1099. คนนอก
กระบี่หักเล่มนี้สีแดงล้วน ชั่วขณะที่มันออกมาพลันปรากฏพลังสังหารแข็งแกร่งพุ่งออกไปนอกดาวเคราะห์ทันที แม้แต่เปลวเพลิงรอบดวงดาวยังหยุดชะงักและถูกผลักออกไปด้านข้างด้วยพลังสังหารนี้
กระบี่หักเล่มนี้เป็นรากฐานของพลังสังหารจากเทียนหยุนชุดเทา หลังการต่อสู้ที่ดินแดนวิญญาณปิศาจ กระบี่หักครึ่งคงอยู่ในร่างหวังหลิน ตลอดสามปีที่ผ่านมาขณะที่เขาฟื้นตัวและบ่มเพาะ หวังหลินค่อยๆหล่อหลอมกระบี่เล่มนี้ไปด้วย ส่วนที่อยู่ในวิญญาณดั้งเดิมนั้นสลายไปแล้ว เหลือทิ้งไว้แต่กระบี่หักในร่างกาย
‘หลังการหล่อหลอมมันไปสามปี ข้าได้รับรู้ความเข้าใจพื้นฐานบางอย่าง เมื่อข้าปรับแต่งมัน ข้าสามารถฝึกฝนศาสตร์สังหารเทพได้โดยไร้ข้อบกพร่อง เมื่อข้าสะสมพลังสังหารได้หนึ่งล้านสายจะใช้ออกไปโดยไม่มีอันตราย’
หวังหลินยังไม่ลืมเรื่องพลังสังหาร อีกทั้งเขาก็ฝึกฝนมาหลายปีและมาได้ไกล ในตอนนั้นด้วยการช่วยเหลือของปิศาจโบราณเป้ยหลัว หวังหลินจึงเข้าใจอันตรายของศาสตร์สังหารเทพ
หากเขาบ่มเพาะมันต่อไป ร่างกายคงแตกสลายและกลายเป็นพลังสังหารที่แท้จริงหนึ่งสาย เขาคงกลายเป็นบางอย่างที่เป็นของเทียนหยุนชุดเทา
ท้ายที่สุดเขาจึงต้องล้มเลิกมันแต่ก็รู้สึกเสียใจไปด้วย แต่ในตอนนี้ความเสียใจนั้นหายไปพร้อมกับจ้องกระบี่แดงที่แตกหักเล่มนี้ ดวงตาหวังหลินส่องสว่างขึ้นมาและปรากฏทะเลเพลิงทันที เปลวเพลิงล้อมรอบกระบี่หักและเผาไหม้อย่างช้าๆ
ขณะที่กระบี่เผาไหม้ หวังหลินใช้แขนขวาสรส้างผนึกชี้ใส่ตรงกลางหน้าผาก วิญญาณมังกรสายฟ้าโบราณลอยออกมาและพ่นแกนพลังดั้งเดิม
วิญญาณดั้งเดิมดวงที่สองของหวังหลินซึ่งเกิดขึ้นจากวิชาเปลี่ยนร่างวิหคเพิลงเก้าลี้ลับได้ลืมตาตื่นขึ้นและพ่นแกนพลังดั้งเดิมอีกก้อน
ซึ่งทำให้มีแกนพลังดั้งเดิมอัคคีและแกนพลังดั้งเดิมสายฟ้า พอมันเข้าใกล้กระบี่ เปลวเพลิงยิ่งรุนแรงราวกับโดนน้ำมันร้อนๆราดลงไป
เสียงดังสนั่นกึกก้องไม่มีหยุด ปลายกระบี่หักเริ่มแสดงอาการหลอมละลาย แต่ขณะนั้นพลังสังหารเย็นเยียบปรากฏขึ้นมาเพื่อต่อต้านเปลวเพลิง
หวังหลินคุ้นเคยกับปรากฏการณ์นี้ มันมักจะเกิดขึ้นตอนที่เขาหลอมกระบี่ แต่วันนี้หวังหลินไม่อยากเสียเวลาอีก เขาต้องหลอมกระบี่ให้กลายเป็นของตนเอง จากนั้นก็จะสามารถฝึกฝนศาสตร์สังหารเทพได้อีกครั้งซึ่งมันเป็นวิชาป้องกันอันทรงพลังมาก
หากเป็นก่อนที่เขาจะสำเร็จวิชาเปลี่ยนร่างขั้นแรก หวังหลินคงไม่มั่นใจ แต่ในตอนนี้เขามั่นใจถึงเจ็ดในสิบส่วน!
หวังหลินถอนสายตาจากกระบี่หัก สูดหายใจลึก สองฝ่ามือสร้างผนึก เปลวเพลิงในตาขวารุนแรงยิ่งขึ้นราวกับส่องสว่างในสรวงสวรรค์ หวังหลินชี้นิ้วขึ้นไปบนท้องฟ้า วิญญาณดั้งเดิมดวงที่สองทำแบบเดียวกัน วินาทีนั้นเปลวเพลิงอันทรงพลังยิ่งยวดผุดออกมาจากวิญญาณดั้งเดิมหวังหิน มันโผล่ออกไปผ่านแขนขวาและก่อตัวเป็นทะเลเพลิงในท้องฟ้า
“เปลวเพลิง รวบรวม!” น้ำเสียงทุ้มต่ำแต่พลังอัคคีดั้งเดิมทั้งหมดในดวงดาวกลับสั่นเทาและรวมกันเข้ามาหาเขา
ไม่ใช่แค่ดาวเคราะห์เซียนดวงเดียวเท่านั้น แต่พื้นที่ดวงดาวแห่งนี้เป็นแบบเดียวกัน เมื่อพลังอัคคีดั้งเดิมจำนวนมากรวมตัวกัน หวังหลินชี้ใส่กระบี่หัก พลังอัคคีดั้งเดิมจึงพุ่งเข้าหากระบี่หัก กระบี่จึงหลอมละลายเร็วขึ้นหลายเท่า
แต่ว่าพลังสังหารที่โผล่ออกมาจากกระบี่หักกลับเพิ่มขึ้นเพื่อต่อต้านเปลวเพลิงด้วยเช่นกัน
หวังหลินจ้องมองกระบี่อยู่ชั่วครู่ ดวงตาขวากระพริบวาบ วิญญาณดั้งเดิมดวงที่สองพุ่งออกไปจากตาขวาหวังหลินและกระโจนเข้าใส่กระบี่หัก
เสี้ยววินาทีนั้นหวังหลินสร้างผนึกและพ่นบางอย่างออกไป มันคือตราประทับผนึกเทพนรกสิบแปดชั้น!
“ไสยเวทย์ ปรมาจารย์ชีกง เทียนหยุน จงปรากฏ!” หวังหลินสะบัดแขน ละอองแสงล้อมรอบตราประทับผนึกเทพ ในไม่นานมันก็รวมกันและก่อตัวเป็นดวงวิญญาณสองร่าง
มันคือปรมาจารย์ชีกงและเทียนหยุนที่เกิดขึ้นจากการรวมกันสองร่างอวตาร!
ทั้งสองกระโจนใส่กระบี่หักในทันที พวกมันหมุนวนรอบกระบี่หักโดยมีวิญญาณดั้งเดิมดวงที่สองของหวังหลินเข้าช่วยหล่อหลอม! ขณะเดียวกันหวังหลินก็ยกแขนซ้ายประทับลงไปบนภูเขาไฟ ภูเขาไฟเริ่มสั่น ควันสีดำหนาแน่นและคลื่นความร้อนพลันพุ่งออกมาจากในภูเขาไฟ
ลาวาสีแดงเข้มข้นโผล่ออกมาด้วยเช่นกัน แต่เพียงแค่หวังหลินโบกแขนซ้าย ลาวาพวกนั้นไหลเหมือนน้ำเข้าไปล้อมรอบกระบี่หัก ก่อตัวเป็นก้อนลาวากว้างร้อยฟุตจนอุณหภูมิข้างในเพิ่มขึ้นสูง
เวลานี้หวังหลินยอมใช้ทุกอย่างเพื่อหล่อหลอมกระบี่สังหารจากเทียนหยุนชุดเทาให้เสร็จสมบูรณ์ เขากำลังใช้วิญญาณดั้งเดิมดวงที่สอง ปรมาจารย์ชีกง เทียนหยุน พลังอัคคีดั้งเดิมในโลก และท้ายที่สุดก็ลาวาจากภูเขาไฟเพิ่มเร่งกระบวนการหลอมกระบี่
หวังหลินอยู่ใต้ก้อนลาวาขนาดร้อยฟุตพลางควบคุมพลังอัคคีดั้งเดิมให้เข้าไปในก้อนลาวา เวลาผ่านไปอย่างช้าๆและผ่านไปถึงสิบสองชั่วโมงตั้งแต่เริ่มมา
หวังหลินไม่สามารถใช้วิธีการหลอมเช่นนี้ได้นานนัก หากมันกินเวลามากเกินไปไม่เพียงแต่พลังดั้งเดิมของหวังหลินไม่สามารถรับไหว เขายังบริโภคพลังเทพต้นกำเนิดที่ได้มาจากกลืนกินเหล่าเทพหลายสิบคนไปจำนวนมากอีกด้วย
หลังจากสิบสองชั่วโมงผ่านไป ดวงตาหวังหลินส่องประกายเจิดจ้าและร้องคำราม เขาโบกแขน ก้อนลาวาสลายกลายเป็นเศษขี้เถ้า วินาทีนี้กระบี่หักไม่สามารถต้านทานความร้อนหนาแน่นได้อีกต่อไปมันจึงหลอมละลายอย่างสมบูรณ์ วิญญาณดั้งเดิมดวงที่สองของหวังหลินเข้ากลืนกินกระบี่เล่มนั้นและกลับคืนสู่ร่างหวังหลิน
ปรมาจารย์ชีกงและวิญญาณของเทียนหยุนกลับคืนสู่ตราประทับผนึกเทพไปด้วย
หวังหลินหลับตาและบ่มเพาะเล็กน้อย กระบี่สีแดงค่อยๆควบแน่นอยู่เบื้องหน้าวิญญาณดั้งเดิม มันปลดปล่อยพลังสังหารทรงพลังออกมา เพียงแค่คิดพลังนั้นก็พุ่งออกไป
‘น่าเสียดายในการหลอมกระบี่นี้ใช้พลังหารที่มันมีมากนัก มันจึงเหลือพลังสังหารน้อยกว่าหนึ่งล้านสาย…ข้าจำเป็นต้องบ่มเพาะมันต่อไปและเพิ่มให้มากขึ้น’ หวังหลินลืมตาและถอนหายใจยาว จากนั้นตบกระเป๋า แสงสีดำลอยออกมาเปลี่ยนเป็นตรีศูลเบื้องหน้าหวังหลิน
หวังหลินจ้องตรีศูล แต่ชั่วขณะนั้นสีหน้าพลันเปลี่ยนและมองขึ้นไป แววตาหวังหลินปรากฏความเศร้าและเสียใจทันที
‘ข้ายังต้องให้เขาอธิบายเรื่องนี้…’ หวังหลินถอนหายใจพลางเก็บตรีศูลและหายตัวไป
ณ ดาวเคราะห์อีกดวงหนึ่งห่างจากดาวที่หวังหลินอยู่ไม่ไกลนัก ที่แห่งนี้เป็นหนึ่งในดาวเคราะห์หลักของสำนักวิหคเพลิงเช่นเดียวกัน ดาวเคราะห์ดวงนี้มีภูเขาสีแดงเข้มจำนวนมากและยังสวยงามยิ่ง
ณ ตอนนี้มีสตรีคนหนึ่งกำลังคุกเข่าอยู่บนยอดภูเขาที่สูงที่สุด นางสวยงามมากแต่สีหน้าขมขื่นและคุกเข่าอยู่นิ่งๆ
เบื้องหน้านางคือก้อนหินสีดำแกะสลักรูปหวังหลิน ด้านหลังรูปปั้นคือทางเข้าถ้ำอันมืดมิด
ชายหนุ่มชุดดำคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่ถัดจากรูปปั้น ชายหนุ่มท่าทางเย็นเยียบ เขาบ่มเพาะอย่างสงบนิ่งไม่แม้แต่จะมองหญิงสาว
“ข้าอ้อนวอนขอให้ท่านปล่อยข้าเข้าไป…” ใบนางเต็มไปด้วยคราบน้ำตาพลางเอ่ยขึ้นกับชายชุดดำ
ชายหนุ่มลืมตาขึ้นมา “ไม่!”
ร่างกายนางสั่นเทาและกำลังจะพูดขึ้น แต่วินาทีนั้นเสียงถอนหายใจดังสะท้อนขึ้นมา ปรากฏระลอกคลื่นบนยอดเขาพร้อมกับหวังหลินก้าวเท้าออกมา
ชายหนุ่มชุดดำสีหน้าตื่นเต้นและเคารพยิ่ง เขาลุกขึ้น “ฉือซานขอคารวะท่านอาจารย์”
เมื่อนางเห็นหวังหลิน สีหน้ายิ่งขมขื่นแต่ไม่ได้พูดสิ่งใด
หวังหลินพยักหน้าให้ฉือซานและเอ่ยกับนางอย่างอ่อนโยน “หลิงเอ๋อ พาข้าไปพบปู่เจ้า”
“ท่านปู่ เขา…เขาอยู่ได้อีกไม่นาน” หยาดน้ำตาไหลรินลงสองแก้มหลิงเอ๋อ
หวังหลินรู้สึกผิดมากขึ้นพลางโบกแขนเสื้อและหายตัวไปพร้อมกับหลิงเอ๋อ หลังจากเขาจากไป ดวงตาคู่หนึ่งภายในถ้ำนั้นพลันส่องสว่างขึ้น
ร่างดั้งเดิมของหวังหลินลืมตาขึ้นมาและรู้สึกผิดเช่นเดียวกัน เซเบิลดวงดาวอยู่บนไหล่และเลียบนคอหวังหลินเป็นพักๆ
ไม่มีใครเห็นว่าหวังหลินกำลังนั่งอยู่บนกองกระดูก ช่างดูน่าขนลุกยิ่งนัก…
ชายชราผมขาวดูแก่ชรากำลังดื่มเหล้าอยู่บนกำแพงเมืองสำนักวิหคเพลิง ในแววตาดูบ้าบิ่น
“น้องสอง น้องสาม พี่ใหญ่ผิดกับเจ้ายิ่งนัก ข้าขอโทษ…” ชายชราเทเหล้าเข้าไปในหาก ยอมให้เหล้าไหลออกมาจากมุมปาก ผสมผสานกับน้ำตา
เขากำลังดื่มเหล้าเคล้าน้ำตา เนื่องจากผสมน้ำตาไปด้วย เหล้าจึงไม่หวานอีกแต่ขมลึกบาดคอ ท่ามกลางความเจ็บปวดในใจ แทนที่จะบอกว่าเขากำลังดื่มเหล้า บอกว่าเขาดื่มน้ำตาตัวเองยิ่งเหมือนกว่า
ด้านหลังเขาปรากฏระลอกคลื่น หวังหลินและหลิงเอ๋อก้าวออกมา เมื่อหลิงเอ๋อเหนสภาพของชายชรา น้ำตายิ่งไหลออกมามากขึ้น นางกำลังจะเข้าไปเอาเหล้ามาจากชายชราแต่ก็ถูกหวังหลินหยุดเอาไว้
หวังหลินถอนหายใจพลางเดินไปข้างๆชายชรา เขานั่งลงบนกำแพง ค่อยๆบรรจงหยิบไหเหล้าขึ้นมาและดื่มไปอึกใหญ่
ณ ตอนนี้ส่วนพื้นที่ใจกลางดาราจักรพันธมิตรเซียน ที่ที่กองกำลังพันธมิตรเซียนตั้งอยู่ มีกลุ่มอสูรยุงหลายสิบตัวผ่านเข้าไป ดวงตาพวกมันแดงเถือก กลิ่นหอมกำลังแพร่กระจายออกมาซึ่งมีเพียงเหล่าอสูรยุงเท่านั้นที่ได้กลิ่น ราวกับอสูรยุงพวกนี้กำลังถูกกลิ่นหอมควบคุม…
เบื้องหน้าพวกมันมีชายหนุ่มสามคน พวกเขาแต่ละคนถือธูปประหลาดกำลลังล่อฝูงอสูรยุงอย่างระมัดระวัง
หนึ่งในนั้นเอ่ยขึ้นมาด้วยสายตาโลภ “ข้าไม่คิดว่าดาราจักรพันธมิตรเซียนจะมีอสูรยุงตัวยักษ์พวกนี้! หากเราสามคนนำพวกอสูรยุงไปพบผู้อาวุโส เราจะได้รางวัลอย่างงาม!”
วิธีพูดของเขาแตกต่างจากคนของพันธมิตรเซียนเล็กน้อย ราวกับมาจากนอกดาราจักรพันธมิตรเซียน