Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1084

Cover Renegade Immortal 1

1084. โชคร้าย

ต้าเจียปลดปล่อยพลังมารไร้ขีดจำกัด ก่อร่างเป็นเงามารยักษ์เบื้องบนและกำลังจะพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า

ทว่าในขณะที่กระบี่ยาวสีแดงกดลงมา เงามารส่งเสียงโหยหวน ทั้งร่างถูกกดทับ กระบี่ยาวตวัดลงมา เงามารยกแขนขึ้นพยายามต้านทาน

ปัง!

แขนทั้งสองข้างถูกตัดขาดพังทลายเป็นท่อน ไม่อาจหยุดยั้งกระบี่ยาวได้เลย

มารโบราณต้าเจียเต็มไปด้วยความกลัว คนอื่นอาจจะไม่รู้ต้นกำเนิดของสี่สมบัติสวรรค์แต่ขณะที่เขาสังเกตพวกมันยิ่งมั่นใจว่าเป็นไปอย่างที่คิด!

“นี่…นี่มันสมบัติเต๋าสวรรค์ก่อกำเนิด!!” ต้าเจียอ้าปากค้าง มารโบราณเบื้องบนส่งเสียงดังลั่นและไม่อาจหยุดยั้งกระบี่ได้ กระบี่แยกร่างเงามารออกเป็นสองส่วนจากนั้นพุ่งใส่ต้าเจีย

ชั่วขณะนั้นเทียนหยุยเผยท่าทางมุ่งมั่น พลันสะบัดแขนเสื้อ ร่างกายห่อหุ้มด้วยแสงสีแดง สูดหายใจลึกก่อนจะชี้ขึ้นไปและร้องตะโกน “เจ็ดแสงแห่งชะตาสวรรค์ อำนาจสวรรค์…สีแดง!”

จากนั้นร่างกายสั่นเทา แสงสีแดงแยกตัวออกมาจากรอบๆที่ห่อหุ้มและพุ่งใส่กระบี่ยาวที่กำลังตกใส่ต้าเจีย

“สีส้ม!” แสงสีส้มแยกออกมาจากที่เหลืออยู่หกสี

เทียนหยุนร้องตะโกนแต่ละชื่อ เจ็ดแสงสีแยกออกมาทีละหนึ่ง พวกมันผสานเข้าด้วยกันและพุ่งตรงไปข้างหน้ากลายเป็นแสงสีรุ้ง

“เจ็ดแสงผสานเป็นหนึ่ง ก่อเกิดแผนภาพสวรรค์!” เส้นผมดำขลับของเทียนหยุนพริ้วไหวไรสายลม ด้วยเสียงคำรามสุดท้ายนั้น แสงเจ็ดสีหมุนวนก่อตัวเป็นวังวนเจ็ดสี

เปลือกไม้สามชิ้นปรากฏขึ้นภายในวังวนแห่งนั้น เทียนหยุนคว้าเอาไว้และโยนออกไปเบื้องหน้า เปลือกไม้ทั้งสามชนเข้าด้วยกันและตกลงแผนภาพ เทียนหยุนจ้องมันพลางใช้ฝ่ามือสร้างผนึกและชี้ออกไป

“หยิบยืมโชคชะตาเพื่อสร้างเต๋า!” กลิ่นอายคลุมเครือโผล่ออกมาจากเปลือกไม้ วินาทีนั้นแม้แต่กระบี่ยาวยังต้องหยุดชะงักไปหนึ่งจังหวะ

ราวกับพลังอำนาจหนึ่งกำลังจะตื่นขึ้นจากเปลือกไม้ทั้งสามและกำลังจะพุ่งออกมา นาทีนี้ทุกคนต่างก็ตกตะลึง

ชายชราดินแดนฟ้ากระจ่างหรี่สายตาพลางจ้องมองเทียนหยุนด้วยแสงลี้ลับ

“นี่คือเต๋าของเทียนหยุน…เช่นนั้นมันไม่ใช่ชะตาสวรรค์ มันหยิบยืมชะตาสวรรค์เพื่อสร้างทะเลเต๋าของตนเอง เขาสามารถบ่มเพาะเต๋าด้วยแนวคิดนี้ได้จริงๆและสามารถสร้างเขตแดนขึ้นมาได้ นี่แทบจะส่องเต๋าได้แล้ว…”

แม้กระทั่งมารโบราณต้าเจียดูเหมือนจะมองเห็นเบาะแสบางอย่างและอ้าปากค้าง มองเทียนหยุนด้วยแววตาตกตะลึง

หวังหลินจ้องมองกลิ่นอายที่กำลังออกมาจากเปลือกไม้ทั้งสาม เขาจดจำกลิ่นอายนี้ได้ดี ข้างในกระเป๋ามีผลึกบางส่วนที่ได้มาจากกะโหลกของเทพโบราณแปดดาว กลิ่นอายจากผลึกพวกนั้นเหมือนกันกับกลิ่นอายของเปลือกไม้!

พอเห็นกลิ่นอายจากเปลือกไม้แข็งแกร่งขึ้น จักรพรรดิวิหคเพลิงหรี่ตาแคบ ชี้แขนขวาไปข้างหน้าโดยไม่ลังเล กระตุ้นสมบัติศักดิ์สิทธิ์วิหคเพลิงรูปแบบที่สามด้วยตนเอง พลางร้องตะโกนอีกครา “อัคคีสวรรค์!”

กระบี่ยาวร้องหึ่งเสียงดังแพร่กระจายเปลวเพลิงออกมาทั่วฟ้าและแพร่ผ่านรูในท้องฟ้าไปด้วย วินาทีนั้นพื้นที่ดวงดาวกว่าครึ่งถูกปกคลุมอยู่ในท้องฟ้า

ภายในกระบี่มีกลิ่นอายคุ้นเคยแบบเดียวกันกับเปลือกไม้ แต่มันแข็งแกร่งยิ่งกว่า!

ยามจักรพรรดิวิหคเพลิงชี้นิ้วลงไป กระบี่ตวัดลงเช่นเดียวกัน ปะทะเข้ากับเปลือกไม้ทั้งสาม

ตึงตัง ตึงตัง ตึงตัง!

คลื่นกระแทกทรงพลังพร้อมกับเกิดเสียงอึกทึกติดตามกันมา เศษเปลือกไม้ทั้งสามพังทลายตรงๆ แม้กระทั่งวังวนเจ็ดสีด้านหลังยังถูกฉีกกระชาก

เทียนหยุนกระอักโลหิตและล่าถอยทันที

กระบี่ยาวกดทับลงมา ทะลุผ่านสิ่งกีดขวางทั้งหมด ร่อนลงบนหน้าผากต้าเจีย พลันเกิดสายหมอกสีดำหนาแน่นรวมกันตรงกลางหน้าผากต้าเจียและร่างมารโบราณของจริงปรากฏขึ้น มันพุ่งออกมาด้วยเจตนาย้อนทวนสวรรค์

มันคือมารโบราณ หนึ่งในสามเผ่าพันธุ์บัญชาโบราณ เป็นเผ่าฝืนลิขิตสวรรค์ ขณะที่กระบี่กดทับลงมา เสียงเจ้ามารโบราณดังกึกก้องไปทั่วโลก

ทว่าในเสี้ยววินาทีที่จิตวิญญาณร่างจริงปรากฏ กระบี่ยาวกระพริบสีแดง หยดโลหิตที่ผสานเข้ากับสมบัติสวรรค์พลันลอยออกมาจากกระบี่โดยไม่คาดคิดและร่อนลงกลางหน้าผากของเจ้ามารโบราณ

“นี่…โลหิตนี้ไม่ใช่เต๋าสวรรค์ก่อกำเนิด…” ต้าเจียกรีดร้อง พื้นที่ตรงกลางหน้าผากดูเหมือนหลอมละลาย หยดโลหิตทะลุผ่านเข้าไป จิตวิญญาณที่แท้จริงของเขาถูกบังคับให้กลับเข้าไปในร่างฉิงหลิน ขณะที่กำลังจะล่าถอย โลหิตที่ร่อนตรงกลางหน้าผากฉิหลินพลันก่อผนึกสีแดงเข้ม!

ร่างต้าเจียสั่นเทาและหล่นลงกับพื้นทันที

วิญญาณดั้งเดิมของจักรพรรดิวิหคเพลิงศักดิ์สิทธิ์กลายเป็นภาพเลือนลาง เขามาที่นี่ด้วยวิญญาณดั้งเดิมเท่านั้น การกระตุ้นสมบัติศักดิ์สิทธิ์นับเป็นการใช้พลังดั้งเดิมไปอย่างมาก หากแค่เปิดรูปแบบแรกและรูปแบบสองคงไม่มีอะไรนัก แต่เขาเป็นคนเดียวที่สามารถเปิดรูปแบบที่สามได้ ซึ่งราคาที่ต้องแลกนับว่ามหาศาลนัก

ร่างกายเลือนลางมากกว่าเดิมแต่พลันสะบัดแขน กระบี่ยาวพุ่งออกไปตามหลังเทียนหยุนที่กำลังถอย

กระบี่ยาวเข้าไปใกล้ในเสี้ยววินาทีและเฉือนเข้าใส่ศีรษะเทียนหยุน!

หลังการเฉือนนี้ หอกมังกรฟ้า ดาบพยัคฆ์ขาว ขวานเต่าดำ พลันปราฏขึ้นทั้งหมด!

เห็นได้ชัดว่าจักรพรรดิวิหคเพลิงมีเจตนาสังหาร!

เทียนหยุนท่าทางดุดันและหันหน้าขึ้นไป ในช่วงวิกฤตินี้ แขนขวายื่นเข้าใส่ตรงกลางหน้าผาก กระชากผนึกที่สามออกไปครึ่งส่วน

แม้จะแค่ครึ่งส่วน กลิ่นอายแข็งแกร่งกว่าเดิมสิบเท่าระเบิดออกมาเข้าต่อต้านการโจมตีจากสี่สมบัติสวรรค์

สายฟ้าดังคะนองกึกก้อง คลื่นกระแทกแพร่กระจาย เทียนหยุนกระอักโลหิตพลางถอยอย่างต่อเนื่อง พริบตานั้นเขาก็เปิดมิติและหายวับไป

กระบี่ยาวลอยนิ่งงันในอากาศ

จักรพรรดิวิหคเพลิงครุ่นคิดอย่างเงียบเชียบพร้อมกับร่างกายที่โปร่งแสงมากขึ้นมองตำแหน่งที่เทียนหยุนหนีไป พลันส่ายศีรษะ “ข้าแก่ขึ้นเรื่อยๆ…หากเป็นข้าในตอนรุ่งโรจน์ เทียนหยุนคงไม่สามารถหนีไปได้ด้วยสี่สมบัติสวรรค์รูปแบบที่สอง…”

เขาถอนหายใจพลันมองทุกคน ท้ายที่สุดสายตาก็ตกลงยังชายชราฟ้ากระจ่าง “สหายเก่า ท่านจะเป็นศัตรูกับสำนักจตุรศักดิ์สิทธิ์อีกครั้งใช่ไหม…”

ชายชราฟ้ากระจ่างขบคิดชั่วครู่ เขามองมารโบราณต้าเจียซึ่งถูกผนึกไปแล้วและจากนั้นมองสมบัติสวรรค์ที่กำลังลอยอยู่ที่นี่

ด้วยพลังเขา หากต้องการลงมือ สิ่งเดียวที่เขาต้องกลัวคือสมบัติสวรรค์…

“ข้าตอบแทนเฉพาะที่ฉิงหลินต้องการเท่านั้น เมื่อปิศาจโบราณถูกเจ้าผนึกไปด้วยสมบัติศักดิ์สิทธิ์ เรื่องนี้ก็ถือว่าจบแล้ว ลาก่อน!” หลังจากชั่งน้ำหนัก เขาก็ล้มเลิกการโจมตีเนื่องจากหวาดกลัวสมบัติศักดิ์สิทธิ์อยู่ลึกๆ แม้จะอ่อนแอกว่าก่อนหน้านี้ หากเขาบังคับให้สำนักจตุรศักดิ์สิทธิ์เข้าจนมุม พวกเขาก็เริ่มใช้วิชาสังเวยโลหิตอยู่ดี…

ชายชราถอนหายใจพลันพุ่งไปยังท้องฟ้า เขาหันกลับมามองมู่ปิงเหมย

มู่ปิงเหมยขบคิดเล็กน้อย นางกัดริมฝีปากและเอ่ยเสียงเบา “ให้ข้า…เจอเขาอีกสักครั้งจะได้ไหม…แค่ครั้งเดียว!”

จักรพรรดิวิหคเพลิงตกตะลึง สายตากวาดไปหาหวังหลินแต่ไม่ได้เอ่ยอันใด

หวังหลินใบหน้าซีดเซียว อาการบาดเจ็บมาถึงขีดจำกัดที่จะทนรับไหวแล้ว วิญญาณดั้งเดิมกำลังเผยอาการแตกสลาย คำพูดของมู่ปิงเหมยทำให้เขาสั่นเทาด้วยความเจ็บปวดจนเผยออกมาผ่านแววตา

หวังหลินไม่ได้หันกลับมาและไม่ได้ตอบมู่ปิงเหมย เขามองจักรพรรดิวิหคเพลิงและเอ่ยถามขึ้นแทน “ท่านกำลังจะพาข้ากลับไปสำนักวิหคเพลิงศักดิ์สิทธิ์ใช่ไหม”

จักรพรรดิวิหคเพลิงพยักหน้า

“ช่วยพาสหายข้าที่ได้รับบาดเจ็บไปฟื้นฟูด้วย…จากนั้นข้าจะยอมตกลงทุกเงื่อนไขที่สำนักวิหคเพลิงร้องขอ”

จักรพรรดิวิหคเพลิงยิ้มออกมาและพยักหน้า “ตกลง!”

สิ้นเสียงเอ่ย ศิษย์สำนักวิหคเพลิงรอบด้านจึงแยกย้ายและช่วยฟื้นฟูอาการบาดเจ็บ ส่วนเซียนฝ่ายพันธมิตร ทั้งหมดล่าถอยด้วยแววตาหวาดกลัว

“สหายข้าจำนวนมากสูญเสียร่างกาย…”

“สำนักจตุรศักดิ์สิทธิ์จะช่วยพวกเขาคืนร่างขึ้นมาใหม่!”

“พี่ข้า ซือถูหนานได้รับพิษของสำนักซากศพ…”

“ข้าจะรับหน้าที่เอง!”

“ผู้มีพระคุณของข้า โจวยี่ ต้องการฉิงหลินเพื่อชุบชีวิต!”

“ข้าจะมอบร่างฉิงหลินให้เจ้า! หากเจ้าต้องการให้สำนักจตุรศักดิ์สิทธิ์ช่วยเหลือ เรายินดีสนับสนุนทั้งหมด!”

“ในดินแดนวิญญาณปิศาจ ข้ามีศิษย์สายตรงคนหนึ่ง…”

“ข้าจะส่งคนไปรับตัวเขามาที่สำนักวิหคเพลิงศักดิ์สิทธิ์!”

“เหล่าเทพของพันธมิตรเซียนพวกนี้ต้องการสังหารข้า ข้าต้องการวิญญาณดั้งเดิมพวกมัน!” ในแววตาหวังหลินกระพริบเย็นเฉียบ เขาไม่เคยแสดงความเมตตาต่อคนที่มีเจตนาทำร้ายเขา หวังหลินมักจะลงมือเหมือนปิศาจเช่นนี้มาตลอด!

เหล่าเทพรอบด้านเริ่มวิ่งออกไปเหมือนนกแตกรังโดยไม่ลังเล แววตาจักรพรรดิวิหคเพลิงเรืองแสงสว่างและพยักหน้า “เรื่องนี้ง่ายดายนัก!” เขาโบกสะบักแขน สมบัติสวรรค์แบ่งออกเป็นสี่และแยกย้ายไปกวาดทั่วพื้นที่

เสียงกรีดร้องดังระงมทันที

มู่ปิงเหมยกัดริมฝีปากจนโลหิตไหลเยิ้มเนื่องจากหวังหลินไม่สนใจ แววตานางเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและร้องตะโกน “หวังหลิน!!! อยากต้องการเห็นเขา ขอเถะ ขอให้ข้าเห็นเขาสักครั้ง!!”

หวังหลินไม่สามารถเห็นความเจ็บปวดในสายตานาง แต่เขารู้ว่าความเจ็บปวดของตนเองเป็นสิ่งที่ไม่มีวันจางหาย หวังหลินหลับตาและเอ่ยขึ้นอย่างสงบนิ่ง “ข้าเป็นหนี้เม็ดยาช่วยชีวิตสตรีคนนี้”

จักรพรรดิวิหคเพลิงยิ้มขึ้น “ข้าจะหาทางช่วยเจ้าตอบแทนหนี้ครั้งนี้และดินแดนฟ้ากระจ่างจะต้องพึ่งพอใจ! มีปัญหาอย่างอื่นไหม?”

หวังหลินขบคิดเงียบๆก่อนจะส่ายศีรษะ “ไปกันเถอะ…”

จักรพรดิวิหคเพลิงโบกแขนเสื้อ ร่างหวังหลินลอยขึ้นสู่อากาศ หวังหลินถูกล้อมรอบดวยพลังดั้งเดิม จักรพรรดิวิหคเพลิงพุ่งเข้าไปหาท้องฟ้าที่กำลังเปิด

“หวังหลิน!! เขาเป็นลูกข้า! ข้าต้องการเจอเขา!” มู่ปิงเหมยหน้าซีด จ้องมองหวังหลินด้วยร่างกายสั่นเทา สองแขนกำหมัดแน่น

“เจ้าไม่คู่ควรเป็นแม่เขา!” หวังหลินหันกลับมาและร้องคำราม ก่อนหน้านี้ระงับอารมณ์และความรู้สึกของตัวเองเอาไว้ ทว่าในจังหวะนี้หวังหลินก็ไม่อาจยับยั้งได้อีกต่อไป ส่งเสียงคำรามระบายความเจ็บปวดในใจกับช่วงเวลาหลายร้อยปีออกมา

หวังหลินบาดเจ็บสาหัสอยู่แล้ว เสียงคำรามจึงส่งผลกระทบต่อจิตใจ เขากระอักโลหิตและวิสัยทัศน์มืดลง…

สำนักจตุรศักดิ์สิทธิ์…จากไปแล้ว…

หยาดน้ำตาสองสายไหลรินจากดวงตามู่ปิงเหมย ในจิตใจเจ็บปวดมากมายมหาศาล นางกระอักโลหิตและฟุบลงเช่นเดียวกัน

ชายชราจากดินแดนฟ้ากระจ่างถอนหายใจ เขาสะบัดแขนและรับร่างของมู่ปิงเหมยกลับมา

ณ ความว่างเปล่า น้ำเสียงเก่าแก่หนึ่งดังกึกก้อง

“โชคร้าย…”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!