1123. ข้าขอโทษ
เมื่อหวังหลินมองชายวัยกลางคน พลันเห็นได้ว่าคนคนนี้เป็นเซียนขั้นทลายสวรรค์เท่านั้น แต่หวังหลินไม่ได้เอ่ยอะไรมากพลางยื่นแขนออกไปคว้าหินหยกและโยนให้
ชายวัยกลางคนคว้าหินหยกเอาไว้และแพร่กระจายสัมผัสวิญญาณออกไป ทว่าก็ประหลาดที่ตนเองไม่สามารถมองดูเนื้อหาข้างในได้เนื่องระดับบ่มเพาะของตนเอง
อย่างไรก็ตามเขามองเห็นว่าวัตถุดิบสำหรับสร้างหินหยกนี้ไม่ใช่ของธรรมดา มันแฝงพลังอัคคีดั้งเดิมเอาไว้ ด้วยสถานะของหวังหลินมันจึงเป็นหินหยกไม่ธรรมดา!
“นี่คือ?” เขาเงยศีราะขึ้นมองหวังหลิน
หวังหลินเอ่ย “จักรพรรดิวิหคเพลิงคนเก่าค้นพบความลับในกองบัญชาการพันธมิตรเซียนก่อนจะตาย เขาขอให้ข้าส่งมอบหินหยกนี้ให้แก่ดินแดนฟ้ากระจ่าง!”
ชายวัยกลางคนพยักหน้าและรู้ว่าเรื่องนี้เคร่งเครียดยิ่ง ท่าทางผ่าเผยพลางคำนับฝ่ามือให้ “ขอบคุณ!”
หวังหลินโบกแขนขวาและโยนวิญญาณดั้งเดิมออกไปด้านข้าง วิญญาณทั้งสามถูกปิดตาทั้งหมด จำกัดสัมผัสเอาไว้อย่างชัดเจน
“ก่อนหน้านี้ข้าไม่ได้มีหินหยกเชิญชวนและใจร้อนเข้ามาเนื่องจากข้อมูลในหินหยกมีความสำคัญ ข้าจึงต้องฝ่าเข้ามาข้างใน” หวังหลินเอ่ยขึ้น คว้าหินหยกอีกชิ้นโยนให้แก่ชายวัยกลางคน
หินหยกชิ้นนี้บรรจุสถานการณ์ก่อนหน้าเอาไว้ มันบันทึกสิ่งที่เกิดขึ้นกับผู้คุ้มกันประตูด้านนอกอย่างชัดเจน
ชายวัยกลางมองดูและเอ่ยท่าทีนิ่งๆ “เราต้องขอบคุณจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ในเป็นตัวแทนการสั่งสอน อย่างไรก็ตามการสั่งสอนก็คือการสั่งสอน การสังหารคนของดินแดนฟ้ากระจ่างถือเป็นเรื่องไม่สมเหตุสมผลไปหน่อย”
หวังหลินกล่าว “แค่เรื่องอุบัติเหตุ”
เขาจ้องมองหวังหลินและยิ้มออกมา “เรื่องนี้สำคัญมาก ข้าขอให้ท่านจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์พักอยู่ในดินแดนฟ้ากระจ่างสักพัก รอจนกว่าข้าจะส่งหินหยก…”
ก่อนที่จะได้เอ่ยจบ น้ำเสียงเย็นเยียบของสตรีนางนึงดังสะท้อน
“ปล่อยเขาไป!”
ขณะน้ำเสียงดังออกมา เซียนรอบด้านทั้งหมดเปลี่ยนท่าทีเป็นเคารพ กระทั่งชายชุดม่วงก็เคารพไปด้วย
มู่ปิงเหมยปรากฏตัวด้านหน้าทุกคน มองหวังหลินด้วยท่าทีซับซ้อน
ขณะเดียวกันสองลำแสงโผล่ออกมาไกลและมาถึงด้านหน้าหวังหลิน เปลี่ยนกลายเป็นโจวลี่และเจ้าขาวน้อย โจวลี่ตื่นเต้นมากที่ได้เห็นหวังหลิน
“ท่านลุง!! เป็นท่านจริรงๆ!!” โจวลี่แทบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่
หวังหลินพอเห็นโจวลี่จึงเผยรอยยิ้มออกมาและพยักหน้า “ลุงมาที่นี่เพื่อรับเจ้า”
โจวลี่เติบโตขึ้นแล้วและสังเกตได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ ดังนั้นเวลานี้ไม่ใช่เวลาที่จะพูดอะไร นางมาอยู่ข้างหวังหลิน มองดูเส้นผมสีขาวของเขา หัวใจรู้สึกเจ็บปวด
หวังหลินมองมู่ปิงเหมย ขบคิดเล็กน้อยแล้วจึงเอ่ยออกมา “ข้าจะพาโจวลี่ไปด้วย”
มู่ปิงเหมยกัดริมฝีปากและเอ่ยขึ้นบางเบา “พวกเจ้าทั้งหมดไปก่อน” เซียนรอบด้านรีบขานรับและหายไปอย่างไร้ร่องรอย ชายชุดม่วงมองหวังหลินด้วยท่าทีสื่อความหมายก่อนจะจากไปเช่นเดียวกัน
ในไม่นานจึงเหลือแต่เพียงหวังหลิน โจวลี่และมู่ปิงเหมย
มู่ปิงเหมยหลีกเลี่ยงสายตาหวังหลินและมองโจวลี่ “โจวลี่ หลังเจ้าจากไป จงหมั่นฝึกฝนทุกวัน”
โจวลี่มองหวังหลินแล้วจึงมองมู่ปิงเหมย ในหลายปีที่ผ่านมานางบอกได้ว่าอาจารย์นั้นทำดีต่อนางเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะตอนที่อาจารย์ช่วยนางไว้ หากไม่มีอาจารย์นางก็คงไม่ได้พบหวังหลินอีกครั้ง
เมื่อคิดถึงเรื่องนั้น อารมณ์ของโจวลี่ก็ตกลงและพยักหน้า “อาจารย์ ลี่เอ๋อจดจำได้หมด ข้าจะไม่ละทิ้งการฝึกฝน ยิ่งไปกว่านั้นลี่เอ๋อสามารถกลับมาได้ทุกเวลา”
มู่ปิงเหมยเผยรอยยิ้มเจ็บปวด โจวลี่ไม่เข้าใจว่าเมื่อนางจากไปคงจะไม่มีโอกาสกลับมาได้อีกเพราะหวังหลินคงไม่อนุญาต
“ข้าเป็นอาจารย์เจ้าและเจ้าเป็นศิษย์ข้า เมื่อเจ้ากำลังจะจากไป อาจารย์ขอมอบบางอย่างเป็นของขวัญให้” มู่ปิงเหมยนำปิ่นหยกออกมาจากเส้นผม มองดูด้วยสายตาหวงแหนและโยนให้โจวลี่
“อาจารย์ นี่…” โจวลี่ตกตะลึงและรับไว้โดยไม่รู้ตัว ดูเหมือนนางจะจำได้ว่ามันเป็นสมบัติที่ทรงพลังยิ่งและส่งต่อมาจากอาจารย์ของมู่ปิงเหมยอีกที
“มานี่ ให้อาจารย์ใส่ให้เจ้า” มู่ปิงเหมยเผยแววตาเอ็นดูต่อศิษย์ตนเอง หลังจากอยู่ร่วมกันมานานหลายปี นางจึงพัฒนาความรู้สึกต่อลูกศิษย์
โจวลี่มาอยู่ข้างมู่ปิงเหมยอย่างเชื่อฟัง เดิมทีหวังหลินต้องการจะหยุดนาง แต่ลังจากลังเลเล็กน้อยเขาก็ไม่ได้พูดอะไร
มู่ปิงเหมยม้วนเส้นผมโจวลี่และใส่ปิ่นให้ด้วยตัวเอง แล้วจึงสัมผัสศีรษะโจวลี่อย่างแผ่วเบา แววตาเยือกเย็นหายไปและเอ่ยเสียงอ่อน “เจ้าต้องจำไว้ว่าเจ้าจะเป็นศิษย์ข้าเสมอ ศิษย์ข้าคนเดียว…ดินแดนฟ้ากระจ่างเป็นบ้านหลังที่สองของเจ้า…เจ้า…ไปได้แล้ว”
“อาจารย์!” หยาดน้ำตาไหลรินลงสองแก้มของโจวลี่ นางรู้สึกเลือนลางว่าอาจารย์ของนางและท่านลุงรู้จักกัน ทั้งสองไม่ใช่สหายแต่เป็นศัตรรู นางกลัวว่าเมื่อจากไปแล้วนางจะไม่มีวันพบเจออาจารย์อีกครั้ง
หวังหลินเผยท่าทีลำบาก ด้วยไหวพริบของเขาจึงเห็นได้ว่ามู่ปิงเหมยและโจวลี่มีความสัมพันธ์ศิษย์อาจารย์ที่ไม่ใช่การหลอกหลวง แต่เขาก็ไม่กล้าเชื่อมันง่ายๆ เขาคิดถึงเขตแดนไร้อารมณ์ของหลิวเหมยและเอ่ยขึ้นมา “โจวลี่”
โจวลี่มองมู่ปิงเหมยพลางก้าวถอยและคุกเข่าลง นางโขกคำนับสามครั้งและร้องไห้ “อาจารย์ ศิษย์ขอตัวลา”
“ไปเถอะ…” มู่ปิงเหมยกัดริมฝีปาก หัวใจเจ็บปวดยิ่งนักราวกับขาดอะไรไปบางอย่าง นางก้าวถอยหลัง ฝืนยิ้มออกมาและพยักหน้า
หวังหลินรับโจวลี่ที่ไม่ยอมจากไป พาเข้าสู่ค่ายกลเคลื่อนย้ายและกำลังจะจาก
ขณะนั้นมู่ปิงเหมยได้รวบรวมความกล้ามองแผ่นหลังหวังหลินพร้อมกับเอ่ยขึ้นเบาๆ “หวังหลิน ข้าขอโทษ…”
หวังหลินร่างสั่นเทา ยืนอยู่ในค่ายกลแต่ไม่ได้เปิดใช้มันเป็นอยู่สักพัก
“ข้าขอโทษ…ข้าขอโทษจริงๆ…ขอโทษ…” มู่ปิงเหมยตัวสั่น น้ำตาไหลลงมาทั้งยังพึมพำไม่หยุด
หลายปีที่ผ่านมานี้ นางได้รับความเจ็บปวดทุกข์ทรมานจนกำลังจะแตกดับ ทุกคืนนางจะตื่นขึ้นจากการบ่มเพาะ สัมผัสสับสนงุนงงอธิบายไม่ได้เต็มไปทั่ว
“หลิวเหมยตายไปแล้ว เจ้าไม่ใช่นาง ไม่จำเป็นต้องเอ่ยขอโทษ” หวังหลินไม่ได้หันกลับมาพลางรู้สึกอยู่ในใจ หัวใจรู้สึกเจ็บปวดตอนที่หวังผิงปรากฏขึ้นในใจ เด็กน้อยเต็มไปด้วยความอาฆาตจ้องมองบิดาตนเองอย่างโหดร้าย นั่นเป็นคืนแห่งฝันร้ายที่หวังหลินไม่มีวันลืม
หลิวเหมยต้องการจะทิ้งตัวตนของนางไว้ในจิตแห่งเต๋าของหวังหลิน นางทำสำเร็จและถึงวันนี้นางก็ยังสำเร็จ!
“ข้าขอโทษ…ข้าขอโทษ…” มู่ปิงเหมยหน้าซีด หยดน้ำตาไหลหยดลงพื้น
หวังหลินเปิดค่ายกลอย่างเงียบๆ เสียงค่ายกลดังลั่น แสงหนาแน่นขึ้นมา ขณะนั้นดูเหมือนเขาจะมีความคิดนึงขึ้นมา หยุดค่ายกลและเอ่ยบางอย่าง
“เจ้าต้องการจะเห็นเขาจริงๆหรือ…”