1232. การปรากฏตัวที่น่าตกตะลึง
“เปลวเพลิงแห่งโลกจงฟังคำสั่งข้า เผาไหม้!” น้ำเสียงหวังหลินเผยเจตนาอันเย็นเฉียบ วินาทีนั้นเปลวเพลิงรอบๆเจ้าตะขาบเริ่มผ่านการเปลี่ยนแปลง!
วิหคเพลิงของหวังหลินผ่านการตื่นครั้งที่สามและผสานเข้ากับกฎแห่งเพลิงไปจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของกฎ เบื้องหน้าหวังหลินนั้น เขาสามารถดับมันได้ดั่งใจนึกเว้นแต่จะเป็นเพลิงที่อยู่นอกเหนือกฎ!
ยามที่คำพูดของหวังหลินตกลงไป ทะเลเพลิงรอบๆตะขาบแดงพลันสั่นเทาก่อนจะพุ่งเข้าหาตะขาบ
ขณะเดียวกันในร่างเจ้าตะขาบเกิดเสียงดังปะทุและมีเปลวเพลิงทรงพลังยิ่งระเบิดจากในร่างมัน
แววตาเจ้าตะขาบเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เปลวเพลิงในร่างมันระเบิดพรั่งพรูขึ้น ส่งเสียงกรีดร้องออกมาแต่ไม่นานทั้งหมดก็หยุดลง
ก้อนเปลวเพลิงขนาดพันฟุตปรากฏขึ้นมาและส่องสว่างขึ้นรอบสายหมอก มันค่อยๆมอดดับและตะขาบข้างในถูกเผาไหม้เป็นเถ้าถ่าน!
เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นในพริบตาและหวังหลินเพียงแค่ยกนิ้วขึ้นเท่านั้น!
เขาไม่ได้กลับไปมองผลลัพธ์ หลังจากชี้ไปหวังหลินจึงหันกลับมาติดตามประทับฝ่ามือสงคราม
ยามที่ตะขาบเพลิงตายไป เสียงร้องเศร้าโศกดังสะท้อนอยู่ไกลๆ ตะขาบอีกหลายตัวกำลังพุ่งเข้ามาเร็วขึ้น
ความเกลียดชังในเจ้าตะขาบสีฟ้ายิ่งรุนแรงมากกว่าเดิม มันร้องคำรามและเร่งความเร็วเต็มที่
‘หากอาการบาดเจ็บของข้าฟื้นฟูดี การฆ่าเจ้าอสูรระดับสิบสองตัวนี้ไม่ใช่เรื่องยาก…แม้แต่ตอนนี้เอง เพราะมันเป็นอสูรอัคคี การฆ่ามันไม่ควรจะเป็นเรื่องยาก’ หวังหลินขมวดคิ้ว หลังจากนั้นสักพักใบหน้าเกิดเจตนาสังหาร
“เจ้ารนหาที่ตาย!”
แสงสีแดงพุ่งออกมาจากสายหมอกสู่ด้านขวาหวังหลิน ทะเลเพลิงกว้างมากกว่าหมื่นฟุตพุ่งออกมาและดูเหมือนมันกำลังเผาไหม้สายหมอก มันพุ่งตรงเข้าหาหวังหลินและมีตะขาบยาวพันฟุตอีกหลายตัวกำลังพุ่งใส่หวังหลิน มันรวดเร็วมากและเข้าใกล้ในพริบตา
ทะเลเพลิงปลดปล่อยคลื่นความร้อนรุนแรง อยู่ห่างจากหวังหลินไม่เกินพันฟุต
หวังหลินร้องคำรามเย็นเยียบและสะบัดแขนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง ทันใดนั้นทะเลเพลิงหยุดลงและถูกผลักกลับไป มันกระแทกใส่ตะขาบราวกับคลื่นอันโกรธเกรี้ยว
ขณะเดียวกันเปลวเพลิงรอบๆตะขาบเกิดความบ้าคลั่ง กระโจนใส่ตะขาบทำให้เกิดก้อนเปลวเพลิงยักษ์ขึ้นอีกดวง
เจ้าตะขาบยังไม่ทันส่งเสียงร้องโหยหวน มันถูกเปลวเพลิงเผาไหม้ อีกทั้งเพลิงนั้นไม่ได้เป็นสีแดงอีกแล้วแต่แฝงสีฟ้าขึ้นมาด้วย
เมื่อก้อนเปลวเพลิงนี้ปรากฏ ตะขาบอีกสองตัวพุ่งเข้าใส่หวังหลิน ดวงตาหวังหลินส่องสว่าง เดิมทีเขาไม่ได้ต้องการจะก่อกวนอสูรพวกนี้แต่ดูเหมือนพวกมันไม่เลิกราเว้นแต่จะตาย หวังหลินจึงตัดสินใจสังหาร ดวงดาวแห่งกฎปรากฏขึ้นกลางหน้าผาก เพลิงสีฟ้าปรากฏรอบตัวเขาก่อนจะพุ่งเข้าไปในหมอก
ขั่วขณะต่อมาเกิดเสียงดังสนั่นลือลั่นออกมาจากสายหมอก เปลวเพลิงสีฟ้าดังกึกก้อง เสียงซี่ๆโหยหวนผุดขึ้นมาและหายไปทันที ความร้อนแพร่กระจายออกไปทั่วสายหมอกอย่างไร้ขอบเขต
หลังจากนั้นไม่นานปรากฏเพลิงสีฟ้าขึ้นอีกทางหนึ่ง ผุดก้อนเพลิงยักษ์ขึ้นมาก่อนจะระเบิดกลายเป็นละอองเพลิงสีฟ้านับไม่ถ้วน
เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นในพริบตา หวังหลินเดินออกมาจากสายหมอกด้วยท่าทีเย็นชาและไล่ตามหลังประทับฝ่ามือไป
ระหว่างทางไม่มีอสูรตนใดขวางทางเขาอีก เห็นได้ชัดว่าการต่อสู้ที่พึ่งเกิดขึ้นได้ทำให้เหล่าอสูรหวาดกลัวอย่างรุนแรง
อย่างไรก็ตามเจ้าตะขาบฟ้าหมื่นฟุตที่กำลังใกล้เข้ามายังอยู่ในความโกรธ แต่มันอยู่ไกลเกินไป ตอนนี้มันเคลื่อนมาด้วยความเร็วสูงสุดและยังต้องใช้เวลาอีกมาเพื่อจะไล่ทัน มันร้องคำรามไปด้วยและบ้าคลั่งรุนแรง พลันปรากฏเพลิงสีฟ้าขึ้นรอบๆ จากนั้นร่างกายหดลงและเกิดเสียงดังปะทุในร่างกาย
วินาทีนั้นแสงสีฟ้ากะพริบแพร่กระจายออกไปทั่วร่างกายหมื่นฟุต ราวกับมีพลังที่มองไม่เห็นเปิดรอยแยกหนึ่งออกมาตั้งแต่หัวจรดหาง
จากนั้นตะขาบที่ตัวเล็กกว่าประมาณแปดพันฟุตลอยออกมา ความเร็วของมันเพิ่มขึ้นหลายเท่า พุ่งตรงไปข้างหน้าทั้งที่ปกคลุมอยู่ในเปลวเพลิง
หลังจากนั้นรอยแตกปรากฏขึ้นอีกบนเจ้าตะขาบแปดพันฟุตและมีเจ้าตัวเล็กกว่าขนาดหกพันฟุตลอยออกมา ความเร็วเพิ่มขึ้นอีกครั้ง
ด้วยวิธีอันประหลาดนี้ เจ้าตะขาบจึงลอกคราบอย่างต่อเนื่องและหดตัวลง แต่ความเร็วเพิ่มขึ้นมหาศาล
หวังหลินเคลื่อนร่างผ่านดินแดนหมอกอสูรไปพร้อมกับมีประทับฝ่ามือเปิดเส้นทาง ค่อยๆเข้าใกล้เขตระดับแปดอย่างต่อเนื่อง ระหว่างทางเขาเจออสูรร้ายหลายตัวที่พยายามขวางทาง แต่การสังหารของเขาและมีประทับฝ่ามือทะลวงผ่าน หวังหลินจึงทะลุสายหมอกมาได้อย่างรวดเร็ว
ยิ่งเขาอยู่ในสายหมอกนานเท่าไหร่ก็ยิ่งรู้สึกว่าสถานที่แห่งนี้ประหลาด ยิ่งอยู่นานก็ยิ่งมีอสูรดุร้ายรวมตัวกันมากขึ้นจนยากจะออกไปได้เว้นแต่เขาจะฟื้นตัวได้เต็มที่
หวังหลินใช้เวลาเกือบสี่วันเพื่อมาถึงขอบๆของดินแดนหมอกอสูร เมื่อเขาออกไปได้ก็จะไปถึงเขตระดับแปด! แต่ตอนนี้หวังหลินหันกลับมา แขนขวาชี้ใส่ประทับวิญญาณสงคราม ประทับฝ่ามือเคลื่อนไหวและปรากฏตัวเบื้องหน้าหวังหลินทันที
ขณะเดียวกันหวังหลินสร้างผนึกขึ้นชี้ใส่ประทับฝ่ามือโดยไม่ลังเล ผนึกที่หวังหลินวางลงไปเพื่อหยุดยั้งการดูดซับพลังดั้งเดิมได้แตกสลายไปและความสามารถดูดซับพลังเริ่มกลับมาอีกครั้ง
คราวนี้มีแสงสีฟ้ากะพริบออกมาจากสายหมอกเบื้องหน้าหวังหลิน ความร้อนเกินจินตนาการเต็มไปทั่วระยะหลายแสนฟุต เสียงคำรามโกรธเกรี้ยงดังออกมาจากสายหมอก สายหมอกถูกผลักออกไป มีตะขาบยาวสามพันฟุตท่าทางดุร้ายพุ่งออกมาและล้อมรอบด้วยเปลวเพลิงสีฟ้ามหึมา
ยามที่ตะขาบปรากฏ กลิ่นอายของอสูรระดับสิบสองล้อมรอบบริเวณทันที
แววตาหวังหลินกะพริบเย็นเยียบและสะบัดแขนขวา ประทับวิญญาณสงครามพุ่งออกมาใส่เจ้าตะขาบพร้อมๆกับดูดซับพลังดั้งเดิมไปด้วย
ฝ่ามือเร็วมาก ทำให้สายหมอกรอบด้านต้องถูกผลักไปด้านข้างและกระแทกใส่ตะขาบที่พุ่งมาทันที
เจ้าตะขาบส่งเสียงซี่ๆสั่นสะเทือนสวรรค์ จ้องมองฝ่ามือยักษ์ด้วยความดุร้าย มันพุ่งเข้าหาฝ่ามือพร้อมกับทะเลเพลิง แต่ตอนที่เข้าใกล้นั้นร่างกายมันบิดเบี้ยว เปลวเพลิงสีฟ้าชนเข้ากับฝ่ามือยักษ์จนส่งเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ร่างกายหลบไปด้านข้างและพุ่งใส่หวังหลิน
ท่าทางดุร้ายและก้ามแหลมคมทำให้มันดูเหมือนอยากจะกินหวังหลินทั้งที่มีชีวิต ฉากเหตุการณ์นี้รวมกับประทับฝ่ามือยักษ์ด้านหลังกลายเป็นฉากอันงดงามอย่างไม่คาดคิด
หวังหลินสีหน้าเย็นเยียบ ดวงดาวแห่งกฎกระพริบอยู่กลางคิ้ว หมุนอย่างรวดเร็วพร้อมกับเพลิงสีฟ้าแพร่กระจายออกจากร่างกาย เทียบกับแสงจากเจ้าตะขาบแล้ว เพลิงสีฟ้าช่างน่าตกตะลึงยิ่ง!
ร่างตะขาบหยุดชะงักในจังหวะที่เกินบรรยาย ดวงตามันเคร่งขรึมแต่ไม่ล่าถอย มันพุ่งออกมาอย่างบ้าคลั่ง เปลวเพลิงในร่างโหมกระหน่ำ แสงสีฟ้าส่องสว่างเจิดจ้า
หวังหลินยกแขนขวาขึ้นชี้ออกไป เมื่อเผชิญหน้ากับใครที่ใช้เปลวไฟ ไม่จำเป็นต้องอลังการใดๆก็ตัดสินผลลัพธ์ได้แล้ว! เพียงแค่หวังหลินชี้นิ้ว เปลวเพลิงสีน้ำเงินเข้มรอบตัวควบแน่นและพุ่งออกไป
แสงกะพริบวูบวาบและเปลี่ยนกลายเป็นวิหคเพลิงสีฟ้าขนาดใหญ่ เจ้าวิหคส่งเสียงร้องและพุ่งใส่ตะขาบ
เจ้าตะขาบร้องคำรามทันที ร่างท่อนบนยกขึ้นราวกับอสรพิษและจ้องวิหคเพลิง เปลวไฟสีฟ้ารอบตัวควบแน่นอย่างบ้าคลั่งก่อตัวเป็นพลังมหาศาลนอกร่างกาย จากนั้นปะทะกับวิหคเพลิงที่ใกล้เข้ามา
เสียงดังสนั่นหวั่นไหวข้ามผ่านดินแดนหมอกอสูร สัมผัสอสูรระดับสิบสองอีกหลายตัวพุ่งตรงมาที่นี่ ทว่าจังหวะนั้นเองกลิ่นอายทรงพลังยิ่งแห่งหนึ่งที่แม้แต่หวังหลินยังตกตะลึงได้โผล่ออกมาจากส่วนลึกของดินแดนหมอกอสูรและห้ามปรามอสูรระดับสิบสองตัวอื่นๆเอาไว้
ยามที่เปลวเพลิงทั้งสองปะทะกันจึงเกิดการสั่นสะเทือนถึงสวรรค์ วิหคเพลิงส่งเสียงร้องอย่างไม่ยินยอมพลางพุ่งกลับไปในร่างหวังหลิน วินาทีนั้นหวังหลินลอยห่างไปอีกไกล
ทะเลเพลิงเบื้องหน้าเจ้าตะขาบพลันแตกสลายทันที ร่างกายระเบิดพร้อมกับเพลิงถูกดันกลับไป ครึ่งร่างของมันย้อมด้วยเลือดแต่มันไม่ตาย มันส่งเสียงซี่ๆโหยหวนและรีบถอยกลับเพื่อจะหายไปในสายหมอก
ในสายหมอกนั้น ชายชราจากสำนักอมตะได้เฝ้าดูทั้งหมดนี้และตื่นตะลึง!
‘เขาเป็นใคร!? ไม่คาดคิดว่าจะควบคุมเปลวเพลิงได้แข็งแกร่งกว่าตะขาบเพลิงและมีระดับบ่มเพาะสูงส่ง หากเขาไม่บาดเจ็บ แม้แต่ข้าเองก็ไม่มั่นใจว่าจะสู้กับเขาได้!! แต่เขาไม่ได้มาจากสำนักเทพเจ้า ข้าเคยเห็นประทับฝ่ามือวิญญาณสงครามมาก่อน แต่ของเขาคล้ายมากและไม่ใช่ประทับฝ่ามือวิญญาณสงคราม!’
ด้านหลังมีศิษย์สามคนกำลังติดตามชายชรา ทั้งหมดตกตะลึงและหวาดกลัวกับสิ่งที่เห็น เดิมทีคิดว่าพวกเขาทรงพลังอยู่แล้ว แต่สิ่งที่เห็นทำให้ความคิดแต่ละคนสั่นไหว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสตรีเซียนคนสวยดวงตาส่องสว่างตอนที่นางมองหวังหลินจากไป ไม่มีใครรู้ว่านางคิดอะไรอยู่
ในตอนนี้กลิ่นหายที่ข่มกลิ่นอายของอสูรระดับสิบสองทั้งหมดได้กวาดผ่านสายหมอกด้วยความโกรธ ชายชราหันศีรษะขึ้นไปราวกับนึกอะไรบางอย่างได้ สีหน้าพลันเปลี่ยนไป สะบัดแขนเสื้อและพาศิษย์สามคนไปบนเส้นทางที่สาม
‘ข้าไม่ให้ทั้งสามมาฝึกฝนที่นี่อีกต่อไปแล้ว!’