Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1161

Cover Renegade Immortal 1

1161. กลืนเม็ดยา เต๋าอันหลากหลาย

ทั่วทั้งแผ่นดินโม่หลัวสงบลง หวังหลินใช้เวลาตลอดวันไปกับการฝึกฝนการปรุงยา ศิษย์สำนักต้นกำเนิดมักจะได้ยินเสียงระเบิดดังออกมาจากลานทิศใต้ ไม่มีใครกล้าเข้าไปและมองผ่านมาด้วยความเคารพ

หวังหลินศึกษาเรียนรู้สูตรยากระดูกสัตว์ ท้ายที่สุดเขาก็มีใบหน้ามืดมน ขบคิดอยู่นานหากไม่สนว่าผลลัพธ์เป็นแบบไหน แค่สมุนไพรที่ต้องใช้ส่วนใหญ่เขาก็ไม่เคยได้ยินชื่อแล้ว

หลังจากค้นคว้าบันทึกของสำนักต้นกำเนิดหวังหลินจึงพบเบาะแสบางอย่าง สามสมุนไพรนั้นคือไม้แปลงดารา หญ้าดาวมังกรและดอกไม้ทำลายล้าง สามสิ่งนี้มีอยู่เมื่อหลายหมื่นปีก่อน แม้กระนั้นก็ยังเป็นของหายากและโดยพื้นฐานมันสูญพันธุ์ไปแล้ว ทว่าบันทึกของสำนักต้นกำเนิดมีเบาะแสบางอย่าง ดูเหมือนในสำนักระดับแปดจะยังมีไม้แปลงดาราอยู่เล็กน้อย

สิ่งสำคัญที่สุดคือเม็ดยาสวรรค์ดับสูญนี้ต้องใช้วิญญาณอสูรระดับสิบสามจำนวนเก้าดวง มีเพียงการผสมวิญญาณพวกมันเท่านั้นถึงจะทำให้เกิดการหลอมเม็ดยาขึ้นได้

หากแค่นี้คงไม่เป็นปัญหานักแต่โอกาสสำเร็จมีต่ำมาก อีกทั้งเศษกระดูกสัตว์นี้ยังใช้เป็นเชื้อปะทุ มันจำเป็นต้องเอาไปหลอมให้เป็นเม็ดยา การล้มเหลวทุกครั้งจะทำให้กระดูกนี้มืดดำยิ่งขึ้น เมื่อมันดำสนิทจะไม่สามารถหลอมเม็ดยาได้อีก

ครั้งที่สำเร็จ กระดูกสัตว์จะสูญสลายและกลายเป็นเม็ดยา

หวังหลินมองกระดูกสัตว์ในมือ แม้จะไม่ได้เป็นสีดำสนิทแต่มันดำมาก บางทีอาจจะใช้ได้อีกไม่กี่ครั้ง

‘เห็นได้ชัดว่ากระดูกสัตว์นี้ถูกคนอื่นหลอมมาแล้วหลายครั้งแต่ก็ล้มเหลวทั้งหมด ไม่เช่นนั้นกระดูกนี้คงหายไปแล้ว…ถ้าจะบอกว่าสมุนไพรหรือวิญญาณอสูรหายากแล้ว กระดูกสัตว์นี้กลับประหลาดนัก!’

‘ไม่รู้ว่ากระดูกสัตว์นี้เป็นของสัตว์ตัวไหน…อย่างไรก็ตามถึงจะมีโอกาสสำเร็จเพียงหนึ่งในร้อยส่วน ข้าก็ต้องลอง!’ หวังหลินถือกระดูกสัตว์และศึกษาเรียนรู้มันอย่างละเอียดก่อนจะขบคิดเล็กน้อยและเก็บกลับไป

ของอีกหลายอย่างปรากฏในฝ่ามือ มันคือหินหยกที่มาพร้อมกับกระดูกสัตว์ หลังจากตรวจสอบด้วยสัมผัสวิญญาณ สีหน้าท่าทางจึงประหลาดใจ หวังหลินเปิดมิติเก็บของอีกครั้งและนำวิญญาณดั้งเดิมของหญิงชราพิษออกมา

ชี้นิ้วใส่วิญญาณนางไปหลายครั้งด้วยสายตาเยือกเย็น ทุกครั้งจะทำให้วิญญาณนางสั่นเทาและอ่อนแอยิ่งขึ้น

ชั่วขณะต่อมาหวังหลินวางแขนขวาไว้บนศีรษะของวิญญาณหญิงชรา ส่งสัมผัสวิญญาณออกไปค้นวิญญาณโดยตรง

ความทรงจำไหลทะลักเข้ามาในความคิดหวังหลินรวมถึงวิธีการฝึกฝนห้าพิษและหลายอย่างที่นางเจอ ท้ายที่สุดหวังหลินก็ค้นพบความทรงจำเกี่ยวกับสูตรยาและหินหยก

วันเวลาผ่านไปจนถึงกลางคืน หวังหลินยกแขนขวาขึ้นมาเก็บวิญญาณอ่อนแอแต่ยังไม่ตายกลับไป จากนั้นนำหินหยกออกมาขบคิด

หวังหลินค้นพบเรื่องที่เกิดขึ้นกับสำนักทะลวงสวรรค์เมื่อหนึ่งหมื่นแปดพันปีก่อนและเข้าใจหน้าที่ของหินหยกนี้ด้วย

ข้างในไม่ได้มีวิธีการบ่มเพาะหรือวิชาอันใด มันเป็นแค่เศษหยกที่เอาไว้ระบุตัวตน มันคือสัญลักษณ์ของหัวหน้าศิษย์สำนักทะลวงสวรรค์เมื่อหนึ่งหมื่นแปดพันปีก่อน!

คนผู้นี้นามว่าซือหม่าโม่ หากไม่มีอะไรผิดพลาดเขาจะกลายเป็นจ้าวสำนักคนต่อไปของสำนักทะลวงสวรรค์ เมื่อหนึ่งหมื่นแปดพันปีก่อน เขาเป็นคนที่นำกระดูกสัตว์และกลุ่มเซียนหนึ่งออกมา พวกเขาแยกออกมาจากสำนักทะลวงสวรรค์และหายตัวไปท่ามกลางดาราจักรทะเลเมฆา

หมื่นแปดพันปีก่อนสำนักทะลวงสวรรค์เข้าสู่เขตระดับเก้าด้วยความรู้สึกอันซับซ้อนต่อศิษย์ที่จากไป ภายหลังจึงเรียนรู้ว่ากลุ่มนี้ทนทุกข์กับจำนวนผู้เสียชีวิตมหาศาลและหายตัวไปหมด จ้าวสำนักในเวลานั้นคืออาจารย์ของซือหม่าโม่จึงส่งคำสั่งออกไปกินเวลาหลายหมื่นปี!

“ในอนาคต หากใครที่นำตัวตนของซือหม่าโม่กลับมาได้จะอนุญาตให้เข้าสำนักชะตาสวรรค์และกลายเป็นศิษย์ของจ้าวสำนักรุ่นนั้น!”

คำสั่งนี้แพร่กระจายไปทั่วทะเลเมฆาและกระตุ้นความสนใจของเซียนหลายคน คำสั่งเพิ่มความสนใจสูงสุดต่อคนที่อยากได้โอกาสที่ดีขึ้น หลายคนออกไปค้นหาเบาะแสสมาชิกสำนักทะลวงสวรรค์ที่หายไป ทว่าเมื่อเวลาผ่านไปกลับไม่พบเลยสักที่ ดังนั้นเรื่องนี้จึงพับเก็บไป

จนกระทั่งสำนักห้าพิษได้รับรายงานจากสายสืบเรื่องการเคลื่อนไหวของฉีเล่าซิงและเป็นไปตามคาด! เดิมทีสำนักห้าพิษไม่ได้สนใจอะไรมากนักอีกทั้งมันก็เป็นเบาะแสมานานใกล้เคียงกับเรื่องเท็จ พวกเขาจึงส่งคนออกไปลาดตระเวนเพียงไม่กี่คนและมีหญิงชราพิษเป็นหัวหน้า

ไม่มีใครคิดว่ามันจะเป็นเรื่องจริง!

หวังหลินมองดูหินหยกอย่างเงียบๆ ผ่านไปสักพักเขาก็เก็บมันกลับไป

‘ข้าอาจจะต้องใช้มันในอนาคต!’ หวังหลินไม่กังวลเรื่องหินหยกและสูตรยาอีกต่อไป หลังจากสงบจิตใจลงเขาก็จมดิ่งไปกับการฝึกปรุงยา

ไม่เพียงแต่จะเก็บเกี่ยวสมุนไพรจำนวนมากในแผ่นดินป่า เขายังได้วิญญาณอสูรอีกหลายตัวด้วย ส่วนใหญ่เป็นอสูรระดับห้าดังนั้นมันจึงเหมาะต่อระดับบ่มเพาะหวังหลินในปัจจุบัน

มีวิญญาณอสูรอีกหลายตัวในกระเป๋า พวกมันคือวิญญาณของอสูรวิญญาณสมาชิกสำนักดอกไม้กระจ่าง พวกเขาถูกร่างศพเงินฆ่าตายและเก็บกลับมา

ขณะเดียวกันเขาก็มีวิญญาณอสรพิษที่เป็นวิญญาณชีวิตของหญิงชราพิษด้วย มันคืออสูรระดับหกสูงสุด!

นอกจากนี้วิญญาณอสูรที่สูงที่สุดที่เขามีคืออสูรระดับแปดที่เขาสังหารในพริบตา วิญญาณดวงนี้ล้ำค่าจนหวังหลินไม่อยากทำลายมัน เขาเข้าไปในอารามเต๋าและสร้างเม็ดยา

หลังจากล้มเหลวไปสามครั้งในที่สุดหวังหลินก็หลอมวิญญาณกับเม็ดยาเพื่อสร้างเม็ดยามรณะแยกวิญญาณที่มีระดับแปดได้!

ภายหลังการค้นความทรงจำหญิงชราพิษ เขาพบเรื่องน่าสนใจถึงวิธีการกลายพันธุ์เหล่าอสูร

วิธีการหลอมวิญญาณอสูรนี้ถูกคิดค้นโดยอัจฉริยะของสำนักห้าพิษนามว่าเหรินโอวซิน มันใช้ค่ายกลเป็นกรงขังเพื่อจองจำวิญญาณอสูรเอาไว้ จากนั้นใช้พิษเพื่อทำให้มันกลืนกินกันเองและจำลองการกลายพันธุ์ให้สร้างวิญญาณที่แข็งแกร่งขึ้น

อย่างไรก็ตามวิธีนี้มีข้อบกพร่องใหญ่หลวงนั่นคือวิญญาณอสูรกลายพันธุ์นั้นไม่สามารถกลืนกินวิญญาณอสูรธรรมดาได้ มันสามารถกลืนกินได้แต่วิญญาณกลายพันธุ์ด้วยกันเองเท่านั้น ซึ่งปัดเป่ารุนแรงไปที่สำนักห้าพิษ

โอกาสสำเร็จในการหลอมวิญญาณอสูรนั้นไม่สูงมาก ยิ่งระดับสูงก็ยิ่งมีโอกาสสำเร็จต่ำ วิญญาณอสูรระดับเก้าจำเป็นต้องใช้วิญญาณอสูรระดับแปดจำนวนมากกลืนกินกันเอง วิญญาณอสูรระดับแปดกลายพันธุ์เพียงตัวเดียวต้องใช้วิญญาณอสูรระดับเจ็ดจำนวนมากมาย

แม้จะบังเอิญสร้างวิญญาณระดับสูง มันก็ยังต้องใช้สมบัติสวรรค์หล่อเลี้ยงจำนวนมาก แม้จะใช้เพื่อการปรุงยาแต่ก็ยังมีโอกาสล้มเหลว ทุกครั้งที่ล้มเหลวก็จะอ่อนแอลงกว่าเดิม

หวังหลินรับรู้จุดนี้เป็นอย่างดี เม็ดยาแรกที่เขาพยายามสร้างขึ้นมาล้มเหลวไปมากกว่าสิบครั้ง แม้จะสำเร็จแต่วิญญาณอสูรส่วนใหญ่สลายไปแล้ว ผลลัพธ์ของเม็ดยาจึงน้อยลงอย่างมาก

กระทั่งสำนักห้าพิษยังต้องยอมเลิกรา สำนักแต่ละแห่งไม่สามารถทนรับการใช้งานแบบนี้ได้ แม้แต่สำนักระดับเจ็ดและแปดยังหาได้ยาก ถึงแม้จะทำได้ก็ไม่จำเป็นต้องหลอมวิญญาณอสูรแบบนี้ พวกเขามีทางอื่นที่ง่ายกว่ามาก

หลังจากเห็นแบบนี้หวังหลินลอบคำนวณ ค่าใช้จ่ายของมันทำให้เขาตกตะลึง อย่างไรก็ตามหลังจากขบคิดเล็กน้อยเขาก็ตั้งใจลองดู ศึกษาวิถีพิษจากความทรงจำของหญิงชราและสามารถหลอมได้บางส่วน

หวังหลินไม่ได้เลือกสำนักต้นกำเนิดเพื่อมาทดสอบแต่ค้นพบถ้ำแห่งหนึ่งในภูเขาสักที่บนแผ่นดิน เขาวางเขตอาคมจำนวนมากลงไปก่อนจะนำวิญญาณอสูรระดับห้าออกมาพ่นพิษใส่ ตรวจสอบอยู่หลายวันเพื่อให้มั่นใจว่าพวกมันกลืนกินกันเอง เขาเพิ่มเขตอาคมเข้าไปมากขึ้นและกลับไปสำนักต้นกำเนิด

ผ่านไปอีกหลายวันหวังหลินนำเม็ดยาที่หลอมไว้ออกมาซึ่งมีระดับแปดอยู่หนึ่งเม็ด เขาเริ่มกลืนกินมันโดยเริ่มที่เม็ดยาระดับห้า

อสูรวิญญาณข้างในไม่สามารถต้านทานวิญญาณของหวังหลินได้เลย มันแตกสลายในทันที ผสมผสานกับวิญญาณดั้งเดิมเขาจนทำให้หวังหลินเข้าสู่สภาวะลึกลับ

ขณะที่หวังหลินกลืนกินเม็ดยาระดับห้าต่อไป เขาเกิดเห็นบางอย่างในสภาวะลึกลับนั้น เขาเห็นอสูรตั้งแต่มันเกิดกำลังเทิดทูนโลกและดูดซับพลังดั้งเดิมเพื่อเข้าใจกฎ

วิญญาณอสูรข้างในเม็ดยาระดับห้าไม่ได้มีค่าสำหรับหวังหลินมากนัก เขาเพียงแค่ใช้เม็ดยานี้เพื่อทำความคุ้นชินกับการยืมวิญญาณอสูรเพื่อรู้แจ้งสวรรค์

หลังใช้เม็ดยาระดับห้าไป หวังหลินก็กลืนกินเม็ดยาระดับหก วิญญาณข้างในเทียบเท่ากับเซียนขั้นส่องสวรรค์ระดับต้นและทำให้เขตแดนหวังหลินกระตุ้นขึ้นทันที

ราวกับเขาเปลี่ยนร่างกลายเป็นอสูรและค่อยๆเข้าใจสวรรค์ตลอดหลายพันหลายหมื่นปี ฉากเหตุการณ์เหล่านี้ให้ความรู้สึกจริงและไม่จริง หวังหลินจมดิ่งไปกับการค้นคว้าถึงความซับซ้อนในเต๋าของตนเอง เขากำลังค้นหาตัวตนระหว่างความจริงและเท็จ

ผ่านไปไม่รู้นานแค่ไหน เมื่อเหลือเพียงเม็ดยาระดับแปดเพียงเม็ดเดียว เขาตื่นขึ้นจากสภาวะประหลาด มองไปตรงหน้าอย่างขาวโพลนและพึมพำ

‘เพื่อพิสูจน์เต๋าของคนว่าเป็นเส้นตรง เพื่อยืนยันมุมความคิดว่าเป็นทางอ้อม เม็ดยาของทะเลเมฆาไม่ใช่มีโชคลาภวาสนา พวกมันมอบโอกาสให้เซียนส่องเต๋าได้อีกครั้งและอีกครั้ง…พวกเขาใช้วิญญาณอสูรเพื่อเป็นหนทางในการสำรวจเต๋า…สำรวจกฎในโลก…ไม่เหมือนกับอีกสองดาราจักร ดาราจักรทะเลเมฆาสามารถตัดกระบวนการทำความรู้แจ้งออกไปได้…’

‘อย่างไรก็ตามพวกอสูรก็ยังเป็นอสูร หนทางการรู้แจ้งเต๋าไม่ใช่ทางตรงและเราไม่สามารถตามรอยต้นกำเนิดได้ชัดเจน เว้นแต่…เว้นแต่เราจะหลอมเม็ดยาโดยมีวิญญาณของคนผู้นั้นหรือใช้วิญญาณที่เหนือกว่าพวกอสูร นั่นจะทำให้ความเข้าใจชัดเจนยิ่งขึ้น ไม่เช่นนั้นจะต้องกลืนกินเม็ดยาจำนวนมากค้นหาเต๋าที่ถูกต้องเพื่อยืนยันเส้นทางของตัวเอง’

‘เต๋าเป็นเสมือนความคิด ความคิดทุกคนย่อมต่างกัน หากต้องการเพิ่มคุณค่าให้ความคิดตัวเองจะต้องเรียนรู้ความคิดคนอื่นด้วย ทะเลเมฆาเลือกที่จะใช้วิญญาณอสูร…เหมือนกับเทียนหยุนที่เลือกใช้ศิษย์ของตัวเอง…’

ขณะที่หวังหลินงุนงงสับสน ลำแสงหลายเส้นลอยเข้าหาแผ่นดินโม่หลัว เซียนจากเขตระดับหกเพิ่มกำลังการค้นหาและมาถึงเขตโม่หลัว พวกเขาก้าวเข้าไปในม่านป้องกัน!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!