1092. แผนของหวังหลิน
ชายชราขั้นชำระสวรรค์ระดับปลายสองคนมองหน้ากันเองก่อนจะมองไปยังชายชราขั้นทลายสวรรค์ระดับต้น เห็นได้ชัดว่าทั้งสองทำตามคำสั่งเขา
ชายชรามองหวังหลิน แม้สีหน้าสงบนิ่งแต่จิตใจตื่นตะลึง ตัวเขาเองก็สามารถฆ่าเหรินต้าวด้วยสองกระบวนท่าเช่นกันแต่เขาคือเซียนขั้นทลายสวรรค์ขณะที่หวังหลินเป็นแค่ขั้นส่องสวรรค์ระดับสูงสุดเท่านั้น
พอนำมาพิจารณาแล้ว เขาต้องให้ความสำคัญกับคนตรงหน้าให้มากขึ้น…
‘เปลี่ยนร่างวิหคเพลิงเก้าลี้ลับ!’ ความคิดจิตใจของชายชราสั่นเทา สายตาของผู้อาวุโสคนอื่นๆรอบด้านได้ส่งแรงกดดันที่มองไม่เห็นลงมา ชายชราขบคิดเล็กน้อยและเอ่ยขึ้นสงบนิ่ง
“ขอต้อนรับจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์!”
หลังเอ่ยขึ้นมา ชายชราอีกสองคนสีหน้าผ่อนคลายและเอ่ยขึ้นแบบเดียวกัน “ขอต้อนรับจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์”
เหล่าสมาชิกสำนักที่ได้ฟังทั้งสามคนต่างก็เคารพเทิดทูนและยินดีต้อนรับหวังหลินจนเป็นปึกแผ่น
“ยินดีต้อนรับจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์!” นาทีนี้น้ำเสียงของสมาชิกสำนักทั้งหมดดังสะท้อนเป็นจังหวะเดียวกัน เสียงผู้คนนับหมื่นกำลังร้องตะโกนจนเกิดเป็นเสียงคำรามสั่นสะเทือนผืนปฐพี
หวังหลินท่าทางสงบนิ่ง แม้เขาจะถูกผู้คนรอบด้านยินดีต้อนรับแต่ก็เข้าใจว่ามีคนจำนวนมากที่นี่ที่ไม่ยอมรับ อีกทั้งระดับบ่มเพาะของเขาก็ไม่ได้สูงเพียงพอจะข่มทุกคนที่นี่ได้ แต่หวังหลินไม่สนใจ จิตใจไม่ได้อยู่ในสำนักวิหคเพลิงแล้ว
ขณะที่ผู้คนรอบด้านส่งเสียงตะโกนลั่น มีอยู่ไม่กี่คนที่เกิดความรู้สึกซับซ้อน จิตใจไม่ได้อยู่ที่นี่
คนแรกคือต้าซาน เขาไม่ได้ออกมาเจอหวังหลินแต่พักอยู่ที่เดิม มองไปบนท้องฟ้าเงียบๆ แม้จะไม่สามารถเห็นหวังหลินบนดาวที่ตนเองอยู่ได้ เขาก็สามารถรู้สึกถึงหวังหลินที่อยู่ห่างไกลออกไปได้และยังได้ยินเสียงยินดีต้อนรับอยู่เนืองๆ
สีหน้าท่าทางเขามีความรู้สึกซับซ้อน ผ่านไปสักพักพลันถอนหายใจก่อนจะหลับตาลงเพื่อบ่มเพาะต่อไป ทว่าความคิดไม่อาจสงบลงได้เลย
นอกจากเขายังมีอีกคนที่เป็นแบบเดียวกัน เขานั่งอยู่บนกำแพงเมือง ล้อมรอบด้วยไหเหล้า คว้าหนึ่งไหขึ้นมาดื่มไปอึกใหญ่ ใบหน้าเศร้าหมอง
เปรียบเทียบกับความมีชีวิตชีวารอบตัวหวังหลินแล้ว เขาดูเยือกเย็นมาก ด้านหลังเป็นหลิงเอ๋ออยู่กับเขาอย่างเงียบๆ
นอกจากต้าซานและปรมาจารย์เฉินยี่ มีอีกคนที่รู้สึกอารมณ์ซับซ้อนก็คือฉวี่ลี่กั๋ว เขาถูกล้อมรอบอยู่ในเปลวเพลิง ส่งเสียงสาปแช่งราวกับไม่มีวันเหน็ดเหนื่อย
“ไอ้ฆาตกรหวังหลิน ทำไมไม่มาปล่อยปู่ฉวี่ออกไปอีก? รอก่อนเถอะ รอก่อนเถอะ!”
ถัดไปอีกสองวัน ผู้อาวุโสที่เหลือของอีกสามสำนักจตุรศักดิ์สิทธิ์ก็มายินดีกับการเป็นจักรพรรดิวิหคเพลิงของหวังหลิน ทั้งสำนักตอนนี้มีชีวิตชีวาเป็นอย่างยิ่ง หวังหลินสุภาพกับผู้อาวุโสของอีกสามสำนักเป็นอย่างมาก นอกจากนี้สำนักจตุรศักดิ์สิทธิ์ยังแบ่งปันสถานที่เดียวกัน ผู้อาวุโสส่วนใหญ่ที่นี่เคยไปดินแดนวิญญาณปิศาจ พวกเขาเป็นพยานรู้เห็นวิชาของหวังหลิน ดังนั้นจึงไม่รู้สึกดูถูกที่หวังหลินเป็นแค่เซียนขั้นส่องสวรรค์
หลังจากพูดคุยกับคนอื่นๆอย่างสุภาพ ผู้อาวุโสของสามสำนักถูกจัดแจงสถานที่พักให้ พวกเขาห่วงใยเกี่ยวกับหวังหลินเป็นอย่างมาก
โดยเฉพาะหัวหน้าผู้อาวุโสสามคนของสำนักมังกรฟ้านั้นเคารพหวังหลินเป็นอย่างยิ่ง สามปีก่อนตอนที่หวังหลินบอกจักรพรรดิวิหคเพลิงเรื่องข่าวของจักรพรรดิมังกรฟ้า พวกเขาพบว่าเรื่องนี้สำคัญและขอบคุณหวังหลินที่นำข่าวนี้มาให้
การแต่งตั้งจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์คนใหม่จำเป็นต้องมีพิธีการใหญ่หลวง มันคือขนบธรรมเนียมของสำนักจตุรศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นหวังหลินจึงไม่สามารถเปลี่ยนแปลงมันได้ พิธีการนี้ถูกตั้งเอาไว้ในวันที่หก
ปกติหวังหลินก็ยุ่งวุ่นวายอยู่แล้วและแทบไม่มีเวลาพักผ่อน มีหลายสิ่งที่เขาต้องทำความคุ้นเคยเกี่ยวกับสำนักวิหคเพลิง อีกทั้งไม่ได้มีผู้อาวุโสทั้งหมดในสำนักวิหคเพลิงที่ยอมรับหวังหลิน พวกเขายอมรับก็เนื่องจากคำสั่งของจักรพรรดิคนเก่า
แต่หวังหลินไม่ได้ทำอะไร ตอนที่เขายอมรับในการกลายเป็นจักรพรรดิวิหคเพลิง มันเป็นแค่การตกลงกับจักรพรรดิคนเก่าเท่านั้น
สามปีที่ผ่านมาจักรพรรดิคนเก่าได้ช่วยเขาไว้มาก แม้มันจะเป็นส่วนหนึ่งในการตกลง หวังหลินก็ยังต้องตอบแทนความเมตตาครั้งนี้
แต่หวังหลินรู้ว่าเนื่องจากสถานการณ์ปัจจุบัน เขาไม่สามารถพักอยู่สถานที่หนึ่งเป็นเวลานานได้ ระยะเวลาสามปีหวังหลินมักจะตื่นจากการบ่มเพาะและรู้สึกขนลุก
หากมันเกิดขึ้นเพียงแค่ครั้งหรือสองครั้งคงไม่ใช่เรื่องใหญ่โต แต่ในระยะเวลาสามปีหวังหลินพบเจอประสบการณ์นี้ไม่น้อยไปกว่าสิบครั้ง ความรู้สึกยิ่งชัดเจนขึ้นเรื่อยๆและเขารู้สึกเหมือนว่ามันกำลังออกมาจากดาวซูซาคุ
ขณะที่ระดับบ่มเพาะเพิ่มสูงขึ้น หวังหลินรู้สึกได้ชัดเจนถึงอันตรายในอนาคต สัมผัสอันตรายนี้ออกมาจากต้าวเสิน!
เสียงคำรามของต้าวเสินยามที่เขาออกมาจากดินแดนเทพโบราณเมื่อพันปีก่อนดูเหมือนสะท้อนอยู่ในความคิดหวังหลิน
“วันใดที่ข้าออกมาได้ ข้าจะตามหาเจ้าเพื่อชิงมรดกของตู่ซือคืนมา!!”
‘ข้ากลัวว่าต้าวเสินกำลังจะออกมาในเร็ววันนี้…’ หวังหลินนั่งอยู่บนก้อนหินหนึ่งตรงขอบภูเขาไฟบนดาวเคราะห์หลัก ภูเขาไฟปลดปล่อยควันพร้อมกับความร้อนรุนแรง
ต้าวเสินเป็นเสมือนมีดที่กำลังจ่อเหนือศีรษะหวังหลินและสามารถตกลงมาได้ทุกเวลา หวังหลินรู้สึกถึงวิกฤตินี้มานานกว่าพันปี เพราะร่างดั้งเดิมคือเทพโบราณที่บรรลุระดับห้าดาวและมีมรดกแห่งปัญญาจากความทรงจำสืบทอด หวังหลินจึงสามารถวิเคราะห์รายละเอียดของพลังอำนาจเทพโบราณแปดดาวได้
ผลลัพธ์ของการวิเคราะห์ทำให้เขาตกตะลึงยิ่ง
ด้วยศัตรูอันแข็งแกร่งขนาดนี้จนเขาต้องหลบหนีตลอดเวลา ไม่มีทางที่หวังหลินจะพักอยู่ที่นี่อย่างสงบได้
ไม่เช่นนั้นผลลัพธ์ของมันคงเป็นการลากสำนักจตุรศักดิ์สิทธิ์ลงไปด้วยและถูกต้าวเสินทำลายล้าง
หวังหลินบ่มเพาะมามากกว่าพันปีและไม่ใช่เซียนขั้นแกนลมปราณตัวเล็กๆอีกต่อไปแล้ว แม้ต้าวเสินจะแข็งแกร่ง ไม่ใช่ว่าหวังหลินจะไม่เตรียมพร้อมอะไรเลย
‘หากจักรพรรดิเทพฉิงหลินสามารถฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้ สงสัยว่าเขาเทียบกับต้าวเสินแล้วจะเป็นอย่างไร…’ ดวงตาหวังหลินส่องสว่างพร้อมกับมองลงไปยังภูเขา ดาวเคราะห์ทั้งหมดในสำนักวิหคเพลิงกำลังเผาไหม้อย่างต่อเนื่อง เพียงแค่ชะเลืองมองก็เป็นสีแดงไปหมดแล้ว
‘ข้าจะช่วยจักรพรรดิมังกรฟ้าเพื่อเป็นการตอบแทนการช่วยเหลือของจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์คนเก่า หากข้าสามารถหลีกเลี่ยงการล่าสังหารของต้าวเสินและได้พลังอำนาจเพื่อเอาชนะเขาได้ เมื่อนั้นข้าก็จะกลับมาและรับรองว่าสำนักวิหคเพลิงจะรุ่งเรืองแน่นอน…แต่หากข้าตาย…’ หวังหลินมองท้องฟ้าและยิ้มอย่างขมขื่น
‘ต้าวเสิน…ข้าจะไม่ปล่อยเขาหนีรอดไปง่ายๆ โลกนี้เต็มไปด้วยความโลภ จะมีสักกี่คนที่จะถูกเทพโบราณแปดดาวหลอกล่อได้…’ หวังหลินเผยรอยยิ้มขนลุก
นาทีนั้นเปลวเพลิงสายหนึ่งโผล่ออกมาใกล้ เมื่อเข้าใกล้ระยะร้อยฟุตมันจึงหายไปเผยเป็นผู้อาวุโสชุดแดง ชายชรามองหวังหลินด้วยท่าทีสงบนิ่งและเอ่ยขึ้นมา “ท่านจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ สำนักซากศพ ฝ่ายทุกชั้นฟ้าและแคว้นฉิวหยุนได้ส่งผู้ส่งสาส์นทั้งหมดมาที่นี่และกำลังรอคอยอยู่ในโถงด้านหลัง ท่านต้องการเจอพวกเขาไหม?”
ผู้อาวุโสคนนี้ไม่ได้เป็นหนึ่งในหกผู้อาวุโสที่เข้าไปในดินแดนวิญญาณปิศาจ หวังหลินรู้แต่เพียงแซ่ซิ่วและอยู่ในขั้นทลายสวรรค์ระดับกลาง เขามีชื่อเสียงมากในหมู่ผู้อาวุโสขั้นทลายสวรรค์
ตลอดสองสามวันที่ผ่านมามีผู้ส่งสาส์นจำนวนมากหน้าหลายตาของดาราจักรพันธมิตรเซียนได้เข้ามายินดีกับเขา โดยปกติหวังหลินไม่ได้เจอพวกเขาเนื่องจากมีสมาชิกสำนักและเหล่าผู้อาวุโสเข้ามาทักทายแล้ว
ส่วนฝ่ายทุกชั้นฟ้าและสำนักซากศพ เป็นครั้งแรกที่พวกเขาส่งคนมา หวังหลินขบคิดเล็กน้อยและคิดถึงแผนการต่อกรกับต้าวเสิน จากนั้นเขาก็เปลี่ยนความคิดที่จะไม่ไปเจอผู้ส่งสาส์นเหล่านี้
หวังหลินยืนขึ้นและเอ่ยออกมา “ข้าจะไปเจอพวกเขาเอง”
ชายชรามองหวังหลินและเอ่ยออกมา “ข้าอยากจะถามว่าท่านจักรพรรดิมีแผนการอะไรต่อไป ไม่ใช่แค่ข้าเท่านั้น ผู้อาวุโสคนอื่นอีกหลายคนก็สงสัยแบบเดียวกัน ข้าหวังว่าท่านจักรพรรดิจะสามารถให้คำตอบเราได้”
“ช่วยจักรพรรดิมังกรฟ้า!” หลังจากหวังหลินเอ่ยออกไป เขาก็เปลี่ยนกลายเป็นลำแสงและเหินออกไปไม่มองชายชราอีกเลย
ผู้อาวุโสซิ่วสั่นเทา พลันมองตำแหน่งที่หวังหลินหายตัว สีหน้าอาการเปลี่ยนแปลงทันที
“จักรพรรดิมังกรฟ้า!!” เขาอ้าปากค้างและไม่ถามมากความ ความคิดตกตะลึงกับคำพูดสี่คำนั้น
นอกจากจักรพรรดิคนเก่าและหัวหน้าผู้อาวุโสสามคนของสำนักมังกรฟ้าแล้ว ไม่มีใครอื่นที่รู้เรื่องนี้ พอผู้อาวุโสซิ่วมาได้ยินด้วยสองหู จึงเกิดพายุขึ้นภายในใจ
เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกได้ว่าหวังหลินนั้นล้ำลึกมาก
โถงด้านหลังของสำนักวิหคเพลิงถูกสร้างขึ้นมาจากหินหยกสีแดงทั้งหมด มองไกลๆมันสะดุดตาอย่างมากทั้งยังถูกล้อมรอบด้วยต้นไม้สีแดงและพื้นกรุยทางสีแดงอีก
คลื่นความร้อนหนาแน่นผุดออกมาจากโถงและแพร่กระจายออกไปโดยรอบ
วินาทีนี้มีสองบุรุษและหนึ่งสตรีนั่งอยู่ในห้องโถง
สตรีสาวงดงามยิ่ง นางสวมชุดราตรีผ้าไหมสีฟ้าเผยอกครึ่งบน สายตางดงามและแฝงเสน่ห์ที่ซ่อนเอาไว้ นางมองอีกสองคนอย่างละเอียด หนึ่งในนั้นเป็นชายชราและอีกหนึ่งเป็นชายหนุ่มหัวล้าน
ชายชราสวมชุดสีแดงส่งสัมผัสแห่งบารมีออกมา เขาหลับตาแต่รอบด้านบิดเบือนราวกับไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งกับที่นี่ ระดับบ่มเพาะน่าตกตะลึงยิ่งนัก
ส่วนชายหัวล้านดูธรรมดามากและสวมเสื้อคลุมสีเขียว เขาดูสงบนิ่งแต่บางครั้งก็ดูสับสน แต่ก็กลับมาเป็นปกติในเวลาไม่นาน
แต่กับหญิงสาวคงบอกได้ทันทีว่าชั่วขณะที่สายตาเขางุนงงสับสน พลังดั้งเดิมรอบที่นี่จะหยุดชะงักไปหนึ่งจังหวะ
หากหวังหลินอยู่ที่นี่คงจดจำชายชราและชายหัวล้านได้ทันทีเนื่องจากเป็นคนที่เขารู้จัก
ขณะนั้นผู้น้อยแห่งสำนักวิหคเพลิงโผล่ออกมาพร้อมกับผลไม้และน้ำชา หลังจากวางไว้เขาก็จากไปทันที
สตรีคนสวยหยิบถ้วยชาขึ้นมาริน นางมองชายชราและเผยรอยยิ้ม “ข้าเดาว่าท่านคือลี่หยุนจื่อแห่งฝ่ายทุกชั้นฟ้า ผู้น้อยคือหลีหยิงซื่อแห่งสำนักซากศพ ของคารวะผู้อาวุโส”