1147. ซิ่วหยุนเจ็บปวดหัวใจ
หวังหลินถือธงสีทอง ค่อยๆหลับตาลงครุ่นคิดไปด้วย
“ใช้วิญญาณหญิงสาวมาหล่อเลี้ยงหยินสุดขั้วถือเป็นหนทางที่ผิดมหันต์! ตอนนั้นเทียนหยุนก็ใช้ร่างหยินสุดขั้วของป๋ายเว่ยและแยกหยางสุดขั้วออกมาตอนที่ถึงจุดสุดยอด นั่นเป็นวิธีที่ผิดพลาด”
“การได้รับหยินสุดขั้วอย่างสมบูรณณ์มา นั่นคือต้องได้ตอนที่หยางสุดขั้วอยู่ในจุดสุดยอด!”
หลังจากมองผืนธงสีทอง หวังหลินส่ายศีรษะ แค่ชำเลืองมองเขาก็เห็นได้ว่าวิญญาณหยินของหญิงสาวพวกนี้ถูกเพิ่มเติมมาทีหลังและพึ่งมีได้ไม่นาน
“มันช่างไร้เหตุผลสิ้นดี!” หวังหลินสะบัดแขนพลันเกิดพายุขึ้นในธงสีทอง ส่งสัมผัสวิญญาณเข้าไปทำลายค่ายกลข้างในที่กักขังวิญญาณเหล่าสตรีเอาไว้และทำให้มันพังเสียหาย
วินาทีที่ค่ายกลพังทลาย วิญญาณโหยหวนลอยออกมา ดวงตาแต่ละคนเต็มไปด้วยความสับสน ทว่าทั้งหมดเป็นคนที่มีพรสวรรค์ในสำนักตนเองก่อนที่จะถูกสังหารและผนึกไว้ในธง ดังนั้นพวกนางจึงฟื้นคืนสติได้อย่างรวดเร็วและโค้งคำนับต่อหวังหลิน พวกนางเผยความเจ็บปวด พอมีอิสระภาพจึงจากไปด้วยความยินดี
สิ่งที่รอพวกนางอยู่บางทีอาจจะเป็นการเกิดใหม่ในชีวิตอื่น
หวังหลินจ้องมองเหล่าวิญญาณที่กระจัดกระจายอย่างเงียบสงบ ใช้เวลาไม่นานจึงเหลือแต่เพียงวิญญาณหยินสุดขั้ว
หยินสุดขั้วนี้ร้องคำรามออกมาพุ่งเข้าใส่เหล่าวิญญาณหญิงสาวที่หายไปราวกับมันต้องการจะหนีไปด้วย ขณะที่มันมองออกไป ดวงตาหวังหลินส่องสว่างขึ้น แขนซ้ายสร้างเขตอาคมประทับลงบนผืนธง
จากนั้นเกิดแสงสีฟ้ากะพริบวาบ วิญญาณหยินสุดขั้วดูเหมือนกระแทกเข้าใส่แผ่นเหล็กและถูกดันกลับไป หวังหลินไม่สนใจมันอีกพลางสร้างเขตอาคมส่งเข้าบนผืนธงให้มากขึ้น เขาผนึกมันไว้อย่างสมบูรณ์ก่อนจะเก็บมันกลับไป
“ไม่เพียงแต่วิธีเพิ่มหยินสุดขั้วนี้จะไม่ถูกต้อง มันยังไม่สมบูรณ์ด้วย เมื่อมันเป็นของลั่วป๋อ เช่นนั้นมันต้องมีเบาะแสอื่นๆที่สำนักเต๋าม่วง” หลังขบคิดเล็กน้อยหวังหลินหยิบขวดสีม่วงขึ้นมา
ขวดหยกกำลังอุ่นและมีคลื่นความร้อนอยู่ข้างใน มันคือพลังดั้งเดิมที่โคจรก่อเกิดเป็นวงกลมไม่รู้จบ หวังหลินส่งสัมผัสวิญญาณเข้าไปล้อมรอบขวดหยก ภายใต้ผลของสัมผัสวิญญาณ ขวดหยกจึงค่อยๆโปร่งใสและเห็นเม็ดยาสามเม็ดที่อยู่ข้างในกำลังหมุนไปพร้อมกับพลังดั้งเดิม
เม็ดยาทั้งสามมีขนาดเท่ากันและเรืองแสงสีม่วงออกมา รวมไปถึงกลิ่นอายดุร้ายโผล่จากภายในด้วย
หวังหลินถอนสัมผัสวิญญาณ สายตาหันไปมองของชิ้นที่สามซึ่งคือก้านธูปขนาดเท่าแขนทารก เขาไม่เชิงว่าคุ้นเคยกับของชิ้นนี้ ตอนที่อยู่ในพันธมิตรเซียนหวังหลินเห็นมันในความทรงจำของอสูรยุง เหล่าเซียนในทะเลเมฆาเคยใช้ธูปแบบนี้เพื่อทำให้อสูรยุงสับสนและล่อลวงมันออกมาจากสำนักจตุรศักดิ์สิทธิ์
เวลาค่อยๆผ่านและฤดูฝนผ่านไป ดวงอาทิตย์สาดส่องบนแผ่นดินโม่หลัว หวังหลินทำความคุ้นกับการใช้ชีวิตในสำนักต้นกำเนิดและใช้เวลาทั้งหมดเพื่อเรียนรู้การปรุงยา
ซิ่วหยุนเคารพยิ่งต่อเซิ่งหนิวที่อาศัยอยู่ใกล้ๆกัน แม้หวังหลินยังไม่ได้ยอมรับแต่สัญชาตญาณหญิงสาวของซิ่วหยุนบอกกับนางว่าเซิ่งหนิวคือชายผมขาวคนนั้น
เมื่อไหร่ที่นางคิดถึงรูปร่างของหวังหลินและการเคลื่อนไหวอันสง่างาม นางมักจะเกร็งขึ้นมา ตอนนี้นางจ้องไปที่หวังหลินด้วยความงุนงง
“นี่คือหญ้าหนิงชุ่ย มันคือวัตถุดิบช่วยในการสร้างเม็ดยา เม็ดยาส่วนใหญ่ในสำนักต้นกำเนิดจำเป็นต้องมีมัน…” เมื่อเซียนคนหนึ่งในทะเลเมฆาบรรลุระดับบ่มเพาะระดับนึง พวกเขาจะมีความเข้าใจในศาสตร์การปรุงยาพอประมาณ ในทะเลเมฆามีกรรมวิธีการปรุงยาเยอะมาก สิ่งที่นางสงสัยคือเซิ่งหนิวถึงกับไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรแม้ว่ามันจะเป็นเรื่องทั่วไปก็ตาม
การหลอมยาสำหรับหวังหลินนั้น เขาคงต้องจดจำชื่อและผลลัพธ์ของสมุนไพรทั้งหมดไว้อันดับแรกก่อน สมุนไพรบางส่วนที่เขารู้จักจากพันธมิตรเซียนมีชื่อแตกต่างกันกับที่นี่ ดังนั้นซิ่วหยุนจึงกลายเป็นเป้าหมายสำหรับคำถามของหวังหลิน
“นี่คือสมุนไพรน้ำหมึกเมฆา ส่วนประกอบสำคัญของเม็ดยาพร่องเมฆา”
หวังหลินใบหน้านิ่งและสงบเยือกเย็น เขาใช้ช่วงเวลาสั้นๆเพื่อจดจำสมุนไพรทั้งหมดในสวนแห่งนี้
หวังหลินมองไปรอบๆสวนและถามออกมา “ที่นี่มีดอกไม้หมอกไหม?” หินหยกที่เขาเห็นในอารามเต๋าบอกว่าการปรุงยาระดับหกหรือสูงขึ้นไป นอกจากวิญญาณอสูรแล้วยังมีสมุนไพรสำคัญอีก หนึ่งในนั้นคือดอกไม้หมอก
“ดอกไม้หมอกเติบโตได้เฉพาะในแผ่นดินที่ห่อหุ้มอยู่ในหมอกดวงดาว ลือกันว่ายิ่งมีหมอกหนาแน่นยิ่งมีดอกไม้หมอกจำนวนมาก ในสำนักต้นกำเนิด ข้ารู้แค่ว่ามีดอกไม้หมอกแห้งเหี่ยวจำนวนสามต้นเท่านั้น และทั้งหมดนั่นก็อยู่กับอาจารย์ลุงลี่” หลังซิ่วหยุนอธิบายจบ นางก็เสริมอีก
“วิชาการปรุงยาของอาจารย์ลุงลี่ถือได้ว่าไม่มีใครเทียบได้ในสำนักต้นกำเนิด”
หวังหลินพยักหน้าและไม่สนใจซิ่วหยุนอีก เขารวบรวมสมุนไพรบางส่วนโดยใช้พื้นฐานวิธีการปรุงยาที่เคยอ่านมา จากนั้นกลับไปที่บ้าน
พอเห็นหวังหลินเก็บสมุนไพร ซิ่วหยุนรู้สึกเจ็บปวดหัวใจแต่นางไม่กล้าเผยมันออกมาบนใบหน้า ขณะที่หวังหลินเดินกลับไปที่ห้อง ซิ่วหยุนจึงรีบเอ่ย “นี่…เจ้าจำเป็นต้องไปที่ห้องสมุนไพรในลานทิศตะวันออก ไม่เพียงแต่ที่นั่นจะมีเตาหลอมยาแต่ยังมีค่ายกลป้องกันด้วย ซึ่งหากระเบิดขึ้นมามันก็จะไม่มีอันตราย”
“ไม่จำเป็น” หวังหลินเดินเข้าไปในห้องโดยไม่หันกลับมามอง
จนเมื่อหวังหลินจากไปแล้วซิ่วหยุนจึงกระทืบเท้าและเต็มไปด้วยความไม่พึงพอใจ สมุนไพรส่วนใหญ่ในสวนเป็นสิ่งที่นางใช้ความพยายามอย่างมากปลูกขึ้นมา บางต้นอาจารย์มอบกับนางไว้หลังจากพบเจอตอนที่กำลังสำรวจแผ่นดินอันตราย กล่าวได้ว่าสมุนไพรในสวนแห่งนี้ถือเป็นของส่วนตัวของซิ่วหยุนและอาจารย์นาง
ศิษย์ของสำนักต่างทั้งหมดรู้เรื่องนี้และไม่กล้ามาหาสมุนไพรที่นี่ ซิ่วหยุนให้คุณค่าสมุนไพรพวกนี้อย่างมหาศาลทว่านางกลับเห็นหวังหลินเก็บมันไปโดยที่ทำอะไรไม่ได้ เขากระทั่งไม่ฟังนางและเอาไปหลอมโดยไม่ไปที่ห้องสมุนไพร ยิ่งสมุนไพรบางส่วนเขาไม่รู้ชื่อมันด้วยซ้ำ เห็นได้ชัดว่านี่เป็นการหลอมครั้งแรกของเขา
เมื่อเม็ดยาระเบิด ไม่เพียงแต่บ้านจะถูกทำลายไปด้วยแต่สวนสมุนไพรก็จะได้รับผลกระทบ ซิ่วหยุนกระทืบเท้าแต่ไม่กล้าเข้าไปหยุดเขา
“ฮึ่ม ไม่ไปห้องสมุนไพรนั่นหมายความว่าเขาต้องมีเตาสมุนไพรของตัวเอง เขารู้แต่วิธีการใช้ระดับบ่มเพาะอันสูงส่งมาแกล้งผู้น้อยแบบข้า เจ้าคนพาล!” ยิ่งซิ่วหยุนคิดก็ยิ่งโกรธ นางนั่งลงข้างนอกและเริ่มรอคอย เมื่อเม็ดยาระเบิดนางจะปกป้องสมุนไพรอย่างดีที่สุด ความเป็นมิตรต่อหวังหลินก่อนหน้านี้หายไปแล้ว
“โอหัง อวดดี!!” เมื่อซิ่วหยุนคิดถึงสีหน้าของหวังหลิน นางก็ยิ่งโกรธ
“แม้การปรุงยาจะเกี่ยวข้องกับการบ่มเพาะอยู่บ้าง มันไม่ได้เกี่ยวกันมากนัก ที่จำเป็นคือประสบการณ์และความพยายามนับครั้งไม่ถ้วน ระดับบ่มเพาะสูงแค่ไหนไม่สำคัญ โอกาสการปรุงยาสำเร็จในครั้งแรกไม่ได้สูงนัก!” ซิ่วหยุนขมวดคิ้ว นางเพ่งสมาธิและอดไม่ได้ที่จะยืนอย่างระมัดระวัง
หวังหลินไม่ได้ให้ความสนใจต่อความไม่พอใจของซิ่วหยุน หลังจากกลับมาที่ห้องเขาก็นั่งลงและโบกแขน สมุนไพรทั้งหมดที่เก็บมาพลันลอยขึ้นในอากาศ ดวงตาซ้ายส่องสว่าง เปลวเพลิงเริ่มเผาไหม้ในตาซ้ายทันที
การปรุงยาไม่จำเป็นต้องใช้เตาปรุงยา! เตาปรุงยานั้นใช้เพื่อไม่ให้ส่วนผสมเล็ดรอดออกไปและควบแน่นความร้อนได้ดีขึ้นเพื่อให้เม็ดยาเป็นรูปเป็นร่าง
ทั้งหมดนี้ไม่มีปัญหาสำหรับหวังหลิน
เปลวเพลิงในโลกเคลื่อนไหวตามที่เขาต้องการ นาทีนี้เปลวเพลิงสีขาวปรากฏขึ้นและหมุนเป็นวงกลมรอบหวังหลิน เปลวเพลิงเริ่มควบแน่นจนกลายเป็นก้อนเปลวเพลิง
หวังหลินสายตาสงบนิ่งพลางยื่นแขนขวาออกไป สมุนไพรในอากาศเริ่มแยกออกจากกันคนละทิศคนละทาง ส่วนหนึ่งออกไปด้านข้างและส่วนหนึ่งเข้าไปในก้อนเปลวเพลิง
นี่คือการปรุงยาครั้งแรกของหวังหลินในทะเลเมฆา แม้จะเป็นเม็ดยาระดับสามหวังหลินก็ยังเคร่งเครียดมาก เขาจ้องมองก้อนเปลวเพลิง สายตามองทะลุเข้าไปข้างใน
สมุนไพรหลอมละลายอยู่ในก้อนเปลวเพลิงและกลายเป็นก้อนๆ ทว่าด้วยการควบคุมเพลิงของหวังหลินมันจึงไม่เปลี่ยนกลายเป็นเถ้าถ่านแต่เริ่มผสมผสานเข้าด้วยกัน มันดูดซับความสามารถทางยาอันพิเศษของวัตถุดิบแต่ละชนิดและเริ่มรวมกัน
หลังจากนั้นไม่นานหวังหลินจึงยื่นแขนขวาออกไปเผยเป็นมิติเก็บของ ลำแสงสีดำพุ่งออกมาเข้าไปในมือหวังหลิน
ข้างในแสงสีดำคืออสูรวิญญาณรูปร่างลูกอ๊อดซึ่งมันคืออสูรของลั่วป๋อ อสูรตัวนี้ตอนที่ติดตามเจ้านายคนเก่ามันหยิ่งผยองและโอหังยิ่ง มันกลืนกินคนธรรมดาอย่างโหดร้ายและทำร้ายเหล่าเซียนจนบาดเจ็บไปหลายครั้ง มันสนุกสนานกับการดูดกลืนเลือดเนื้ออันหอมหวานเข้าไปในปาก
ทว่านาทีนี้อสูรวิญญาณกำลังสั่นเทาด้วยความกลัวและร้องคำรามต่อเนื่อง มันต้องการทะลวงออกไปจากฝ่ามือหวังหลินแต่ไม่ว่าจะดิ้นรนอย่างไรก็ไร้ประโยชน์
ขณะที่หวังหลินสะบัดแขน อสูรวิญญาณเข้าหลอมกับเม็ดยาและส่งเสียงกรีดร้องโหยหวน กลิ่นเม็ดยาเริ่มแพร่กระจายออกไปข้างนอกห้อง
นาทีนี้หวังหลินขมวดคิ้วพลางใช้แขนขวายื่นเข้าไปในก้อนเปลวเพลิงและคว้าเม็ดยาเอาไว้ วิญญาณอสูรส่วนใหญ่ถูกดึงออกมาทันที
วินาทีที่หวังหลินดึงแขนขวาออกมาจากก้อนเปลวเพลิง เม็ดยาที่สำเร็จไปครึ่งส่วนก็สั่นเทาและแตกสลาย จากนั้นพังทำลายล้างเริ่มแพร่กระจายออกมา
ทว่ามันก็ถูกก้อนเปลวเพลิงที่ห่อหุ้มอยู่หยุดเอาไว้ มันส่งเสียงร้องอู้อี้ออกมาแต่ไม่ได้ทะลวงก้อนเปลวเพลิงออกไป
“เม็ดยาระเบิด!” ซิ่วหยุนอยู่นอกบ้านได้ยินเสียงกรีดร้องงึมงำจึงยืนขึ้นทันที นางเคร่งเครียดมาก อย่างไรก็ตามหลังจากรอไปสักพักก็ไม่เจอกับการระเบิด ที่นางเห็นคือหวังหลินเดินออกมาด้วยท่าทีมืดมนและเก็บสมุนไพรเอาไปอีก
ในที่สุดซิ่วหยุนจึงตอบสนองและเริ่มกระทืบเท้า นางอยากได้รับความยุติธรรมแต่พอคิดถึงสีหน้าท่าทางมืดมนของเขานางจึงหวาดกลัวและทำได้แต่เพียงสาปแช่งอยู่ในใจเท่านั้น
“ขี้โกง! ฮึ่ม ครั้งนี้เม็ดยานั่นจะต้องระเบิดแน่!”
……………………………..