1329. เผ่าสายฟ้ากระจาย
สายฟ้าพลันตกลงมาและเข้าสู่ร่างชายหนุ่มทำให้เขาสั่นสะท้าน วิญญาณและชีวิตที่กำลังหายไปพลันหยุดลงและหดตัวราวกับถูกจองจำ
รอยแผลฉีกขาดกลางหน้าผากสมานตัวอย่างรวดเร็ว กระทั่งรอยแผลบนหน้าอกยังฟื้นฟูในระยะเวลานั้นๆ อักขระสายฟ้ากลางหน้าผากปรากฏขึ้นอีกครั้งและเรืองแสงน่ากลัว
ผ่านไปสักพัก ชายหนุ่มลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง!
ไม่มีท่าทีไร้ความกล้าหรือความทุกข์ใจอีกแล้ว มันถูกแทนที่ด้วยความเย็นชาและมีอายุ ราวกับดวงตาคู่นี้มองทะลุทุกสิ่งในโลก ค้นพบความหมายที่แท้จริงแห่งชีวิตและมีชีวิตรอดมานานหลายปี…
กลิ่นอายเย็นผุดออกมาจากร่างกาย ก่อนหน้านี้ชายหนุ่มล้มลงไปในทุ่งหญ้า วินาทีที่เขาลุกขึ้นมา หญ้าทั้งหมดแผ่ราบราวกับไม่กล้าตั้งขึ้นตรงๆ
‘ร่างนี้ไม่ได้แย่นัก…’ ชายหนุ่มลุกนั่ง ขยับศีรษะและยืนขึ้น
ระดับบ่มเพาะทรงพลังเคลื่อนอยู่ภายในร่าง พลังดั้งเดิมรวมกันจากทุกทิศทาง ทว่าร่างกายนี้อยู่ที่ขั้นแกนลมปราณ การเปลี่ยนร่างกายมาที่ร่างนี้ได้สำเร็จไม่ได้ทำให้ระดับบ่มเพาะเพิ่มขึ้น
เขาคือหวังหลิน!
กล่าวให้ถูก็คือเป็นส่วนหนึ่งของสัมผัสวิญญาณหวังหลินที่กำลังครอบงำร่างกายนี้ ร่างดั้งเดิมของเขายังคงผสานกับทะเลสาบสายฟ้าไร้ขอบเขต! หวังหลินไม่คิดทำตัวโอหังต่อสู้กับทั้งเผ่าสายฟ้ากระจายด้วยตัวเอง เผ่าสายฟ้ากระจายแห่งนี้เป็นหนึ่งในเผ่าที่แข็งแกร่งแห่งดาราจักรโบราณ ดังนั้นจึงต้องมีเซียนทรงพลังจำนวนมาก
หากหวังหลินตรงเข้าไปดูดซับสายฟ้านิรันดร์ สิ่งเดียวที่รอเขาอยู่คงเป็นความตาย!
ดังนั้นหวังหลินจึงวางแผนเอาไว้แล้ว เขาจะครอบงำร่างของศิษย์เผ่าสายฟ้ากระจายเพื่อดูดซับสายฟ้านิรันดร์! หากแสร้งทำว่าเป็นสมาชิกเผ่าสายฟ้ากระจายก็คงไม่มีปัญหา เพราะเขาก็สามารถควบคุมสายฟ้าได้!
ยิ่งครอบงำร่างกายของคนที่ยังไม่ตายจึงไม่มีพิษภัย! หวังหลินกระทั่งไปช่วยชีวิตเขาทางอ้อมด้วยซ้ำ หลังจากได้ดูดซับสายฟ้านิรันดร์และจากไป คนผู้นี้จะได้การควบคุมร่างกลับคืน ขึ้นอยู่ว่าหวังหลินครอบงำร่างกายนี้นานแค่ไหน ซึ่งจะทำให้เขาได้รับโชคลาภยิ่งใหญ่
ด้วยระดับบ่มเพาะของหวังหลินจึงไม่ต้องกังวลเรื่องปรับตัวกับร่างใหม่ เขาไม่ได้มีเจตนาจะครอบครองร่างนี้จริงๆอยู่แล้ว
หลังจากค้นความทรงจำในร่างต้น หวังหลินเรียนรู้มาว่าเจ้าของร่างมีชื่อ เยว่เฟย เขาเป็นสมาชิกเผ่าสายฟ้ากระจายที่ธรรมดายิ่ง ครอบครัวตายไปตั้งแต่ยังเด็กจึงใช้ชีวิตอยู่ตัวคนเดียว หลังจากผ่านเรื่องราวยากๆไปหลายอย่าง เขาบรรลุขั้นแกนลมปราณได้และสืบทอดถ้ำที่ครอบครัวทิ้งไว้ให้
ถ้ำแห่งนี้อยู่ข้างสายแร่วิญญาณและถือว่าดีเยี่ยมทีเดียว อย่างไรก็ตามด้วยระดับการบ่มเพาะของเขาจึงไม่มีทางที่จะเก็บรักษามันไว้ได้นานนัก สามวันหลังจากได้มรดกมามันก็ถูกขโมยไปและเขาถูกขับไล่
ต่อจากนั้นอีกสองร้อยปี ระดับบ่มเพาะยังคงหยุดนิ่ง หากไม่มีร่างกายของเผ่าสายฟ้ากระจายซึ่งทำให้เขามีอายุขัยยืนยาวขึ้นอีกเล็กน้อย เขาคงตายไปนานแล้ว แต่อย่างไรก็ตามสองร้อยปีนี้ก็เป็นเรื่องที่น่าเจ็บปวดยิ่ง เขาถูกทางเผ่ากลั่นแกล้ง ชีวิตย่ำแย่ยิ่งกว่าตายเสียอีก!
เขาพึ่งบรรลุระดับบ่มเพาะขั้นแกนลมปราณและนี่มันก็เป็นระดับเดียวกับเซียนคนที่เอาถ้ำเขาไปเมื่อครั้งอดีต ในถ้ำนั้นยังมีต้นไม้ผลสายฟ้าที่ครอบครัวของเยว่เฟยทิ้งไว้ให้
เซียนขั้นวิญญาณแรกกำเนิดคนหนึ่งได้อนุญาตให้เยว่เฟยปลูกผลสายฟ้าซึ่งผลสายฟ้าทำให้อักขระเผ่าทรงพลังยิ่งขึ้นและกระทั่งเพิ่มอายุขัยให้ด้วย
อย่างไรก็ตามเพื่อให้ผลไม้เติบโตเต็มที่ เซียนคนนั้นต้องมีขั้นแกนลมปราณเป็นอย่างน้อยซึ่งจะทำให้หล่อเลี้ยงมันด้วยพลังแห่งสายฟ้าได้
เยว่เฟยรู้ว่าระดับบ่มเพาะหยุดนิ่งและอายุขัยใกล้จะถึงจุดจบ หลังจากลังเลอยู่ไม่นาน เขากลืนกินผลสายฟ้าไปหนึ่งในเก้าชิ้น แต่นี่กลับนำพาหายนะมาสู่ตนเอง
หากไม่ใช่เพราะมีกฎว่าสหายร่วมสำนักไม่สามารถฆ่ากันเองได้ เขาคงตายไปแล้ว อย่างไรก็ตามเขาอับอายขายขี้หน้ายิ่ง นอกจากการทนทุกข์กับอาการบาดเจ็บสาหัส ระดับบ่มเพาะยังถูกดูดออกไปอีกด้วย จากนั้นถูกเซียนขั้นวิญญาณแรกกำเนิดขับไล่ออกไป
เยว่เฟยไม่ได้มีความทรงจำอะไรมาก ส่วนใหญ่เป็นด้านลบ เป็นความเกลียดชังจำนวนมาก เขาเกลียดตัวเอง เกลียดสำนักสายฟ้ากระจาย เกลียดคนในสำนักทั้งหมดและมีบุคลิกผิดปกติ
สัมผัสวิญญาณหวังหลินออกมาจากความทรงจำของเยว่เฟย ดวงตาส่องสว่าง
“ผลสายฟ้า…เพิ่มพลังให้กับอักขระเผ่า…” หลังจากหวังหลินมาที่ดาราจักรโบราณ เขากลืนกินเซียนที่นี่ไปจำนวนมากและได้รับความรู้เรื่องการบ่มเพาะของที่นี่ด้วย
ดาราจักรโบราณแตกต่างจากดินแดนชั้นในอย่างสิ้นเชิง พวกเขาไม่ได้บ่มเพาะเขตแดนแต่การบ่มเพาะถูกรวบรวมไว้ในอักขระกลางหน้าผาก อักขระนี้คือมรดกตกทอด ยิ่งมันแข็งแกร่งยิ่งมีระดับบ่มเพาะสูงขึ้น!
หวังหลินจับอักขระสายฟ้ากลางหน้าผาก อักขระนี้หวังหลินสร้างมันขึ้นมาเอง แม้จะดูเหมือนกับอักขระของเผ่าสายฟ้ากระจายแต่ความหมายของมันแตกต่างกันอย่างมาก!
อักขระของเผ่าสายฟ้ากระจายมาจากสายฟ้านิรันดร์ หากสายฟ้านิรันดร์มีชีวิต อักขระทั้งหมดก็คงสืบทอดมาจากสิ่งมีชีวิตนั้น
อย่างไรก็ตามอักขระของหวังหลินสร้างขึ้นมาด้วยตัวเองและไม่ได้มีสถานะสูงส่งยิ่งกว่าของอักขระเผ่าสายฟ้ากระจายมากนัก มันเป็นระดับเดียวกับสายฟ้านิรันดร์
‘ข้าต้องการศึกษาผลสายฟ้า…ส่วนเรื่องเกี่ยวกับเผ่าสายฟ้ากระจาย ระดับบ่มเพาะของเยว่เฟยต่ำเกินไป เขาจึงรู้อะไรไม่มากนัก บางทีเซียนขั้นวิญญาณแรกกำเนิดคนนั้นคงจะรู้มากกว่า’ หวังหลินขบคิดพลางมุ่งหน้าไปหาตำแหน่งถ้ำในความทรงจำ
หวังหลินไม่ได้เคลื่อนที่พริบตาแต่เหาะเหินอยู่เหนือพื้นดิน สัมผัสวิญญาณแพร่กระจายออกไปเบาบางและเริ่มสังเกตสิ่งรอบตัว
หลังจากนั้นไม่นานลำแสงสามสายปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้าหวังหลิน เป็นบุรุษหนึ่งสตรีสอง บุรุษคนนั้นสวมชุดสีขาวหน้าตาหล่อเหลา ส่วนสตรีอีกสองคนด้านหลังก็สวยงามยิ่ง
ขณะที่ทั้งสามคนเหาะเหินอยู่บนกระบี่เหิน พวกเขาดูเหมือนกำลังสนทนากันอยู่ ระดับบ่มเพาะของบุรุษอยู่ที่ขั้นแกนลมปราณระดับปลาย ส่วนสตรีสองคนเป็นแกนลมปราณระดับต้น
ขณะที่ชายกำลังพูดคุย สายตากวาดผ่านมาเจอหวังหลิน พอเห็นว่าหวังหลินเหาะเหินโดยไม่ได้มองมาที่เขาจึงพลันขมวดคิ้ว
“เยว่เฟย มานี่!”
หวังหลินทำเป็นหูหนวก สัมผัสวิญญาณกวาดผ่านพื้นดินคล้ายจะค้นพบความลับบางอย่างเกี่ยวกับดาวดวงนี้ เมื่อชายชุดขาวเห็นว่าหวังหลินยังคงเมินเฉยเขาจึงเกิดแววตาเยือกเย็น พ่นลมหายใจและเปลี่ยนทิศทางมาหา โบกสะบัดแขนขวาปรากฏกระบี่สายฟ้าขึ้นจากกระเป๋าเก็บของ มันระเบิดสายฟ้าพุ่งเข้ามาหาหวังหลิน
“เยว่เฟย เจ้ากล้าดียังไงถึงไม่ทำความเคารพหลังจากเห็นข้าคนนี้!”
กระบี่สายฟ้าส่งเสียงดังสนั่น แต่เมื่อมันเข้าใกล้หวังหลินกลับสั่นเทาและหยุดลงกลางอากาศ หวังหลินถอนสัมผัสวิญญาณและจ้องมองชายชุดขาวอย่างเย็นชา
“เจ้ากำลังคุยกับข้าใช่ไหม?”
ประโยคเรียบง่ายที่ใครก็ได้ยิน แม้จะดูเหมือนเยว่เฟย แต่สายตาเย็นเยียบนั้นเหมือนพายุไร้ก้นบึ้งที่พัดผ่านโลกเข้ามา!
ชายชุดขาวกำลังพุ่งมาข้างหน้า แต่เมื่อเขาเห็นหวังหลินกลับเกิดความรู้สึกสั่นสะเทือนถึงแกนกลาง ราวกับถูกสายฟ้าฟาดเข้าใส่และเจอกับยุคน้ำแข็ง รู้สึกเหมือนถูกมองทะลุปรุโปร่งและไม่มีอะไรเป็นความลับอีกต่อไป
ความหวาดกลัวนี้ถึงจุดที่แกนพลังของเขาหยุดเคลื่อนไหว จากนั้นเกิดรอยแตกร้าวขึ้นมาราวกับไม่สามารถทนต่อสายตานี้ได้ และมันกำลังระเบิด!
สองสตรีด้านหลังเดิมทีมองหวังหลินด้วยสายตายั่วยวนชวนเสน่ห์ ทว่าเมื่อหวังหลินหันกลับมาและเอ่ยประโยคนั้น พวกนางรู้สึกว่าโลกสั่นเทา ก้อนเมฆกระจายตัว ท้องฟ้าพังทลาย ราวกับเจ้าขี้ขลาดเยว่เฟยได้เปลี่ยนเป็นอสูรร้ายแห่งบรรพกาลที่ปลดปล่อยกลิ่นอายมหึมา!
เพียงแค่เขาคิดก็ทำให้ทั้งสามคนตายได้แล้ว!
ทั้งสามคนรู้สึกร่ำร้องอยู่ในใจ แต่โลกภายนอกเงียบสงัดยิ่ง ความเงียบครั้งนี้น่าอัศจรรย์!
ชายหนุ่มชุดขาวหน้าซีด ดวงตาหย่อนลง จากนั้นเผยความหวาดกลัวเกินบรรยาย
หวังหลินขมวดคิ้ว ด้วยระดับบ่มเพาะของตนจึงไม่ได้จะแกล้งเด็กพวกนี้เข้าจริงๆ เขาถอนสายตาและเดินออกไป
หลังจากออกห่างจนหายไปสักพักชายหนุ่มชุดขาวจึงกระอักโลหิตคำโต สองสตรีด้านหลังกระอักโลหิตออกมาด้วย แกนพลังตนเองมีรอยแตกร้าวมากมายและเริ่มหลอมละลาย
สตรีสองคนใบหน้าซีดขาว ระดับบ่มเพาะตกลงจากขั้นแกนลมปราณระดับต้นทันที กลับไปสู่ขั้นพื้นฐานลมปราณ
ส่วนชายหนุ่มชุดขาว แกนพลังแตกสลายไปเช่นกัน เขามองทิศทางที่หวังหลินหายลับไปด้วยความหวาดกลัวและตื่นตะลึง
“เจ้า…เจ้า…”
ทั้งสามคนมองหน้ากันเองและเงียบกันอยู่นาน พวกเขายังไม่ได้คิดเรื่องความขุ่นเคืองเนื่องจากความกลัวที่ยังค้างอยู่ในใจ
ไม่นานนักถ้ำในความทรงจำของเยว่เฟยจึงปรากฏเบื้องหน้าสายตาหวังหลิน ถ้ำแห่งนี้ดีเยี่ยมและอยู่ใกล้กับสายแร่วิญญาณ หวังหลินมองเห็นว่ามีแม่น้ำเล็กๆอยู่ข้างใน แม่น้ำสายนี้ไหลผ่านสายแร่วิญญาณและใสมาก มีพลังปราณเบาบางจากแม่น้ำด้วย
มีเขตอาคมบางส่วนป้องกันถ้ำแห่งนี้ แต่ในสายตาหวังหลิน เขตอาคมนี้ช่าง…อ่อนแอเกินไป
หวังหลินก้าวเดินด้วยท่าทีสงบนิ่งพลางใช้สองฝ่ามือไพล่หลัง เพียงก้าวเดียวเขาก็มาถึงด้านนอกเขตอาคม ยังไม่ทันจะได้ทำอะไรประตูก็เปิดขึ้นมาเอง
หวังหลินก้าวเดินเข้าไปในถ้ำอย่างไม่ลังเล เสียงดังสนั่นกึกก้องและแสงหลากสีกะพริบวาบเนื่องจากเขตอาคมทั้งหมดเปิดใช้งานตอนที่หวังหลินก้าวเข้าไปในถ้ำ
หวังหลินก้าวเดินผ่านเสียงดังสนั่นโดยไม่แม้แต่จะมอง
ห่างจากเขาไปร้อยก้าวมีชายชราชุดเขียวนั่งอยู่ ดวงตาเบิกกว้างจ้องมองหวังหลินที่กำลังเข้ามาอย่างตะลึงงัน รูม่านตาเผยความหวาดกลัวสุดขีด
………………………………