1221. ตัวตนของเจ้าแห่งดินแดนปิดผนึก
ชายชราชุดดำจ้องมองทุกสิ่งอย่างที่เกิดขึ้นเบื้องหน้าด้วยสายตาไม่เชื่อ ทว่าภายในนั้นมีความโลภผสมอยู่ด้วย สองฝ่ามือสร้างผนึกและพุ่งออกไปอีกครั้ง
ทว่าขณะที่เข้าประชิด ประตูยักษ์ค่อยๆเปิดขึ้นมา วินาทีนั้นแสงทรงพลังส่องประกายออกมาห่อหุ้มชายชรา
จากนั้นเสียงกรีดร้องโหยหวนดังกึกก้อง ดวงตาชายชราเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เขาไม่ก้าวเข้าไปอีกแล้วแต่รีบล่าถอย
“ผนึก…หรือว่านายท่านแห่งดินแดนปิดผนึกจะฟื้นคืนชีพ???” ควันสีดำโผล่ออกมาจากร่างชายชราราวกับเขากำลังถูกเผาไหม้ เผยให้เห็นร่างผอมภายใต้ผ้าคลุม ร่างกายเขาปล่อยควันจำนวนมากราวกับมีใครสักคนทรงพลังยิ่งจนทำให้เขาหลอมละลายอยู่เบื้องหน้าแสง!
ประตูเปิดออกและมีกลิ่นอายสะเทือนโลกกระจายออกมา มันกระจายออกไปตามแนวขอบของค่ายกลผนึกดินแดน!
ค่ายกลผนึกดินแดนเปลี่ยนไปครั้งใหญ่อีกครั้งหลังจากต้าเสินจากไปได้ไม่นาน แม้กระทั่งจิตวิญญาณค่ายกลตัวสุดท้ายที่ไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อนยังปรากฏตัว
จิตวิญญาณค่ายกลสุดท้ายนี้คือหินหยก จากนั้นระลอกคลื่นนับไม่ถ้วนแพร่กระจายข้ามผ่านค่ายกลและส่งเสียงดังสนั่นกึกก้อง!
นาทีนี้ผู้คนที่แข็งแกร่งของดาราจักรโบราณจึงสัมผัสถึงกลิ่นอายที่ทำให้จิตใจสั่นไหวได้ เซียนเฒ่าบางคนที่มีชีวิตอยู่มานานถึงกับคุ้นเคยกลิ่นอายนี้
กลิ่นอายที่ไม่เพียงแต่จะทำให้สั่นไหว แต่ยังทำให้ความคิดขาวโพลนและแทนที่ด้วยความหวาดกลัว!
“เจ้าดินแดนปิดผนึก!”
เทียบกับดินแดนชั้นนอกแล้ว ผู้คนของดินแดนปิดผนึกไม่ได้รู้สึกถึงผลกระทบมากนัก มีเพียงคนที่ทรงพลังที่สุดในสี่ดาราจักรถึงจะรู้สึก ในสำนักเทพเจ้า ห้องแห่งหนึ่งมีเด็กหนุ่มนั่งอยู่ เขาดูเหมือนเด็กหนุ่มแต่เรือนผมสีเทา นั่งอยู่ที่นี่ราวกับไม่ได้เคลื่อนไหวมานานหลายปี
ทว่าขณะนั้นเปลือกตาสั่นไหวและลืมตาขึ้นมาทันที
‘กลิ่นอายของนายท่าน!’
ในดินแดนสวรรค์พิรุณ ฉิงหลินบ่มเพาะอย่างเงียบๆพยายามฟื้นฟูพลังของตัวเองให้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ ทว่าวินาทีนั้นดวงตาส่องประกายแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขายืนขึ้นมองออกไปไกลและสูดหายใจลึก
‘อาจารย์!!’
ในดินแดนสวรรค์วายุที่เต็มไปด้วยอสูรยุงมากมาย บนเศษชิ้นส่วนแดนสวรรค์ที่ล่มสลายแห่งหนึ่งมีผู้อาวุโสนั่งอยู่ ชายชราดูคล้ายรูปปั้นเนื่องจากร่างกายกลายเป็นหิน
ทว่าจังหวะนั้นปรากฏรอยแตกร้าวบนดวงตาของรูปปั้น เสียงแตกร้าวดังสนั่น ชายชราเปิดตาทั้งสองข้าที่แทบจะได้เปิดมานานแล้ว
‘กลิ่นอายเขา…’ ชายชราแววตาเผยแสงประหลาด ความทรงจำมากมายตื่นขึ้นจากการหลับใหลและเต็มไปทั่วหัวสมอง หลังจากผ่านไปสักพักเขาก็หลับตาและกลายเป็นรูปปั้นอีกครั้ง
ในดาราจักรดวงดาวด้านใต้แดนสวรรค์แห่งแสง สตรีนางหนึ่งยืนอยู่บนยอดเขาดาวเคราะห์เซียน นางมองท้องฟ้าด้วยความหวนรำลึกและแววตางุนงง
‘ข้าจำไม่ได้…กลิ่นอายนี้มันของใคร…ช่างคุ้นเคย คุ้นเคยยิ่งนัก…’
ตอนนี้บนดาวเคราะห์เซียนในดาราจักรดวงดาวใต้แดนสวรรค์แห่งแสง มีชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังหลับใหลอยู่บนภูเขา ร่างกายเขาสั่นเทาพลางมองขึ้นจ้องออกไปไกล หลังจากนั้นสักพักก็เกาศีรษะ
‘กลัวตายหล่ะ ข้าคิดว่าสหายเฒ่าพวกนั้นจะลงแดนสวรรค์มาไล่จับข้า แต่ทำไมกลิ่นอายนี้ช่างคุ้นเคยนัก…’ ชายหนุ่มคนนี้คือคนที่หนีจากรอยแยกมาช่วงทัณฑ์สวรรค์ของหวังหลิน!
จังหวะประตูของลูกปัดเปิดขึ้น มีคนผู้หนึ่งค่อยๆก้าวเดินออกมาอย่างช้าๆ
ชายชราคนนั้นกำลังล่าถอย แสงจากประตูที่ค่อยๆหายไปทำให้เขารู้สึกกลัว แต่จากนั้นไม่นานก็ขมวดคิ้ว
‘มันไม่ใช่เจ้าแห่งดินแดนปิดผนึก! หรือเขาจะเป็นเจ้าแห่งดินแดนคนที่สอง? กลิ่นอายเขาไม่ได้แข็งแกร่ง แต่กลิ่นอายที่ทำให้ข้ารู้สึกหวาดกลัวคือประตูด้านหลังเขา!’
คนที่ก้าวเดินออกมาจากประตูคือหวังหลิน!
เขาไม่ได้มีร่างกาย เป็นเพียงแค่วิญญาณดั้งเดิม
ชายชราดวงตาส่องสว่างขึ้น จากนั้นกัดฟันแน่นและสะบัดแขนขวา หมอกสีดำปรากฏขึ้นรอบตัวและพุ่งไปข้างหน้า!
‘ฆ่าเขาและขโมยลูกปัดฝืนลิขิตฟ้า หากข้าทำได้ก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องราชันย์!’
ชายชราห่อหุ้มตัวเองด้วยหมอกสีดำ เขาต่อต้านพลังอันแข็งแกร่งและเข้าใกล้หวังหลิน แต่หมอกสีดำของเขากำลังหายไปเปลี่ยนเป็นกรงเล็บยื่นออกมาจากสายหมอก ข่วนเข้าใส่หวังหลินอย่างรุนแรง
หวังหลินดวงตาส่องสว่าง สัมผัสถึงต้นตอพลังดั้งเดิมของเซียนขั้นที่สามกำลังเข้าใกล้เขา แต่หวังหลินสงบนิ่งมาก เขาจ้องมองกรงเล็บที่กำลังเข้ามาอย่างเยือกเย็นและก้าวเท้ากลับเข้าไปในประตูของลูกปัด
เมื่อชายชราเข้าใกล้ ประตูของลูกปัดฝืนลิขิตฟ้าได้ปลดปล่อยแสงทรงพลังออกมา ขณะเดียวกันมีแขนยักษ์ข้างหนึ่งโผล่ออกมานอกประตูและยื่นเข้าหาชายชราอย่างรุนแรง
หมอกสีดำรอบตัวเขาระเบิดกลายเป็นพลังดั้งเดิมเพื่อต่อต้านแขนยักษ์ เขาต้องหาโอกาสฆ่าหวังหลิน
ทว่าหมอกสีดำพังทลายไม่ได้ทำให้แขนยักษ์หยุดชะงักแม้แต่น้อย มันยื่นเข้าหาชายชราในเสี้ยววินาที
ไม่ว่าชายชราจะพยายามหลบหลีกมากแค่ไหน เขาก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เขากัดฟันแน่น จากนั้นกัดปลายลิ้นพ่นโลหิตออกมา ร่างกายแบ่งออกเป็นสามคน สองในนั้นพุ่งเข้าหาท่อนแขน หนึ่งในนั้นพุ่งเข้าหาหวังหลิน
จังหวะนี้แขนยักษ์กำหมัด เร่งความเร็วขึ้นสองเท่ากวาดเข้าใส่ร่างจำลองทั้งสองของชายชรา จากนั้นถอนออกมาคว้าใส่ชายชราที่กำลังพุ่งหาหวังหลินและบีบรัดอย่างรุนแรง!
“หากร่างดั้งเดิมข้าอยู่ที่นี่ ข้าอาจจะมีโอกาสต่อสู้ได้ แต่ตอนนี้…” ชายชราเผยรอยยิ้มบิดเบี้ยวพลางถอนหายใจก่อนที่ร่างกายจะหายไป
ตั้งแต่ต้นจนจบ หวังหลินมีสีหน้าท่าทางเฉยเมยไม่เปลี่ยนไปเลย หลังจากชายชราหายไป ประตูด้านหลังหวังหลินกะพริบอีกครั้งและหดลง ประตูกลายเป็นภาพมัวและหายวับกลับไปเป็นลูกปัดฝืนลิขิตฟ้า มันรับวิญญาณหวังหลินไว้และจากไป จากนั้นทะลวงออกไปนอกดาราจักรดวงดาวและหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
ดินแดนเจ็ดสีมืดสนิทมาเป็นร้อยปี วันนี้เองมีแสงสว่างปรากฏขึ้นในท้องฟ้าเหนือภูเขาที่ลึกที่สุดของดินแดน นาทีที่แสงห่อหุ้มดินแดนเจ็ดสี ภาพมายาเลือนลางพร้อมกับแววตางุนงงสับสนปรากฏขึ้น เขาถอนหายใจพลางมองไปที่ร่างเต็มไปด้วยฝุ่นผงบนยอดภูเขา
“มันเหมือนฝัน…ฝันที่กินเวลาหลายปี…” ภาพมายาพึมพำพลางค่อยๆผสานร่างตัวเองเข้ากับร่างกายบนภูเขา
หลังจากนั้นสักพักหวังหลินก็ลืมตาขึ้นมา เสียงปะทุดังอยู่ในร่าง ฝุ่นผงพัดปลิวออกไปทันที
หลังจากหลับมาเป็นร้อยปี เขาจึงยืนขึ้นได้อีกครั้ง! กลิ่นอายของเซียนขั้นชำระสวรรค์ระดับปลายแพร่กระจายออกจากร่าง กลิ่นอายเพิ่มพูนขึ้นจนกระทั่งมันทะลวงผ่านมาจนถึงขั้นสูงสุดของชำระสวรรค์!
ทว่ามันไม่หยุดแค่นี้ มันเพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง! มันกำลังพยายามทะลวงผ่านขั้นทลายสวรรค์
ด้วยเจตจำนงแห่งเต๋าจำนวนมากและพลังดั้งเดิมที่ดูดซับมาจากหนึ่งในเจ็ดดอกไม้ซึ่งมีขนาดมหาศาล แม้ลูกปัดฝืนลิขิตฟ้าจะดูดซับส่วนใหญ่ไป แต่เพราะหวังหลินเกิดความคิดอยากจะได้สิ่งที่ลูกปัดเอามาเป็นครั้งแรก เขาก็ยังได้มาจำนวนมาก
เส้นผมพลิ้วไหวโดยไร้แรงลม ร่างกายปลดปล่อยกลิ่นอายประหลาด อักขระเพลิงก่อตัวในตาซ้าย อักขระสายฟ้าก่อตัวในตาขวา พวกมันลอยออกมาและผสานกันเป็นหนึ่งและยังมีรูปทรงคำว่า “ต่อสู้” อยู่ภายในด้วย
นี่คืออักขระที่ไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อนในโลก มันเป็นกฎใหม่อย่างสิ้นเชิง!
อักขระกะพริบวูบวาบ ร่อนลงตรงกลางหน้าผากหวังหลินและกลายเป็นหนึ่งกับเขตแดนแห่งจริงเท็จของเขา! อักขระคล้ายหยินหยางพลันปรากฏขึ้นมาด้านนอกอักขระสายฟ้าและเปลวเพลิง ท้ายที่สุดมันเรืองแสงชั่วร้ายก่อนจะหดลงจนดูเหมือนดวงดาว จากนั้นซ่อนตัวเองอยู่ตรงกลางหน้าผาก
ไม่ว่าจะมองดูดาวดวงนี้แค่ไหน มันก็ดูเหมือนกับดาวของเทพโบราณอย่างมาก! หากเทพโบราณเก้าดาวสร้างดาวนี้ด้วยกฎ เทพโบราณหลายตนคงเข้าใจผิดว่าเป็น…เทพโบราณสิบดาว!
เมื่อดาวแห่งกฎปรากฏขึ้นมา ร่างหวังหลินปลดปล่อยกลิ่นอายของเซียนขั้นทลายสวรรค์ กลิ่นอายทรงพลังสั่นสะเทือนปฐพี!
หวังหลินสูดลมหายใจลึก ดวงตาเปล่งประกาย ยกแขนขวาขึ้นมาสร้างผนึกอย่างรวดเร็วและชี้ใส่ร่างกาย ใบหน้าขึ้นสีแดงเล็กน้อยแต่ไม่ได้หยุดแค่นี้และชี้ใส่อีก หลังจากวางผนึกลงไปมากมาย ในที่สุดเขาก็หยุด
กลิ่นอายขั้นทลายสวรรค์จากร่างกายค่อยๆหายไปจนกระทั่งมันถูกซ่อนอยู่ใต้เขตอาคมจำนวนมาก
‘กลิ่นอายนี้เพียงพอที่จะทำให้ระดับบ่มเพาะข้าบรรลุขั้นทลายสวรรค์ระดับต้นสูงสุด แต่มันมาจากความเข้าใจที่ข้ายังไม่เข้าใจเต็มที่ หากข้าไม่เข้าใจเต๋าที่ดูดซับมาได้เต็มที่ การใช้การบ่มเพาะนี้จะทำให้ข้าไม่สามารถเลื่อนระดับขึ้นไปได้ มันจะส่งผลกระทบต่อการบ่มเพาะข้าในอนาคตเกินไป!’
‘แต่การยอมแพ้ตอนนี้เป็นเรื่องน่าเสียดาย ดังนั้นผนึกมันไว้ก่อน เมื่อข้าเข้าใจเจตจำนงแห่งเต๋าที่ดูดซับมาได้อย่างทะลุปรุโปร่ง ข้าสามารถปลดปล่อยผนึกทีละชั้นได้ ถึงเวลานั้นจะไม่เป็นอันตราย! มันจะทำให้ระดับบ่มเพาะข้าแข็งแกร่งขึ้นไปด้วย!’ หวังหลินสูดลมหายใจลึกและแววตากะพริบเย็นเยียบ
‘ด้วยระดับบ่มเพาะขั้นชำระสวรรค์ระดับปลายสูงสุดที่อีกครึ่งก้าวก็จะเข้าสู่ขั้นทลายสวรรค์ ผสมกับร่างเทพโบราณ วิชาข้าและสมบัติวิเศษ ข้าสงสัยเสียจริงว่าข้าจะแข็งแกร่งแค่ไหน…ข้าสามารถเอาชนะเซียนขั้นทลายสวรรค์ระดับปลายหรือสูงสุดได้หรือไม่? ข้าน่าจะเอาชนะระดับปลายได้ แต่ระดับสูงสุดข้าไม่เคยต่อสู้เลยสักคน ไม่รู้ว่า…หากมีโอกาส ข้าควรจะสู้ดู!’ อักขระที่ซ่อนอยู่ใต้หน้าผากหวังหลินกะพริบวูบวาบไร้การควบคุมและมีเจตนาต่อสู้ห่อหุ้ม
หวังหลินสูดหายใจลึก ห้ามปรามดวงดาวเอาไว้และขมวดคิ้ว เขารู้ว่ามันเป็นผลที่เขาไม่เข้าใจเต๋าที่ดูดซับมาได้อย่างสมบูรณ์
‘ถึงเวลาจากไปแล้ว สงสัยจริงว่าที่ผ่านมานี้พวกอสูรยุงจะเป็นอย่างไรบ้าง ข้าหลับอยู่ในดอกไม้นั่นนานแค่ไหน…มันน่าจะอย่างน้อย 20 ถึง 30 ปี’ หวังหลินดวงตาเป็นประกาย ก้าวเดินไปข้างหน้าด้วยความมั่นใจ เขาออกมาจากภูเขาและเหาะเหินตรงไปข้างหน้า
‘ตอนนี้ที่นี่จบแล้ว ข้าควรจะเข้าไปแดนสวรรค์วายุ หากข้าสามารถรวบรวมอสูรยุงจำนวนมากได้ ข้าสามารถลองทะลวงเข้าไปในสำนักเทพเจ้าดู! ไม่รู้ว่าต้าเสินจะตื่นขึ้นหรือยัง…’
ตอนนี้ในดาราจักรโบราณ ท่ามกลางหมู่ดาวไร้ขอบเขต ต้าเสินจ้องมองดวงดาว กัดฟันแน่น รู้สึกมืดมนยิ่ง เขาเต็มไปด้วยความโกรธและอยากจะทำลายสิ่งมีชีวิตทุกอย่างที่เห็น
เขาใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อทะลวงผ่านค่ายกลนั้น ท้ายที่สุดราคาของการทำลายหนึ่งดาว สังเวยเซียนขั้นที่สามที่โดนผนึกไว้ในดวงดาว เขาเชื่อมั่นว่าจะผ่านค่ายกลผนึกมาเพื่อกลืนกินหวังหลิน แต่ตอนนี้ไม่ว่าจะค้นหาหนักแค่ไหนก็ไม่สามารถหากลิ่นอายหวังหลินเจอ
‘มันไม่ได้อยู่ในดินแดนปิดผนึกและไม่ได้อยู่ในดินแดนชั้นนอก แต่กลิ่นอายอยู่ในค่ายกลผนึกดินแดน หรือจะซ่อนตัวอยู่ในค่ายกล? แต่ด้วยระดับบ่มเพาะมันนับว่าเป็นไปไม่ได้!’ เขาร้องคำรามใส่ท้องฟ้า ดวงดาวแดงฉาน ตระหนักถึงเซียนโบราณบางส่วนในพื้นที่ดวงดาวห่างออกไปไกล ไม่รู้ว่าจะไประบายความโกรธที่ไหน เขาส่ายกำปั้นและพุ่งเข้าไปในทิศทางนั้น
‘ไอ้หวังหลินบัดซบ สักวันข้าจะหาเจ้าเจอ! ข้าจะกลืนกินเจ้าเพื่อระบายความโกรธในใจข้า!’