Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1204

Cover Renegade Immortal 1

1204. แผนของเต๋าแห่งสวรรค์

ราวกับเขาไม่ได้แตะต้องกระดูกแต่เป็นวังวนเหนือจินตนาการ สัมผัสวิญญาณกำลังเข้าไปในส่วนลึกของวังวน

เมื่อไร้การควบคุม พลังดึงดูดเหนือจินตนาการจึงดึงสัมผัสวิญญาณหวังหลินเข้าไปลึกขึ้นเรื่อยๆ

หวังหลินเหมือนเรือโดดเดี่ยวในคลื่นอันเชี่ยวกราด เขากำลังถูกดูดเข้าไปในวังวนราวกับกำลังท่องผ่านกาลเวลาไปถึงจุดที่เขาไม่เคยไปมาก่อน!

เสียงดังสนั่นกึกก้องดังในความคิดขึ้นอีก หากมีใครสักคนมองดูจากด้านนอกถ้ำคงเห็นว่าร่างหวังหลินกำลังสั่นเทา ใบหน้าซีดเผือดและบิดเบี้ยว แขนขวาสั่นเทาอย่างรุนแรงแต่ติดกับโครงกระดูก

โครงกระดูกนั้นเรืองแสงสีทองขึ้นมาทันที ทว่าในจังหวะที่แสงสีทองปรากฏขึ้น ข้อความบนโครงกระดูกกลับเรืองแสงสีดำ พยายามระงับแสงสีทอง ทั้งสองเริ่มต่อสู้กัน

นี่คือโลกที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย มิอาจแยกฟ้าดินได้ โลกดูเหมือนคงอยู่แต่ก็ไม่มีอยู่ไปด้วย ในอวกาศอันห่างไกล คนผู้หนึ่งค่อยๆเดินออกมา เขาสวมชุดสีขาวดูคล้ายชายชรา ทว่าร่างกายเลือนลางจนมองเห็นได้ไม่ชัดเจน

เขาเงยศีรษะขึ้นมาและมองไปยังท้องฟ้าราวกับกำลังขบคิด ทว่าในชั่วขณะนั้นแสงเจ็ดสีก็มาถึง คลื่นเจ็ดสีฉีกกระชากโลกให้ขาดออกจากกันจนความโกลาหลล่มสลาย ท้องฟ้าไม่ได้เป็นท้องฟ้า พื้นดินไม่ได้เป็นพื้นดิน ตอนนี้เป็นเพียงความว่างเปล่า!

อย่างไรมิตินี้ไม่ได้เป็นสีดำ แต่เป็นเจ็ดสี!

โลกแห่งนี้กลายเป็นโลกเจ็ดสี!

ชายชราชุดขาวเงยศีรษะขึ้นอย่างรุนแรง สะบัดแขนขวา คำว่า “ต่อสู้” ปรากฏขึ้น! คำนั้นล้อมรอบร่างกายเขาและเรืองแสงสีทองไร้ขอบเขตเพื่อผลักดันแสงเจ็ดสีให้กลับไป

เพียงชั่วพริบตา น้ำเสียงแห่งอำนาจดังสะท้อนไปทั่วโลก

“โลกเริ่มที่จุดกำเนิด ท้องฟ้าคือจุดเริ่มต้น โลกคือจุดจบ สิ่งที่ข้าบ่มเพาะคือต้นกำเนิดแห่งโลก กฎแห่งต้นกำเนิด ชี้นำเจ็ดสี จงผนึก!”

เพียงประโยคเดียว แสงเจ็ดสีทั้งหมดในโลกนี้ก็เคลื่อนไหวราวกับมีพลังสายหนึ่งควบคุมอยู่ แสงเจ็ดสีไร้ขอบเขตรวมกันเข้าหาชายชราอย่างบ้าคลั่ง

ราวกับโลกได้ย้อนคืน แสงเจ็ดสีทั้งหมดถูกรวมกันก่อตัวเป็นผนึก มันควบแน่นเรื่อยๆจนกระทั่งผนึกชายชราอย่างสมบูรณ์

แสงเจ็ดสีไร้ขอบเขตกะพริบวูบวาบราวกับโลกกำลังล่มสลาย เสียงคำรามระเบิดออกมาจากในโลกเจ็ดสีแต่มันก็อ่อนแอลงเรื่อยๆจนกระทั่งหายไป

“จางซิงเย่ ถ้าไม่ใช่เพราะว่าข้ามอบคัมภีร์รบให้เจ้า เจ้าจะบรรลุขั้นวิญญาณดับสูญได้อย่างไร? หากข้านำวิญญาณตระกูลจางของเจ้าไป ข้าสามารถใช้มันเป็นเครื่องนำทางเพื่อหาตำแหน่งไอ้ผีเฒ่าจางที่ซ่อนกระดูกตัวเองสำหรับขั้นวิบากดับสูญ จากนั้นข้าจะใช้กระดูกเขาบังคับเอาแก่นแท้เต๋าออกมาจากเจ้าทั้งสอง! ข้าจะทำลายสวรรค์ของมัน แผนแห่งสวรรค์จึงสมบูรณ์!” น้ำเสียงเก่าแก่เอ่ยอย่างเหน็ดเหนื่อยและค่อยๆหายไป

ขณะเดียวกันแม้แต่ในโลกที่หวังหลินอยู่ก็เริ่มแตกสลาย ดูเหมือนวิญญาณดั้งเดิมของเขากำลังพังทลายและสลายเป็นส่วนๆ

ตอนนี้ในถ้ำของซือหม่าโม่ แสงสีทองจากโครงกระดูกกำลังถูกแสงสีดำห้ามปรามเอาไว้และถูกบังคับให้จนมุม แสงสีดำมุ่งไปที่แขนหวังหลินและกำลังจะเข้าร่างกาย

เพียงเสี้ยววินาทีนั้น กระบี่ผลึกที่หวังหลินทิ้งเอาไว้ในถ้ำเกิดส่องประกายขึ้นมาและพุ่งเข้าหาเขา มันเคลื่อนมาอยู่ระหว่างปลายนิ้วหวังหลินกับโครงกระดูกทำให้ทั้งคู่แยกกัน

หวังหลินร่างสั่นเทาพร้อมกับมีสติขึ้นมา ล่าถอยโดยไม่ลังเล จ้องมองโครงกระดูก ความคิดเกิดความสับสนวุ่นวาย

‘บรรพชนตระกูลจาง จางซิงเย่!’

หวังหลินท่าทางมืดมน เขารู้ว่าบรรพชนตระกูลจางแห่งดาราจักรทุกชั้นฟ้าหายตัวไปในดวงดาวและไม่มีใครรู้ว่าเขาหายไปไหน จางซิงเย่นั้นมีพรสวรรค์ล้นเหลือ และเขาบังเอิญพบคัมภีร์รบเข้าโดยบังเอิญ เขาศึกษามันเพื่อทำความเข้าใจเขตแดนรบ จากนั้นหายตัวไปเพื่อแสวงหาดินแดนที่สูงกว่า

ไม่ว่าลูกหลานในอนาคตจะคุ้นหาเขามากแค่ไหนก็ไม่อาจพบเจอเบาะแสตำแหน่งของจางซิงเย่ได้

‘ข้าไม่คิดว่าเขา…จะเป็นจางซิงเย่!’

‘คนที่ฆ่าจางซิงเย่ได้ใช้กฎแห่งต้นกำเนิดซึ่งน่าจะเป็นราชันย์!’ หวังหลินท่าทีมืดมนยิ่ง พอคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น จิตใจรู้สึกหนาวเหน็บ แสงเจ็ดสีนั่นคือวิชาที่คล้ายแยกราตรีแต่ทรงพลังยิ่งกว่ามาก เพียงแค่วิชาเดียวก็สามารถฆ่าจางซิงเย่ได้แล้วโดยไม่มีโอกาสให้เขาต่อต้านได้เลย!

หวังหลินลำคอแห้งผาก ขมวดคิ้วและดวงตาส่องสว่าง

‘มีบางอย่างผิดพลาด! หากจางซิงเย่ถูกฆ่าแบบนี้ จะหลงเหลือชัดเจนขนาดนี้ได้อย่างไร? หากเขาตาย พลังอำนาจก็ควรหายไปด้วย แม้จะคิดว่าเจตจำนงยังคงอยู่แต่มันไม่ควรชัดเจนเช่นนี้…อีกทั้งเสียงของราชันย์ในตอนสุดท้ายดูเหมือนจะเหน็ดเหนื่อย…’ ความคิดบ้าคลั่งเกิดขึ้นมาในใจหวังหลินแต่เขาไม่สามารถหาเบาะแสอะไรได้

‘ขั้นวิญญาณดับสูญ ขั้นวิบากดับสูญ! หรือว่าสองขอบเขตนี้อยู่ในขั้นที่สาม? ตอนที่ข้าทำความเข้าใจคัมภีร์รบ ข้าเห็นชายชราคนนึง คัมภีร์รบถูกสร้างขึ้นจากคนผู้นั้น เขาบอกว่าระดับบ่มเพาะตนเองบรรลุมาจนถึงความว่างเปล่าและกำลังจะทะลวงระดับ หรือเป็นไปได้ว่า…หรือว่าเขาคือ ‘ผีเฒ่าจาง’ ที่ราชันย์กล่าวถึง…’

‘จากวิธีที่เขาพูด ราชันย์ดูเหมือนจะหวาดกลัวผีเฒ่าจาง เพื่อค้นหาตำแหน่งที่ผีเฒ่าจางซ่อนกระดูกตัวเองเอาไว้ ราชันย์ถึงกับยอมมอบคัมภีร์รบให้จางซิงเย่ เขาให้จางซิงเย่บ่มเพาะเขตแดนรบก่อนที่จะฆ่าเพื่อเอาวิญญาณ ทั้งหมดนี้เพื่อเป็นประโยชน์ต่อแผนแห่งสวรรค์ แผนแห่งสวรรค์นี่คืออะไรกันแน่?’ ความคิดหวงหลินยิ่งกระจ่างชัดขึ้น แม้จะมีบางสิ่งที่เขาไม่เข้าใจ ความคิดกลับชัดเจน

‘สี่แผ่นหินจารึกมีสองอันที่มีโครงกระดูกยึดติด โครงกระดูกแรกคือจางซิงเย่ หรือว่าโครงกระดูกที่สองจะเป็นบรรพชนเขา ผีเฒ่าจาง?’ หวังหลินสูดลมหายใจอันหนาวเหน็บเข้าปอด

‘คัมภีร์รบคือเต๋าที่ผีเฒ่าจางทิ้งไว้เบื้องหลัง!’ หวังหลินมองโครงกระดูกด้วยท่าทีซับซ้อน ตอนที่เขาเห็นแสงสีทองจึงเริ่มขบคิด เขามีคัมภีร์รบทั้งหมดสามเล่มอยู่ในมิติเก็บของ!

เขาเปิดสองเล่มแรกไปแล้วแต่ไม่ได้เปิดเล่มที่สามตั้งแต่ได้มาจากตระกูลจาง หลังจากขบคิดเล็กน้อยจึงมองโครงกระดูก ยื่นแขนขวาออกไป ก้อนแสงสามก้อนลอยออกมา

ข้างในก้อนแสงทั้งสามคือคัมภีร์รบสามเล่ม!

จังหวะที่คัมภีร์รบปรากฏ แสงสีทองที่ถูกแสงสีดำบังคับให้จนมุมพลันลอยออกมาจากโครงกระดูก มันพุ่งตรงเข้าหาคัมภีร์รบทั้งสามเล่ม แสงสีทองส่องประกายและคัมภีร์ก็รวมเข้าด้วยกัน

ฉากเหตุการณ์ประหลาดนี้ไม่เกินที่หวังหลินคาดคิด สายตาจ้องมองคัมภีร์ที่กำลังรวมกันอย่างเคร่งเครียด หลังจากนั้นการผสานก็สิ้นสุดลง ถ้ำปกคลุมอยู่ในแสงสีทอง คำว่า “ต่อสู้” ปรากฏเบื้องหน้าหวังหลินอย่างเจือจาง

คำว่า “ต่อสู้” ปลดปล่อยแสงสีทองและกลิ่นอายน่าหวาดกลัว มันมุ่งตรงมาหาหวังหลินและถูกเก็บไว้ในมิติเก็บของ

‘เจ้าได้รับคัมภีร์รบและกลายเป็นผู้สืบทอดข้ามรุ่นของผีเฒ่าจางโดยไม่ได้ตั้งใจ เป็นเพราะเจ้า ราชันย์ถึงพบตำแหน่งที่ผีเฒ่าจางฝังกระดูกตนเองเอาไว้…ต่อมาอีกนานหลายปี ข้าได้รับคัมภีร์รบจากลูกหลาน…วันนี้ข้าเห็นเจ้ามีที่เหลือ…’ หวังหลินเผยท่าทีซับซ้อนก่อนจะถอนหายใจหนัก ออกไปจากถ้ำและผนึกเอาไว้

หวังหลินไม่ได้เปิดถ้ำที่เก้าเนื่องจากไม่สามารถทำลายเขตอาคมลงได้ เขาเห็นว่ามันเต็มไปด้วยควันเจ็ดสีแต่ไม่สามารถมองสิ่งที่อยู่ข้างในได้

ข้างในหุบเขา หวังหลินมองดูเศษซากของซือหม่าโม่และขบคิดอยู่สักพัก จากนั้นก็จากไป ก่อนจะไปเขาได้ไปยังถ้ำแห่งแรกที่เจ้าอสูรยุงอยู่และทิ้งผลึกดั้งเดิมจำนวนมากเอาไว้

หวังหลินเดินออกมาจากหุบเขา ดวงตาส่องสว่าง เขาจำเป็นต้องเห็นแผ่นจารึกที่เขาเห็นในจิตใจก่อน เขาจำเป็นต้องหาซากศพที่เหลืออีกครึ่งของจางซิงเย่ด้วย

หลังจากค้นหาในความทรงจำของผางเต๋อข่ายและปรมาจารย์คังจงซื่อ หวังหลินก็ไม่มีทีท่าว่าจะไม่คุ้นเคยกับดินแดนเจ็ดสีอีก เส้นทางทั้งหมดถูกประทับในจิตใจ เคลื่อนร่างดุจลำแสงแต่ไม่ได้เหาะเหิน เขาเดินไปบนพื้นแทน

เขาผ่านหุบเขาหลายลูกก่อนจะมาถึงตำแหน่งที่วางเขตอาคมกักขังหญิงชราชุดเขียวเอาไว้ เขตอาคมถูกเปิดออกและนางก็หายไปแล้ว

หลังจากชำเลืองมองครั้งเดียว หวังหลินไม่หยุดชะงัก ผ่านภูเขาเข้าไปในสายหมอก หวังหลินคุ้นเคยกับพื้นที่แถบนี้มาก เสียงพึมพำของเหล่าผู้รู้แจ้งเข้ามาในหูและบางส่วนยังลอยมาด้วย

ยิ่งหวังหลินศึกษาก็ยิ่งเข้าใจเหล่าผู้รู้แจ้ง ทั้งหมดนั้นคืออดีตเซียนแต่ได้กลายเป็นสิ่งที่ช่วยคนหล่อเลี้ยงเต๋า

หวังหลินลองจินตนาการว่าครั้งนึงเหล่าผู้รู้แจ้งพวกนี้มีพรสวรรค์สูงส่งจนเข้าใจเต๋าในระดับสูง นั่นเป็นเหตุผลที่ถูกคัมภีร์เต๋ากักขังเอาไว้และกลายเป็นผู้รู้แจ้งเพื่อหล่อเลี้ยงเต๋า

เขาถอนหายใจอยู่ในใจแต่ไม่ได้หยุดชะงักและมุ่งหน้าต่อไป หวังหลินค่อยๆเห็นรูปปั้นยักษ์ในสายหมอก จึงหยุดลงตรงหน้ารูปปั้น

เขากระโจนขึ้นไปพร้อมกับดวงตาส่องประกาย มาถึงตรงศีรษะรูปปั้น

ในความทรงจำของปรมาจารย์คังจงซื่อ วิธีที่เขาบ่มเพาะเซียนถูกเรียกกันว่าร้อยต้นกำเนิดโลหิตสร้างวิญญาณ จิตวิญญาณที่เจ็ดของดินแดนปิดผนึกที่เขาอัญเชิญออกมาก็คือความเข้าใจจากรูปปั้นนี้

วิธีการบ่มเพาะนี้ทำให้เขาบ่มเพาะวิญญาณแรกกำเนิดได้ทั้งหมดเก้าดวงเหมือนเป็นสิ่งของ แต่พวกมันทรงพลังมากกว่าวิญญาณแรกกำเนิดตามปกติ สิ่งสำคัญไปกว่านั้นคือพวกมันทำให้ปรมาจารย์คังจงซื่อเพิ่มความเร็วการฝึกวิชาได้ถึงเก้าเท่า

เรื่องน่าตกตะลึงก็คือวิญญาณแรกกำเนิดแต่ละดวงสามารถร่ายวิชาได้หนึ่งอย่าง บ่อยครั้งที่มีวิชาที่ไม่สามารถบ่มเพาะร่วมกันได้ ไม่ว่าจะดีแค่ไหนก็ต้องเลือก วิชาบรรพชนหยินหยางของหญิงชราก็เป็นแบบนั้น

ทว่านี่ไม่เป็นปัญหาสำหรับปรมาจารย์คังจงซื่อ วิญญาณโลหิตแรกกำเนิดทั้งเก้าของเขาสามารถบ่มเพาะแยกกันได้

ทว่าก่อนที่จะได้สู้กับหวังหลิน วิญญาณแรกกำเนิดหนึ่งในนั้นถูกหญิงชราเอาไป และจากนั้นพอมาสู้กับหวังหลิน ทั้งคู่ต่างก็บาดเจ็บสาหัส ดังนั้นจึงไม่สามารถใช้วิชาข้างในได้

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!