Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1218

Cover Renegade Immortal 1

1218. ค่ายกลผนึกดินแดน

แค่ชำเลืองมองก็ได้เห็นดาราจักรดวงดาวไร้ขอบเขตที่เต็มไปด้วยกลุ่มก๊าซส่องสว่าง ขณะที่พวกมันเปล่งประกายก็พลันเรืองอำนาจสูงศักดิ์ออกมาด้วย พวกมันดูเหมือนจะอยู่มาชั่วนิรันดร์และบอกไม่ได้ว่ามีอายุเท่าไหร่

ดวงดาวเงียบสงัด ราวกับเสียงทั้งหมดถูกจมเข้าไปในความมืดมิด

ห่างออกไปไกลมีดาวเคราะห์ร้างอยู่ดวงหนึ่ง ไม่มีแสงส่องมาถึงดาวดวงนี้และมันก็ก็ห่อหุ้มด้วยกลิ่นอายแห่งความตาย มันเหมือนผู้อาวุโสที่กำลังหายใจอย่างดิ้นรน ลมหายใจที่ปล่อยออกมาเต็มไปด้วยความตาย

บนดาวเคราะห์แห่งนี้มีคนนั่งอยู่ผู้หนึ่ง

หากใครก็ตามมาเห็นแบบนี้คงตกตะลึงและความคิดว่างเปล่า คงคิดว่าภาพทัศนวิสัยตัวเองพร่ามัวและเห็นภาพลวงตาที่ไม่เคยฝันถึง

ร่างกายเขามีขนาดเท่าดาวเคราะห์หลายดวง ขณะที่นั่งอยู่นั้นเขาจ้องมองออกไปไกลอย่างมืดหม่น ผิวกายหยาบกร้าน มีรอยแตกร้าวมากมายคล้ายจะก่อตัวเป็นอักขระประหลาดเรืองแสง

เห็นได้ชัดว่าเขาผ่านกาลเวลามาอย่างยาวนาน ราวกับคนที่คงอยู่มานานเท่าฟ้าดิน ใช้ชีวิตมานานจนจำไม่ได้แล้วว่ายาวนานแค่ไหน

ร่างกายอันสูงศักดิ์ของเขาปลดปล่อยกลิ่นอายที่ไม่อาจอธิบายออกมาได้ มันห่อหุ้มไปทั่วทั้งพื้นที่ดวงดาว สิ่งมีชีวิตทั้งหมดในพื้นที่แห่งนี้ต่างก็ตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว!

ที่นี่คือดาราจักรทุกชั้นฟ้า…

เซียนทุกคนในดาราจักรทุกชั้นฟ้าหวาดกลัวจับใจ ความรู้สึกตึงเครียดและหวาดกลัวคือสิ่งที่พวกเขาไม่อาจหยุดยั้งได้

ยังมีอสูรบางตัวที่ไม่กล้าเคลื่อนไหวเบื้องหน้ากลิ่นอายนี้ ราวกับตราบใดที่มันขยับเขยื้อน ร่างกายจะแตกสลายกลายเป็นกองเลือดในทันที

เขาคนนี้เป็นเหมือนเทพเจ้า! มีดวงดาวแปดดวงอยู่ตรงกลางหน้าผาก แต่มีเพียงสี่ดวงเท่านั้นที่ส่องสว่าง ส่วนที่เหลือทั้งสี่ต่างก็เป็นสีดำราวกับแห้งเหี่ยวไปหมด…ทว่ามันก็ไม่ได้หายไป

เขาเป็นเสมือนตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดและเป็นผู้คุมกฎของพื้นที่ดวงดาวแห่งนี้ หลังจากผ่านไปสักพักความมืดมนก็ถูกแทนที่ด้วยความสับสน

‘แดนสวรรค์พิรุณก็ไม่มีกลิ่นอายเขา…แดนสวรรค์อัสนีก็ไม่มี…แดนสวรรค์แสงก็ไม่มี แล้วมันไปอยู่ไหนกัน?!’ ยักษ์ตนนี้เงยศีรษะขึ้นเผยท่าทางสยดสยองและส่งเสียงคำรามคับฟ้า!

เสียงคำรามสั่นสะเทือนรุนแรงแพร่กระจายข้ามผ่านดวงดาว ดาวเคราะห์ร้างข้างใต้เขาเริ่มแตกสลายและก่อตัวเป็นคลื่นกระแทกแพร่ออกไปอย่างรวดเร็ว การเปลี่ยนแปลงนี้กระทบต่อพลังดั้งเดิมรอบตัวเขาด้วย

การแตกสลายของดาวเคราะห์ร้างได้เปิดรอยแยกอวกาศออกมานับไม่ถ้วน สายลมหวีดหวิวพัดออกมาแต่มันไม่ส่งผลกระทบต่อยักษ์คนนี้เลย เขาร้องคำรามต่อไป

ขณะที่เสียงคำรามแพร่กระจายข้ามผ่านทุกชั้นฟ้า เหล่าอสูรดุร้ายมากมายระเบิดกลายเป็นหมอกโลหิต เซียนหลายคนกระอักเลือด ไม่บาดเจ็บสาหัสก็ล้มตาย!

คลื่นเสียงที่มองไม่เห็นแพร่กระจายไปทั่วดาราจักรดวงดาว เมื่อไหร่ก็ตามที่ปะทะกับดาวเคราะห์ มันจะทำให้ดาวเคราะห์นั้นสั่นสะเทือน

ครู่ต่อมาหลังจากเสียงคำรามจบลง ดาวเคราะห์ร้างพลันระเบิดทันที…

ต้าเสินยืนขึ้นและก้าวเดินออกไปไกล…

ม่านพลังของสี่แดนสวรรค์นั้นไร้ค่าสำหรับเขา ไม่มีสิ่งใดในโลกที่สามารถหยุดเขาได้

เขาไม่ได้ก้าวเดินเร็วแต่ว่ามันใหญ่เกินไป เพียงก้าวเดียวก็ข้ามผ่านระยะที่ไม่อาจวัดได้แล้ว วังวนยักษ์แห่งหนึ่งเต็มไปด้วยสายหมอกพลันปรากฏขึ้นเบื้องหน้า มันคือทะเลเมฆา!

พอก้าวเข้าหาวังวน ต้าเสินหายตัวไปจากทุกชั้นฟ้าและก้าว…เข้าสู่ทะเลเมฆา!

วินาทีที่เขาเข้ามาในทะเลเมฆา เซียนทุกคนของสำนักระดับเก้าต่างก็รู้สึกถึงกลิ่นอายที่สั่นสะเทือนไปถึงแกนกลาง

แม้กระทั่งอสูรร้ายในสายหมอกก็เริ่มสั่นเทาและล่าถอยทั้งหมด ไม่กล้าเข้ามาใกล้ แม้แต่คลื่นอสูรจากรอยร้าวยังสั่นเทาด้วยความหวาดกลัวและล่าถอยอย่างบ้าคลั่ง ซึ่งทำให้การเข่นฆ่าที่คงอยู่มาเกือบร้อยปีถึงกับแตกกระจายอย่างไม่คาดคิด

สัมผัสวิญญาณเหนือจินตนาการกวาดผ่านทะเลเมฆาดุจพายุ สายหมอกทั้งหมดถูกผลักกลับไปราวกับสั่นเทาต่อหน้าสัมผัสวิญญาณนี้

ขณะเดียวกันสัมผัสวิญญาณอีกหลายจุดพุ่งออกมาจากทะเลเมฆาและปะทะเข้ากับสัมผัสวิญญาณของต้าเสินอย่างรุนแรง

เสียงคำรามไม่ออกเสียงแต่เจาะความคิดดุจสายฟ้าระเบิดนับไม่ถ้วนได้แพร่กระจายใส่ทะเลเมฆาอย่างบ้าคลั่ง

หากเป็นวันปกติ ต้าเสินคงฆ่าทุกคนไปแล้ว แต่ตอนนี้ดวงตาเขาขมวดเข้าด้วยกัน ค้นหาไปสี่ดินแดนแต่ไม่พบร่องรอยของหวังหลิน ทว่าเขารู้ว่าหวังหลินไม่ได้ตาย ไม่เช่นนั้นเขาคงสัมผัสถึงการหายไปของการสืบทอดได้แล้ว

‘หากสี่ดาราจักรไม่มีกลิ่นอายเขา…นั่นมีความเป็นไปได้เดียวเท่านั้น!’ เพียงแค่เขากระทืบเท้า ทะเลเมฆาสั่นเทาทันที ระลอกคลื่นกึกก้องแพร่กระจายทำให้เกิดรอยแยกขนาดใหญ่ขึ้นมา ร่างกายเขาจมเข้าไปในรอยแยกและหายวับไป

หลังจากเขาหายตัวไป เหล่าสัมผัสวิญญาณมาถึงด้วยความตกตะลึงและค้นหาไปทั่วก่อนจะจากไป นอกจากเซียนเฒ่าไม่กี่คนแล้ว ไม่มีใครรู้เหตุผลที่แท้จริงเบื้องหลังการเปลี่ยนแปลงที่น่าตกตะลึงในทะเลเมฆา

ข้างใต้สี่ดาราจักรมีมิติว่างอยู่แห่งหนึ่ง มันคือตำแหน่งที่มีค่ายกลผนึกดินแดนอยู่ หากทะลวงผ่านที่นี่ได้ก็จะสามารถเข้าไปในดาราจักรโบราณได้

ต้าเสินปรากฏตัวในมิติว่างและมองออกไปไกล สีหน้าท่าทางมืดมนยิ่งขึ้น ช่วงระยะเวลานี้สัมผัสวิญญาณเขาแพร่กระจายออกไปทุกที่และไม่สามารถหากลิ่นอายของหวังหลินได้

‘ดาราจักรโบราณ…’ ต้าเสินเงียบขรึม ความทรงจำของเขาไม่สมบูรณ์แต่ที่มีอยู่ก็พอจะมีข้อมูลเรื่องดาราจักรโบราณอยู่บ้าง เขาจำได้เลือนลางว่าตู่ซือมาจากที่นี่…ในตอนนั้นยังไม่มีค่ายกลผนึกดินแดนเลย

สายตาคล้ายจะมองทะลุค่ายกลผนึกดินแดนและดินแดนชั้นนอก เขาเห็นบ้านที่เขาคุ้นเคยในความทรงจำ…

เขาค้นทุกที่แต่ไม่เจอกลิ่นอายของหวังหลินเลย มีข้อสรุปเดียวคือหวังหลินอยู่ในดาราจักรโบราณ! ดวงตาต้าเสินเย็นเยียบ หวังหลินเป็นสิ่งที่เขาต้องกลืนกินเพื่อให้เขาสมบูรณ์แบบ!

‘แม้เจ้าจะซ่อนตัวอยู่ในดาราจักรโบราณ ข้าก็จะกลืนกินเจ้า! ไม่มีที่ไหนในโลกนี้ที่เจ้าจะหนีไปได้!’ แขนขวากำหมัด ร่างกายยักษ์พุ่งไปข้างหน้า ปรากฏระลอกคลื่นนับไม่ถ้วนขึ้นในมิติว่างราวกับกำลังถูกลอกออกไปทีละชั้น ไม่นานนักค่ายกลคล้ายใยแมงมุมปรากฏขึ้นข้างใต้!

นาทีที่ค่ายกลคล้ายใยแมงมุมปรากฏขึ้น ต้าเสินชกออกไปด้วยหมัดขวา มันคือกำปั้นของเทพโบราณตัวจริง เป็นกำปั้นของเทพโบราณสายเลือดราชวงศ์!

เมื่อกำปั้นยักษ์เข้าใกล้และปะทะกับค่ายกล ต้าเสินพยายามทำลายค่ายกลด้วยตัวเอง!

นาทีนั้นมิติว่างสั่นเทา เสียงดังกึกก้องสนั่นหวั่นไหว ระลอกคลื่นมากมายแพร่กระจายออกไปโดยมีร่างเขาเป็นจุดศูนย์กลาง หลังจากระลอกคลื่นหายไป ทั่วทั้งมิติว่างจึงเปลี่ยนไปมหาศาล!

มันไม่เป็นมิติว่างมืดมิดอีกแล้วแต่เป็นค่ายกลยักษ์ที่ปกคลุมทั้งดินแดนปิดผนึก กระทั่งต้าเสินเองยังดูเล็กลงไปเมื่อเทียบกับมัน!

ค่ายกลนี้ไม่อาจอธิบายออกมาได้ว่ามันกว้างใหญ่แค่ไหน เห็นแต่เพียงแสงเจ็ดสีที่ปลดปล่อยออกมาเลือนลางเท่านั้น!

หลังกำปั้นต้าเสินร่อนลงไป เสียงดังสนั่นกึกก้อง ค่ายกลไม่ได้สั่นเลยแต่เกิดพลังสะท้อนกลับเข้าใส่กำปั้นของต้าเสิน

ยามนั้นแม้แต่คนที่แข็งแกร่งแบบต้าเสินยังต้องล่าถอย!

ต้าเสินจดจ้องค่ายกลด้วยท่าทีดุดัน ในฐานะเทพโบราณสายเลือดราชวงศ์ เขามีความภาคภูมิใจและค่ายกลนี้กล้ามาหยุดยั้งเขา พลันส่งเสียงคำรามและพุ่งออกไปอีกครั้ง กำปั้นเคลื่อนตัวดุจอุกกาบาต เขาเริ่มเผชิญหน้ากับค่ายกลอย่างดุดันด้วยตัวเอง

ทั้งค่ายกลเผยอาการสั่นเทาที่หาได้ยาก แต่ไม่แสดงอาการล่มสลาย ไม่ว่าต้าเสินจะโจมตีมันหนักหนาแค่ไหน มันก็ยังนิ่งเฉยไม่ยอมให้ใครทุกคนก้าวออกไปได้แม้แต่เพียงครึ่งก้าว!

สิ่งที่เกิดขึ้นในดินแดนปิดผนึกได้กระตุ้นเตือนคนที่กำลังเฝ้าดูค่ายกล แต่ก่อนที่พวกเขาจะมาถึง ค่ายกลก็ได้รับความเสียหายเพียงพอจนปรากฏจิตวิญญาณค่ายกลขึ้นมาด้วยตัวเอง ลำแสงสายหนึ่งก่อตัวขึ้นภายในค่ายกล

เกิดแสงสีเงินกะพริบวาบคล้ายประกายสายฟ้าและก่อตัวเป็นหอก หอกเล่มนี้ปกคลุมด้วยสายฟ้าไร้ขอบเขตและพุ่งตรงเข้าใส่ต้าเสิน

มันรวดเร็วเกินคาดและปลดปล่อยแรงสั่นสะเทือนสวรรค์ ขณะนั้นต้าเสินหันกลับมา แขนขวาขยับเคลื่อนไหวดุจสายฟ้า พลังเทพโบราณพรั่งพรูออกมาจำนวนมากและปะทะเข้ากับหอก

หอกแตกสลายเสียงดังปัง แต่ก่อตัวขึ้นมาใหม่ในทันทีและมีกลิ่นอายที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม มันแทงเข้าใส่แขนขวาของต้าเสินเข้าตรงๆ

นาทีที่แทงเข้าไป สายฟ้าจำนวนมากพุ่งออกมาอาละวาดใส่ร่างเขาโดยมีหอกเป็นจุดกำเนิด แสงนั้นก่อตัวเป็นตาข่ายคล้ายกับต้องการผนึกต้าเสินให้แน่นหนา

ไม่นานหลังจากนั้นมีแสงอีกจุดก่อตัวขึ้นในค่ายกล มันเป็นแสงสีฟ้าที่ควบแน่นเป็นกระบี่สั้น นำพาเอาปราณกระบี่น่ากลัวและเย็นเยียบพุ่งเข้าหาต้าเสิน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!