Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1294

Cover Renegade Immortal 1

1294. วิชาเต๋า

มังกรเก้าอเวจีส่งเสียงคำราม มันต้องยอมรับ มันสัมผัสถึงกลิ่นอายปั่นป่วนและหวาดกลัวข้างในหวังหลินที่ทำให้มันสั่นเทา มีอยู่สามเหตุผลที่ทำไมมันต้องยินยอม

เหตุผลแรกเกิดขึ้นจากความทรงจำที่มันสืบทอดมาจากยุคโบราณ พลังอำนาจแห่งเทพ!

เหตุผลที่สองคือแรงสั่นเทาจากดวงวิญญาณ ราวกับวิญญาณหวังหลินมีพลังที่จะควบคุมและกลืนกินมันได้!

เหตุผลที่สามทำให้มันหวาดกลัวมากที่สุดด้วยตัวมันเองก็มีความทรงจำสืบทอดมาเช่นเดียวกัน เป็นกลิ่นอายของจักรพรรดิหมู่มวลอสูร กลิ่นอายของจี่เซี่ยง!

นอกจากนี้สองฝ่ามือของหวังหลินได้บรรจุพลังอำนาจสั่นสะเทือนสวรรค์ แล้วมังกรเก้าอเวจีจะต่อต้านได้อย่างไร? มันต้องยอมจำนนและกลายเป็นพาหนะของหวังหลินเท่านั้น!

ยามที่หวังหลินใช้สองฝ่ามือกำราบมังกรเก้าอเวจี ทุกคนด้านนอกรอยแยกอวกาศตะลึงค้างกันไปแล้ว แต่ละคนมีแววตาหวาดกลัวขั้นสุด นี่มันน่าตกตะลึงและเหลือเชื่อเกินกว่าตอนที่หวังหลินทำลายอสูรและกะโหลกทั้งหมดเสียอีก!

แม้แต่คนทั้งสามของสำนักมารที่อยู่ในหมอกสีฟ้ายังตกตะลึงกันหมด แต่ละคนไม่เชื่อสายตาตัวเอง จิตใจสั่นสะท้านทำให้หมอกรอบๆตัวบืดเบือน

“มังกรเก้าอเวจีถูกเขาเอาไปเป็นพาหนะ!!! เรื่องนี้มัน…เรื่องนี้มัน…”

“เราสามคนร่วมมือกันโจมตีด้วยวิชาลับของสำนักมารก็สามารถเอาชนะมังกรเก้าอเวจีได้ แต่คงไม่สามารถทำให้มันยอมจำนนได้ ทั้งยังทำให้มันกลายเป็นพาหนะอีก เขาเป็นใครกันแน่ถึงทำแบบนี้ได้?!”

“แม้ว่ามังกรเจ้าอเวจีไม่ใช่ตัวโตเต็มวัย มันก็ยังเป็นหนึ่งในสหายของจี่เซี่ยง มันจะเชื่องแบบนี้ไปได้อย่างไร?”

ทั้งสามคนตื่นตะลึง หากทั้งสามเป็นเช่นนี้คงไม่ต้องพูดถึงคนที่เหลือ เหล่าเซียนด้านนอกรอยแยกทั้งหมดตะลึงจนตาค้าง

วิญญาณดั้งเดิมของอัจฉริยะทั้งหกคนต่างก็สั่นเทาพลางจ้องมองหวังหลินที่กำลังยืนอยู่บนเศียรมังกรในรอยแยกอวกาศ ร่างหวังหลินสลักไว้ในใจแต่ละคน

เสื้อผ้าอาภรณ์สีขาว เส้นผมสีขาวทำให้เขาดูเหมือนล่องหน เป็นเทพแห่งสงครามสั่นสะเทือนอำนาจสวรรค์ที่ทุกคนต้องเคารพ!

‘หลี่เฉียนเหมยทำลงไปเพื่อเขา…เขาต้องมาที่นี่เพื่อหลี่เฉียนเหมย…หลี่เฉียนเหมย ข้าแอบแข่งขันกับเจ้าเป็นร้อยปี ข้าคิดว่าเจ้าคงจะตายหลังจากถูกส่งเข้าไปในรอยแยกอวกาศ แต่ไม่คิดว่าจะมีคนที่แข็งแกร่งทรงพลังเช่นนี้ออกมาช่วยเจ้า…’ สตรีผู้เฉยเมยพลางถอนหายใจออกมา

หวังหลินยืนอยู่บนมังกรเก้าอเวจีและไม่สนเซียนด้านนอก เขากำลังจะพุ่งเข้าไปในส่วนลึกของรอยแยกเพื่อช่วยหลี่เฉียนเหมย! ทว่าวินาทีนี้มีกลิ่นอายทรงพลังยิ่งปะทุออกมาจากหนึ่งในหกดาวเคราะห์สำนักมาร ขณะเดียวกันมีคนผู้หนึ่งเข้ามาใกล้

เขาเร็วมาก เพียงแค่ก้าวเดียวก็เคลื่อนย้ายตัวเองมาในอวกาศที่ไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้แล้ว หลังจากนั้นเขาก็ก้าวที่สอง

ยามเก้าที่สองร่อนลงไป พลันปรากฏตัวด้านข้างสามคนจากสำนักมารและก้าวครั้งที่สาม เขาเข้ามาเร็วมากจนไม่มีใครสามารถตามทันและปรากฏตัวเบื้องหน้าหวังหลิน

“สหายเซียน อย่ารีบร้อน ให้ข้าให้เห็นว่าเจ้ามีคุณสมบัติพอจะเข้าไปในส่วนลึกของรอยแยกก่อน!”

ขณะที่เขาเข้ามาใกล้นั้น น้ำเสียงสุภาพดังสะท้อน สั่นสะเทือนอยู่ทั้งในและนอกรอยแยกอวกาศ แขนขวากดลงใส่หวังหลินที่อยู่บนยอดเศียรมังกร!

หวังหลินไม่เปลี่ยนสีหน้า วินาทีที่ฝ่ามือร่อนลงมาถึง เขายกแขนขวาขึ้นมาผลักไปข้างหน้า พลังจากสองฝ่ามือปะทะกันในอากาศ

พลังดั้งเดิมไร้ก้นบึ้งรวมกันอย่างบ้าคลั่ง พลังทำลายล้างที่สามารถทำลายได้แม้แต่อวกาศเองกำลังกระจายออกไปจากทั้งสองฝ่ามือ

แรงสั่นสะเทือนเกินบรรยายปรากฏขึ้นมาและแพร่กระจายราวกับพายุรุนแรงกวาดใส่เซียนรอบด้าน บังคับให้พวกเขาต้องล่าถอย แม้แต่อัจฉริยะทั้งหกคนยังหน้าซีดและถูกทำให้ถอยร่น

มีเพียงคนทั้งสามจากสำนักมารที่สามารถนิ่งเฉยยังเบื้องหน้าคลื่นกระแทก พวกเขาจ้องเข้าไปในรอยแยกด้วยใบหน้าเคร่งขรึม!

หวังหลินร่ำร้องอู้อี้ ในร่างกายเกิดเสียงปะทุดังลั่น เขากระเด็นกลับไปหลายสิบฟุตพร้อมกับเจ้ามังกร ร่างคนที่เข้าประชิดมาในสามก้าวเองก็ส่งเสียงร้องอู้อี้เช่นกัน แต่แทนที่จะล่าถอย เขากลับก้าวอีกครั้ง!

“เจ้ารนหาที่ตาย!” หวังหลินดวงตาส่องสว่าง กระโจนออกไปจากเศียรมังกรเข้าหาร่างนั้น แขนขวากำหมัด ดวงดาวเทพโบราณตรงกลางหน้าผากปรากฏขึ้นมา พลังงานเทพโบราณจำนวนมากปะทุเข้าไปในกำปั้น!

เกิดเสียงดังสนั่นตึงตัง คนที่โจมตีเข้ามาหยุดชะงักไปชั่วขณะและถูกผลักกลับไป หวังหลินไล่ตามด้วยท่าทีมืดมน สะบัดแขนให้หยดโลหิตไหลออกมาจากกลางหน้าผาก เปลี่ยนกลายเป็นกระบี่สีแดงโลหิต!

หวังหลินถือกระบี่เอาไว้ ตวัดฟาดฟันลงมาอย่างรุนแรง!

ร่างที่กำลังล่าถอยพลันเปลี่ยนสีหน้าไปมหาศาลเมื่อหวังหลินนำกระบี่เล่มนี้ออกมา เขาพ่นกระดองเต่าออกมาเพื่อขัดขวาง

วินาทีที่กระดองเต่าปรากฏ กระบี่โลหิตฟันลงไปปะทะกับกระดองเต่า

แต่กระนั้นกระดองเต่าก็ไม่สามารถหยุดกระบี่โลหิตได้เลย พอปะทะกันแสงสีแดงจึงแทงเข้าไปใส่คนผู้นั้น

ร่างกายโซเซ โลหิตไหลออกมาจากมุมปาก เขาถอยอีกครั้งแต่จากนั้นสะบัดแขนรุนแรง รวบรวมพลังดั้งเดิมอย่างบ้าคลั่ง

ส่งเสียงดังกึกก้องทันที “ปฐพี จักรพรรดิ กระบวย เทพ ระเบิด! ประทับวิญญาณสงคราม!” อักขระเวทย์ห้าชิ้นพลันปรากฏขึ้นมาและก่อตัวเป็นประทับฝ่ามือยักษ์!

ประทับฝ่ามือนี้คือประทับวิญญาณสงคราม เป็นประทับวิญญาณสงครามของจริง! พลังดั้งเดิมในโลกรวมแน่นอย่างรวดเร็วและเปลี่ยนกลายเป็นรูปร่าง พุ่งเข้าหาหน้าผากหวังหลินด้วยแรงเหวี่ยงที่รุนแรง!

หวังหลินไม่ถอย ขณะที่พุ่งตัวออกมา ดวงตาเรืองแสงสีแดง กระบี่โลหิตในมือหายไปและผสานกับร่างกาย วินาทีนั้นร่างกายเขาเรืองแสงสีแดงมหึมา ร่างกลายเป็นกระบี่โลหิต!

เขาคือกระบี่โลหิต!

สองดัชนีบนมือขวาจับเป็นปลายกระบี่ที่สามารถทิ่มแทงได้ทั้งฟ้าดิน ชี้ใส่ฝ่ามือด้วยสองนิ้ว ปราณกระบี่สิบล้านเส้นล้อมรอบเขาก่อตัวเป็นพายุกระบี่ปะทะกับประทับฝ่ามือ

ตึงตัง ตึงตัง ตึงตัง!

ยามที่ปราณกระบี่สิบล้านสายปะทะกับประทับฝ่ามือทำให้ฟ้าดินสั่นสะเทือน ปราณกระบี่พังทลาย ส่วนฝ่ามือหยุดชะงักไปชั่วขณะ วินาทีนั้นสองนิ้วหวังหลินปกคลุมด้วยแสงสีแดงทิ่มแทงใส่ใจกลางฝ่ามือ!

ประทับฝ่ามือแตกสลายเสียงดังปัง พลังดั้งเดิมหนักอึ้งสลายไป สีหน้าท่าทางของคนที่พุ่งเข้าหาเปลี่ยนไปอีกครั้งและเขาต้องการถอย แต่มันสายเกินไปแล้ว หวังหลินทะลวงผ่านฝ่ามือเข้ามาและก้าวเท้า สองนิ้วชี้ใส่หน้าผากของอีกฝ่าย!

ร่างนั้นสั่นกระตุกและกระอักโลหิต เขารีบล่าถอยและออกไปจากรอยแยกอวกาศ!

ในแววตาหวังหลินกะพริบแสงเย็นเยียบ ไล่ตามออกไปนอกรอยแยกอวกาศ แขนซ้ายกดลงใส่กลางหน้าผากราวกับกำลังฉีกกระชากบางอย่างให้ขาดออกจากกัน!

สีหน้าท่าทางของร่างนั้นเปลี่ยนไปอีกครั้งหลังจากเห็นแขนซ้ายหวังหลิน จึงรีบร้องตะโกนออกไป “สหายเซียน หยุด!! สหายเซียน หยุด!! เรื่องนี้ข้าวู่วามเกินไป!”

เขาหยุดลงเบื้องหน้าคนทั้งสามของสำนักมารและเปลี่ยนกลายเป็นชายชราผมขาว จากนั้นคำนับฝ่ามือให้หวังหลิน

หวังหลินก้าวออกมาจากรอยแยก จ้องมองชายชราและวางแขนซ้ายลง

สามคนด้านหลังชายชราเอ่ยอย่างเคารพ “คารวะผู้อาวุโส”

ชายชราพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นมองหวังหลินด้วยแววตาตกตะลึง จากนั้นคำนับฝ่ามือให้ “สหายเซียนแข็งแกร่งยิ่งนัก ข้าไม่อาจเทียบได้กับเจ้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระบี่โลหิต สมบัตินั่น…” ผู้อาวุโสส่ายศีรษะและยิ้มอย่างขมขื่น สมบัติที่น่าตกตะลึงและหวาดกลัวเพียงนี้ได้ทำให้เขาไม่อาจอธิบายอะไรออกมาได้

หวังหลินจ้องมองชายชราอย่างเย็นชา เขาถอนสายตาและพุ่งตัวกลับไปในรอยแยกโดยไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา มังกรเก้าอเวจีข้างในหวาดกลัวจนคิดอะไรไม่ออก มันไม่กล้าหนีไปไหน

ชายชรามองแผ่นหลังหวังหลินและเอ่ยกล่าว “สหายเซียน เป็นข้าเองที่รุนแรงเกินไป ข้าเชื่อแล้วว่าสหายเซียนมาช่วยหลี่เฉียนเหมย หลี่เฉียนเหมยถูกข้าจับตามองรับเข้าสำนักมาร และเป็นข้าเองที่ยอมให้นางออกไป” จากนั้นเขาสะบัดมือขวาส่งหินหยกลอยไปหาหวังหลิน

“รอยแยกนี้กว้างใหญ่ หากเจ้าค้นหาสุ่มๆคงหาหลี่เฉียนเหมยได้ยาก หินหยกนี้มีแผนที่และข้าทำเครื่องหมายตำแหน่งของนางไว้แล้ว ด้วยความเร็วของสหายเซียน เจ้าอาจจะสามารถไล่ตามทันได้”

หวังหลินหยุดลงรับหินหยก หลังจากตรวจสอบด้วยสัมผัสวิญญาณ ใบหน้าเย็นชาจึงอ่อนลง เขาหันกลับมาหาชายชราและเอ่ยขึ้น “กลับไปซะและปิดด่านฝึกตนเป็นเวลาสามวัน อย่าใช้เจตจำนงแห่งเต๋าของเจ้าและเพ่งสมาธิตัวเอง ในห้าชั่วโมงสุดท้ายของวันที่สาม เจตจำนงแห่งเต๋าของเจ้าจะพังทลาย จงอดทนเอาไว้ หากเจ้าทนได้จะไม่มีอันตราย!”

เพียงหวังหลินพูดจบ เขาก็จากไปให้ชายชราตกตะลึง หวังหลินร่อนลงบนเศียรมังกรเก้าอเวจีและพุ่งเข้าไปในส่วนลึกของรอยแยกอวกาศ!

ชายชรามองตำแหน่งที่หวังหลินหายตัวไป สีหน้าพลันเปลี่ยนไป เขาสำรวจร่างตัวเองอย่างละเอียดและสีหน้าค่อยๆซีดเซียวจนกลายเป็นหวาดกลัว เขาเห็นว่ามีการเปลี่ยนแปลงลึกลับบางอย่างในเจตจำนงแห่งเต๋าของเขา ราวกับเป็นพลังภายนอกที่รุกรานเข้ามาและทำให้เต๋าของเขาค่อยๆอ่อนแอลง

‘นี่…นี่มัน…วิชาเต๋า!!!’ ชายชราหน้าซีดไร้สีเลือด รู้สึกว่าตัวเองโชคดี ถ้าเขาไม่มีเจตนาดีมอบหินหยกนั้นให้ อีกฝ่ายคงไม่บอกเขา และถึงแม้เขาจะสังเกตได้ว่าเจตนาแห่งเต๋าได้รับความเสียหาย คงเก็บตัวปิดด่านบ่มเพาะเพื่อฟื้นฟู จากนั้นในห้าชั่วโมงสุดท้ายในวันที่สาม เขาคงคลายความระมัดระวัง หากไม่ตายก็คงบาดเจ็บสาหัส

‘บางทีเขาอาจจะสามารถช่วยหลี่เฉียนเหมยได้จริงๆ แม้กระทั่งระดับทะลวงสวรรค์ครั้งที่สองของข้าก็ไม่แน่ใจว่าจะต่อสู้จนชนะกลับมาได้ และข้ายังถูกเขาทำร้ายจนบาดเจ็บอีก เรื่องน่ากลัวที่สุดคือเขายังมีผนึกไว้อยู่ หากปลดปล่อยผนึกนั่น…’ ชายชรามีสายตาเคร่งเครียดมองเข้าไปในรอยแยกอวกาศ จากนั้นหันกลับมาเข้าสู่ดาวเคราะห์เซียน เขาเข้าไปปิดด่านบ่มเพาะทันที

………………………………………

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!