ หวังหลินถอนหายใจ เขาอยู่ในหอคอย ทุกอย่างด้านนอกปกคลุมอยู่ในเปลวเพลิง ราวกับหวังหลินเป็นเพียงคนเดียวที่อยู่ในโลกนี้
ขบคิดอยู่นาน เม็ดยาที่หวังหลืนกินเข้าไปจึงเริ่มแสดงผล ร่างกายหยาบค่อยๆฟื้นฟูอย่างช้าๆ จากนั้นตบกระเป๋าปรากฏแสงสีขาวนวลในมือ
ข้างในแสงสีขาวนวลมีพลังเทพดั้งเดิมบริสุทธิ์ยิ่ง
‘วิญญาณดั้งเดิมของซวนเป่า ข้าใช้มันได้แล้ว!’ หวังหลินวางก้อนแสงไว้เบื้องหน้าจมูกและสูดลมหายใจ จากนั้นพลังเทพดั้งเดิมสองสายโผล่ออกมาจากก้อนแสงเข้าไปในรูจมูก หาทางเข้าไปในร่าง
เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ หลายวันต่อมาหวังหลินก็ลืมตาขึ้น พลังเทพดั้งเดิมในร่างกายได้รับการฟื้นฟูและเพิ่มขึ้นเล็กน้อย อย่างไรก็ตามหวังหลินรู้ว่าเขาไม่สามารถกักเก็บพลังเทพดั้งเดิมนี้มากเกินในร่างกาย ไม่เช่นนั้นมันอาจจะทำให้เขตแดนหายไป
ความสามารถการฟื้นฟูของเทพโบราณนับว่าดีเยี่ยม เพียงแค่ไม่กี่วันอาการบาดเจ็บทั้งหมดก็หายไป แม้แต่ความรู้สึกวิงเวียนก็หายไปด้วย อย่างไรก็ตามปัญหาที่หวังหลินเผชิญตอนนี้คือการฟื้นฟูพลังดั้งเดิม
หากเขาอยู่ข้างนอกมันคงไม่เป็นปัญหา ด้วยระดับบ่มเพาะนี้เขาสามารถดูดซับพลังดั้งเดิมของโลกไปตอนที่ฝึกฝนได้
อย่างไรก็ตามหลังบ่มเพาะไปไม่กี่วัน การฟื้นฟูพลังดั้งเดิมเป็นไปอย่างเชื่องช้ายิ่ง หวังหลินพอจะเข้าใจว่าในทะเลทรายสีดำไม่ได้มีพลังดั้งเดิมมากนัก พลังดั้งเดิมที่เหลือทั้งหมดผสานเข้ากับเปลวเพลิงไม่มีที่สิ้นสุดข้างนอก
เป็นผลให้หวังหลินดูดซับได้ยาก ไม่ต่างอะไรกับการดึงเกาลัดออกมาขณะที่ไฟไหม้
ขบคิดอยู่สักพักหวังหลินก็ยืนขึ้นมองผลึกสีเหลืองห่างออกไปไม่ไกล ทว่าเขาเลือกที่จะไม่สนใจมันและมาถึงหน้าต่างข้างๆมองออกไปนอกหอคอย
เปลวเพลิงยังคงปกคลุมวิสัยทัศน์ เสียงแตกร้าวดังออกมาจากท้องฟ้า พื้นผิวดุจกระจกถูกปกคลุมด้วยควันสีดำจากเพลิงที่กำลังเผา มองไกลๆแล้วท้องฟ้ามีแต่เมฆสีดำหนาแน่น
‘ข้าฟื้นฟูพลังดั้งเดิมไม่ได้ ดังนั้นการบ่มเพาะจึงไม่ถึงจุดสูงสุด หมายความว่าข้าไม่สามารถสำรวจผลึกสีเหลืองอย่างลวกๆหรืออกไปจากหอคอยทมิฬได้’ หวังหลินกำลังบ่มเพาะ สัมผัสวิญญาณแพร่กระจายไปทั่วหอคอยทมิฬแต่ก็พบว่าไม่มีสิ่งใดผิดปกติ
หวังหลินมองเปลวเพลิงหนาแน่นด้านนอกหอคอยและเริ่มคำนวณ จากนั้นกัดฟันแน่นก้าวเดินออกไปข้างนอก!
เพียงก้าวเดียวหวังหลินก็ร่อนลงบนพื้น เมื่อเท้าสัมผัส เปลวเพลิงคล้ายจะรับรู้ถึงเขา พวกมันพุ่งเข้าใส่ทันที
หวังหลินดวงตาส่องสว่างวาบ ยกแขนขวาขึ้นมาและยื่นออกไป เปลวเพลิงส่วนหนึ่งถูกเขาจับเอาไว้และหวังหลินถอยกลับเข้าไปในเปลวเพลิงเพียงเสี้ยววินาที
เมื่อเขาเข้ามาในหอคอยทมิฬ เปลวเพลิงก็มาถึงและหอคอยถูกคลุมด้วยเปลวเพลิง หลังผ่านไปอีกสักพัก เปลวเพลิงค่อยๆลดลงและถอยร่นเหมือนน้ำลง
หวังหลินนั่งบนพื้นหอคอยด้วยใบหน้าซีดเซียว แขนขวามีเปลวเพลิงขนาดเท่าเมล็ดถั่ว ส่งความร้อนทรงพลังออกมา แขนขวาหวังหลินเริ่มเกิดรอยแตกร้าว
พอจ้องเปลวเพลิง ดวงตาหวังหลินแดงฉาน เบื้องหน้าแสงเปลวไฟ หวังหลินเผยสายตาไม่แน่นอน ตอนนี้กำลังดิ้นรนเพื่อตัดสินใจเรื่องยากลำบาก
ผ่านไปไม่กี่นาทีหวังหลินเผยสายตาตั้งมั่น!
‘แม้เปลวเพลิงนี้จะอันตราย มันก็ไม่ได้มากเกินไป ข้าคำนวณไว้บ้างแล้วมันไม่น่าจะมีปัญหา ความลังเลเป็นเรื่องไร้ประโยชน์ ข้าอาจต้องลองมัน!’
หวังหลินใช้แขนขวาตีเข้าร่างกาย กระเป๋าลอยออกไปใส่มุมหนึ่ง จากนั้นวางกฏเกณฑ์บางส่วนไว้ สูดหายใจลึกนำเปลวเพลิงเข้าปากและกลืนลงไปโดยไม่ลังเล!
เมื่อเปลวเพลิงเข้าไปในร่างกาย ความร้อนเข้มข้นปะทุขึ้นข้างใน ความร้อนจากเปลวเพลิงนั้นเหนือจินตนาการ ตอนนี้ร่างหวังหลินเปลี่ยนเป็นสีแดง อ้าปากร้องคำรามเจ็บปวดดังก้องภายในหอคอย
ขณะเดียวกันเปลวเพลิงจำนวนมากผุดออกมาจากรูขุมขน เสื้อผ้าสลายเป็นเถ้าถ่านทันที เปลวเพลิงขยายออกไปข้างนอกและปกคลุมทุกอย่างภายในระยะสามสิบฟุต
เม็ดเหงื่อจำนวนมากเปลี่ยนกลายเป็นควันสีขาวล้อมรอบร่างหวังหลินทันที
ตอนนี้เขารู้สึกเหมือนได้กลืนถ่านที่กำลังไหม้เข้าไป เนื่องจากมีเกราะหนังเทพโบราณ วิญญาณดั้งเดิมจึงไม่ได้บาดเจ็บ แต่พลังดั้งเดิมที่เหลืออยู่คล้ายผสานเข้ากับเปลวเพลิงและกำลังเผาไหม้ร่างหวังหลิน
หวังหลินอดทนต่อความเจ็บปวดแสนสาหัส หลังจากเปลวเพลิงเข้าเชื่อมต่อกับพลังด้งเดิม มันจึงเริ่มเคลื่อนเข้าหาวิญญาณดั้งเดิมเขา
‘มีเพียงแค่การทำให้มันเข้าสู่วิญญาณดั้งเดิมข้าเท่านั้นจึงจะดูดซับพลังดั้งเดิมข้างในได้จริงๆ!’ หลังจากคาดคำนวณไม่กี่อย่าง ในแววตาเต็มไปด้วยแน่วแน่ ชี้ใส่หน้าอกตนเอง เกราะหนังเทพโบราณหลุดออกไปจากวิญญาณดั้งเดิมและลอยออกมา
เมื่อไม่มีเกราะหนังเทพโบราณ พลังดั้งเดิมภายในเปลวเพลิงจึงเข้าสู่วิญญาณดั้งเดิม!