Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1101

Cover Renegade Immortal 1

1101. ปรมาจารย์จงเฉินแห่งฝ่ายทุกชั้นฟ้า?

เรียกขานสายลม อัญเชิญสายฝน ไสยเวทย์ ป่นขุนเขา ทลายปฐพี จันทรามืดท้องฟ้ากระจ่าง

ทั้งหมดคือสุดยอดหกวิชาของจักรพรรดิเทพป๋ายฟ่าน หวังหลินเรียนรู้มาแล้วสามวิชา ฉิงชุ่ยกล่าวไว้ว่าอีกสามวิชาหลังนั้นทรงพลังมาก เป็นพลังอำนาจสั่นสะเทือนสรวงสวรรค์ทั้งหมด!

ป่นขุนเขาเป็นหนึ่งในสามวิชาอย่างหลัง เจตนาของมันคือการนำเอาพลังของการสลายขุนเขาออกมา ถึงจะฟังดูง่ายดายแต่กลับซับซ้อนยิ่ง ภูเขามีจิตวิญญาณ ดังนั้นหากแค่ป่นขุนเขาอย่างเดียวมันคงเป็นพลังธรรมดา

ทว่าเมื่อทั้งกายและวิญญาณป่นปี้ไปด้วยมันจึงจะสามารถแสดงอำนาจของวิชานี้ออกมาได้! ในสถานที่ที่เต็มไปด้วยภูเขาแห่งนี้ ใครก็สามารถใช้พลังของวิชาป่นขุนเขาได้ แต่นั่นเป็นเพียงแค่ขั้นแรก

ป่นขุนเขาจริงๆคงเป็นเหมือนที่ฉิงชุ่ยใช้ก่อนหน้านี้ ที่ไหนไม่มีภูเขาก็สร้างมันขึ้นมาจากสัมผัสวิญญาณของตนเอง จากนั้นเติมพลังเทพต้นกำเนิดลงไปเพื่อสร้างวิญญาณ พลังอำนาจของวิชาปุ่นขุนเขาจะแสดงออกมาก็ต่อเมื่อพลังเทพต้นกำเนิดและสัมผัสวิญญาณป่นสลาย

ใช้พลังนี้เข้าผสานกับโลกและสร้างภูเขาของจริงขึ้นมามากมาย จากนั้นการป่นภูเขาจึงมีพลังอำนาจของวิชาสั่นสะเทือนสวรรค์!

หัวใจหลักของวิชาป่นขุนเขาไม่ใช่การทำลายภูเขาและวิญญาณของมัน ไม่ใช่การสร้างภูเขาด้วยความคิดหรือการผสมผสานพลังเทพต้นกำเนิด หัวใจของมันคือการทำทุกอย่างให้เป็นจริง

สร้างภาพลวงตาของจริง นั่นคือการเพ่งสมาธิไปกับวิชาป่นขุนเขา! ทั้งยังเป็นส่วนที่ยากที่สุด!

พอมองภูเขาไฟปะทุขึ้นมาไกลๆ พลันเกิดภูเขาไฟบุบสลายอยู่ด้านล่าง หวังหลินลืมตาขึ้นมาแฝงความสับสน

‘หวานเอ๋อ…แท้จริงคืออะไร…หลอกลวงคืออะไร…’

ไม่มีใครสามารถตอบคำถามของหวังหลินได้ เขามองออกไปอย่างเงียบๆและรู้สึกถึงความผันผวนในโลกและค่อยๆขมวดคิ้ว

‘สร้างภูเขาขึ้นมาจากสัมผัสวิญญาณได้อย่างไร…’ ฉิงชุ่ยไม่ได้บอกหวังหลินเรื่องนี้ ความเข้าใจที่ฉิงชุ่ยทิ้งให้แก่หวังหลินช่างคลุมเครือยิ่ง

ดูเหมือนฉิงชุ่ยมีเจตนาให้หวังหลินทำความเข้าใจด้วยตนเองและไม่ส่งต่อมาให้เป็นการสืบทอด

‘จริง…เท็จ…เหมือนกับชีวิตและความตาย เหตุแห่งกรรมและผลแห่งกรรม…’ หวังหลินหลับตาและคิดต่อไป ภูเขาไฟด้านล่างปะทุรุนแรงมากยิ่งขึ้นและทำให้ภูเขาไฟห่างออกไปไกลปะทุมากกว่าเดิม

พริบตานั้นหวังหลินถูกล้อมรอบด้วยลาวามากมาย

กาลเวลาดูเหมือนคงอยู่ชั่วกาลนาน ผ่านไปไม่รู้นานเท่าไหร่หวังหลินจึงลืมตาขึ้นแต่ยังเต็มไปด้วยความสับสน เขาวางแขนขวาบนโลงศพและทำให้มันกลายเป็นลำแสงหายไป หวังหลินยืนขึ้นและกระโจนเข้าไปในปล่องภูเขาไฟโดยไม่คาดคิด

ลาวาหนาแน่นแพร่กระจายออกมาแต่ไม่อาจหยุดหวังหลินได้ เขาเคลื่อนไปตามลาวาและในไม่ช้าก็มาถึงส่วนลึกของภูเขาไฟ

หวังหลินนั่งสมาธิลง จากนั้นฝ่ามือสร้างผนึกและอ้าแขนออก ดวงตาส่องประกายเจิดจ้าและหุบลงอีกครั้ง

‘ข้าไม่สนว่ามันเป็นจริงหรือไม่ หากไม่มีสิ่งใดในโลกเป็นความจริง ก็ไม่มีสิ่งใดเป็นเท็จ จริงหรือเท็จเป็นแค่เหรียญสองด้าน และมันก็เชื่อมกันเหมือนชีวิตและความตาย!’

‘หากไม่มีชีวิตก็คงไม่มีความตาย หากไม่มีเหตุแห่งกรรมก็ไม่มีผลแห่งกรรมเช่นเดียวกัน…โม่จื่อกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่าเขตแดนทั้งหมดถูกสร้างขึ้นจากสภาวะจิตใจของข้า ทุกอย่างปรากฏขึ้นขณะที่เราต้องการมัน…’

หวังหลินหลับตา พลังอัคคีดั้งเดิมทั้งหมดในร่างกายพุ่งเข้าหาลาวาและค่อยๆผสานตัวอย่างช้าๆ

วินาทีนั้นราวกับเขาคือลาวา!

หลังจากผสมผสานเข้ากับลาวา พลังอัคคีดั้งเดิมจึงแพร่กระจายออกมาและผสานเข้ากับภูเขาไฟ ท้ายที่สุดเขาก็เป็นหนึ่งเดียวกับภูเขาไฟด้วย

ยังไม่จบแค่นี้ ลาวา ภูเขาไฟ ควันสีดำและพลังอัคคีดั้งเดิมทั้งหมดผสานเข้ากันเป็นหนึ่งเดียว

ในตอนนี้หวังหลินสัมผัสถึงกลิ่นอายโบราณจากภูเขาไฟนี้ได้ กลิ่นอายนี้คือวิญญาณของภูเขาไฟ!

วิญญาณหวังหลินผุดออกมาและผสานเข้ากับภูเขาไฟอีกครั้ง

คราวนี้เขารู้สึกเหมือนตนเองคือภูเขาไฟ

วิญญาณภูเขาไฟโบราณยอมให้หวังหลินได้เห็นฉากเหตุการณ์ต่างๆมากมายตอนที่เขาผสานเข้ากับมัน หวังหลินเห็นดวงดาวที่กำลังเผาไหม้ พื้นดินสั่นไหว ภูเขาค่อยๆถือกำเนิดขึ้นมาและเต็มไปด้วยพลังอัคคีดั้งเดิม

เวลาค่อยๆผ่านไป พลังอัคคีดั้งเดิมเปลี่ยนเป็นลาวาและเมื่อมันถึงขีดจำกัด ยอดภูเขาพังทลาย ลาวาหนาแน่นไหลออกมา

หวังหลินได้เห็นภูเขาไฟสงบลงหลังการปะทุ ได้เห็นอสูรร้ายที่เอาตัวรอดได้ เขาทั้งยังเห็นเหล่าศิษย์สำนักวิหคเพลิงที่บินผ่านไป

ขณะที่คลื่นความร้อนพัดลอยไป เมล็ดพันธุ์ของต้นไม้ที่สามารถรอดมาได้พลันลอยละล่อง หญ้าสีแดงค่อยๆเติบโต แห้งเหี่ยวและเติบโตอีกครั้ง

วัฏจักรนี้ดำเนินไปเรื่อยๆโดยไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน พื้นดินสั่นไหวอีกครั้งและภูเขาไฟก็ระเบิดอีกครั้ง

ช่วงเวลาหลายหมื่นปีกระพริบผ่านในแววตาหวังหลิน หวังหลินค่อยๆหลงลืมเจตนาดั้งเดิมของตนเองและตัวตนอแห่งการเป็นเซียน ราวกับเขาได้กลายเป็นภูเขาไฟจริงๆ กลายเป็นวิญญาณของภูเขาไฟ

การระเบิดของภูเขาไฟเหมือนกับเขากำลังระบายอารมณ์ นาทีนั้นหวังหลินจึงรู้แจ้งโดยไม่รู้ตัว

‘ข้าคือภูเขาไฟ…ความโกรธข้าคือภูเขาไฟระเบิด!’ ด้วยความเข้าใจนี้ สัมผัสวิญญาณหวังหลินจึงเริ่มแพร่กระจายออกไป ในไม่นานภูเขาไฟทั้งหมดโดยรอบจึงอยู่ภายในรัศมีของสัมผัสวิญญาณ

สัมผัสวิญญาณแพร่กระจายและผสานเข้ากับภูเขาไฟแต่ละแห่ง ฉากเหตุการณ์อีกหลายอย่างเต็มไปทั่วจิตใจหวังหลิน

เขาได้เห็นภูเขาไฟระเบิดมากขึ้นและรู้สึกถึงความกริ้วโกรธของภูเขาไฟ สัมผัสวิญญาณเขาค่อยๆแพร่กระจายออกไปอย่างช้าๆจนปะคลุมภูเขาไฟทั้งหมดในดวงดาว

ตอนนี้ราวกับเขามีร่างอวตารหลายพันร่าง แต่ละร่างคือภูเขาไฟหนึ่งแห่ง!

‘นี่มัน…’ ผู้อาวุโสของสำนักวิหคเพลิงพลันลืมตาขึ้นด้วยความสงสัย ทว่าในไม่นานเขาก็มองไปยังภูเขาไฟที่หวังหลินอยู่

‘จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์!’ แม้ว่ากลิ่นอายหวังหลินดูเก่าแก่ยิ่ง แต่กับผู้อาวุโสขั้นทลายสวรรค์ เขาสามารถเห็นความแตกต่างได้ในทันที

สิ่งที่ทำให้เขาตกตะลึงก็คือถึงแม้มันจะเป็นกลิ่นอายของจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ มันกลับแตกต่างจากกลิ่นอายของเซียนตัวเล็กๆที่เขาจำได้ ก่อนหน้านี้หวังหลินเป็นแค่เซียนขั้นทลายสวรรค์ที่บ่มเพาะมาน้อยกว่าสองพันปี แม้กลุ่มของผู้อาวุโสจะยอมรับหวังหลินในฉากหน้า แต่ลึกลงแล้วพวกเขายังไม่ยอมรับเท่าไหร่นัก

ทว่ากลิ่นอายที่เขาสัมผัสได้ถึงความเก่าแก่นี้กลับมาจากหนุ่มน้อยตรงหน้า! น่าหวาดกลัวยิ่งนัก ชายชราพลันลอยขึ้นไปในอากาศ เขารู้สึกได้ทันทีว่าผู้อาวุโสคนอื่นอีกสามคนบนดาวก็ออกมาเช่นเดียวกัน

อีกสามคนตกตะลึง เช่นได้ชัดว่าพวกเขาค้นพบแบบเดียวกับชายชราคนแรก

นาทีนี้เหล่าเซียนในสำนักวิหคเพลิงทั้งหมดตื่นจากการบ่มเพาะ พวกเขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าเหมือนจะมีสัมผัสวิญญาณโบราณยิ่งกว่าผ่านไป

หากแค่นั้นมันคงไม่มากอะไรนัก สี่ผู้อาวุโสคงแค่ตกตะลึงและไม่ส่งผลกระทบ ทว่าวินาทีต่อจากนั้นกลับทำให้ทั้งสี่ตนต้องสูดลมหายใจหนาวเหน็บ

สัมผัสวิญญาณที่ปกคลุมทั้งดวงดาวดูเหมือนจะทำให้ภูเขาไฟทั้งหมดตื่นขึ้นจากภวังค์และระเบิดในเวลาเดียวกัน ดาวเคราะห์ทั้งดวงดังสนั่น เสียงแตกร้าวแทนที่ทุกเสียงในโ,ก

กลิ่นอายเก่าแก่ในสัมผัสวิญญาณเพิ่มพูนขึ้นมหาศาล ราวกับกลิ่นอายนี้รวบรวมมาจากภูเขาไฟทั้งหมดเพื่อสร้างพลังอำนาจให้กับมัน

ท้องฟ้าปกคลุมอยู่ในสายหมอกสีดำ ลาวาสีแดงเจิดจ้าไหลอยู่บนพื้นดิน ขณะนั้นสีหน้าของผู้อาวุโสสี่คนเปลี่ยนไปมหาศาล

“ศิษย์ทั้งหมดของสำนักวิหคเพลิง จงออกไปจากดาวดวงนี้ทันที!” ผู้อาวุโสหนึ่งในนั้นร้องเสียงคำรามดุจสายฟ้า ในไม่นานเหล่าศิษย์ทั้งหมดจึงลอยขึ้นสู่อากาศ

สี่ผู้อาวุโสพุ่งออกไปด้วยพร้อมกับนำพาผู้คนทั้งหมดบนดาวออกไป ทุกคนถูกรวมเป็นกลุ่มก้อน ส่วนใหญ่ไม่รู้ว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น

สี่ผู้อาวุโสใบหน้ามืดมน เกิดความไม่พอใจต่อจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์คนใหม่ที่ทำให้เกิดเรื่องนี้!

แต่ว่าเมื่อความไม่พอใจนั้นปรากฏ สัมผัสวิญญาณก็พลันเริ่มแพร่กระจายกวาดผ่านสมาชิกสำนักวิหคเพลิงและแพร่กระจายข้ามผ่านพื้นที่ดวงดาว

ดาวเคราะห์อีกดวงถูกห่อหุ้มและผสานเข้าด้วยกัน

กลิ่นอายเก่าแก่ยิ่งแข็งแกร่งขึ้น…

สมาชิกสำนักวิหคเพลิงหลายคนต่างก็ลอยออกมาจากดวงดาวด้วยความตื่นตระหนก

ขณะที่สัมผัสวิญญาณแพร่กระจายออกไป เหล่าดาวเคราะห์เซียนทั้งหมดเริ่มผสานเข้าด้วยกัน เติบโตและแข็งแกร่งยิ่งขึ้น สัมผัสวิญญาณอันทรงพลังแพร่กระจายอยู่ในพื้นที่ดวงดาวแห่งนี้!

สมาชิกสำนักวิหคเพลิงทั้งหมดลอยออกมาจากดาวเคราะห์เซียน หัวโตและคนอื่นๆที่หวังหลินรู้จักก็ออกมาด้วย

ขณะนี้เองพลันปรากฏระลอกคลื่นอยู่นอกพื้นที่ดวงดาวของสำนักวิหคเพลิง คนผู้หนึ่งเดินออกมา!

เขาเป็นชายชราผมขาว สวมชุดคลุมสีแดง หากหวังหลินเห็นก็คงจดจำได้ทันทีว่าคนผู้นี้คือปรมาจารย์จงเฉิน!

ระลอกอีกแห่งดังสะท้อนและอีกคนเดินออกมา!

กลิ่นอายเย็นเยียบแพร่กระจาย เขาเป็นชายวัยกลางคนสวมชุดคลุมสีฟ้าหน้าตาหล่อเหลา ทว่าสีหน้าซีดราวกับคนตาย แต่การผันผวนจากชายคนนี้ทำให้ปรมาจารย์จงเฉินต้องหรี่ตาแคบ

“ปรมาจารย์จงเฉินแห่งฝ่ายทุกชั้นฟ้า?” ชายวัยกลางคนกวาดสายตาเย็นเยียบผ่านไป

“หนึ่งในเก้าราชาแห่งสำนักซากศพ ข้าไม่รู้ว่าท่านเป็นคนไหน!” ปรมาจารย์จงเฉินเอ่ยน้ำเสียงสงบนิ่งแต่ก็จ้องชายวัยกลางคนกลับเช่นเดียวกัน

2 thoughts on “ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1101”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!