121. ประมาท
สมาพันธ์เซียนเป็นองค์กรขนาดใหญ่มาก นอกจากคนเพียงไม่กี่คนไม่มีใครรู้ว่าความจริงแล้วมีแคว้นที่เป็นส่วนหนึ่งของสมาพันธ์อยู่กี่แคว้น
คุณสมบัติขั้นต่ำของแคว้นที่จะกลายเป็นสมาชิกที่แท้จริงของสมาพันธ์เซียนคือแคว้นอันดับหกและมีดาวเคราะห์เซียนเป็นของตนเอง
พูดกันโดยปกติ ตราบใดที่แคว้นนั้นเป็นแคว้นเซียนพวกเขาก็เป็นส่วนหนึ่งของสมาพันธ์ แต่มีแคว้นเซียนจำนวนนับไม่ถ้วนดังนั้นทางสมาพันธ์จึงไม่มีเวลาจัดการทั้งหมดเป็นการส่วนตัว
ดังนั้นแล้วแคว้นเซียนอันดับห้าทั้งหมดและต่ำกว่าจะถูกบริหารจัดการโดยแคว้นเซียนอันดับหกของดาวเคราะห์เซียนตัวเอง
แคว้นซูซาคุพุ่งอันดับขึ้นอย่างรวดเร็วมากมันเพิ่มจากแคว้นอันดับหนึ่งไปแคว้นอันดับหกเพียงแสนปีเท่านั้นหลังจากกลายเป็นแคว้นเซียนอันดับหกพวกเขาได้รับดาวเคราะห์เซียนเป็นของตนเอง ดาวเคราะห์นามว่าซูซาคุซึ่งสมาพันธ์เป็นคนตั้งให้
บนดาวเคราะห์ซูซาคุ คำสั่งของแคว้นซูซาคุถือได้ว่าเป็นคำสั่งเทพในดาวเคราะห์มีแคว้นอันดับห้าจำนวนสิบแปดแห่งคราใดที่แคว้นแห่งหนึ่งมีคุณสมบัติเป็นแคว้นเซียนอันดับห้าแคว้นซูซาคุจะให้รางวัลเป็นสนามรบต่างแดนสิบแห่ง
พูดให้ง่ายก็คือมีสนามรบต่างแดนทิ้งสิ้น 180 แห่งบนดาวเคราะห์ซูซาคุหากล่มสลายไปหนึ่งแห่ง เมื่อนั้นจะสนามรบต่างแดนนั้นจะถูกปิดอย่างถาวรเว้นแต่ว่าพวกเขาจะซื้อมาจากแคว้นเซียนอันดับหกในราคาที่สูงมากเพื่อทดแทน
ส่วนเรื่องที่สนามรบต่างแดนสร้างมาได้เช่นไรและรอยแยกอวกาศนำไปสู่ที่ไหน ไม่มีใครในแคว้นเซียนอันดับห้ารู้จัก
แคว้นอันดับห้าแต่ละแคว้นจะควบคุมแคว้นอันดับสี่ และแคว้นอันดับสี่จะควบคุมเหล่าแคว้นอันดับสาม
ส่วนอันดับหนึ่งและสอง ทางสมาพันธ์ได้ตั้งกฎให้ป้องกันทุกคนจากการแทรกแซงการเติบโต
แคว้นจ้าวเป็นแคว้นเซียนอันดับสามที่ถูกควบคุมโดยแคว้นเซียนอันดับสี่นามว่ามังกรเขียวพวกเขาถูกแคว้นเซียนอันดับห้านามว่าเผ่าพันธ์ปิศาจยักษ์ควบคุมต่ออีกทอดหนึ่ง
ทุกครั้งที่มีการรบขนาดใหญ่ในสนามรบต่างแดนเซียนขั้นผลิดอกทั้งหมดในแคว้นจ้าวจะถูกเรียกไปต่อสู้ไม่มีการผัดผ่อนหรือต่อต้านในตอนนั้นสำนักเหิงยั่วมีบรรพชนเซียนขั้นผลิดอกอยู่จำนวนห้าคนได้ถูกเรียกเข้าไปถ้าพวกเขาไป สำนักเหิงยั่วคงจะปลอดภัยแต่ไม่รู้ว่าพวกเขามีชีวิตอยู่หรือตายไปแล้ว หากปฏิเสธไม่เพียงแต่สำนักเหิงยั่วจะถูกทำลาย แต่พวกเขาคงถูกสังหารด้วยเช่นกัน
ความจริงข้อนี้ได้เกิดขึ้นแทบทุกแห่งในแคว้นอันดับสาม
มันเป็นการคัดเลือกโดยธรรมชาติ คล้ายกับห่วงโซ่อาหารเป็นคำสั่งของคนแข็งแกร่งให้คนอ่อนแอทำตามและไม่สามารถปฏิเสธได้การมีชีวิตอยู่ในโลกอันโหดร้ายเช่นนี้เหล่าเซียนต้องปรับตัวให้รวดเร็วกว่าคนธรรมดา
หรือในสายตาของเหล่าคนอันดับสูงของสมาพันธ์เซียน โลกนี้ จักรวาลนี้เป็นเพียงหม้อต้มน้ำขนาดยักษ์ ไม่ว่ามันจะเป็นคนธรรมดาหรือเหล่าเซียนทั้งสองกำลังถูกขัดเกลาอย่างไร้ความปราณีในยุคโบราณมุ่งเน้นการทำความเข้าใจสำนึกสวรรค์และใฝ่หาวิถีเต๋าของตนเองเหล่าเซียนทำให้ผู้คนรู้สึกงดงามและเป็นสรวงสรวรค์
แต่โลกแห่งเซียนโบราณนั้นได้ถูกทำลายไปในภัยพิบัติจากนั้นสมาพันธ์เซียนได้ถือกำเนิดขึ้นและเข้ามาแทนที่นั่นเป็ตอนที่โลกแห่งเต๋าแตกเป็นเสี่ยงๆ
มันพิสูจน์แล้วว่าการฝึกเซียนโดยไม่มีเป้าหมายจะเป็นเส้นทางสู่การทำลายล้างเพียงเดินตามกฎธรรมชาติจะทำให้เดินบนเส้นทางแห่งการฝึกเซียนที่แท้จริง
แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้ว่าผลลัพธ์สุดท้ายเป็นเช่นไร แต่อย่างน้อยตอนนี้ภายใต้คำสั่งของสมาพันธ์เซียนเหล่าเซียนในปัจจุบันได้แข็งแกร่งกว่าเซียนในยุคโบราณแล้ว นี่มันก็เกินพอ
ขณะนี้มีเหตุการณ์ประหลาดได้เกิดขึ้นในสนามรบต่างแดนแห่งหนึ่งที่อยู่ในการควบคุมของเผ่าพันธ์ปิศาจยักษ์เซียนทุกคนที่มีสัมผัสวิญญาณได้ตื่นตกใจขึ้น
ฝนดาวตกขนาดใหญ่ดูเหมือนปกคลุมทั่วทั้งสนามรบต่างแดนขณะที่เศษเสี้ยวสัมผัสวิญญาณทุกชิ้นมุ่งหน้าไปยังที่แห่งหนึ่ง
ไม่นานหลังจากนั้นสนามรบต่างแดนที่ยุบตัวลงอยู่แล้วไม่สามารถทนพลังของสัมผัสวิญญาณได้และเริ่มจะพังทลายลงจริงๆหลุมขนาดใหญ่หลุมหนึ่งปรากฎในสนามรบต่างแดนหลุมนั้นกลืนกินสนามรบต่างแดนในทันที
ในเวลาเดียวกัน สัมผัสวิญญาณขนาดใหญ่ดวงหนึ่งค่อยๆออกมาจากรอยแยกตามมาด้วยเหล่าสิ่งมีชีวิตลึกลับที่รวมตัวกันเป็นกระจุกชนิดเดียวกันกับที่หวังหลินกลืนกิน
ฉากเหตุการณ์เช่นเดียวกันนี้ปรากฎในบริเวณอื่นของสนามรบต่างแดนมีสัมผัสวิญญาณขนาดใหญ่สามดวงออกมาจากรอยแยกขนาดยักษ์เพราะการล่มสลายของสนามรบต่างแดน
สิ่งมีชีวิตลึกลับจำนวนนับไม่ถ้วนออกมาจากรอยแยกพวกนั้นและกระโดดออกมา ราวกับตั๊กแตนปาทังก้าที่บินในแอฟริกา
เซียนทุกคนได้ใช้ความแข็งแกร่งของตนเองทั้งหมดเพื่อหลบหนีอย่างสิ้นสติไปทางค่ายกลเคลื่อนย้ายพวกเขากลัวว่าหากก้าวช้าไปหนึ่งก้าวก็คงถูกกลืนกิน
บางคนกระทั่งเห็นกระบี่เหินพ่ายแพ้อย่างหมดท่า
ขณะที่วิญญาณยักษ์สามดวงปรากฎขึ้นนั้น หวังหลินจดจำพวกมันได้ทันที เขาคุ้นเคยกับสัมผัสวิญญาณสามตัวนี้ราวกับเป็นเพื่อนบ้านของตัวเอง
ขณะนั้นเอง สัมผัสวิญญาณที่เขาส่งออกมาสามปีนี้ได้กลับเข้ามาหาเขาทุกครั้งที่พวกมันกลับเข้ามาหาสัมผัสวิญญาณของเขาก็เติบใหญ่ขึ้นจนมันกลับมาเป็นขนาดเท่าเดิม
หวังหลินไม่รีบเร่ง เขานั่งลงขัดสมาธิและทำความเคยชินกับร่างกายนี้สิ่งมีชีวิตลึกลับหลายตัวออกมาและเห็นหวังหลิน พวกมันลังเลอยู่ชั่วขณะทันใดนั้นมันทนการยั่วยุไม่ได้และกระโดดเข้าหาหวังหลิน
เมื่อพวกมันเข้าใกล้หวังหลินในระยะสิบเมตร เขาลืมตาและตะโกนขึ้น “กลับไปซะ!”
ทันใดนั้นสัมผัสวิญญาณขนาดใหญ่ของเขากระจายออกมาเหล่าสิ่งมีชีวิตลึกลับพวกนั้นดูเหมือนจะเจอนักล่าตามธรรมชาติขณะที่พวกมันกรีดร้องและสลายตัวอย่างรวดเร็ว
แต่ก่อนที่พวกมันจะหนีไปได้ กลับถูกหวังหลินจับและกลืนกินลงไปทันทีขณะที่เขาต้องการจะกินมากขึ้น สัมผัสวิญญาณขนาดใหญ่ก็เข้ามาหาเพื่อหยุดเขา
หวังหลินไม่เพียงแต่ไม่ถอยหลังแต่เขากลืนสิ่งมีชีวิตประหลาดพวกนั้นที่ต้องการโจมตีเขาทั้งหมดสัมผัสวิญญาณขนาดใหญ่ตัวอื่นถอนหายใจและไม่ได้พูดอะไรอื่น
สัมผัสวิญญาณของหวังหลินส่วนใหญ่ได้กลับเข้ามาในร่างกายเขาทว่ายังมีบางชิ้นที่ไม่ได้อยู่ในสนามรบต่างแดนดังนั้นพวกมันจึงกลับมาหาเขาไม่ได้ทว่าในด้านความแข็งแกร่งของสัมผัสวิญญาณแล้ว มันเกือบจะไม่แตกต่างไปจากเดิม
“ทุกคน ข้าจะผ่านมันไปให้ได้!” เขากระจายสัมผัสวิญญาณออกมาและเคลื่อนไหว
สัมผัสวิญญาณนี้ปกคลุมทั้งสนามรบต่างแดนทันทีและสัมผัสวิญญาณทั้งสามที่กำลังมีความสุขกับการกินได้หยุดลงทันที
ไม่นานหลังจากนั้นแต่ละตัวได้ส่งข้อความมาให้หวังหลิน
“เจ้าแข็งแกร่งมาก ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าจากที่นั่นมาได้”
“ที่แห่งนี้กำลังล่มสลายหน้าที่ของวิญญาณกลืนกินคือการกลืนกินที่แห่งนี้เพื่อป้องกันมันไม่ให้ล่มสลายเจ้าก็เป็นวิญญาณกลืนกินเช่นกัน ทำไมถึงมาแทรกแซงเล่า?”
“วิญญาณกลืนกินเกิดใหม่ ดวงวิญญาณลาดตระเวณของข้าไปรุกรานเจ้าดังนั้นเจ้าจึงถือโอกาสลงโทษมันแต่การกลืนกินอวกาศที่กำลังล่มสลายเป็นสิ่งที่วิญญาณกลืนกินเช่นพวกเราเกิดมาเพื่อทำมันอยู่แล้วแม้เราจะไม่กินก็ยังมีวิญญาณกลืนกินตนอื่นที่มากินสถานที่แห่งนี้”
สัมผัสวิญญาณขนาดใหญ่ทั้งสามดวงนั้นได้ส่งข้อความหนึ่งออกมาพวกมันไม่กลืนกินอีกต่อไปและรอให้หวังหลินตอบกลับ ในสายตาของพวกมันหวังหลินอยู่ระดับเดียวกัน
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินเรื่องวิญญาณกลืนกินเขาครุ่นคิดเล็กน้อยขณะที่เรียบเรียงความทรงจำของหม่าเหลียงและรู้ว่าค่ายกลเคลื่อนย้ายกำลังจะเปิดหากทั้งสนามรบต่างแดนกำลังล่มสลายเขาไม่แน่ใจว่าค่ายกลเคลื่อนย้ายจะเปิดได้อยู่หรือไม่
“ข้าไม่ต้องการหยุดพวกเจ้า แต่หวังว่าพวกเจ้าจะกลืนกินให้ช้าลงให้นานเท่าที่ทำได้ก่อนที่จะสนามรบต่างแดนนี้จะล่มสลาย”
“ตกลง”
“ตามที่ขอ”
“ข้าตกลงด้วย แต่เจ้าไม่ควรหยุดวิญญาณลาดตระเวณที่กำลังล่าอยู่”
หลังจากทำการตกลงกันเรียบร้อยหวังหลินเคลื่อนร่างไปทางตำแหน่งของค่ายกลเคลื่อนย้ายด้วยความทรงจำของหม่าเหลียงระหว่างทางทุกครั้งที่วิญญาณลาดตระเวณสังเกตเห็นเขาพวกมันจะขวัญหนีดีฝ่อกันทั้งหมดพร้อมกับรีบถอยไปให้ห่างไกลและไม่กล้าขวางทางเขา
ระหว่างทาง หวังหลินรู้สึกร่างใหม่นี้แปลกประหลาดแม้ว่าพรสวรรค์ของหม่าเหลียงและร่างวิญญาณจะดีมากหลายเท่ากว่าร่างเดิมนอกจากนี้หลังจากที่ครอบครองร่างกายมันจำเป็นต้องใช้เวลาเพื่อชำระร่างนี้ก่อนที่เขาจะนำมาเป็นของตัวเองอย่างสมบูรณณ์
ตอนนี้เขาไม่มีพลังปราณในร่างกายนี้เลยและอาศัยสัมผัสวิญญาณของเขาเพื่อเคลื่อนไหวสิ่งที่เขาต้องการทำคือหาสถานที่เพื่อปิดประตูฝึกฝนเพิ่มพูนความแข็งแกร่งและรวมสัมผัสวิญญาณของเขาเพื่อหาเส้นทางกลับไปแคว้นจ้าว
ขณะที่กำลังเหาะเหินอยู่นั้นทันใดนั้นเขาก็หยุดลงและมองไปที่ทิศพายัพ(ตะวันตกเฉียงเหนือ)เขาครุ่นคิดเล็กน้อยและเหาะไปตรงนั้นไม่นานหลังจากนั้นเขาได้เห็นแสงสามเส้นมุ่งหน้ามาหาเขาวิญญาณลาดตระเวณนับสิบดวงไล่ล่าตามหลังพวกเขาอยู่
โจวซื่อจงเป็นศิษย์ของเจดีย์เทพสงครามในแคว้นฮัวเฝินปกติเธอเป็นคนน่ารักแต่ตอนนี้เธอเม้มริมฝีปาก เส้นผมเป็นระเบียบเรียบร้อยร่างกายเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อและพลังวิญญาณในร่างถูกใช้จนหมดใบหน้าเต็มไปด้วยความทุกข์ร้อนใจขณะที่เธอมองไปยังศิษย์พี่ทั้งสองแต่ละคนเต็มไปด้วยความร้อนใจขณะที่วิ่งอย่างหมดหวัง
“ข้ากลัวว่าพวกเราเป็นเพียงสามคนจากเจดีย์เทพสงครามที่ยังรอดชีวิตอยู่…” โจวซื่อจงหัวเราะอย่างอนาถใจ สามวันก่อนยังเหลือคนจากเจดีย์เทพสงครามสิบคนแต่ใครจะคิดว่าสนามรบต่างแดนจู่ๆก็ล่มสลายขึ้นมาและสิ่งมีชีวิตประหลาดพวกนั้นก็ปรากฎขึ้นเซียนคนใดที่ถูกวิญญาณลาดตระเวณพวกนั้นจับตัวจะตายไปและพลังชีวิตในร่างกายจะถูกกลืนกินจนร่างกายกลายเป็นมัมมี่
และดูเหมือนสิ่งมีชีวิตประหลาดพวกนี้ชื่นชอบการซ่อนตัวเองไว้ข้างในมัมมี่พวกนี้ ทุกครั้งที่เหล่าเซียนเห็นศพคนหนึ่ง พวกเขาจะหวาดกลัว