Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1336

Cover Renegade Immortal 1

1336. เลื่อนเข้าสู่ทำเนียบสายฟ้ากระจาย

หมอกสีเขียวปั่นป่วน สายฟ้ากะพริบวูบวาบออกมาจากภายในซึ่งทำให้เซียนเกือบทั้งหมดที่เข้าไปรู้สึกถึงความน่าเกรงขามและน่าเคารพ

พวกเขาไม่กล้าเข้าไปใกล้หมอกสีเขียวเลยและเลือกจะเหาะไปที่ใจกลางทางเดิน ราวกับกังวลว่าจะมีมือยื่นออกมาคว้าพวกเขาไป

ถึงแม้นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่จงต้าหงมาที่อารามผลึกสายฟ้า แต่หลังจากเข้ามาในทางเดิน เขายังหวาดหวั่นและระมัดระวังตัว หวังหลินมองดูหมอกสีเขียวรอบด้านอย่างสงบนิ่ง

หมอกนี้น่ากลัวสำหรับคนอื่น แต่สำหรับหวังหลินมันไม่มีสิ่งใดน่ากลัวเลย

‘หมอกนี่ช่างน่าสนใจ…’ หวังหลินมองออกว่าหมอกนี้ไม่ใช่หมอกจริงๆ แต่เป็นสายฟ้า มีคนใช้วิชาอันทรงพลังนำสายฟ้ามาไว้ที่นี่และจากนั้นบดขยี้มันกลายเป็นสายหมอก เติมวิชาพิเศษของตนเองเข้าไปเพื่อทำหน้าที่เป็นค่ายกลป้องกัน

‘เช่นนั้นสายฟ้าสามารถเปลี่ยนเป็นหมอกได้ เผ่าสายฟ้ากระจายศึกษาสายฟ้ามาถึงระดับนี้แล้ว…พวกเขาเปลี่ยนสายฟ้าเป็นสายหมอกและเปลี่ยนเป็นสิ่งที่ยืดหยุ่น ในด้านการป้องกันแล้วมันมีผลลัพธ์คล้ายกับโลกแห่งสายลมและสายฝนของข้า…’

‘เพียงแค่คิด หมอกสายฟ้าสามารถหดลงกลายเป็นกรงได้ มีโอกาสความเป็นไปได้ร้อยแปดพันเก้า! มันช่างวิเศษจริงๆ !’ ขณะเดินผ่านทางเดินจึงเริ่มสังเกตหมอกอย่างละเอียดมากขึ้น

‘เผ่าสายฟ้ากระจายคงไม่คาดคิดว่าจะมีคนนอกมาที่นี่และตอนนี้หมอกสายฟ้าเปิดใช้งานอยู่ซึ่งเทียบเท่ากับการแสดงแก่นทั้งหมดให้เห็น…ในเมื่อใจดีขนาดนี้ ข้าคงไม่ต้องสุภาพ!’ หวังหลินดวงตาส่องสว่าง สัมผัสวิญญาณแพร่กระจายเข้าไปในหมอกและเริ่มศึกษามัน

สัมผัสวิญญาณเขาแข็งแกร่งจนเหนือล้ำหมอกสายฟ้าไปหมดสิ้น มันไม่สามารถต้านทานหวังหลินได้ หากหมอกไม่ได้เปิดออกมาแบบนี้หวังหลินคงระมัดระวังตัวมากยิ่งขึ้นและคงต้องใช้เวลาอีกสักพักกว่าจะได้เจอแก่นของวิชานี้

อย่างไรก็ตามตอนนี้เป็นช่วงที่หวังหลินสะดวกที่สุด ขณะที่สัมผัสวิญญาณเข้าไปศึกษาสายหมอกเขาก็รีบคาดเดาวิชานี้

วิชานี้คือการเปลี่ยนสายฟ้ากลายเป็นหมอกลึกลับซับซ้อนยิ่ง แม้แต่หวังหลินยังประหลาดใจ

เรื่องแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในเผ่าสายฟ้ากระจาย พวกเขาไม่เคยคิดว่าจะมีคนสามารถเข้าไปในหมอกและมองทะลุต้นตอของวิชาที่ใช้สร้างหมอกสายฟ้าขึ้นมาได้!

ตลอดหลายชั่วอายุคน หวังหลินเป็นคนแรก!

เผ่าสายฟ้ากระจายไม่เคยคิดว่าจะมีคนสามารถทะลวงผ่านทะเลสาบสายฟ้าเข้ามาผสานกับเผ่าของตน มันเป็นสิ่งที่คิดไม่ถึง มีเพียงเซียนขั้นที่สามที่สามารถเข้ามาได้โดยไม่ได้รับบาดเจ็บ ไม่มีคนอื่นจะเข้ามาได้เลย!

มีเพียงหวังหลินเท่านั้นที่ทำได้ วิญญาณดั้งเดิมของเขาคือประกายสายฟ้าซึ่งเป็นตัวตนระดับเดียวกับสายฟ้านิรันดร์ นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมเขาจึงทำเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ให้สำเร็จได้!

ตอนนี้เขามาถึงสถานที่สำคัญในเผ่าสายฟ้ากระจายและมองเห็นหมอกสายฟ้า จึงเหมือนฉากกั้นถูกเปิดขึ้นมาให้เขามองเห็นทุกอย่างชัดเจน และจึงได้เรียนรู้หนึ่งในวิชาลับของเผ่าสายฟ้ากระจาย วิชาหมอกสายฟ้า!

หากเผ่าสายฟ้ากระจายรู้เรื่องนี้คงตกตะลึงและหวาดหวั่น นี่มันเหนือจินตนาการของแต่ละคนยิ่ง!

ทางเดินในสายหมอกไม่ยาวมาก ใช้เวลาผ่านเพียงสิบห้านาทีเท่านั้น แม้สัมผัสวิญญาณหวังหลินกำลังข่มสายหมอกอยู่แต่ไม่มีใครสังเกตเลย อีกทั้งวิญญาณดั้งเดิมของหวังหลินก็เป็นสายฟ้า ดังนั้นจึงเป็นการใช้สายฟ้าเพื่อเข้าใจสายฟ้าที่ทิ้งเอาไว้ไร้ทางเปิด

เมื่อหวังหลินก้าวออกมาจากสายหมอก เขาถอนสัมผัสวิญญาณ ดวงตาส่องสว่างและปรากฏอักขระเวทย์จางๆ ในกลางหน้าผาก

แก่นแท้อักขระเวทย์นี้คือวิชาหมอกสายฟ้า!

หลังจากเดินออกไปจากทางเดิน ยอดภูเขาสูงตระหง่านปรากฏขึ้นเบื้องหน้าหวังหลิน บนยอดภูเขามีอารามสวยงามหรูหราที่มีแต่สายฟ้าปกคลุม ทางเข้ามีกระบี่เล่มใหญ่อยู่สามเล่ม

“อารามผลึกสายฟ้า!”

ลำแสงหลายเส้นเต็มไปทั่วบริเวณ เหล่าเซียนที่ออกมาจากทางเดินต่างก็ลอยเข้าหาอาราม หวังหลินและจงต้าหงต่างก็ลอยตัวขึ้นไปและมาถึงด้านนอกอารามในเวลาไม่นาน

“นายท่าน มีประตูในอารามอยู่สามแห่ง ทิศตะวันออก ทิศตะวันตกและทิศใต้ ประตูทิศตะวันออกใช้เพื่อแลกเปลี่ยนเป็นผลึกสายฟ้าและประตูทิศใต้เพื่อใช้ผลึกสายฟ้าแลกเป็นสมบัติและเม็ดยาจากทางเผ่า”

“ส่วนประตูทิศตะวันตกมีเพียงเซียนทรงพลังเท่านั้นที่สามารถเข้าไปได้ ซึ่งเป็นจุดที่ทางเผ่ามอบหมายงานให้ เมื่อทำงานได้ลุล่วงจะได้รับผลึกสายฟ้าจำนวนมาก” จงต้าหงมองหวังหลินที่ไม่เคยมาอารามผลึกสายฟ้าเลยก่อนจะเกิดข้อสงสัย อย่างไรก็ตามเขามีผลประโยชน์ที่หวังหลินมอบให้จึงแกล้งทำเป็นไม่รู้

หวังหลินรู้เรื่องนี้จากความทรงจำขอจงต้าหง เขาพยักหน้าและกล่าวขึ้นมา “ข้าจะไปคนเดียว เมื่อข้าออกมาจะไปตามหาเจ้า”

จงต้าหงพยักหน้าอย่างรวดเร็ว

หวังหลินไม่ให้ความสนใจจงต้าหงอีกและถอนสัมผัสวิญญาณจากอาราม แค่ชำเลืองมองก็บอกได้ว่าพลังอำนาจจากอวกาศก็ใช้งานที่นี่ได้ด้วย มันดูเหมือนเป็นหนึ่งม่านกั้นแต่ความจริงแล้วมีสี่ขั้น

ประตูทิศตะวันตกและทิศตะวันออกทั้งหมดนำทางไปยังอวกาศที่แตกต่างกันสามแห่ง แต่มีอวกาศแห่งที่สี่ที่ไร้ทางเข้า สัมผัสวิญญาณหวังหลินกวาดผ่านไปและสัมผัสกลิ่นอายกำลังบ่มเพาะอยู่ได้ชัดเจน

‘ในเผ่าสายฟ้ากระจายมีเซียนทรงพลังจำนวนมาก กลิ่นอายทั้งหมดเก้าคนนี้มีอยู่ห้าคนเป็นขั้นส่องสวรรค์ สามคนเป็นขั้นชำระสวรรค์และอีกหนึ่งเป็นขั้นทลายสวรรค์จริงๆ !’ หวังหลินเดินเข้าหาประตูทางทิศตะวันออกของอารามอย่างเงียบเชียบ

ที่มีคนของเผ่าสายฟ้ากระจายจำนวนมาก ไม่อยู่กันโดดเดี่ยวก็อยู่กันเป็นกลุ่มและมีชีวิตชีวายิ่ง

โดยเฉพาะกลุ่มเซียนที่อยู่ทางประตูทิศตะวันออก เห็นได้ชัดว่าซ่อนความตื่นเต้นเอาไว้ ยังมีพวกคนที่มีชีวิตอยู่มานานและสงบนิ่งจนไม่เผยความคิดอันใดอีก

ความคิดที่แข็งแกร่งเช่นนี้เกี่ยวข้องกับนิสัยและอายุ หวังหลินบ่มเพาะมาสองพันปีและเจออะไรมาเยอะมาก ตนเองยังมีเล่ห์เหลี่ยมและความสามารถในการวางแผนที่ไม่ด้อยกว่าเซียนเฒ่าอายุเป็นหมื่นปีหรือมากกว่านั้น

นอกจากระดับบ่มเพาะแล้ว ความเจ้าเล่ห์ก็เป็นจุดสำคัญในการเอาตัวรอด

หวังหลินไม่ได้รีบเข้าไปประตูทิศตะวันออก ดังนั้นจึงสังเกตมันอยู่สักพัก จากนั้นเดินเข้าหาประตูทิศตะวันออกด้วยท่าทีไม่แยแส เขาไม่รู้จักใครที่นี่และไม่มีใครรู้จักเขา การทำท่าทางไม่สนใจแบบนี้จึงไม่มีใครเข้ามาคุยด้วย

เมื่อเข้าประตูมาได้ หวังหลินรู้สึกชัดเจนว่าตนเองเข้าสู่มิติที่คนอื่นสร้างขึ้น เบื้องหน้าคือน้ำพุสีดำเต็มไปด้วยของเหลวเหมือนโคลนและมีฟองผุดขึ้นมา

ด้านข้างน้ำพุมีชรานั่งอยู่สามคน ระดับบ่มเพาะแต่ละคนไม่ต่ำต้อย หนึ่งในนั้นเป็นขั้นรูปธรรมหยางส่วนอีกสองคนเป็นขั้นมายาหยิน ภายในร่างกายมีสายฟ้าโคจรอยู่ด้วย

หวังหลินเรียนรู้วิธีการแลกเปลี่ยนผลึกสายฟ้ามาจากความทรงจำของจงต้าหง จึงไม่ทำอะไรเสียเวลาเปล่า เขาสัมผัสอักขระบนหน้าผากเพื่อแกล้งเป็นเปิดมิติเก็บของขึ้นมา สิ่งของจำนวนมากที่สามารถแลกเป็นผลึกสายฟ้าได้พลันลอยเข้าไปในน้ำพุและถูกโคลนกลืนกิน

ผ่านไปสักพักหวังหลินยังไม่เสร็จสิ้นดี ชายชราสามคนที่นั่งอยู่พลันลืมตาขึ้นสำรวจหวังหลิน ดวงตาเผยแสงประหลาดใจ

ทั้งสามคนรับผิดชอบสถานที่แห่งนี้มาแล้วสักพักจึงค่อนข้างหาคนที่เอาของหลายสิ่งมาแลกในครั้งเดียวยากยิ่ง ซึ่งทำให้พวกเขาสนใจ

ระดับบ่มเพาะของหวังหลินสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามต้องการ ตอนนี้เขาเป็นเซียนขั้นเทวะเบื้องหน้าชายชราทั้งสามคน

หลังจากทุกอย่างถูกแลกเปลี่ยนและถูกน้ำพุสีดำกลืนกินไป หวังหลินนำหินหยกก้อนหนึ่งออกมาอย่างสงบนิ่ง ของสิ่งนี้ไม่ใช่สิ่งเอาไว้แลกเปลี่ยนแต่เป็นทำเนียบสายฟ้ากระจาย

เขาโยนหินหยกเข้าไปในน้ำพุสีดำอย่างลวกๆ เสียงคำรามพึมพำดังออกมาจากน้ำพุ หลังจากนั้นไม่นานหินหยกก็ลอยออกมาเข้าสู่มือหวังหลิน

ขณะเดียวกันหินหยกทำเนียบสายฟ้ากระจายที่คนของเผ่ามีกันทุกคนพลันเกิดระลอกคลื่น นั่นหมายความว่ามีการเปลี่ยนแปลงทำเนียบอยู่ข้างใน!

อารามผลึกสายฟ้าเปิดขึ้นทุกปีเป็นเวลาสามวัน ซึ่งจะเกิดการเปลี่ยนแปลงต่อทำเนียบอย่างสม่ำเสมอ อย่างไรก็ตามชื่อแปดร้อยคนแรกไม่ค่อยเปลี่ยนกันนัก ส่วนใหญ่เปลี่ยนลำดับไม่ต่างกันเยอะ

อย่างไรก็ตามตอนนี้ทำเนียบสายฟ้ากระจายเกิดระลอกคลื่นรุนแรง นั่นหมายความได้เพียงอย่างเดียว มีคนใหม่เข้าสู่ทำเนียบ!

เซียนแทบทุกคนในเผ่าสายฟ้ากระจายนำหินหยกทำเนียบของตัวเองออกมาดู

ตำแหน่งแรกยังคงเป็นจ้าวระเบียบ แต่จำนวนผลึกเปลี่ยนจาก 1,900,007,000 ไปเป็น 2,400,009,000!

ขณะที่เหล่าเซียนเผ่าสายฟ้ากระจายมองดูรายชื่อ คนฉลาดจะมองจากด้านล่างและเห็นคนใหม่ที่ทำให้เกิดระลอกคลื่นได้ทันที

ในอันดับเจ็ดร้อยเก้าสิบเก้าเป็นเยว่เฟยที่มีผลึกสายฟ้าสี่แสนหกหมื่นสี่พันก้อน สูงกว่าอันดับแปดร้อยเพียงสามพันก้อนเท่านั้น!

“เยว่เฟย? ข้าสงสัยว่าเขามาจากดาวดวงไหนถึงได้เข้าทำเนียบสายฟ้ากระจายได้ทันที!”

“เขาไม่ได้มีชื่อเสียงนักแต่เผ่าของเรามีคนจำนวนมากจึงไม่อาจรู้จักกันได้หมด ในเมื่อเขาสามารถเข้าสู่ทำเนียบได้ เขาก็ไม่อาจดูถูกได้ ถึงแม้จะอยู่ล่างทำเนียบแต่การมีรายชื่อถือว่ามีทักษะพอตัว”

“ชื่อเขาจำง่าย เยว่เฟย เยว่เฟย! อย่างไรก็ตามวันที่สามจะเป็นตอนที่ทำเนียบเปลี่ยนแปลงมากที่สุด ไม่รู้ว่าถึงตอนนั้นเขาจะยังอยู่ไหม!”

พริบตาเดียวเหล่าผู้คนได้พูดถึงเรื่องดาวเคราะห์ทดสอบทั้งสิบสามดวง เพราะบนทำเนียบมีแค่แปดร้อยชื่อเท่านั้น การเข้ามาได้จะทำให้กลายเป็นคนมีชื่อเสียง!

ชื่อ “เยว่เฟย” เป็นที่จดจำของเซียนจำนวนมากของเผ่าสายฟ้ากระจาย

………………………….

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!