1230. แข็งแกร่ง
ขณะที่หวังหลินเหาะเหินด้วยความเร็วสูงสุด หมอกเบื้องหน้าแยกเปิดออกราวกับโดนแทงด้วยกระบี่ เขาเหาะทะลุสายหมอกเป็นเพียงแสงกะพริบ
ตามที่หวังหลินเข้าใจ เขตระดับเจ็ดนั้นถูกผนึกเอาไว้ป้องกันไม่ให้คนนอกเข้ามา มีเส้นป้องกันรอบๆเขตระดับเจ็ดด้วยกลุ่มเซียนที่ก่อตัวเป็นแนวป้องกัน
ตรงนี้แตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากเขตระดับหก
หวังหลินเหาะเหินผ่านเขตระดับหกเข้ามา ทะลุผ่านสายหมอก ผ่านแผ่นดินที่ลอยตัวอยู่ไปหลายแห่ง
เขาเร็วมากจนทำให้หมอกจำนวนมากปั่นป่วน ทำให้เซียนเฒ่าในเขตระดับหกให้ความสนใจทั้งหมด แต่หลังจากเห็นความเร็วของหวังหลิน ทั้งหมดต่างก็ถอยตัวและไม่กล้าหยุดเขา พวกเขายอมให้หวังหลินทะลุผ่านพื้นที่เข้าไป
ในโลกแห่งเซียน ระดับบ่มเพาะคือทุกสิ่ง ความแข็งแกร่งถือเป็นที่เคารพ วินาทีนี้ความเร็วของหวังหลินเป็นเครื่องพิสูจน์ความแข็งแกร่งของเขา หวังหลินเร็วเกินกว่าคนทั่วไปจะมองทันจนเห็นระดับบ่มเพาะได้ยาก ผู้คนไม่อยากสร้างปัญหา จึงได้ไม่ยุ่งกับเขา
หากมีใครสักคนกล้าเหาะเหินทะลุผ่านเขตระดับหกเช่นนี้โดยไม่ได้เข้าไปในแผ่นดินรอบๆ พวกเขาคงถูกขวางแน่นอนและไม่ห่วงชีวิต
ด้วยความเร็วของหวังหลินเอง คงใช้เวลายาวนานกว่าเขาจะเดินทางจากเขตระดับห้าไปสู่เขตระดับแปด หากเขาต้องไปแวะสำนักต่างๆทั้งหมดคงทำให้เขาล่าช้าไปอีก ดังนั้นจึงตัดสินใจโอหังสักครั้ง ไม่มีสำนักหรือแผ่นดินใดจะทำให้เขาต้องอ้อม!
ดังนั้นไม่มีเซียนคนใดกล้าขัดขวางเขา แต่เซียนเฒ่าบางส่วนติดตามมาด้วย แม้จะไม่อาจเทียบความเร็วของหวังหลินได้ พวกเขาก็ติดตามมา เขาต้องการรู้ว่าทำไมเซียนแข็งแกร่งเช่นนี้ถึงมาที่เขตระดับหก
หลังจากเหาะเหินผ่านเขตระดับหกไปเป็นเวลาเกือบๆสิบวัน หวังหลินผ่านแผ่นดินและสำนักหลายแห่งจนเขามาถึงชายแดนของเขตระดับเจ็ด มีเซียนอยู่ไม่กี่คนรอบๆแถวนี้
หวังหลินมองไปที่เขตระดับเจ็ด มีแสงชั่วร้ายก่อตัวเป็นค่ายกลยักษ์ป้องกันไม่ให้เซียนเข้าไปเว้นแต่จะมีป้ายสิทธิ์ เหล่าเซียนของสำนักระดับเจ็ดวางกำลังไว้ที่นี่เพื่อโจมตีคนที่พยายามเข้ามาโดยไม่สนว่าพวกเขาจะสามารถทะลวงค่ายกลได้หรือไม่
หวังหลินมีสีหน้าเป็นธรรมชาติ เขาไม่มีป้ายสิทธิ์อยู่แล้วแต่แทนที่จะชะลอตัวลง เขาเหาะเหินให้เร็วขึ้นเข้าหาค่ายกลที่ป้องกันเขตระดับเจ็ด
เหล่าเซียนเฒ่าหลายสิบคนจากเขตระดับหกกำลังติดตามเขามาจากด้านหลัง แม้จะไม่สามารถไล่ตามหวังหลินได้ทันแต่พวกเขาเห็นความผันผวนข้างหน้า รู้สึกประหลาดตอนที่หวังหลินเข้ามาในชายแดนเขตระดับหกและระดับเจ็ด แต่ในไม่นานพวกเขาก็เข้าใจ เดาได้ชัดว่ามีเซียนเฒ่าคนหนึ่งต้องการจะกลับเขตแดนของตัวเอง แม้จะฟังดูประหลาดที่เขาไม่ใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายของสำนักระดับสูงกว่าตั้งไว้ พวกเขาก็ไม่คิดอะไรมากเกิน
ทว่าขณะที่พวกเขากำลังจะจากไป ทันใดนั้นหันกลับมาจดจ้องตรงไปข้างหน้า ทั้งหมดสัมผัสได้ว่าคนผู้นั้นได้พุ่งเข้าใส่สำนักที่รับผิดชอบโดยไม่ชะลอตัวลงรอบๆค่ายกลเลย แต่กลับไปให้เร็วมากกว่าเดิม!
เซียนเฒ่าเหล่านี้ล้วนเป็นคนฉลาด ดังนั้นจึงตระหนักได้ว่าเขาไม่มีป้ายสิทธิ์และตัดสินใจทะลวงผ่าน! พอรู้แบบนี้จึงทำให้เกิดความตื่นเต้นซึ่งเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่ยอมพลาด!
“ดูเหมือนว่าข้าไม่ได้ตามเขาทั้งวันโดยไม่ได้อะไรเลย ข้าจะได้เห็นคนทะลวงผ่านค่ายกล!”
นานมากแล้วที่จะมีใครสักคนกล้าล่วงเกินอำนาจของเขตระดับเจ็ด นับประสาอะไรกับการทะลวงค่ายกลนี้!
หวังหลินสีหน้าท่าทางเป็นปกติดีพลางเหาะเหินให้เร็วขึ้นเข้าสู่ค่ายกล! มองไกลๆจะเห็นเป็นเพียงอุกกาบาตเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงสุด
พอเหล่าเซียนจากสำนักระดับเจ็ดที่อยู่ใกล้สุดเห็นสิ่งนี้ แต่ก็เป็นตอนที่หวังหลินกระแทกใส่ค่ายกลพอดี!
เสียงดังสนั่นหวั่นไหวสะท้อนไปทั่วดวงดาว สายหมอกดวงดาวถูกผลักดันกลับ ค่ายกลยักษ์กะพริบรุนแรงและเกิดเสียงแตกร้าวดังสะท้อน
พริบตานั้นเกิดเสียงดังปังพร้อมกับรอยแตกนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นมาบนค่ายกลและแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว ค่ายกลดูเหมือนถูกปกคลุมด้วยใยแมงมุมจนกระทั่งในที่สุดมันก็แตกสลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยเนื่องจากพลังแรงกระแทก
ร่างหวังหลินไม่ได้หยุดชะงักแม้เพียงหนึ่งจังหวะ หลังจากทะลวงผ่านค่ายกลเข้ามาได้เขาก็พุ่งทะลุผ่านไป เหาะเหินผ่านเหล่าเซียนที่คุ้มกันค่ายกล แรงผลักของเขาทำให้เหล่าเซียนล่าถอยโดยไม่รู้ตัว พวกเขาทำได้แค่มองหวังหลินจากไปโดยทำอะไรไม่ถูกและไม่มีใครกล้าพูดอะไรสักคำ
เหล่าเซียนเฒ่าจากเขตระดับหกทั้งหมดต่างก็ตกตะลึง แม้จะเตรียมรอดูไว้แล้ว แต่เมื่อเห็นมันจริงๆพวกเขาก็ยังตกใจอยู่ดี พอเห็นแสงจางๆของค่ายกลที่แตกหัก เหล่าเซียนเฒ่าเหล่านี้จึงเริ่มหัวเราะ
พวกเขาคือเซียนทรงพลังที่ไม่มีอำนาจพอจะต่อกรกับเขตระดับเจ็ดและรู้ว่าค่ายกลนี้บดบังสายตา ตอนนี้พอเห็นใครสักคนทำลายมันจึงหัวเราะขึ้น ทว่าในเวลาเดียวกันพวกเขาก็ระมัดระวังและคาดเดาตัวตนของคนทำลาย
“เขาต้องอยู่ในขั้นทะลายสวรรค์แล้ว ไม่เช่นนั้นคงไม่มีมีทางทำลายค่ายกลนั่นได้ง่ายๆ!”
“นี่ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับข้า มาดูว่าสำนักระดับเจ็ดจะต่อกรกับเขายังไง ช่างน่าสนใจ!”
“เซียนเฒ่านั่นต้องมีนิสัยพิสดารเป็นแน่ แทนที่จะใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายแต่ตัดสินใจทำลายค่ายกล เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ถือว่าเขตระดับเจ็ดเป็นภัยคุกคามเลย”
หลังจากเข้าสู่เขตระดับเจ็ด หวังหลินเริ่มจะเคลื่อนที่ให้เร็วขึ้น เขาเพียงต้องข้ามเขตระดับเจ็ดเพื่อไปสู่เขตระดับแปด แดนสวรรค์วายุอยู่ที่นั่น!
ทว่าในเขตระดับเจ็ดมีเซียนที่ทรงพลังยิ่งกว่าเขตระดับหก หลังจากหวังหลินเหาะเหินผ่านแผ่นดินแห่งหนึ่ง สัมผัสวิญญาณของเซียนขั้นทลายสวรรค์จำนวนสี่คนพุ่งออกมาทันทีและก่อตัวเป็นกำแพงเพื่อหยุดยั้งหวังหลิน!
“เซียนคนไหนที่ล่วงล้ำผ่านบนแผ่นดินของสำนักข้า และต้องการจะจากไปเช่นนี้หรือ?” ข้อความสัมผัสวิญญาณหนึ่งดังสะท้อนออกมาจากสี่สัมผัสวิญญาณ
แม้อาการบาดเจ็บของหวังหลินไม่ได้ฟื้นฟูเต็มที่ แต่เซียนขั้นทลายสวรรค์เพียงแค่สี่คนไม่สามารถหยุดเขาได้ สีหน้าท่าทางหวังหลินเป็นปกติดีพลางสะบัดแขนเคลื่อนตัวไปข้างหน้า ปรากฏฝ่ามือยักษ์ขึ้นมา ฝ่ามือนี้ขนาดใหญ่มากและดูเหมือนจะปกคลุมได้ทั้งแผ่นดิน!
เมื่อมันปรากฏขึ้นมา พลังดั้งเดิมรวมตัวกันอย่างบ้าคลั่ง กระทั่งสายหมอกก็เริ่มสั่นเทาและบิดเบี้ยว อำนาจอันยิ่งใหญ่ตกลงเข้าสู่โลก!
ประทับฝ่ามือปรากฏขึ้นและกวาดใส่สัมผัสวิญญาณเบื้องหน้าหวังหลิน!
“ประทับวิญญาณสงคราม!!!”
“เซียนสำนักเทพเจ้า!!”
สี่สัมผัสวิญญาณเผยท่าทีไม่เชื่อและล่าถอยโดยไม่ลังเล ทว่าฝ่ามือนั้นรวดเร็วเกินไปพร้อมกับร่อนลงตรงเข้าใส่สี่สัมผัสวิญญาณ
เสียงดังสนั่นกึกก้องและเกิดคลื่นกระแทกขนาดยักษ์ กระทั่งแผ่นดินของสำนักยังสั่นสะท้านรุนแรง ขยับเคลื่อนไหวไปหลายพันฟุต!
ประทับฝ่ามือยักษ์ส่งเสียงดังสนั่นพลางเคลื่อนไปข้างหน้าและดูดซับพลังดั้งเดิมอย่างต่อเนื่อง มันขยายขนาดใหญ่ขึ้นและใหญ่ขึ้น กลิ่นอายของมันน่าหวาดกลัวยิ่งขึ้น หวังหลินติดตามด้านหลังฝ่ามือไป
สายหมอกเริ่มกระจัดกระจายโดยมีฝ่ามือเปิดนำทาง!
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในชั่วพริบตา รวดเร็วเกินจินตนาการ สี่ตำหนักบนสี่มุมของแผ่นดินนั้นถูกเลื่อนไปหลายพันฟุต ผู้อาวุโสแต่ละคนที่นั่งอยู่ข้างในต่างกระอักโลหิต สายตาเต็มไปด้วยความตกตะลึงและหวาดกลัว พวกเขาเหาะเหินออกมามองดูตำแหน่งที่หวังหลินหายไป ยังรู้สึกสั่นเทาและพลังดั้งเดิมรวมกันอยู่ไกลๆ
พวกเขาตกตะลึงกับวิชาประทับวิญญาณสงครามและหวาดกลัวต่อพลังอำนาจของคนที่ใช้มัน!
“เขาแข็งแกร่งพอจะกวาดล้างเขตระดับเจ็ดของเรา!”
“โชคดีที่เราไม่ได้ไปล่วงเกินเขามากหรือเผยจิตสังหารออกมา เราเพียงแค่อยากให้เขาอยู่เพื่อตอบคำถามสักหน่อย…”
“เขาสามารถทำให้เราบาดเจ็บได้เพียงแค่หนึ่งฝ่ามือ เขาไม่ได้ใช้พลังเต็มที่ด้วยซ้ำ…”
ทั้งสี่คนมองหน้ากันเองและสูดลมหายใจเย็นเยียบ รู้สึกหวาดกลัวไปทั่วร่าง
เมื่อมีประทับวิญญาณสงครามเปิดทาง จึงเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวออกมา พลังดั้งเดิมจำนวนมหาศาลถูกดูดเข้าไปทำให้ฝ่ามือใหญ่ยักษ์กว่าเดิม หากเป็นเมื่อร้อยปีก่อนหวังหลินคงสูญเสียการควบคุมไปแล้ว แต่ตอนนี้เขายังสามารถรับมือได้อีก!
เขาเหาะเหินด้านหลังประทับฝ่ามือพลางกวาดผ่านทะลุดวงดาวไปด้วย เงาหนึ่งปรากฏขึ้นเบื้องหน้าเขา มันคือแผ่นดินป่า ประทับฝ่ามือตรงเข้าไปบนแผ่นดินป่าจนเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว แผ่นดินเกิดรอยแตกร้าวนับไม่ถ้วนพร้อมกับโดนฝ่ามือทะลุผ่านไป!
แผ่นดินถูกแยกออกเป็นสองส่วน!
ด้วยพลังระดับนี้จะมีใครในเขตระดับเจ็ดกล้ามาต่อต้านเขา? ใครที่เห็นฝ่ามือนี้เข้ามาก็ได้แต่รีบหนีให้ไว บางคนหวาดกลัวเพราะคำนวณว่าสำนักตัวเองอยู่ระหว่างทาง จึงส่งเซียนไปขยับแผ่นดินให้ห่างออกไปหลายหมื่นฟุตไม่ให้ขวางทาง!
หวังหลินใช้เวลาเกือบสิบวันโดยมีประทับวิญญาณสงครามเปิดทาง เขาค่อยๆเข้าใกล้เขตระดับแปดมากขึ้น!