133. กลียุคในฮัวเฝิน (2)
คลื่นความร้อนกระจายออกมาอย่างรวดเร็วผ่านบอลโคลนขณะที่บอลอัคคีเข้ามาข้างในอย่างราบรื่นทว่าช่วงเวลาเดียวกันนั้นลูกปัดฝืนลิขิตฟ้าก็พุ่งออกมาทำให้บอลอัคคีหยุดกึกและจากนั้นหันกลับโดยไม่ลังเล
แต่มันยังช้าเกินไปลูกปัดฝืนลิขิตฟ้าไม่สนใจทุกอย่างในเส้นทางของมันและทุบลงไปที่บอลอัคคีบอลอัคคีกรีดร้องออกมาและเริ่มต่อสู้กัน แต่ก่อนที่มันจะได้ต่อสู้ยืดเยื้อกลับถูกลูกปัดฝืนลิขิตฟ้าดูดซับ
ใบไม้บนลูกปัดฝืนลิขิตฟ้าหายไปและวางแทนที่ด้วยบอลอัคคีแทน ไม่ไม่ช้าก็มีบอลอัคคีหลายลูกปรากฎขึ้นบนลูกปัดฝืนลิขิตฟ้า
บอลอัคคีเริ่มหรี่แสงลงและหรี่เล็กลงจนในที่สุดมันก็เหือดหายไปหมดในจุดนี้เองบอลไฟปรากฎบนลูกปัดฝืนลิขิตฟ้าสิบลูกทำให้มันแปล่งแสงสดใสที่เห็นได้ชัดจากข้างนอกบอลโคลน
ขณะเดียวกันด้วยการหายไปของบอลอัคคี วงแหวนไฟเริ่มสลัวและเส้นสีแดงที่เชื่อมต่อวงแหวนอัคคีกับบอลอัคคีก็แตกสลาย
หวังหลินจ้องอย่างตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ใช่แค่เขาพวกอสูรอัคคีทั้งหมดต่างตกอยู่ในความงุนงงพวกมันยืนนิ่งอยู่ในถ้ำโดยไม่รู้ว่าจะทำอะไร
ลูกปัดฝืนลิขิตฟ้ารีบเคลื่อนไหวเข้าหาหวังหลินและกลับเข้าสู่หน้าผากหวังหลินไม่มีเวลาตรวจสอบลูกปัดขณะที่เขาเคลื่อนร่างกายตัวเองและกระตุ้นวิชาแรงโน้มถ่วงเขายกบอลโคลนขึ้นและเข้าไปในอุโมงค์แห่งหนึ่ง
สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดเป็นช่วงเวลาสั้นมากจนเมื่อบอลโคลนของหวังหลินจากไป พวกอสูรอัคคีจึงเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นเหล่าอสูตรอัคคีขนาดใหญ่ทั้งสิบหกตัวส่งเสียงคำรามออกมาขณะที่ฉีกกระชากอุโมงค์และไล่ล่าหวังหลิน
ด้านหลังเขา อสูรอัคคีนับหมื่นตัวส่งเสียงคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยวและไล่ล่าเขาทันที
ร่างหวังหลินถูกขังอยู่ภายในบอลโคลนขณะที่เขาเคลื่อนผ่านลาวาออกไปลาวาพวกนี้ไหลลงเข้าไปในถ้ำ ในตอนนี้หวังหลินราวกับกำลังว่ายทวนน้ำดังนั้นจึงไม่มีทางที่เขาจะเคลื่อนที่ได้เร็วแน่
แต่อสูตรอัคคีไม่ได้ช้าตามไปด้วยเพราะพวกมันเติบโตขึ้นในลาวากล่าวได้ว่าจิตวิญญาณไฟพวกนี้ยิ่งร้อนมากเท่าไหร่ก็ยิ่งเคลื่อนที่ได้เร็วมากขึ้น
แม้หวังหลินไม่รู้ว่าบอลอัคคีนั้นคืออะไรแค่เขาเห็นลูกปัดฝืนลิขิตฟ้ารวบรวมธาตุไฟเสร็จสมบูรณ์ก็ทำให้เขาตกตะลึงพอแล้วจากสิ่งที่อสูรพวกนั้นแสดงความเทิดทูนและเห็นว่าพวกมันโกรธเกรี้ยวแค่ไหนบอลอัคคีนั่นต้องมีความสำคัญอย่างมากต่อพวกมันแน่ หรืออาจจะเป็นราชาได้เลย
สิ่งที่หวังหลินเดานั้นไม่ได้ผิดคาด อสูรอัคคีเกิดขึ้นมาจากลาวามันจึงมีลักษณะเป็นจิตวิญญาณอัคคีและมีอันดับค่อนข้างสูง จากสมาพันธ์เซียนพวกมันถูกเรียกกันอย่างแพร่หลายว่าอสูรวิญญาณอัคคีมันเกิดพร้อมด้วยสติปัญญาฝึกฝนตัวเองในลาวาภายใต้แคว้นฮัวเฝินมาหลายปีและการฝึกฝนของมันมีพลังแข็งแกร่งมาก
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาตั้งแต่มันมีชีวิตอยู่มันเปลี่ยนรูปร่างมาห้าครั้งหากมันเปลี่ยนถึงเก้าครั้งเมื่อนั้นมันจะเปลี่ยนจากอสูรวิญญาณเป็นอสูรเดียวดายแต่หลังจากการเปลี่ยนแปลงรูปร่างทุกครั้งมันจะอยู่ในสถาวะอ่อนแอเป็นเวลาห้าร้อยปี ไม่สามารถใช้พลังปราณใดได้เลย
ในการปกป้องตัวเอง ทุกครั้งที่มันกำลังจะเปลี่ยนแปลงรูปร่างมันจะกระจายพลังปราณออกมาเพื่อเพิ่มความเร็วในการเติบโตสู่รุ่นใหม่เพื่อเอามาป้องกันตัวเอง
ในเวลาเดียวกัน ขณะที่มันเปลี่ยนแปลงรูปร่างบ่อยครั้งขึ้น มันก็เรียนรู้ที่จะหาทางลดช่วงเวลาอ่อนแอ นั่นคือการกลืนกินเหล่าเซียน
มันไม่ต้องการกลืนกินเยอะ เพียงเหล่าเซียนไม่กี่คนเท่านั้นดังนั้นจึงใช้ทายาทของมันเพื่อจับเหล่าเซียนที่เข้ามาในภูเขาไฟและกินเป็นอาหาร
เพื่อป้องกันเหล่าเซียนจากการทำร้ายวิญญาณอัคคี พวกมันจะวางกับดักทั้งหมดในโคลน ผลลัพธ์ก็คือจิตวิญญาณอัคคีได้ลิ้มรสกับอาหารมื้อนี้
แต่ตอนนี้จิตวิญญาณอัคคีอันอ่อนแอกลับถูกกลืนกินแทน และจังหวะที่มันหายไป อสูรอัคคีทั้งหมดได้กลายเป็นโกรธเกรี้ยว
ในหัวใจของพวกมัน วิญญาณอัคคีไม่ได้เป็นเพียงราชา มันเป็นทั้งบิดา
ท่านพ่อที่ถูกสังหารต่อหน้าต่อตาพวกมัน แล้วจะให้ไม่โกรธได้ยังไง? พวกมันค่อยๆเข้าใกล้ขึ้นและใกล้ขึ้นหนึ่งในอสูรอัคคีด้านหน้าได้อ้าปากออกและปล่อยไฟที่เกือบจะขาวโพลนออกมา
ด้านในลาวาม่วง เปลวไฟสีขาวสะดุดตามากที่สุด เมื่อมันปะทะเข้ากับบอลโคลนของหวังหลิน บอลโคลนหดขนาดลงทันที
เลือดหวังหลินสาดกระจายไปทุกหนแห่งขณะที่เปลวไฟสีขาวปะทะเข้ากับบอลโคลนสัมผัสวิญญาณขอบเขตจวี่ช่วยหยุดเอาไว้ได้เป็นอันมากเขาขบฟันแน่นและใช้พลังปราณเพิ่มขึ้นเพื่อหลบหนี
อสูรอัคคีทำลายทุกสิ่งที่ขวางทางขณะที่พวกมันพุ่งไปหาหวังหลิน
พวกมันเข้าใกล้ขึ้นและใกล้ขึ้นจนอสูรไฟแปดตัวปล่อยเปลวไฟสีขาวร่วมกันขณะที่เปลวไฟปะทะเข้ากับบอลโคลนร่างหวังหลินสั่นสะท้านและเขาพุ่งออกมาจากข้างในร่างกายเขาล้อมรอบด้วยสัมผัสวิญญาณของตนเองขณะที่เขาเจอความร้อนที่แทบจะทนไม่ได้และพุ่งออกไป
หลังจากออกมาเขาหยุดไปชั่วขณะหนึ่งพร้อมกับเศษเหล็กปรากฎขึ้นจากกระเป๋าและลอยเข้าไปใต้ฝ่าเท้าเศษเหล็กสร้างเป็นสายรุ้งและยกหวังหลินไว้ด้านบน
มองจากข้างนอกจะเห็นร่างชุดคลุมดำร่างหนึ่งที่เนื้อตัวไหม้ไฟพุ่งออกมาจากปล่องภูเขาไฟ
ด้านหลังเขาตามมาด้วยอสูรสิบหกตัวพวกมันไล่ล่าหวังหลินตลอดเส้นทางจนถึงทางเข้าภูเขาไฟพวกมันร้องคำรามใส่เขาด้วยความหงุดหงิดแต่แปลกที่มันไม่กล้าตามเขาออกมา
ตอนนี้มีเพียงหวังหลินที่ปล่อยลมหายใจออกมาเขามองลงข้างล่างและทันใดนั้นชูนิ้วเป็นเครื่องหมายแห่งชัยชนะเขามองเหล่าอสูรอัคคีทั้งสิบหกตัวที่มีดวงตาสามเหลี่ยมนับไม่ถ้วนมองขึ้นมาดวงตาของมันสนใจเพียงจุดเดียวและนั่นก็คือเขา
อสูรอัคคีทุกตัวพวกนั้นสามารถป้องกันสัมผัสวิญญาณขอบเขตจวี่ของเขาได้ซึ่งนี่มันไม่ควรเป็นไปได้ แต่หากนี่เป็นเรื่องจริงสิ่งที่อธิบายเรื่องนี้ได้มีเพียงแค่ว่าอสูรอัคคีพวกนั้นไม่มีวิญญาณหรือสัมผัสวิญญาณ
ใบหน้าหวังหลินหมองหม่นเขามองเหล่าอสูรอัคคีนับไม่ถ้วนด้านล่างและเหาะไปห่างไกลโดยไม่ได้เอ่ยคำใดระหว่างทางเขามีสีหน้าหม่นหมองมากกว่าเดิมทุกครั้งที่เขาเห็นภูเขาไฟลูกหนึ่ง เขาจะเห็นอสูรอัคคีพวกมันทั้งหมดรอเขาที่ปล่องภูเขาไฟ มองมาที่เขาอย่างใจเย็นพวกมันดูเหมือนจะรอคำสั่งอยู่ และเมื่อได้รับคำสั่งพวกมันทั้งหมดพุ่งออกมาจากภูเขาไฟทันที
หวังหลินรู้สึกปวดศีรษะขณะที่เขาลูบคางตัวเองไปด้วยหวังหลินตัดสินใจได้แล้วว่าเมื่อเขาได้รับแผนที่อีกไม่นานนี้เขาจะออกไปจากฮัวเฝินให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้และไม่กลับมาอีกเลย
พอคิดเรื่องนี้ เขาหยุดเคลื่อนไหวและกระจายสัมผัสวิญญาณออกมา หลังจากคิดอยู่ชั่วครู่ เขาก็เปลี่ยนทิศทางและมุ่งหน้าไปทางเหนือ
แม้ว่าเขาจะไม่เห็นภูเขาไฟตามรายทางอีกต่ไปแล้ว เขายังรู้สึกได้ชัดเจนว่าพวกมันจ้องมาที่เขาอย่างเยือกเย็น
ขณะนี้เอง เหล่าบรรพชนเซียนขั้นผลิดอกทั้งหมดออกมาจากการปิดด่านฝึกตนพวกเขาเป็นคนชั้นยอดของแคว้นเซียนอันดับสามซึ่งเห็นคลื่นพลังทำลายล้างที่ผลิตออกมาภายในฮัวเฝินได้ชัดเจน
สิ่งนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้งซึ่งมันหมายถึงว่าเหล่าภูเขาไฟภายในแคว้นฮัวเฝินกำลังจะระเบิดทุกครั้งที่เกิดเหตุการณ์นี้พวกเขาจะเข้าไปในภูเขาไฟที่ตัวเองรับผิดชอบและผนึกมันเพื่อป้องกันไม่ให้มันระเบิดตัวเอง
เพราะว่าหากมันระเบิดขึ้นเมื่อนั้นจะเกิดภัยพิบัติใหญ่หลวงในแคว้นฮัวเฝินเหล่ามนุษย์ไม่อาจวิ่งหนีไปแคว้นอื่นทันโดยไร้การต่อต้านแม้กระทั่งราชวงศ์อาจจะมีเหล่าเซียนออกมาพูดเรื่องนี้
นอกจากนี้แม้ว่าพวกคนธรรมดาจะเป็นเหมือนมดในสายตาเหล่าเซียน มีโอกาสสูงที่จะหาศิษย์จากพวกคนธรรมดา
คนธรรมดาสามารถจากไปได้ แต่เหล่าเซียนมิอาจทำเช่นนั้นเพราะว่าหากเซียนจำนวนมากไปที่แคว้นอื่น นั่นจะเป็นสงครามที่ยิ่งใหญ่ในโลกเซียน มันเป็นข้อห้ามใหญ่หลวงในการให้แคว้นเซียนย้ายถิ่นฐานเพราะว่าการย้ายถิ่นฐานเท่ากับพลังปราณจำนวนมากสูญเสียไปความสับสนวุ่นวายระหว่างทุกสำนักการเปลี่ยนมือของหินวิญญาณและสมบัติเซียนขนาดใหญ่
บนดาวเคราะห์ซูซาคุ มีการกำหนดจำนวนแคว้นเซียนไว้แล้วหากภูเขาไฟพวกนี้เกิดระเบิดขึ้นผลที่ตามมาคือพลังงานจิตวิญญาณธาตุไฟอันรุนแรงเล็ดรอดออกมา
พลังจิตวิญญาณอันรุนแรงนี้ไม่สามารถใช้ฝึกฝนได้ ดังนั้นเมื่อผ่านไปเวลานาน เหล่าเซียนจะไม่สามารถอยู่รอดได้ในฮัวเฝิน
แต่โชคดีที่เรื่องเช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นสักครั้งทุกครั้งภูเขาไฟจะถูกผนึกโดยไม่มีปัญหาแม้จะมีการปะทุอยู่บ้างมันก็เป็นเพียงพื้นที่ขนาดเล็ก ไม่ใช่ทั้งแคว้น
สามชั่วโมงถัดมา หวังหลินหยุดอยู่บนถนนสายหลัก ใบหน้าเขาหมองหม่นไปหมดแต่เมื่อเห็นถนนเส้นหลัก มันก็กลายเป็นสีเขียวแทน
บนถนนเส้นหลักมีร่างคนตายหลายสิบคนพร้อมกับม้าตายเป็นเบือ บนพื้นด้านข้างมีรถเกวียนอยู่คันหนึ่ง
ศพส่วนใหญ่เป็นบุรุษเพศ ใบหน้าแต่ละคนเผยความทุกข์ทรมานทั้งหมดยังถืออาวุธไว้ในมือบอกได้ชัดเจนว่าพวกเขายังต่อสู้อยู่ตอนที่เสียชีวิต
หวังหลินหยุดถัดจากเกวียนคันหนึ่งและสะบัดมือลมกรรโชกแรงปะทะเข้ากับเกวียนนั้นทำให้มันลอยไปบนอากาศขณะที่ศพร่างหนึ่งร่วงหล่นลงมา แสงสีแดงกระพริบวาบออกมาจากซากศพก่อร่างเป็นปิศาจตัวหนึ่ง มันจ้องหวังหลินด้วยสีหน้าหวาดกลัวแต่ในไม่ช้าสีหน้าของมันเปลี่ยนเป็นชั่วร้ายพร้อมกับตะโกนขึ้น “เจ้ามาได้เวลาเหมาะสมทีเดียว ข้ากำลังจะไปหาเจ้าวิญญาณของพวกมนุษย์นี้รสชาติแย่นัก ข้าสงสัยว่ารสชาติของเจ้าจะเป็นเช่นไร”
จบคำพูด มันกระโดดเข้าหาหวังหลิน
หวังหลินระมัดระวังเป็นพิเศษเขาสามารถหาร่องรอยของปิศาจได้เพราะว่าได้ทิ้งสัญลักษณ์กับสัมผัสวิญญาณบนสัตว์ป่าทุกตัวที่เขานำมาเป็นอาหารให้ปิศาจกินหากเขายังอาหารมันด้วยคนธรรมดาแบบนี้เช่นนั้นไม่ว่าปิศาจจะได้รับความแข็งแกร่งเพิ่มมากแค่ไหนเขาก็ไม่อาจควบคุมมันได้ง่ายๆ แต่เวลาตอนนั้นช่างสั้นนักดังนั้นเขาเพียงแต่จับตาพวกมันดูอยู่ห่างๆ