Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1214

Cover Renegade Immortal 1

1214. ไท้จู

แสงสีเหลืองดูเหมือนจะเป็นการเรียกกลับไปยังต้นกำเนิด ทุกคนที่ถูกมันห่อหุ้มเอาไว้จะรู้สึกถึงวัฏจักรแห่งการเกิดใหม่พร้อมกับมีอดีตแล่นผ่านสายตา จนทำให้แยกแยะปัจจุบันไม่ออก

วิชาที่ควบคุมพลังแห่งโลกและปรากฏขึ้นด้วยวิธีอันพิเศษ นี่คือวิชาแห่งเต๋า พลังของมันใกล้เคียงกับระดับของผู้ใช้ ความสามารถของเหล่าวิชาเซียนคือการเพิ่มพลังอำนาจของวิชา ไม่ว่าจะรวบรวมพลังหรือจัดการพลังดั้งเดิมก็ตาม

ทว่าวิชาเต๋านั้นแตกต่างกัน มีน้อยคนและหายากยิ่งที่จะรู้วิชาเต๋า ลือกันว่ามีเพียงคนที่เข้าสู่ขอบเขตเต๋าเท่านั้นจึงจะได้มาสักวิชา วิชาเต๋านั้นคล้ายกับการต่อสู้ระหว่างเขตแดน แต่ว่ารากนั้นต่างกันยิ่ง

การต่อสู้ของเขตแดนคือการแข่งขันของเขตแดนและเป็นการต่อสู้ทางความคิด ทว่าวิชาเต๋ามีพลังอำนาจสูงสุดโดยเฉพาะการสังหารวิญญาณ!

ทุกคนในขอบเขตเต๋าจะได้รับความเข้าใจที่ต่างกัน ตอนที่ชายชราผมขาวกลายเป็นสมาชิกเผ่าทำลายผนึก เขาได้รับสิทธิ์ในการเข้าขอบเขตเต๋าในชั่วระยะเวลาสั้นๆ ซึ่งทำให้เขาเข้าใจเกี่ยวกับต้นกำเนิดของผู้คน

ต้นกำเนิดของผู้คนคืออะไร? ในสายตาเขามันคือความทรงจำอันหลากหลายของวิญญาณดวงนั้น เขาเชื่อว่าตลอดชีวิตของคนผู้หนึ่งเป็นแค่ความทรงจำ หากภาพจำไม่สูญหายไป แม้คนผู้นั้นจะตาย เขาก็มีชีวิตคงอยู่ได้ตลอดกาล…

เช่นเดียวกัน หากความทรงจำเกี่ยวกับการรู้แจ้งทั้งหมดที่คนผู้นั้นมีได้ถูกลบล้างออกไปราวกับไม่เคยมีอยู่มาก่อน ความทรงจำของเขาก็จะไม่สมบูรณ์ พอไม่สมบูรณ์แล้วอีกฝ่ายก็จะร่วงหล่นและกลายเป็นคนธรรมดา!

ณ ตอนนี้ชายชราผมขาวได้ใช้วิชาเต๋าอันหายากซึ่งเขาได้เข้าใจมาจากขอบเขตเต๋า! ขอบเขตจวี่เป็นตัวแทนของพลังสุดขั้ว ขอบเขตฉีเป็นตัวแทนของการสร้างสรรค์ ส่วนขอบเขตเต๋าเป็นตัวแทนของอำนาจที่ไม่อาจหยุดยั้งได้!

โลกเต็มไปด้วยแสงสีเหลือง มันอ่อนนุ่มแต่สามารถเจาะทะลุทุกอย่างในโลกได้ ยามที่มันตกลงใส่หวังหลิน มันแทงทะลุผ่านเขตแดนต่อสู้และตรงลงไปในความทรงจำของวิญญาณเขา

‘สามลมหายใจก็เพียงพอแล้ว!’ ชายชราผมขาวหลับตา พลังชีวิตทั้งหมดของเขาหายไปราวกับกำลังจะตาย

หวังหลินรู้สึกว่าโลกเปลี่ยนไป ในสายตาเขา ท้องฟ้าเจ็ดสีไม่อยู่ตรงนั้นแล้วแต่กลับปั่นป่วนจนกลายเป็นท้องฟ้าสีครามเต็มไปด้วยเมฆสีขาว

ท้องฟ้าแห่งนี้ดูกระจ่างใสยิ่ง

พื้นดินสั่นสะเทือนไปด้วย เขาเห็นภาพมายาหนึ่งว่าพื้นดินเบื้องล่างพลันหายไปทีละชิ้น ภูเขาไกลๆหดตัวลงจนหายไปและเปลี่ยนกลายเป็นป่าสีเขียวชอุ่ม

ด้านข้างเขาปรากฏเส้นทางเล็กๆ…เส้นทางนี้คือถนนเปรอะเปื้อนนำทางไปสู่ป่าเขียวชอุ่ม สายลมพัดปลิว ใบไม้สั่นไหว นำพากลิ่นพื้นดินทำให้เบิกบานใจ

‘ดูเหมือน…ข้าหลับไป…’ หวังหลินลืมตาง่วงๆขึ้นมาและมองไปข้างหน้า ผ่านไปสักพักเขาก็หันกลับมาเป็นสุดสายทางเดินเป็นหมู่บ้านข้างภูเขาที่สงบนิ่ง มีควันผุดออกมาจากบ้านเหล่านั้นพร้อมกับเสียงเด็กวิ่งเล่นผสมกับสุนัขเห่า

‘ดูเหมือนข้าจะฝันไป…’ หวังหลินเกาใบหน้า ใบหน้าซื่อตรงของเขาเผยท่าทีงุนงงสับสน เขาหยิบหนังสือขึ้นมาและยืนขึ้น มองไปยังป่าไกลๆและเห็นภูเขาหมอกอันเลือนลาง มีอารามที่เป็นของสำนักเซียนอยู่บนภูเขา

“ในความฝัน ข้ากลายเป็นเซียน…และบ่มเพาะไปมากกว่าพันปี ข้าศึกษาจนเหน็ดเหนื่อยไปแน่ๆถึงได้ฝันประหลาดแบบนั้น” หวังหลินสับสน

ขณะนั้นเสียงหนึ่งดังเข้าหูหวังหลิน “ไท้จู พ่อเจ้ากำลังหาตัวแน่ะ ทำไมเจ้าไม่กลับบ้าน?” ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งถือง่ามล่าสัตว์ เขากำลังจะออกไปหมู่บ้านเพื่อล่าสัตว์

ด้านข้างชายชรายังมีชายหนุ่มอ้วนท้วนหลายคน หนึ่งในนั้นมองหวังหลินและร้องหัวเราะ “ไท้จู เรียนให้ดีและไปทดสอบเข้าราชสำนัก หมู่บ้านเล็กๆของเราจะได้มีชื่อเสียง!”

หวังหลินเกาศีรษะและกล่าวสวัสดีต่อทุกคนก่อนจะมุ่งหน้าไปหาหมู่บ้าน เสียงผู้คนหัวเราะอย่างเป็นธรรมชาติพร้อมกับเขาออกไปได้ไกลขึ้น

‘นี่มันประหลาดจริงๆ ความฝันนั้นค่อนข้างสมจริงเกินไป ผีเสื้อสีแดง ลี่มู่หวาน หลิวเหมย มู่ปิงเหมย หลิวหยานเฟย หลี่เฉียนเหมย…ยังมีหยุนเซว่จื่อ จูเซว่จื่อ ซือถูหนาน เทียนหยุนและคนอื่นๆ จักรพรรดิวิหคเพลิง จักรพรรดิมังกรฟ้า ต้าเสิน ตู่ซือ…ข้ายังจำศิษย์สองคนที่รับมาได้ หนึ่งในนั้นคือฉือซานและอีกคนคือเซี่ยฉิง…’ หวังหลินก้าวเดินไป ความคิดยังพร่ามัว

‘มีเทพโบราณอยู่บนดาวซูซาคุด้วย? นอกดาวซูซาคุยังมีสำนักซากศพ? และพันธมิตรเซียน? สำนักจตุรศักดิ์สิทธิ์? ที่ที่ข้าอยู่เรียกกันว่าดาราจักรพันธมิตรเซียน ในความฝันข้า ข้าได้ไปทั้งดาราจักรทุกชั้นฟ้าและดาราจักรทะเลเมฆา…’

‘ข้าได้เข้าไปในแดนสวรรค์ด้วย…’ หวังหลินงุนงงอยู่นาน ตอนที่เขาเงยศีรษะขึ้นมาก็ถึงนอกบ้านแล้ว หวังหลินส่ายศีรษะและถอนหายใจ พลางพึมพำ “ความฝันนั้นประหลาดมาก ดูเหมือนในความฝัน พ่อและแม่ข้าตายไปแล้ว…”

เขาไม่คิดเรื่องฝันประหลาดอีกและผลักประตูเปิดเข้าไปในลานของบ้าน วินาทีที่เขาเข้ามา หวังหลินได้เห็นพ่อกำลังถือกล้องสูบยา เขาเขย่ามันบนพื้นก่อนจะหันมาจ้องหวังหลิน

พอเห็นสายตาที่เข้มงวดของพ่อ หวังหลินเกิดหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ

“ไท้จู เรียนเป็นอย่างไรบ้าง?”

หวังหลินเอ่ยเบาๆ “เอ่อ…เป็นไปด้วยดี…”

“ฮึ่ม ไท้จู เจ้าต้องร่ำเรียนให้ดี ปีต่อไปจะเป็นการสอบครั้งใหญ่ของแคว้น เจ้าจะทำได้ดีหรือไม่นั้นอนาคตจะขึ้นอยู่กับเจ้า อย่าติดอยู่ในหมู่บ้านนี้ตลอดไปเหมือนพ่อ” พ่อของหวังหลินส่ายศีรษะและยืนขึ้น

นาทีนั้นแม่เขาก็โผล่ออกมาดุด่าพ่อเล็กน้อยก่อนที่จะนำอาหารออกมาด้วย ทั้งครอบครัวนั่งลงตรงลานในสวนและเริ่มกินอาหาร หวังหลินลังเลเล็กน้อยก่อนจะมองพ่อตัวเองและเอ่ยเสียงเบา “ท่านพ่อ ข้าฝันว่า…”

ก่อนที่จะทันได้พูดจบ เสียงรถม้าและเสียงเคาะดังออกมาจากประตู หวังหลินตกตะลึง จำได้จากความฝันว่าคนที่มาถึงคืออาสี่…

“พี่สอง เปิดประตูหน่อย!”

หวังหลินยืนขึ้นอย่างไม่รู้ตัว วิ่งไปที่ประตูและเปิดออกมา เขาเห็นชายร่างกำยำยืนอยู่ด้านนอกด้วยดวงตาคมคาย เขาลูบศีรษะหวังหลินและหัวเราะ “ไท้จู ข้าไม่เจอเจ้ามาครึ่งปี โตขึ้นอีกซะแล้วสิ”

หวังหลินเผยดวงตางุนงง เขาไม่รู้ว่าจะทำยังไงและกลับมานั่ง ตกอยู่ในสภาวะงุนงงอยู่นาน ขณะนั้นเขาก็ได้ยินเสียงของอาสี่

“พี่สอง พี่สะใภ้ ข้ามีเรื่องนึงอยากจะเล่าให้ฟัง สำนักเหิงยั่วกำลังเปิดรับศิษย์ ข้าอยากให้ไท้จูลองดู เมื่อเขาเข้าสำนักได้แล้ว เขาจะกลายเป็นเซียน เป็นโอกาสที่หาได้ยากมาก”

“ซะ…เซียน? นี่…ลูกข้าเป็นได้ด้วยหรือ?” พ่อหวังหลินตื่นเต้นแต่ก็ไม่มั่นใจ

“เหล่าเซียนกำลังเปิดรับศิษย์และต้องมีการทดสอบบางอย่าง ให้ไท้จูไปลองดู”

หลังจากได้ยินเช่นนั้น ร่างหวังหลินตกตะลึงและมองไปยังอาสี่และพ่อเขา ภาพทัศนวิสัยพร่ามัวอีกครั้ง ฉากความฝันของเขาดูเหมือนจะเคลื่อนที่ด้วยพลังประหลาด มันปรากฏขึ้นอีกครั้งในความคิด

เขาเห็นตัวเองเดินออกมาจากหมู่บ้านและล้มเหลวในการทดสอบ ภายใต้การสบประมาทของตระกูล เขาออกมาจากหมู่บ้านของตัวเองและพักผ่อนบนหน้าผา มีเสือตัวหนึ่งโผล่เข้ามาโจมตีจากด้านหลังและเขาก็ตกหน้าผาไป แต่ถูกดูดเข้าไปในถ้ำประหลาดแห่งหนึ่ง

ข้างในถ้ำเขาได้หยิบลูกปัดขึ้นมา

วินาทีที่แขนสัมผัสกับลูกปัด ทันใดนั้นเขาได้ยินเสียงหนึ่งโพล่งออกมาใกล้ๆหู

“สวรรค์…ฝืนลิขิตสวรรค์…”

น้ำเสียงค่อนข้างคุ้นเคยราวกับเขาเคยได้ยินมันมาก่อน แต่ไม่ว่าจะคิดอย่างไรก็จำไม่ได้ว่าได้ยินมาจากไหน

แต่เสียงนี้ถูกแทนที่ด้วยเสียงร้องโหยหวน มันเป็นเสียงอันคุ้นเคยอีกครั้งและดูเหมือนจะทุกข์ทรมานกับความเจ็บปวด โลกของหวังหลินดูเหมือนจะเริ่มพังทลาย แสงเจ็ดสีเริ่มปรากฏขึ้นมาอย่างไม่คาดคิด

เสี้ยววินาทีนั้นภาพทัศนวิสัยของเขาก็พร่ามัวราวกับกำลังอำนาจที่กำลังควบคุมความทรงจำของเขาได้หลุดจากการควบคุมและเขากระโจนผ่านมาอีกหลายปี รอบด้านเปลี่ยนไปมหาศาลและเขาก็กำลังวิ่งหนี ในมุมสายตามีป่าปรากฏอยู่ เขาวิ่งอย่างรวดเร็วและสัมผัสถึงวิกฤตแห่งความเป็นความตายอยู่ในใจ

“เจ้าหนีไปจากข้าไม่ได้ เถิงลี่!” น้ำเสียงมืดมนดังออกมาพร้อมกับมีชายหนุ่มสายตาเยือกเย็นไล่ตามเขา

ในช่วงวิกฤตความเป็นความตายนี้ ภาพทัศนวิสัยหวังหลินพลันพร่ามัวพร้อมกับมีเสียงกรีดร้องโหยหวนดังสะท้อนอยู่ในหู เสียงนี้ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ เขารู้สึกเหมือนกำลังจะจำได้ว่าเสียงนี้เป็นของใคร!

ทว่าขณะนั้นเองรอบด้านก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง คราวนี้เขาอยู่ในหุบเขาใหญ่แห่งหนึ่ง สัมผัสแห่งความเศร้าและทุกข์ใจอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนกำลังท่วมท้นเขา ไมว่าเสียงร้องคำรามจะดังแค่ไหน เขาก็ไม่สามารถระบายความเศร้าในใจไปได้!

“ตระกูลเถิง! ตราบใดที่ข้าหวังหลินมีชีวิต สักวันข้าจะเปลี่ยนตระกูลเถิงให้กลายเป็นสายธารโลหิต ย้อมแคว้นจ้าวให้แดงฉาน! ข้าจะกวาดล้างทั้งตระกูลเจ้าและจะไม่เหลือใครให้มีชีวิตรอด! หากข้าไม่ทำตามคำสาบาน ขอให้ข้าถูกสับเป็นพันชิ้น ตายอย่างเวทนาและจมอยู่ในนรกตลอดกาล!” หวังหลินดูบ้าคลั่ง ความเศร้าไร้ที่สิ้นสุดถาโถมใส่เขา ความเจ็บปวดแทงลึกถึงหัวใจ! เขาคุกเข่าลงบนพื้น น้ำตาหลั่งริน ดวงตาแดงฉานเผยความบ้าคลั่งที่ดูไม่เหมือนของมนุษย์!

เส้นผมเปลี่ยนเป็นสีขาว รอบด้านหนาวเหน็บดุจฤดูหนาว พลังที่ไม่อาจอธิบายได้จึงถือกำเนิดในร่างเขา!

พลังอำนาจนี้ไม่ได้เป็นของทั่วไป แต่นาทีนี้หวังหลินได้รับมันเข้ามา มันมีพลังการเข่นฆ่าอันสูงสุด ถูกเรียกกันว่าขอบเขตจวี่!

วินาทีที่ขอบเขตจวี่ถือกำเนิด เสียงกรีดร้องโหยหวนดังสะท้อนและเต็มไปด้วยความตกตะลึงเกินจินตนาการ!

“จวี่…ไม่คาดคิดว่าจะเป็นขอบเขตจวี่!! เพื่อให้เกิดขอบเขตจวี่ขึ้นมา เขาต้องผ่านอะไรในชีวิต!? ลูกปัดฝืนลิขิตสวรรค์อยู่ในมือเขาและขอบเขตจวี่ด้วย เขา…เขาผู้นี้…” น้ำเสียงเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกและดังก้องอย่างชัดเจน ท้องฟ้าพังทลาย พื้นดินล่มสลาย แสงเจ็ดสีเต็มไปทั่วโลก

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version