128. ภูเขาไฟทองคำ

หวังหลินสะบัดมือขวาเปิดประตูหินและเดินออกมา

ในตอนนี้ท้องฟ้าสีครามสดใสนับหมื่นลี้หวังหลินขยับกายเคลื่อนไหวและเหาะไปยังภูเขาไฟใกล้ๆ เมื่อออกจากมิติความฝันสัมผัสวิญญาณของเขาพบพลังธาตุไม้ที่ผันผวนภายในภูเขาไฟ

ไม่นานหลังจากนั้นหวังหลินก็ได้มาถึงปล่องภูเขาไฟและมองดูภายในคลื่นความร้อนหลายแห่งระอุขึ้นมาจากภายในปล่อง ดวงตาของหวังหลินหรี่เล็กเขากระโดดเข้าไปโดยไม่ลังเลหวังหลินใช้วิชาแรงโนมเพื่อความคุมร่างกายเข้าไป

ภูเขาไฟทองคำเป็นภูเขาไฟที่มีชื่อเสียงโหดร้ายอำมหิตในแคว้นฮัวเฝินเหตุผลที่ว่าทำไมมันถึงมีชื่อเสียงนั่นเพราะมีวัตถุดิบตัวยาสำคัญที่เรียกกันว่าผลไม้ทองคำ เติบโตที่นี่

ผลไม้ทองคำนี้เป็นวัตถุดิบสำคัญในการสร้างยาปรับวิญญาณพลังปราณในแคว้นแห่งนี้ต่างเต็มไปด้วยธาตุไฟการดูดซับพลังปราณที่นี่เป็นเวลานานจะทำให้ร่างกายได้รับความเสียหายดังนั้นเม็ดยาปรับวิญญาณจะทำให้ควบคุมพลังปราณในร่างกายได้มันจึงเป็นของรักของหวงของเหล่าเซียนที่นี่

เม็ดยาปรับวิญญาณเป็นสิ่งที่ใช้กันมากที่สุดในแคว้นฮัวเฝินมีสูตรผลิตแตกต่างกันหลายสูตรและมีระดับผลลัพธ์แตกต่างกันหลากหลายอีกด้วยสูตรการผลิตที่โด่งดังมากที่สุดคือการใช้ผลไม้ทองคำ

ผลไม้ทองคำเติบโตเฉพาะในปล่องภูเขาไฟเท่านั้น ทุกครั้งที่ผลไม้ทองคำสุกสำนักใหญ่ทั้งสี่แห่งจะส่งศิษย์ออกมาเก็บเกี่ยว ผลไม้ตัวนี้แปลกมากมันไม่สามารถเก็บเกี่ยวก่อนหรือช้าเกินไปได้มันต้องเก็บเกี่ยวในสามวันที่มันสุก

วันนี้เองที่สำนักทั้งสี่แห่งได้ส่งศิษย์ออกมาก่อนแต่ละสำนักครอบครองภูเขาไฟหนึ่งแห่งสำนักใหญ่ทั้งสี่มีข้อตกลงร่วมกันว่าวัตถุดิบที่จำเป็นมาตัวนี้ไม่ควรจะต่อสู้แย่งชิงกัน

มีอยู่กลุ่มหนึ่งเป็นสำนักซากศพจำนวนสามคน สองบุรุษและหนึ่งสตรีพวกเขามาพร้อมกับโลงศพของตัวเองด้านหลังขณะที่ยืนบนปล่องภูเขาไฟที่ร้อนระอุเพื่อรอเวลาและพร้อมจะเข้าไป

เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้าเมื่อภูเขาไฟอื่นอีกสามแห่งมีควันสีเขียวลอยออกมาสำนักทั้งสามต่างกระโดดเข้าไปในภูเขาที่ตนเองดูแลตามลำดับศิษย์สามคนของสำนักซากศพเผยใบหน้างุนงง ศิษย์สตรีคนหนึ่งขมวดคิ้วและพูดขึ้น “ศิษย์พี่ม่าย ท่านรู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น?”

บุรุษนามว่าม่ายขมวดคิ้วเช่นกันขณะที่ตอบคำถาม “ควันสีเขียวนั่นก็หมายถึงผลไม้ทองคำกำลังสุกและพร้อมจะเก็บเกี่ยวแล้วภูเขาไฟทั้งสี่แห่งควรจะสุกในเวลาเดียวกันพี่โจวท่านคิดว่าเราควรจะลงไปตรวจสอบไหม?”

บุรุษหนุ่มนามว่าโจวครุ่นคิดเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ส่ายศีรษะและพูดขึ้น “พวกเรารอก่อน หากควันสีเขียวไม่ออกมาและควันพิษของภูเขาไฟละลายอยู่เราจะเกิดอันตรายหากลงไปตอนนี้”

เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้าเมื่อเห็นควันสีเขียวยิ่งหนาแน่นขึ้นที่ภูเขาไฟอีกสามแห่งศิษย์ทั้งสามคนเริ่มกระวนกระวาย ชายหนุ่มนามว่าโจวกัดฟันแน่นและพูดขึ้น “ก็ได้ ลงไปตรวจสอบกันเถอะ” ขณะที่เขากำลังจะกระโดดลงไปพลันมีรัศมีเยือกเย็นออกมาจากภายในภูเขาไฟ

ไม่นานจากนั้นบุรุษหนุ่มคนหนึ่งเต็มไปด้วยความหนาวเย็นปรากฎตัวขึ้นทั้งสามคนตกตะลึงขณะที่มองเขาเหาะออกไปขณะที่ถือเถาวัลย์สีม่วงหนาหนึ่งคนโอบออกมา

เถาวัลย์นั้นเต็มไปด้วยผลไม้ทองคำ

คนผู้นี้คือหวังหลินหลังจากเขาปรากฎตัวขึ้นมาก็ไม่ได้ชำเลืองมองทั้งสามคนเขาสังเกตเห็นทั้งสามคนอยู่ก่อนแล้วแต่เขากำลังปวดหัวว่าจะนำผลไม้นี้ออกมาอย่างไรดีทุกครั้งที่เขาดึงผลไม้ออกมาจากเถาวัลย์ มันจะโดนความร้อนจนกลายเป็นฝุ่นดังนั้นหวังหลินจึงตัดสินใจดึงรากทั้งหมดมันออกมาทว่าเขากลับหมดหนทางเมื่อไม่สามารถนำเถาวัลย์ใส่ในกระเป๋าได้ดังนั้นจึงได้ถือออกมาแทน หากไม่ใช่ความจริงที่ว่าผลนี้มีธาตุไม้มหาศาลเขาคงไม่ต้องปวดหัวเรื่องพวกนี้แล้ว

ชายหนุ่มนามว่าโจวกลืนน้ำลายลำบากขณะที่จ้องไปที่เครือเถาวัลย์บนไหล่หวังหลินสีหน้าท่าทางเขาเปลี่ยนไปหลายครั้งนี่เป็นปีที่สามที่เขามาเก็บเกี่ยวผลไม้ที่นี่อย่างมากเขาควรจะได้สักสิบผลนั่นเพราะว่ารากผลไม้เป็นสารอาหารให้กับตัวเองซึ่งเพียงพอให้ผลไม้เติบโตและรากอยู่รอดได้

หากนำผลไม้ออกมาเยอะเกินไปรากก็จะตาย หากรากตายเมื่อนั้นจะไม่มีผลไม้ทองคำปรากฎขึ้นในภูเขาไฟนี้อีกเลย

แต่คนผู้นี้ดึงออกมาทั้งรากชายหนุ่มคนนี้ไม่รู้หรือว่ารากมันจะตายภายในสองชั่วโมงหากดึงออกมา? เขาโกรธเกรี้วและเห็นว่าหวังหลินเป็นเพียงเซียนขั้นสร้างลำต้นระดับกลางทั้งยังกล้าเมินพวกเขาทั้งสามคนและนำรากหนีห่างไปไกล ทันใดนั้นเขาตะโกนขึ้น “หยุดนะ! ข้าไม่สนว่าเจ้ามาจากสำนักไหนเจ้าต้องจ่ายราคาที่กล้าทำลายรากของผลไม้ทองคำมาซะ!”

เช่นนั้นเขาเคาะโลงศพด้านหลังและทันใดนั้นก็ยืนตัวตรงขึ้นฝาโลงศพส่งเสียงดังเอี๊ยดขณะที่ฝาเคลื่อนออกมาเล็กน้อยพร้อมกับมือสีดำโผล่ออกมาควันดำขนาดเล็กออกมาจากนิ้วมือและกลิ่นเหม็นเน่ากระจายออกมาทันที

ศิษย์อีกสองคนด้านหลังได้วางโลงศพตัวเองเช่นกันและจ้องหวังหลินอย่างโกรธเกรี้ยว

หวังหลินหันกลับมามองทั้งสามคนและลูบเถาวัลย์ทองคำขณะที่ถามขึ้น “จ่ายราคาอะไร?”

โจวแกงเย้ยหยัน “ตัดแขนและขาทั้งสองของเจ้าออกซะ ควักตาของเจ้าออกมาและตามเรากลับไปให้จ้าวสำนักลงโทษ” พูดจบเขาไม่รอให้หวังหลินตอบกลับพลางชี้ไปที่โลงศพฝาโลงศพขยับออกไปมากกว่าเดิมจนมันปลิวออกมาและมัมมี่สีดำออกมาเต็มรูปร่างทันใดนั้นมันกระโจนเข้าหาหวังหลินด้วยควันสีดำในมือ

ในเวลาเดียวกันศิษย์อีกสองคนด้านหลังโจวแกงได้เคาะโลงตัวเอง มัมมี่อีกสองตัวกระโดดออกมา สร้างเป็นค่ายกลและพุ่งเข้าหาหวังหลิน

ดวงตาหวังหลินเย็นเฉียบขณะที่เสียงดังปัง! ภายในทะเลสีทองในจิตสำนึกเขาสายฟ้าแดงปรากฎขึ้นและพุ่งออกมาผ่านดวงตาหวังหลินศิษย์สำนักซากศพทั้งสามคนร่างกายสั่นระริกขณะที่ดวงตาหม่นหมองพวกเขาตายทันทีจากการโดนทำลายดวงวิญญาณ

จากนั้นหวังหลินเชิดศีรษะขึ้นมองไปที่หุ่นเชิดซากศพทั้งสามตัว สองในนั้นเริ่มเน่าเสียทันทีและกลายเป็นกองกระดูก

มีเพียงหุ่นเชิดซากศพของโจวแกงที่ไม่ได้รับความเสียหายมันหยุดพุ่งเข้าหาหวังหลินทันทีนัยน์ตาไร้ความรู้สึกนั้นกำลังส่องแสงสีทองขณะที่มันมองหวังหลินด้วยท่าทางหวาดกลัวมันถอยหลังทันทีและกำลังจะหนี

หวังหลินเหยียดยิ้มในใจและพูดขึ้น “เดินอีกก้าวเดียวเจ้าต้องตาย!”

มันปกคลุมร่างตัวเองในควันสีดำและวิ่งหนีไปราวกับคนหูหนวกแต่หลังจากนั้นหุ่นเชิดซากศพก็กรีดร้องออกมาขณะที่แสงดวงหนึ่งลอยออกมาจากร่างมันแสงดวงนั้นมีรูปร่างคนขนาดเล็กที่กำลังโค้งคำนับให้หวังหลินและอ้อนวอน “สหายเซียนโปรดเมตตา ข้าฉวี่ลี่กั๋ว(許立國 Xǔ lìguó) ศิษย์สำนักเทียนกาง (天罡Tiāngāng) จากแคว้นอันดับสี่ข้าได้เข้าทำร้ายท่านดังนั้นข้าจะจ่ายท่านคืน หากท่านต้องการอะไรเราคุยกันได้ โปรดอย่าวู่วาม”

คนตัวเล็กผู้นี้กลัวตาย เดิมทีเขาต้องการหนีแต่หลังจากรู้สึกพลังทำลายเข้ามาในร่าง ก็สัมผัสสัญญาณอันตรายได้ดังนั้นจึงหนีออกมาจากร่างได้อย่างฉิวเฉียด

แม้ว่าเขาจะเป็นเซียนขั้นผลิดอก เขาได้รับบาดเจ็บอย่างหนักในสงครามจึงได้หนีออกมาด้วยวิญญาณเซียนแต่วิญญาณเซียนของเขาได้รับบาดเจ็บมากกำลังสลายเพื่อสนิทของเขาได้รวบรวมทรัพย์สมบัติจำนวนมากเพื่อซื้อร่างกายให้เขาจากสำนักซากศพ

กายเนื้อที่เตรียมการโดยสำนักซากศพนั้นมีชื่อเสียงโด่งดังมากในแคว้นอันดับสี่และอันดับห้าทั้งหมดมีพรสวรรค์ดีเยี่ยมและแต่ละตัวปรับแต่งความต้องการได้ตามใจลูกค้าพวกเขาแม้กระทั่งเตรียมการให้กับเซียนประหลาดด้วยกายเนื้อที่เพศตรงข้ามกับเซียนผู้นั้นตราบใดที่ท่านเงินถึง เมื่อนั้นท่านสามารถได้รับความพึงพอใจที่สำนักซากศพ

สำคัญยิ่งไปกว่านั้น ไม่เคยมีปัญหาใดเลยกับร่างกาย และหากท่านจะจ่ายเพิ่ม ท่านสามารถรับการป้องกันแบบสมบูรณ์ระหว่างกระบวนการกลืนกิน

นอกจากนั้นแล้วการวิจัยการกลืนกินของสำนักซากศพมีระดับสูงยิ่งนักพวกเขาทั้งยังมีคำแนะนำโดยละเอียดในการช่วยผู้กลืนกินทั้งหลายในกระบวนการกลืนกินร่าง

ตราบใดที่ท่านสามารถจ่ายได้ท่านก็สามารถได้รับร่างกายใดก็ได้ทุกระดับชั้นฝึกตนทุกคนรู้กันดีว่าสำหรับเซียนขั้นผลิดอกกายเนื้อที่ดีที่สุดก็คือเซียนขั้นผลิดอกเช่นกันหากใช้กายของเซียนขั้นแตกหน่อเมื่อนั้นระดับการฝึกตนของท่านจะอ่อนแอลงอย่างมากและใช้เวลานานในการฟื้นฟู

หากท่านไม่สามารถจ่ายได้จริงๆและไม่สามารถจ่ายได้กระทั่งร่างเนื้อขั้นแตกหน่อเมื่อนั้นท่านเพียงสามารถต่อรองราคากายเนื้อขั้นสร้างลำต้นได้ทว่าหากท่านเป็นเซียนขั้นผลิดอกมันจะใช้เวลานานอย่างมากในการฟื้นฟูระดับฝึกตน

ฉวี่ลี่กั๋วเป็นหนึ่งในเหล่าเซียนขั้นผลิดอกที่ไม่สามารถจ่ายได้พอ

หากกายเนื้อขั้นผลิดอกเป็นกายเนื้อคุณภาพสูงที่สุดที่สำนักซากศพสามารถขายได้นั่นไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพราะกายเนื้อขั้นผลิดอกไม่ใช่รายได้หลัก

กายเนื้อที่สมบูรณ์แบบของเซียนขั้นสร้างวิญญาณเป็นปัญหาใหญ่กว่าแต่ความยากในการได้รับกายเนื้อของเซียนขั้นสร้างวิญญาณนั้นถือว่ามีเงื่อนไขสูงมากและผู้เชี่ยวชาญขั้นเซียนสร้างวิญญาณเกือบจะทุกตนต่างมีแคว้นอันดับห้าหนุนหลังดังนั้นมันจึงไม่ง่ายที่จะได้มา

แต่ปัญหานี้สามารถแก้ไขได้โดยสำนักซากศพหากท่านสามารถจ่ายไหวกายเนื้อขั้นเซียนสร้างวิญญาณแต่ไม่ว่าท่านจะมองตรงไหนก็ไม่สามารถหาได้ว่ากายเนื้อนี้มาจากไหน

นี่เป็นความลับใหญ่ที่สุดของสำนักซากศพและไม่มีใครล่วงรู้ความจริงมีแม้กระทั่งข่าวลือว่าสำนักซากศพสามารถเตรียมกายเนื้อให้เฉพาะเซียนชั้นยอดจากแคว้นเซียนอันดับหกด้วยการจับคู่กายเนื้อ

นี่เป็นสำนักที่ทรงพลังและลึกลับอย่างมาก แต่ละจ้าวสำนักสาขารู้แต่เพียงว่าสำนักหลักอยู่ภายในแคว้นเซียนอันดับห้า

แต่สำนักใหญ่อยู่ที่แคว้นเซียนอันดับห้าจริงหรือ? ไม่มีใครรู้คำตอบของคำถามนี้

แต่มีสิ่งหนึ่งแน่นอนคือไม่มีใครกล้าสร้างความรำคาญให้กับสำนักซากศพในแคว้นอันดับสี่หรือสูงกว่าขณะที่แคว้นอันดับสามและต่ำกว่า ตราบใดที่สำนักไม่ถูกกวาดล้างสำนักซากศพก็ไม่สนใจนอกจากนั้นแล้วที่นี่ยังเป็นเพียงฟาร์มสำหรับกายเนื้อระดับต่ำและสถานที่ที่เจรจาธุรกิจเท่านั้น