1296. เสียงหัวเราะ!
ใบหน้านางซีดเซียวและผอมบางจนเหมือนกระดุกผุ ขณะที่มุ่งไปข้างหน้ามีเงาใหญ่เหมือนแส้พุ่งตรงเข้าหานาง
พอเงาเข้ามาใกล้ นางสะบัดกระบี่ยาวในมือเข้าตอบโต้จนเกิดเสียงดังสนั่น ใบหน้านางซีดยิ่งขึ้นและกระอักโลหิต นางพุ่งเข้าสู่ส่วนลึกของอวกาศพร้อมกับมีเงาไล่ตามหลังมาติดๆ!
อวกาศที่บิดเบี้ยวกำลังสั่นสะเทือนและพังทลาย ร่องรอยของวิชาจึงพังทลายไปด้วย หวังหลินเผยแววตาตื่นเต้นและบ้าคลั่ง!
“หลี่เฉียนเหมย!” แม้สตรีชุดขาวจะเปลี่ยนไปและผอมบางยิ่ง หวังหลินจำได้ทันทีว่านางคือหลี่เฉียนเหมย!
สภาพอ่อนแอและใบหน้าซีดเผือดของนางทิ่มแทงในใจหวังหลินเหมือนเข็ม ความเจ็บปวดรุนแรงทำให้สัมผัสวิญญาณเขาระเบิดออกมาก่อตัวเป็นพายุรุนแรงทะลุมังกรเก้าอเวจี เจ้ามังกรพ่นลมหายใจร้อนจากสองรูจมูกและพลางมุ่งไปข้างหน้าทั้งที่ยังสั่นเทา
คราวนี้เจ้ามังกรเคลื่อนที่ทะลวงผ่านอวกาศได้เร็วขึ้นและเข้าสู่ส่วนลึกของรอยแยก อย่างไรก็ตามมันก็สั่นเทารุนแรงยิ่งกว่าเดิม วิญญาณตกอยู่ปากเหวแห่งการล่มสลาย
ราวกับที่นี่เป็นพื้นที่ต้องห้าม เป็นสถานที่ที่มันไม่กล้าเข้าไป!
หลังจากนั้นไม่นานเจ้ามังกรก็ส่งเสียงคำรามโหยหวน หยุดชะงักลงแม้จะมีการกระตุ้นจากหวังหลิน มันส่งเสียงคำรามทั้งที่ยังหวาดกลัว
ความหนาวเย็นแล่นผ่านโลกสีม่วงราวกับอากาศกำลังไหลผ่าน ราวกับพลังงานเย็นนี้ทำให้เจ้ามังกรหยุดชะงักลงเนื่องจากความหวาดกลัวและไม่ฟังคำสั่งหวังหลิน
ไม่เพียงแต่มันจะไม่ขยับไปข้างหน้า มันยังต้องการล่าถอย หวังหลินดวงตาส่องสว่าง เขากำลังจะก้าวออกไปแต่ใบหน้าพลันเปลี่ยน สะบัดมือขวา ปรากฏหินหยกในมือซึ่งมันคือหยกวิญญาณของหลี่เฉียนเหมย
หินหยกแตกกว้างกว่าเดิมส่งเสียงเสียดแก้วหู วิญญาณชีวิตของหลี่เฉียนเหมยอ่อนแอยิ่งขึ้นจนแทบจะมอดดับ!
หัวใจหวังหลินบิดเบี้ยวไปชั่วขณะ ราวกับมีกำปั้นชกใส่หน้าอก กลิ่นอายบ้าคลั่งเต็มไปทั่วร่าง เขาไม่สนเจ้ามังกรเก้าอเวจี พลางกระโจนออกไปเข้าสู่ส่วนลึกของรอยแยกอวกาศ
อย่างไรก็ตามเมื่อไร้กลิ่นอายราชาอสูรของมังกรเก้าอเวจี พอเขาพุ่งออกมา เหล่าอสูรจึงเริ่มส่งเสียงดังกึกก้อง อสูรที่อาศัยอยู่ในโลกสีม่วงนี้พลันพุ่งหาหวังหลินทันที
อสูรตัวหนึ่งที่มีร่างกายเป็นกระดองเต่าพลันส่งเสียงคำรามทรงพลังพุ่งหาหวังหลินจากระยะพันฟุต
หวังหลินพุ่งไปข้างหน้าโดยไม่ชะลอตัวลงเลย ระยะพันฟุตย่นลงในพริบตา หวังหลินกำหมัดขวาและโยนกำปั้นออกไป
เสียงดังสนั่นหวั่นไหวดูเหมือนจะเริ่มการเข่นฆ่านองเลือดในโลกอันมืดมิดแห่งนี้ อสูรกระดองเต่าสั่นสะท้าน ดวงตาตกอยู่ในความมึนงง ร่างกายระเบิดกลายเป็นหมอกโลหิตทันที
หวังหลินพุ่งออกมาจากหมอกโลหิตและมุ่งหน้าต่อไป ทว่าตอนที่เขาพุ่งออกมา พวกอสูรร้องคำรามกึกก้อง มีอสูรที่แตกต่างกันสิบสายพันธุ์เข้ามาหาเขา
เสียงดังสนั่นไปทั่วโลก หวังหลินดุจดั่งเทพสังหาร ไม่มีสิ่งใดจะหยุดเขาได้ เพียงแค่สะบัดแขน อสูรรูปร่างคล้ายสิงโตพลันกลายเป็นกองโลหิตทันที
อสรพิษลำตัวหมื่นฟุตเข้ามาใกล้และถูกหวังหลินใช้เป็นที่หยั่งเท้า มันส่งเสียงกรีดร้องโหยหวนและตายในทันใด
แมงมุมตัวยักษ์ใบหน้ามนุษย์ มีร่างกายขนาดหมื่นฟุตดุจดั่งภูเขาย่อมๆเข้ามาใกล้ มันอ้าปากจะกลืนกินหวังหลินแต่หวังหลินกดแขนขวาลงไป เจ้าแมงมุมตายทันที
เสียงกรีดร้องของอสูรก่อนตายเพิ่มพูนขึ้น หวังหลินเป็นเหมือนพายุที่ทำให้เกิดฝนโลหิตฉีกกระชากทุกเส้นทางที่เขาข้ามผ่าน!
ในแววตาหวังหลินปรากฏแสงสีแดง เคลื่อนร่างเร็วยิ่งขึ้นพลางคำราม “ไปซะ ไปซะ ไปซะ ไปซะ!!” แขนขวาสร้างผนึก ปราณกระบี่สิบล้านสายล้อมรอบตัวเอง พวกอสูรรอบด้านทั้งหมดกรีดร้องและล่าถอย แต่ขณะที่ถอยไปนั้นร่างกายพังทลายและตายอย่างโหยหวน
อย่างไรก็ตามการตายของพวกมันได้ส่งกลิ่นคาวเลือดดึงดูดอสูรยิ่งขึ้น มีอสูรอีกหลายแสนตัวกำลังมุ่งหน้ามาหาหวังหลินไม่มีที่สิ้นสุด
หวังหลินเต็มไปด้วยจิตสังหาร แววตากะพริบเย็นเยียบ ขณะที่เหล่าอสูรนับแสนกำลังพุ่งเข้ามา เปลวเพลิงสีฟ้าโผล่ออกมาจากร่างกาย แพร่กระจายออกไปทุกที่ อสูรตัวใดที่สัมผัสจะกรีดร้องและโดนเผาเป็นเถ้าถ่าน
เพลิงสีฟ้านี้รวดเร็วมากและปรากฏขึ้นฉับพลัน มันแพร่กระจายกลายเป็นทะเลเพลิงล้อมรอบหวังหลินกว้างกว่าหมื่นฟุต ตอนนี้ไม่มีอสูรตัวใดอยู่รอบเขาเลย!
เท้าขวาก้าวไปข้างหน้า เริ่มเดินหน้าด้วยความเร็วเต็มที่
ทว่าหลังจากเงียบไปชั่วขณะ พวกอสูรร้องคำรามอีกคราและล้อมรอบหวังหลินจากทุกทิศทาง! แววตาเย็นเยียบของหวังหลินรุนแรงยิ่งขึ้น เขาสะบัดแขนขวา สายฟ้าคำรามในโลกอันมืดมิด สายฟ้าดุจอสรพิษสีเงินนับไม่ถ้วนรวมกันเข้าหาหวังหลิน ก่อตัวเป็นก้อนสายฟ้าพุ่งหาเหล่าอสูรพวกนั้น
เสียงดังสนั่นหวั่นไหวอีกครั้งและสั่นสะเทือนยามที่หวังหลินพุ่งออกไป กลิ่นอายโหดเหี้ยมปะทุออกมาจากร่าง พวกอสูรตายกันไปทีละตัว
บางตัวขวางเส้นทางหวังหลินและถูกกระบี่ทำลายจนย่อยยับ หวังหลินตรงเข้ากระแทกใส่พวกมันบางตัวจนร่างแหลกเหลว!
กลิ่นคาวเลือดรุนแรงยิ่งขึ้น ไม่มีอสูรตัวไหนทำให้เขาหยุดชะงักได้ พวกอสูรที่ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าเขาไม่มีที่สิ้นสุดนั้น เขาเพียงแค่สะบัดแขนขวา!
ประทับฝ่ามือยักษ์ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าหวังหลินและรวบรวมพลังดั้งเดิมจำนวนมากจนประทับฝ่ามือกลายเป็นรูปร่างทันที
ประทับฝ่ามือเคลื่อนไปข้างหน้า อสูรดุร้ายทั้งหมดเข้าปะทะกับฝ่ามือจนตายกันอย่างทุกข์ทรมาน
กลิ่นคาวเลือดรุนแรงยิ่งขึ้น!
อย่างไรก็ตามหวังหลินได้เริ่มเดินทางให้เร็วขึ้น ด้วยประทับจิตวิญญาณสงครามจึงทำให้อสูรตายกันหมด หวังหลินพุ่งทะลุผ่านความมืดมิดและมาถึงปลายสุดเส้นทางที่ทำสัญลักษณ์ไว้ในหินหยก
หลังจากเขามาถึงที่นี่ ไม่มีเส้นทางให้ตามต่อ กลิ่นอายเย็นเฉียบรุนแรงมาก มันเจาะเข้าร่างกายเขาและกระทั่งทำให้วิญญาณดั้งเดิมเชื่องช้าลง
เมื่อประทับจิตวิญญาณถูกอากาศหนาวเย็นเข้าจู่โจม พลันเกิดเสียงแตกร้าวและมีน้ำแข็งปรากฏขึ้นมา พริบตาเดียวประทับฝ่ามือยักษ์ก็เปลี่ยนกลายเป็นรูปแกะสลักน้ำแข็ง!
ครานี้ในโลกอันหนาวเย็นปรากฏควันสีขาวขึ้นมาเปลี่ยนกลายเป็นอสูรดุร้ายที่เปล่งกลิ่นอายเย็นสุดขั้ว
พวกอสูรทั้งหมดนั้นดูแตกต่างกันแต่มีสายตาดุร้ายยิ่งกว่าพวกอสูรที่หวังหลินฆ่าไป พอพวกมันปรากฏตัวจึงพุ่งเข้าหาหวังหลินทันที
แค่ชำเลืองมองก็เห็นว่าอสูรที่เกิดขึ้นจากหมอกสีขาวนี้มีมากมายไม่มีที่สิ้นสุด!
ในแววตาหวังหลินกะพริบจิตสังหาร เขาฉีกกระชากอวกาศเบื้องหน้าโดยไม่ลังเล ปรากฏมิติเก็บของของตัวเอง!
“อสูรยุง จงออกมา!”
พอหวังหลินเอ่ยประโยคนั้น เสียงหึ่งๆปิดบังเสียงคำรามพวกอสูรจนมิด เหล่าฝูงยุงพุ่งออกมาทีละตัว!
จากหนึ่งเป็นสอง เป็นสิบ เป็นร้อย เป็นพัน…เกินหมื่น!
วินาทีนี้มีอสูรยุงมากกว่าหมื่นตัวปรากฏขึ้นมาและล้อมรอบหวังหลิน พวกมันกระโจนเข้าหาอสูรดุร้ายในทันที!
หวังหลินส่งเสียงหัวเราะ การเข่นฆ่านี้รุนแรงยิ่ง กลิ่นอายทรงพลังปะทุออกมาจากร่างแล้วจึงก้าวออกไปข้างหน้า!
หลี่เฉียนเหมยกัดริมฝีปาก ใบหน้าซีดเซียวยิ่ง บนชุดมีคราบโลหิตเต็มไปหมด สมบัติทั้งหมดของนางใช้ไปหมดแล้ว แม้แต่กระบี่ก็ยังพังทลายเพื่อแลกเปลี่ยนให้นางหนีมา
อย่างไรก็ตามตอนนี้ในจิตใจนางเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ในโลกอันแปลกประหลาดแห่งนี้นางรู้สึกว่าโดดเดี่ยวและไร้หนทาง ที่นี่มีอสูรมากมายเกินไป ไม่ว่านางจะฆ่าไปเท่าไหร่ก็ไม่สามารถฆ่ามันได้หมด…
นางมองไปรอบๆและกัดริมฝีปากก่อนจะเผยสีหน้าทนทุกข์ รอบตัวนางมีอสูรนับไม่ถ้วนและทั้งหมดกำลังคำรามใส่ ราวกับสายตาพวกมันกำลังฉีกกระชากร่างกายนางให้เป็นชิ้นๆ
หลี่เฉียนเหมยใช้พลังดั้งเดิมของตัวเองและเม็ดยาไปหมดแล้ว อย่างไรก็ตามในใจเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นจนทำให้อยู่มาจนถึงตอนนี้
พู่กันสีทองในมือวาดอักขระเวทย์ทีละตัวเพื่อต่อต้านอสูรรอบกาย อย่างไรก็ตามขณะที่นางอ่อนแอลง พู่กันก็ไม่สามารถสร้างความเสียหายต่ออสูรรอบด้านได้ดีนัก
หากไม่ใช่เพราะมีแสงสีฟ้าก่อตัวเป็นม่านป้องกันรอบตัวร้อยฟุต นางคงตายไปแล้ว
อย่างไรก็ตามตอนนี้แสงสีฟ้ากำลังสั่นเทาราวกับมันสลายไปได้ทุกเมื่อ อสูรรอบด้านกำลังกระหน่ำโจมตีเข้ามาในลำแสงสีฟ้ารุนแรงยิ่งขึ้น!
ยังมีเงาคล้ายแส้ที่สามารถทะลวงอวกาศและกระแทกใส่แสงสีฟ้าได้รุนแรงอีก ม่านแสงสีฟ้าสั่นสะเทือนรุนแรงและหายไปชั่วครู่ตอนที่โดนแบบนั้น
ทุกครั้งที่เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นจะมีอสูรจำนวนหนึ่งทะลวงผ่านแสงสีฟ้าเข้ามา หลี่เฉียนเหมยต้องแลกกับอะไรหลายอย่างกว่าจะฆ่าพวกมันได้
นางไม่สามารถอยู่ได้นานกว่านี้อีกแล้ว พลังชีวิตและพลังดั้งเดิมที่สูญเสียไปทำให้นางราวกับเป็นตะเกียงไร้น้ำมัน
‘ข้ากำลังจะตายใช่ไหม…สงสัยเหลือเกินว่าเขาจะตื่นขึ้นหรือยัง…ข้ายังไม่มีโอกาสเจอหน้าเขาอีกครั้งเลย…ข้าไม่เสียใจ…’ หยาดน้ำตาสองสายไหลรินลงมา นางมองไปข้างหน้าที่มืดมน หลังจากนั้นสักพักนางก็ค่อยๆหลับตา รอคอยแสงสีฟ้าที่กำลังหายไปและความตายจะมาถึงอีกไม่นาน
หลี่เฉียนเหมยพึมพำ “ข้าจะไม่เสียใจ…”
อย่างไรก็ตามขณะที่นางหลับตา เสียงหัวเราะหนึ่งที่สามารถสั่นสะเทือนสวรรค์และแฝงกลิ่นอายที่ไม่มีสิ่งใดหยุดได้ เสียงหัวเราะนั้นดังออกมาไกล นี่ทำให้ความคิดหลี่เฉียนเหมยสั่นสะท้าน นางพลันลืมตาขึ้นมาจ้องออกไปยังต้นตอของเสียงด้วยความไม่เชื่อ หยาดน้ำตาไหลรินอีกครั้ง…
…………………………………