Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1286

Cover Renegade Immortal 1

1286. ตื่น! 2

หลี่เฉียนเหมยยังไม่กลับมา…ราวกับนางหายไปจากโลกและไม่เคยอยู่ในหุบเขานี้มาก่อน ค่ายกลกระบี่และหินหยกเป็นเพียงหลักฐานเดียวที่บอกว่าทุกอย่างได้เกิดขึ้น

หุบเขาเงียบสงัด รูปปั้นหินเรืองแสงพร้อมกับหินหยก ทว่าแสงจากหินหยกหมองหม่นราวกับเทียนไขในสายลม คล้ายจะดับได้ทุกเมื่อ

วันเวลาย่างเข้าวันที่ยี่สิบเจ็ดหลังหลี่เฉียนเหมยจากไป หญิงชราคนหนึ่งสวมชุดสีขาวเดินทางมาถึงแผ่นดินป่าที่แทบจะไม่มีใครเข้ามาแห่งนี้อย่างช้าๆ

นางถือหินหยกในมือด้วยสีหน้ามืดมน นางตรวจสอบทิศทางอยู่เสมอพลางค่อยๆเข้ามาในแผ่นดินป่า

หลังผ่านไปหนึ่งวัน แผ่นดินป่าที่หวังหลินอยู่จึงปรากฏในสายหมอกเบื้องหน้าหญิงชรา

นางถอนหายใจเย็นและก้าวเข้าไป หายตัววับและปรากฏตัวบนแผ่นดินป่า สัมผัสวิญญาณแพร่กระจายออกไปเผยระดับบ่มเพาะขั้นทลายสวรรค์สูงสุดกวาดผ่านพื้นที่แห่งนี้

ทันใดนั้นนางก็พบหุบเขาที่กำลังหาอยู่!

หลังเจอแล้ว นางจึงเคลื่อนไหวดุจประกายสายฟ้าเข้าหาหุบเขา เสียงดังสนั่นไปตามทางและปรากฏตัวด้านนอกหุบเขาที่มีหวังหลินด้านใน

“เป็นที่นี่หล่ะ!” นางขมวดคิ้วและกำลังจะเข้าสู่หุบเขา ทันใดนั้นค่ายกลกระบี่ทั้งเก้าพุ่งออกมาและป้องกันไม่ให้นางเข้าไป!

นางมองดูกระบี่เหินด้วยความยุ่งยากเล็กน้อยแต่สีหน้าเป็นปกติ พลันถอนหายใจและโยนหินหยกออกมา หินหยกนั้นสัมผัสเข้ากับเก้ากระบี่

กะพริบแสงและปลดปล่อยกลิ่นอายอ่อนโยนล้อมรอบกระบี่ทั้งเก้า กระบี่พลันสั่นเทา ยกเลิกการต่อต้านก่อนจะหายวับไป

เมื่อไร้กระบี่มาหยุดนาง จึงก้าวเข้าสู่หุบเขาและเห็นรูปปั้นของหวังหลินอยู่ตรงกลาง! นางเห็นหินหยกที่กำลังห้อยรอบคอเขาด้วย

พอมองรูปปั้นหวังหลิน นางจึงเผยสายตายากจะเข้าใจ หลังจากนั้นสักพักก็ถอนหายใจออกมา

“หลี่เฉียนเหมย เจ้าเสียสละตัวเองเพื่อเขามากขนาดนี้!! ข้าสัญญาว่าจะส่งมอบวิญญาณโลหิตของเจ้าและข้าต้องทำตามสัญญาให้สมบูรณ์!” นางสะบัดแขนและเปิดมิติเก็บของ ก้อนโลหิตขนาดเท่ากำปั้นลอยออกมา

ก้อนโลหิตดูไม่เหมือนเลือดจริงๆ มันเหมือนวิญญาณดวงหนึ่งมากกว่า หลังจากปรากฏขึ้นมา นางสะบัดแขนและให้มันเข้าสู่รูปปั้นหวังหลิน

วินาทีที่วิญญาณโลหิตเข้าสู่หวังหลิน รูปปั้นสั่นอย่างรุนแรง แสงโลหิตส่องประกายแต่แสงนี้ไม่แฝงจิตสังหาร กลับเต็มไปด้วยพลังชีวิตและสายสัมพันธ์สิบปี…

ขณะที่รูปปั้นสั่นสะท้าน กลิ่นอายหนึ่งดูเหมือนพยายามทะลวงออกมา! เสียงแตกร้าวดังสนั่น รอยแตกจำนวนมากปรากฏขึ้นรอบดวงตา หลังจากหลับใหลไปสิบปี หวังหลินลืมตาขึ้นมาเป็นครั้งแรก!

ก้อนหินบนใบหน้าพังทลาย ดูเหมือนยังต้องใช้เวลาอีกสักพักเพื่อให้เขาทะลวงออกมาได้สมบูรณ์

ในแววตาเกิดความงุนงงสับสน หวังหลินดูเหมือนจะเกิดความฝัน และระหว่างฝันอยู่นั้นเขาเข้าสู่ดินแดนประหลาด มันเป็นดินแดนแห่งเต๋า…

“ฮึ่ม เจ้าตื่นแล้ว!” น้ำเสียงเย็นเยียบขัดขวางความสงสัยของหวังหลิน ทำให้ดวงตาหวังหลินฟื้นคืนกลับมาทันที เขามองเห็นหญิงชราชุดขาวยื่นห่างออกไปไกล

“เจ้าคือ…” หวังหลินมองนางด้วยสายตาสงบนิ่ง เขาเห็นวิญญาณดั้งเดิมในตัวนางอย่างชัดเจนและมีวิชาทั้งหมดกะพริบอยู่ในวิญญาณดั้งเดิม ภายใต้สายตานี้ วิชาทั้งหมดดูเหมือนจะหยุดลง และหากเขาต้องการก็สามารถมองทะลุไปถึงรากฐานของวิชาทั้งหมดพวกนั้นได้!

ขณะที่ทอดสายตาไป เขาเห็นผนึกบนหัวใจด้านขวาของหญิงชรา ผนึกนี้ถูกใช้เพื่อฟื้นฟูและอยู่มาอย่างน้อยเป็นพันปี

เบื้องหน้าสายตาเขา สีหน้าของหญิงชราเปลี่ยนไปมหาศาล นางก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว เหงื่อเย็นเฉียบปกคลุมหน้าผาก วินาทีนั้นราวกับเขาคนนี้มองทะลุและเห็นความลับนางอย่างหมดจด นางกระทั่งเกิดภาพมายาอันน่ากลัวว่าหากคนผู้นี้ต้องการ วิชาทั้งหมดของนางคงถูกลบไปจากความทรงจำทั้งหมด!

สิ่งที่นางหวาดกลัวยิ่งก็คือผนึกฟื้นฟูที่ผู้อาวุโสระดับสูงของสำนักมารวางไว้เมื่อพันปีก่อนแทบจะแตกสลายจากสายตาเขา นี่มันมากพอจะย้อนคืนการฟื้นฟูนับพันปีและทำให้อาการบาดเจ็บสาหัสที่นางเผชิญเมื่อพันปีก่อนกลับมาได้อีกครั้ง!

แม้นางจะหวาดกลัว แต่นิสัยของนางมักจะดุดันเสมอ ยามล่าถอยไปพลันร้องตะโกน “ข้ามาจากสำนักมารแห่งเขตระดับเก้าเพื่อนำโลหิตวิญญาณของหลี่เฉียนเหมยมาช่วยให้เจ้าตื่น เจ้ากำลังจะทำอะไร? กำลังจะฆ่าข้ารึไง!”

“หลี่เฉียนเหมย?” หวังหลินตกตะลึง

ตอนที่นางเห็นสีหน้าท่าทางของหวังหลิน นางระงับความหวาดกลัวเอาไว้ เผยรอยยิ้มเศร้าและเอ่ยตอบ “หลี่เฉียนเหมย อาห์ หลี่เฉียนเหมย เจ้าทำทั้งหมดนี่ไปโดยที่เขาไม่รู้เรื่องอะไรเลย! ช่างมันเถอะ ข้านำโลหิตวิญญาณมาให้เจ้าแล้ว ข้าไม่มีอะไรติดค้างเจ้าอีก!”

นางพลันหันตัวกลับและกำลังจะจากไป!

หวังหลินดูเหมือนจะคาดเดาบางอย่างและรีบพูดขึ้น “สหายเซียน อย่าพึ่งรีบไป!”

ขณะพูดขึ้น กฎแห่งโลกดูเหมือนจะเปลี่ยนไป นางสั่นสะท้านและค้นพบว่าไม่สามารถออกไปได้ นางหันกลับมามองหวังหลินและเอ่ยขึ้นอย่างมืดมน “เจ้าทรงพลังและสามารถฆ่าข้าได้ง่ายๆ ตอนนี้เจ้าไม่ต้องการให้ข้าจากไป นี่มันหมายความว่าอะไร?”

หวังหลินมองนางและเอ่ยถาม “ข้าตกอยู่ในอาการสาหัสมานานและไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ข้าหวังว่าท่านจะอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างละเอียดให้ข้าฟังได้!”

นางเหยียดยิ้ม หลังจากผ่านไปสักพักจึงเอ่ยตอบ “เจ้าต้องการรู้อย่างนั้นหรือ? ก็ได้ ข้าจะบอกเจ้าทุกอย่าง! เจ้ารู้จักสตรีนามว่าหลี่เฉียนเหมยหรือไม่? เจ้าไม่ต้องตอบ เจ้าต้องรู้จักนาง!”

“ข้าไม่รู้ว่าเจ้าพบกันได้อย่างไร แต่เจ้ารู้ไหมว่าเมื่อสิบปีก่อน หลี่เฉียนเหมยละทิ้งโอกาสดีในการจะกลายเป็นศิษย์สำนักมารและจากสำนักมารไป? นางเป็นคนแรกที่ออกมาจากสนามรบเพื่อมาพบคนเพียงคนเดียวในสำนักอมตะ!”

“ปกติสำนักมารไม่ต้องการให้เป็นแบบนี้และแม้แต่สำนักทะลวงสวรรค์ของนางเองก็ไม่ยินดี พอเป็นแบบอย่างแล้ว จึงเป็นธรรมดาที่คนอื่นๆจะไม่ยึดถือในกฎนี้ด้วย สิ่งที่นางสูญเสียไปไม่เกี่ยวอะไรกับเจ้า แม้เจ้าจะไม่รู้มันก็ไม่ได้ทำร้ายเจ้า!”

หวังหลินตกตะลึง เขาไม่รู้เรื่องนี้จริงๆ ตอนที่เขาเจอหลี่เฉียนเหมยในสำนักอมตะ นางไม่ได้พูดอะไรแบบนี้เลย

“เจ้ารู้ไหมว่าเมื่อสิบปีก่อน หลี่เฉียนเหมยกลับไปสำนักตัวเองเนื่องจากมีคำสั่งจากอาจารย์ของนาง? เจ้าน่าจะรู้เรื่องนี้ เจ้ารู้ไหมว่าหลังจากนางกลับมา นางถูกอาจารย์กักขังทันทีและไม่ยอมให้ออกไปไหนสามเดือน? ทำไมถึงขังนางไว้สามเดือนเล่า? เพราะคนคนหนึ่งที่กำลังเผชิญวิกฤตแห่งชีวิตและความตายยังไงเล่า! ข้าไม่รู้เรื่องนี้มากนัก แต่ข้าเดาว่าเจ้าเข้าใจ!”

ความคิดหวังหลินสั่นสะท้าน เป็นธรรมดาที่เขาจะรู้เรื่องนี้ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นกับหลี่เฉียนเหมยในสำนักทะลวงสวรรค์

“เจ้ารู้ไหมว่าในการมาช่วยเจ้า หลี่เฉียนเหมยตัดขาดสัมพันธ์กับอาจารย์นางที่เป็นเหมือนพ่อ เพื่อแลกเปลี่ยนโอกาสให้ออกมาได้? จากนั้นนางก็กลายเป็นคนไม่มีบ้าน ไม่มีสำนัก!”

“เจ้ารู้ไหมว่าการจะช่วยให้เจ้าตื่นได้ หลี่เฉียนเหมยชโลมร่างเจ้าด้วยเลือดตัวเองตลอดสิบปีที่ผ่านมา? หลังจากเลือดของนางใช้ไปหมด นางใช้แก่นโลหิตของตัวเอง และเมื่อมันไม่พอ นางก็ใช้เขตแดนของตัวเอง!”

“เจ้ารู้ไหมว่าทั้งหมดนี้มันเจ็บปวดแค่ไหน เพื่อดำเนินต่อไปตลอดสิบปีและไม่เคยหยุด?”

“เจ้ารู้ไหมว่าในสิบปีนี้ นอกจากเดือนสุดท้ายนี้ นางไม่เคยออกไปจากหุบเขาเลยและอยู่กับเจ้าตลอดเวลา?”

“เจ้ารู้ไหมว่าในสิบปีนี้ ไม่เพียงแต่นางจะใช้เลือดตัวเอง แต่นางใช้พลังชีวิตของตัวเอง ทุกอย่างของตัวเอง ใช้ชีวิตของนางเพื่อชโลมเจ้าด้วยโลหิตและนางก็อ่อนแอยิ่ง!”

“เจ้ารู้ไหมว่าตอนที่เขตแดนของนางไม่พอ นางเข้าไปที่สำนักมาร? จากนั้นข้าไม่ทราบว่านางแลกเปลี่ยนอะไรไป นางได้โลหิตวิญญาณของตัวเองกลับมาและขอให้ข้านำมาให้เจ้า!”

“เจ้ารู้ไหมว่า แม้แต่ตอนที่นางออกไป นางทิ้งหยกวิญญาณของตัวเองเอาไว้เพื่อหล่อเลี้ยงร่างเจ้า ทั้งหมดนี้เจ้าไม่รู้หรือ? เจ้าไม่รู้ใช่ไหม???”

นางมองหวังหลินด้วยสีหน้าเศร้าพร้อมกับเอ่ยเล่าทุกอย่าง

ทั้งหมดนี้เป็นเหมือนสายฟ้าฟาดลงใส่หวังหลิน ทั้งหมดดังสนั่นกึกก้องในร่างกาย เขารู้สิ ตอนนี้เขารู้แล้วว่าแสงโลหิตที่มาไม่ขาดสายทำให้เขาอบอุ่นในลูกปัดฝืนลิขิตฟ้าและไม่หยุดแม้แต่ตอนที่เขาอยู่ในขอบเขตเต๋า เขารู้แล้วว่ามันคืออะไร

หวังหลินก้มศีรษะลงและเห็นหินหยกรอบคอตัวเอง แสงจากหินหยกมืดมนยิ่งและดูเหมือนจะหายไปได้ทุกเมื่อ ด้วยอะไรบางอย่างตอนที่เขามองมัน ปรากฏรอยแตกร้าวเล็กๆขึ้น!

“เจ้ารู้ไหมว่าตอนนี้นางอยู่ไหน?” นางเอ่ยน้ำเสียงด้วยความเศร้าโศก

“เจ้าไม่รู้น่ะสิ เจ้าไม่รู้ว่านางยอมตกลงกับสำนักมารเพื่อให้ได้โลหิตวิญญาณของนางมาด้วยเงื่อนไขแบบไหน เจ้าจะรู้ได้อย่างไร? ถ้าไม่ใช่ว่าข้าเฝ้าดูการเติบโตของนางและถือได้ว่าเป็นพี่สาว ข้าจึงบังคับให้นางเล่าทุกอย่างออกมาที่สำนักมาร ไม่เช่นนั้นข้าคงไม่รู้…”

หวังหลินครุ่นคิดและเอ่ยถามขึ้นเบาๆ “นางอยู่ไหน…”

“นางอยู่ไหนน่ะหรือ? การจะเอาวิญญาณโลหิตมาจากสำนักมารจะเป็นเรื่องง่ายได้อย่างไร? นางออกมาจากสนามรบเมื่อสิบปีก่อนและไม่ได้กลับไปเป็นสิบปี นางถูกขับไล่ออกจากสำนักทะลวงสวรรค์แล้วด้วย สำนักมารจะไม่ลงโทษนางได้อย่างไร? หากนางต้องการโลหิตวิญญาณของตัวเอง นางต้องแลกด้วยสิ่งที่มีค่ามหาศาล!”

“การได้รับโลหิตวิญญาณของตัวเองมา นางสัญญากับสำนักมารว่าจะเข้าไปในส่วนที่ลึกที่สุดของสนามรบรอยแยกอวกาศ เพื่อสำรวจพื้นที่ที่เต็มไปด้วยอสูรร้ายเพื่อดูว่ามีทางเข้าสู่ดินแดนชั้นนอกอยู่หรือไม่!”

“หากมีทางเข้าสู่ดินแดนชั้นนอกจริง นางจะกลับมาอย่างปลอดภัยได้อย่างไร? ถึงแม้จะไม่มี แต่ก็มีอสูรทรงพลังอยู่ในส่วนลึก นางต้องตายแน่!”

“คงไม่ต้องพูดถึงว่าตอนนี้นางสูญเสียพลังชีวิตส่วนใหญ่และระดับบ่มเพาะตกลงไปมหาศาลจากการดึงชีวิตมากเกินไป นางจะรอดได้อย่างไร? สำนักมารต้องการให้นางตายในสนามรบเพื่อเป็นตัวอย่าง!”

“ตอนที่ได้โลหิตวิญญาณของนางกลับมานั้น นางเข้าไปในส่วนลึกของสนามรบแล้ว ผู้คนของสำนักมารจะไม่ยอมให้นางกลับมา ดังนั้นสิ่งที่นางทำได้คือขอให้ข้านำโลหิตวิญญาณนี้มา ตอนนี้เจ้าก็รู้แล้ว! นางคงไม่ยอมให้ข้าบอกเรื่องนี้กับเจ้า แต่เมื่อเจ้าถามขึ้นมา สิ่งที่ถูกต้องคือข้าไม่ควรบอกเจ้าหรือ? ทำไมข้าไม่ควรบอกเจ้าเล่า ข้าอยากจะบอกเรื่องทั้งหมดนี้กับเจ้าที่สุด!” น้ำเสียงนางเย็นเยียบ ทุกคำพูดเป็นเหมือนเข็มอันเจ็บปวดทิ่มแทงใส่หัวใจหวังหลิน

ร่างหวังหลินสั่นเทา ก้อนบนร่างกายที่เดิมทีต้องการเวลาอีกกลับสั่นเทาอย่างรุนแรง รอยแตกร้าวแพร่กระจายและพังทลายจนเกิดเป็นเสียงดังสนั่น

ก้อนหินถูกเชื่อมกับร่างหวังหลิน และตอนนี้มันพังทลายไปแล้ว หวังหลินชุ่มไปด้วยโลหิต! ทว่าเขาจะสนใจอะไรอื่นตอนนี้ไหมเล่า?

รูปปั้นหินของเขาถูกเชื่อมกับแผ่นดินป่า ตอนนี้รูปปั้นพังทลายไปแล้ว แผ่นดินป่าสั่นเทาและพังทลายในทันที!

เสียงดังนั่นกึกก้องและทั้งแผ่นดินป่าเริ่มพังทลาย ห้วยลึกขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นมาทำให้แผ่นดินป่าฉีกขาด!

เมื่อแผ่นดินพังทลาย หวังหลินพุ่งตัวออกไป! กลิ่นอายระดับทรงพลังแพร่ออกมาจากร่าง กลิ่นอายนี้แข็งแกร่งมากพอจะสั่นสะเทือนสรวงสวรรค์!

หลังจากออกมา เขามองดวงดาวและก้าวเท้า ยื่นแขนออกไปคว้าหญิงชรา

“นำข้าไป! ข้าจะไปสนามรบของสำนักมาร!”

หวังหลินเอ่ยน้ำเสียงสงบนิ่งแต่แฝงอำนาจที่ไม่อาจปฏิเสธได้ แม้แต่เซียนขั้นทลายสวรรค์ระดับสูงสุดยังไม่อาจปฏิเสธเขาได้! พวกเขาคงไม่กล้าปฏิเสธ!

“เจ้า…” วิญญาณดั้งเดิมของหญิงชราสั่นเทา นางไม่อาจใช้ได้แม้แต่วิชาอันใดต่อหน้ากลิ่นอายหวังหลิน นางไม่สามารถหลบเลี่ยงได้เลยและถูกหวังหลินคว้าเอาไว้ในพริบตา

“ข้าจะไปช่วยนาง!”

…………………………………..

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!