Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1334

Cover Renegade Immortal 1

1334. คาดเดา

ด้วยสัมผัสวิญญาณอันแข็งแกร่งของหวังหลินจึงใช้เวลาไม่นานที่จะเข้าใจทั้งหมดอย่างครบถ้วน ในเนื้อหาเพียงเซียนสายฟ้าเท่านั้นที่จะเรียนรู้ได้ พลังอำนาจของมันเปลี่ยนไปตามจำนวนสายฟ้าในร่างกาย ยิ่งมีสายฟ้าบีบอัดมากเท่าไหร่ก็ยิ่งทรงพลังมากเท่านั้น!

ตัวอย่างเช่นจงต้าหงที่สามารถบีบอัดสายฟ้าในร่างได้สิบเท่าและระเบิดพลังออกมาได้ซึ่งเป็นเรื่องทั่วไปในเผ่าสายฟ้ากระจาย หากอยู่บนดาวซูซาคุของดินแดนชั้นใน เขาคงเป็นหนึ่งในเซียนที่ทรงพลังที่สุด

ทว่านี่เป็นเพียงเรื่องรองเท่านั้น การใช้ประทับสายฟ้าขั้นสูงได้จริงๆนั่นคือต้องบรรลุขั้นที่สอง จากนั้นจะสามารถรวบรวมสายฟ้าจากอวกาศและทำให้สายฟ้าในร่างบีบอัดได้เป็นพันเป็นหมื่นเท่า

เป็นผลให้พลังอำนาจของมันสั่นสะเทือนสวรรค์!

วิธีนี้เป็นหนึ่งในวิธีการควบคุมสายฟ้าและเนื่องจากพวกเขาศึกษาค้นคว้าการควบคุมสายฟ้ามาเป็นหมื่นปีและหาอีกหลายวิธีทาง ถึงแม้จะไม่มีเซียนขั้นที่สามสักคนแต่พวกเขาก็ยังเป็นหนึ่งในสุดยอดเผ่าแห่งดาราจักรโบราณ!

หวังหลินถอนสัมผัสวิญญาณจากหินหยก สีหน้าสงบนิ่งและเริ่มคิด

‘คนที่แข็งแกร่งที่สุดในเผ่าสายฟ้ากระจายคือบรรพชนที่อยู่ขั้นทะลวงสวรรค์ระดับที่ห้าและห่างจากขั้นที่สามเพียงก้าวเดียว ถึงแม้ก้าวนี้จะกว้างใหญ่เท่าฟ้าดิน แต่ความแข็งแกร่งของเขาไร้ข้อกังขา หากเขาใช้วิชานี้ ข้าสงสัยว่าเขาสามารถบีบอัดสายฟ้าได้กี่หมื่นเท่า…เขาอาจจะสามารถรับมือกับเซียนขั้นที่สามได้พักหนึ่งด้วย…’

ขณะที่หวังหลินขบคิด เขาจดจำประทับสายฟ้าขั้นสูง สองฝ่ามือสร้างผนึก สายฟ้ากึกก้องดังสนั่นและปรากฏประกายสายฟ้ามากมายราวกับอสรพิษสีเงิน พวกมันเปลี่ยนไปก่อตัวเป็นก้อนสายฟ้าขนาดเท่ากำปั้น

เสียงปะทุดังออกมาจากก้อนสายฟ้าและกำลังถูกบีบอัดอย่างต่อเนื่อง สิบเท่า ร้อยเท่า พันเท่า หมื่นเท่า พริบตาเดียวก้อนสายฟ้าถูกควบแน่นไปเกือบสามหมื่นเท่า

ก้อนสายฟ้าหายไปและมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า มีเพียงสัมผัสวิญญาณเท่านั้นที่จะเห็นได้ว่าก้อนสายฟ้าในมือหวังหลินถูกบีบอัดไปแล้วสามหมื่นเท่า

‘ถึงแม้ร่างนี้จะถูกข้าปรับแต่ง อย่างมากก็แสดงพลังอำนาจได้ถึงเซียนขั้นตัดวิญญาณเท่านั้น อย่างไรก็ตามวิญญาณดั้งเดิมข้าทรงพลัง มันจึงไม่มีขีดจำกัดต่อร่างกายหยาบ คนภายนอกไม่สามารถรับรู้วิญญาณดั้งเดิมข้าได้! นี่เป็นเพราะวิญญาณดั้งเดิมข้าผสานกับสายฟ้าที่นี่และเป็นตัวตนระดับเดียวกับสายฟ้านิรันดร์ ถึงแม้บรรพชนเผ่าสายฟ้ากระจายจะมาที่นี่ ตราบใดที่เขาบ่มเพาะอักขระเผ่าสายฟ้ากระจายและสายฟ้านิรันดร์ ถึงแม้จะมีระดับบ่มเพาะสูงกว่าแต่การควบคุมสายฟ้าไม่อาจเทียบเคียงข้าได้!’ หวังหลินมองดูมวลก้อนสายฟ้าและขบคิด

‘บีบอัดสามหมื่นเท่าเป็นขีดจำกัดของร่างนี้แล้ว หากข้าพยายามบีบอัดมากขึ้น ร่างกายนี้จะแตกสลายทันที’ หวังหลินสะบัดแขนขวา อนุภาคสายฟ้าที่เกิดขึ้นจากการบีบอัดก้อนสายฟ้าสามหมื่นเท่าพลันหายไปอย่างเงียบๆ

‘จงต้าหงเป็นคนของเผ่าสายฟ้ากระจาย ดังนั้นท่าทีเขาไม่เป็นอันตราย ส่วนฉวี่ลี่กั๋วไม่ใช่เซียนแต่เป็นจิตวิญญาณกระบี่ ดังนั้นข้าจะปล่อยให้มันมีความสุขไปก่อน เผ่าสายฟ้ากระจายตั้งอยู่ภายในทะเลสาบสายฟ้าซึ่งไม่มีคนนอกเข้ามาได้เลย ดังนั้นจึงไม่มีใครป้องกันคนนอก’

‘ข้าไม่ควรทำอะไรเล็กน้อยเกินไป…’ หวังหลินดวงตาส่องสว่างและหยุดคิดเรื่องนี้ เขาหลับตาและเริ่มศึกษาอักขระของเผ่าสายฟ้ากระจาย

อักขระของเผ่าสายฟ้ากระจายนี้ถูกแต่งเติมมาจากสายฟ้านิรันดร์ทั้งหมดและได้พัฒนามาจากพลังนั้น การศึกษารอยสักเป็นเหมือนการศึกษาสายฟ้านิรันดร์ทางอ้อม

อักขระสายฟ้าที่หวังหลินกำลังศึกษาอยู่คือของเยว่เฟย แม้เยว่เฟยจะโดนฉีกกระชากออกมาแต่มันถูกประทับในวิญญาณ ดังนั้นจึงไม่ใช่สิ่งที่สามารถทำลายได้เพียงแค่ฉีกออกมาจากผิวหนัง

ขณะที่หวังหลินศึกษามัน เขาสัมผัสได้ถึงความทรงพลังและความเก่าแก่ของสายฟ้านิรันดร์ ส่วนเสริมของสายฟ้านิรันดร์นี้มีหลากหลายรูปแบบแล้ว เพียงแค่อักขระเล็กๆที่เขามีก็แฝงร่องรอยของแก่นแท้สายฟ้า

ทว่าเขาไม่สามารถดูดซับแก่นแท้สายฟ้านี้ได้ แก่นแท้นี้บรรจุอำนาจและดูเหมือนกำลังหลับใหลอยู่ แต่มันกำลังถูกคนของเผ่าสายฟ้ากระจายดูดซับอย่างต่อเนื่อง

วันเวลาผ่านไปอย่างช้าๆ หวังหลินอยู่ในห้องโถงแห่งนี้อีกครึ่งเดือน ขณะที่ทำการศึกษาค้นคว้าต่อไปเขาก็สังเกตบางอย่างแปลกประหลาดได้

เขาค่อยๆลืมตาขึ้นมาและเผยความอ่อนเพลียแต่มีแสงประหลาดแฝงอยู่

‘คนในเผ่าสายฟ้ากระจายทั้งหมดบ่มเพาะอักขระนี้มาหลายปีและขณะที่อักขระได้รับการกระตุ้นมากขึ้นก็ยิ่งได้รับพลังอำนาจและพลังการควบคุมสายฟ้ามากขึ้น ขณะที่อักขระเพิ่มระดับบ่มเพาะให้ ในเวลาเดียวกัน…มันกำลังนำพลังชีวิตและสายฟ้าเพื่อเสนอต่อสายฟ้านิรันดร์…’

‘นี่มันคล้ายกับเพลิงนรกานต์มาก!’ หวังหลินดวงตาส่องสว่างขึ้น

‘หากสายฟ้านิรันดร์เป็นเซียนขั้นที่สาม เช่นนั้นทั้งเผ่าสายฟ้ากระจายเป็นเหมือนเหล่าศิษย์ให้แก่สายฟ้านิรันดร์…เหล่าศิษย์ทั้งหมดมีอักขระ บ่มเพาะอย่างต่อเนื่องและเสนอทุกอย่างให้…แต่ขึ้นอยู่ว่าพวกเขาเสนอไปเท่าไหร่ ก็จะได้ระดับบ่มเพาะคืนมาแตกต่างกัน…’

‘ทั้งหมดนี้คล้ายกับทำเนียบสายฟ้ากระจายอย่างมาก!’

หวังหลินรู้สึกราวกับว่าพบความลับสั่นสะเทือนสวรรค์ สูดหายใจลึกและพึมพำ “เผ่าทั้งหมดในดาราจักรโบราณมีอักขระ…อักขระนี้ไม่ได้อยู่กลางหน้าผากเสมอ เผ่าแพรฟ้ามีผมสีฟ้าแต่ก็มีอักขระด้วย! หากเผ่าอื่นในดาราจักรเป็นเหมือนเผ่าสายฟ้ากระจาย…เช่นนั้นดาราจักรแห่งนี้ เป็นไปได้ว่า…เป็นไปได้ว่า…”

รูม่านตาหวังหลินหดแคบลงและมองขึ้นไปทันที สายตาแทงทะลุผ่านห้องโถงและมองไปนอกโลก สายตามืดมนยิ่ง

‘เป็นไปได้ว่าดาราจักรโบราณคือตัวตนอันลึกลับที่มีระดับบ่มเพาะสูงส่งเกินเข้าใจและมันสร้างพื้นที่กักขังเอาไว้ ตอนที่ข้าและฉุยต้าวต่อสู้กันมีโลกหนึ่งที่เขาสร้างขึ้นมามีศิษย์สองพันล้านคน ที่นั่นมีดาวเคราะห์เซียนด้วยและสำหรับเหล่าศิษย์พวกนั้นแล้ว ฉุยต้าวคือพระเจ้า!’

ยิ่งคาดเดามากขึ้นก็ยิ่งรู้สึกจิตใจเย็นวาบ แต่สายตาไม่สามารถมองทะลุสวรรค์ไปได้และมีสายหมอกล้อมรอบความจริงเอาไว้อยู่

‘ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่ข้าคาดการณ์…บางทีมันอาจไม่ใช่ที่ข้าคิด…อย่างไรก็ตามนี่หมายความว่าค่ายกลดินแดนปิดผนึกไม่เหมือนตามที่จ้าวแห่งดินแดนปิดผนึกกล่าว มันไม่ใช่สถานที่กักขังคนของดินแดนชั้นใน…’

‘เช่นกันกับที่ร่างศพเงินกล่าวเอาไว้ว่าเพลิงนรกานต์เป็นทั้งพิษและกลลวง…ควบคู่กับสิ่งที่ปรมาจารย์เต๋าความฝันได้กล่าวเอาไว้ว่าราชันย์ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากคนในดินแดนชั้นในเพียงแค่เสียงคำรามและหนีออกมาด้วยความตื่นตระหนก…ทั้งหมดนี้เชื่อมต่อกัน? ดินแดนชั้นนอกและดินแดนชั้นในซ่อนความลับอะไรเอาไว้?’

‘นอกจากนี้ดินแดนเทพโบราณอยู่ในตำแหน่งอะไร…’ ยิ่งหวังหลินคิดก็ยิ่งรู้สึกหวาดหวั่น อาการสั่นเทาเพิ่มขึ้นในใจแบบที่หาได้ยาก

พลันสูดหายใจลึกและสงบลง ฝังสิ่งที่คาดเดาลึกๆไว้ในใจ

‘ไม่ว่าจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ข้าจะต้องบ่มเพาะเพลิงนรกานต์อย่างระมัดระวัง!’ ดวงตาหวังหลินส่องสว่างและเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น

หลายวันต่อมา จงต้าหงกลับมาก่อนฉวี่ลี่กั๋ว ขณะที่เขากลับมายังสำนักพลันเปลี่ยนท่าทีไปเป็นคนที่เต็มไปด้วยการตื่นเต้นและเคารพ หลังจากได้ยินว่าหวังหลินปิดด่านบ่มเพาะ เขามาถึงหน้าห้องโถงทันทีและบอกทุกคนให้จากไป ยืนอยู่นอกห้องโถงตัวคนเดียวและดูระวังตัวยิ่งเหมือนทาสผู้ภักดีคุ้มครองเจ้านาย

ราวกับว่าถึงแม้จะมีเซียนขั้นเทวะมาที่นี่ พวกเขาต้องข้ามศพเขาไปก่อนที่จะเข้าห้องโถง

หลังจากตั้งท่าท่างเช่นนี้ไปไม่นาน เสียงเรียกของหวังหลินดังกึกก้องในใจ เขากลับมามีชีวิตชีวาและหันตัวกลับ มือปัดเสื้อผ้าทำให้สะอาด จากนั้นเดินเข้าไปในห้องโถงด้วยท่าทางประจบ

วินาทีที่เขาเข้าไป ก่อนที่จะทันได้เห็นหวังหลิน จงต้าหงกล่าวอย่างตื่นเต้น “ผู้น้อยจงต้าหงรวบรวมของมาจำนวนมากให้ผู้อาวุโส” เขาเดินเข้าไปในห้องโถงหลักและสัมผัสอักขระบนหน้าผาก สิ่งที่รวบรวมมาตลอดเดือนที่ผ่านมาพลันลอยออกมากลายเป็นกองภูเขาย่อมๆ

เขาสูดหายใจลึกและเอ่ยอย่างตื่นเต้น “ผู้น้อยไม่เห็นผู้อาวุโสมาหลายอาทิตย์ ตอนนี้ข้าได้เห็นท่านแล้ว ข้ารู้สึกสดชื่นทันทีเพียงแค่อากาศที่ผู้อาวุโสบ่มเพาะข้างในได้ทำให้ข้ารู้สึกเหมือนระดับบ่มเพาะเพิ่มขึ้น! ข้ารู้สึกเกลียดที่ตนเองไม่สามารถติดตามท่านได้เลย อย่างไรก็ตามการทำตามคำสั่งของท่านเป็นเกียรติแก่ข้าเป็นอย่างยิ่ง ข้าหวังว่าข้าสามารถแยกร่างอวตารได้หลายร่างเพื่อให้รวบรวมได้เร็วขึ้น”

หวังหลินมองจงต้าหงด้วยท่าทีเป็นธรรมชาติ สะบัดแขนเก็บทุกอย่างที่สามารถแลกเป็นผลึกสายฟ้าได้เข้าไปในมิติเก็บของ

“ไม่เลว นี่คือรางวัลสำหรับเจ้า” หวังหลินพลิกนิ้วนำเม็ดยาร่อนลงในมือของจงต้าหง

จงต้าหงก้มศีรษะและตัวสั่น เขาไม่สามารถปกปิดความตื่นเต้นเอาไว้ได้พลางรีบเอ่ยขึ้นมา “เป็นเกียรติยิ่งที่จะทำเรื่องพวกนี้ให้ท่าน ผู้อาวุโสส่องสว่างดุจดวงตะวันและจันทรา แม้จะไม่มีรางวัล ข้าน้อยก็ยังทำด้วยความเต็มใจเพื่อช่วยผู้อาวุโส”

“ผู้อาวุโส อีกแค่ไม่กี่วันจะถึงวันแลกผลึกสายฟ้า อารามผลึกสายฟ้าจะเปิดขึ้นอีกไม่นาน เราควรออกไปแลกเปลี่ยนบ้างไหม?”

หวังหลินขบคิดเล็กน้อยจากนั้นมองจงต้าหงด้วยรอยยิ้มก่อนจะพยักหน้า

เมื่อจงต้าหงเห็นหวังหลินตกลง จึงเกิดอาการตื่นเต้น เขาเลือกเวลากลับมาก่อนฉวี่ลี่กั๋วอย่างรอบคอบเพื่อที่จะมีเวลาอยู่กับหวังหลินเพียงลำพังเพื่อใช้วาทศิลป์ เขาทั้งยังตั้งใจพาหวังหลินไปที่อารามผลึกสายฟ้าเพื่อที่จะให้ฉวี่ลี่กั๋วหาหวังหลินไม่พบตอนที่กลับมา

‘ฮึ่มฮึ่ม ข้าจงต้าหง กำลังจะเริ่มก่อสงครามสินะ ข้าไม่เชื่อว่าข้าไม่สามารถเอาชนะมันได้! ตราบใดที่ผู้อาวุโสยอมรับข้า แค่สิ่งของเพื่อแลกผลึกสายฟ้าอะไรกัน? หากข้าอยู่ติดกับผู้อาวุโส ข้าได้รับผลประโยชน์อย่างมากแน่! จากที่ดูตอนนี้ ผู้อาวุโสตั้งใจจะเข้าไปติดทำเนียบสายฟ้ากระจาย เมื่อวันที่ผู้อาวุโสรุ่งโรจน์ จะเป็นวันที่ทำให้ข้าได้สร้างชื่อ! บางทีอาจมีที่ให้ข้าได้ยืนในเผ่าสายฟ้ากระจาย!’

จงต้าหงมีความทะเยอทะยาน เป็นข้อแตกต่างที่ใหญ่หลวงที่สุดจากฉวี่ลี่กั๋ว

…………………………..

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!