Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1375

Cover Renegade Immortal 1

1375. เผชิญหน้ากับนกกระจอกเพลิงครั้งแรก

“นายท่าน ผู้อาวุโสตกสวรรค์ที่ใกล้ที่สุดคือผู้อาวุโสลำดับเก้าและเป็นหัวหน้าเผ่ามังกรหุ้มเกราะ มีเซียนหลายคนอยู่ที่นั่นและมันวุ่นวายยิ่ง” ชายชราจากเผ่าแมงป่องทมิฬกล่าวขึ้นพร้อมกับนำทางไปด้วย

ระหว่างทางทั้งสองไม่ค่อยพูดคุยกันนักและรีบเหาะเหินข้ามผ่านพื้นที่ดวงดาวไป

จิตใจหวังหลินยังเต็มไปด้วยสิ่งที่อยู่ในหุ่นเชิด เขาดูเหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่างแต่มีชั้นหมอกอยู่กลางทางจนไม่สามารถเห็นได้ชัดเจน

“แม้เผ่ามังกรหุ้มเกราะจะเป็นเผ่าเล็กๆ เช่นกันแต่มีคนมากกว่าพันคน หัวหน้าเผ่าเป็นถึงเซียนขั้นทะลวงสวรรค์ระดับที่สี่และตอนที่ใช้วิชาเกราะมังกร ไม่มีเซียนธรรมดาคนใดจะทำลายการป้องกันนี้ได้ ผู้อาวุโสลำดับเก้ามีชื่อเสียงมากในสภาตกสวรรค์ เผ่าเล็กๆ เช่นแมงป่องทมิฬคงไม่กล้าแสดงความไม่เคารพ”

ผู้อาวุโสแมงป่องทมิฬเล่าทุกอย่างที่รู้เรื่องเผ่ามังกรหุ้มเกราะ

หลังผ่านไปสักพักหวังหลินจึงเอ่ยถาม “ดาวหลักของเผ่ามังกรหุ้มเกราะขายผลึกเพลิงอัคคีไหม?”

ผู้อาวุโสแมงป่องทมิฬรีบกล่าว “มีขาย แต่เผ่านกกระจอกเพลิงกำลังรวบรวมอย่างบ้าคลั่ง เมื่อไหร่ที่ปรากฏขึ้นมา พวกนั้นจะซื้อเอาไว้ไม่ว่าจะต้องจ่ายด้วยอะไรก็ตามจนไม่สามารถเอาชนะพวกนั้นได้ การซื้อผลึกและหุ่นเชิดจำเป็นต้องเข้าสู่ตำหนักซื้อขายบนดาวเคราะห์หลักของเผ่ามังกรหุ้มเกราะ”

ทั้งสองคนเป็นเซียนทรงพลังจึงเหาะเหินด้วยความเร็วเต็มที่ ใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมงข้ามผ่านพื้นที่ดวงดาวและเดินทางมาไกลจากเผ่าแมงป่องทมิฬ เบื้องหน้าหวังหลินคือดาวเคราะห์เซียนสีเขียว

ดาวเคราะห์ดวงนี้ถูกหุ้มด้วยสีเขียวและปลดปล่อยพลังชีวิตอันทรงพลัง มันเต็มไปด้วยพลังปราณและดียิ่งกว่าของเผ่าแมงป่องทมิฬ

เมื่อทั้งสองคนเข้ามาใกล้ ลำแสงสามสายพุ่งเข้ามาหา หนึ่งในนั้นเป็นชายชราาสวมเสื้อสีเขียว เผยรอยยิ้มและคำนับ “ผู้อาวุโสคาดว่าหัวหน้าเผ่าแมงป่องทมิฬจะมา ดังนั้นจึงบอกให้เราสามคนรอ ท่านหัวหน้าเผ่าโปรดติดตามเราสามคนเข้าไป”

อีกสองคนด้านหลังชายชราต่างคำนับฝ่ามือและสุภาพนอบน้อมยิ่ง

เผ่าแมงป่องทมิฬยังเป็นหนึ่งในสามร้อยเจ็ดสิบสองเผ่า แม้จะไม่มีผู้อาวุโสตกสวรรค์แต่หัวหน้าเผ่าไม่ใช่สิ่งที่สมาชิกเผ่าธรรมดาจะเผยความไม่เคารพได้ หัวหน้าเผ่าแมงป่องทมิฬเผยรอยยิ้มและพยักหน้า เขาให้หวังหลินเข้าไปก่อนแล้วจึงติดตามไป ทั้งสามคนจากเผ่ามังกรหุ้มเกราะนำทางเข้าไปบนดาวเคราะห์

เมื่อทั้งสามคนเห็นท่าทีของหัวหน้าเผ่าแมงป่องทมิฬจึงเกิดความตกตะลึง ชายชราเผยแววตาส่องสว่างและมองหวังหลินอย่างละเอียด แม้จะไม่สังเกตอะไรได้แต่ก็ให้ความสนใจมากขึ้น

‘การทำให้หัวหน้าเผ่าแมงป่องทมิฬมีท่าทีสุภาพเช่นนี้ได้ คนผู้นี้ไม่สามารถประเมินค่าต่ำได้…’

ทุกคนเปลี่ยนกลายเป็นลำแสงและเข้าใกล้ดาวเคราะห์ ขณะที่กำลังจะเข้าไปในชั้นบรรยากาศ หวังหลินสังเกตบางอย่างได้และแกล้งทำเป็นมองกลับไปด้านหลังอย่างไม่ตั้งใจ

ระลอกคลื่นปรากฏขึ้นในอวกาศและมีชายวัยกลางคนเดินออกมา

ชายวัยกลางคนมองหวังหลินและเผยรอยยิ้มมืดมน

หวังหลินมีท่าทีนิ่งสงบราวกับไม่สนใจ เขาหันศีรษะกลับ ติดตามคนทั้งสามผ่านชั้นบรรยากาศและหายตัวไป

หวังหลินผ่านชั้นบรรยากาศอย่างรวดเร็ว จิตใจมืดมนขึ้น ชายวัยกลางคนผู้นั้นมองเขาก่อนทำให้หวังหลินเกิดความระมัดระวังตัวเองจนต้องมองกลับไป

นี่ทำให้อารมณ์เขามืดมนทันที เขาเคยเห็นคนผู้นั้นมาก่อน เขาเป็นหนึ่งในเซียนขั้นที่สามที่ไล่ล่าต้าเสินตอนที่หวังหลินเข้ามาในดาราจักรโบราณเป็นครั้งแรก!

พอเห็นเขาอีกครั้ง หวังหลินจึงบอกได้ทันทีว่าเขาไม่ใช่คนในดินแดนตกสวรรค์ แต่มาจากดาราจักรโบราณ!

การที่เซียนขั้นที่สามมาที่นี่ ไม่จำเป็นต้องเดาแรงจูงใจหวังหลินก็รู้ว่าทำไม!

‘เขาต้องมาเพื่อสังหารข้า…แต่อาจจะไม่ได้มาด้วยร่างดั้งเดิม ไม่เช่นนั้นก็คงไม่มีกลิ่นอายขั้นทะลวงสวรรค์ระดับที่ห้า…แน่นอนว่าเขาอาจจะซ่อนระดับบ่มเพาะได้…แต่ก็ดูเหมือนหวาดกลัวที่นี่ด้วย ไม่เช่นนั้นคงโจมตีข้าไปแล้ว…’

‘สภาราชันย์รวดเร็วยิ่ง…ขั้นทะลวงสวรรค์ระดับที่ห้า…’ เจตนาต่อสู้วาบขึ้นมาในแววตาหวังหลินพร้อมกับเผยอาการเยาะเย้ยและผ่านชั้นบรรยากาศเข้าไป

ในอวกาศนอกดาวเคราะห์เผ่ามังกรหุ้มเกราะ ปรมาจารย์ซือโม่ถอนสายตาออกมาและยิ้มขึ้น ไม่คิดว่าจะเจอคนที่ตามหาเร็วขนาดนี้ รูปร่างและกลิ่นอายของเป้าหมายได้ถูกยอดปรมาจารย์หยุนลั่วบันทึกไว้แล้ว ดังนั้นเขาจึงสามารถจดจำหวังหลินได้ทันที

‘น่าเสียดายที่ข้าไม่สามารถลงมือที่นี่ได้ ไม่เช่นนั้นคงทำให้เกิดความปั่นป่วนมากเกินไป หากดึงจักรพรรดิออกมาด้วยคงแย่นัก…อย่างไรก็ตามหากเขาอยู่บนดาวเคราะห์ การหนีไปนับว่ายากแน่! ข้าแค่ต้องหาเหตุผลดีดีไปจับตัวเขา!’

ปรมาจารย์ซือโม่ยิ้มออกมา ดวงตาส่องสว่างขึ้นพร้อมกับมองออกไปไกล ร่างหนึ่งลอยออกมาไกลพร้อมกับหัวเราะเสียงดัง เป็นชายชราผมขาวสวมชุดคลุมสีฟ้าที่กำลังลอยออกมาจากดาวเคราะห์เซียนของเผ่ามังกรหุ้มเกราะ

“ผู้อาวุโสซือโม่ เราไม่เจอกันมาหลายปี ท่านยังคงดูดีไม่เปลี่ยน!” ชายชราหัวเราะเสียงดัง พลังดั้งเดิมล้อมรอบร่างกายปลดปล่อยกลิ่นอายของเซียนขั้นทะลวงสวรรค์ระดับที่สี่

ปรมาจารย์ซือโม่หัวเราะและคำนับฝ่ามือ “สหายเซียนซุน ครั้งล่าสุดก็หลายร้อยปีแล้วสินะ ข้ามาที่นี่ต้องขอรบกวนอีกครั้ง”

“ผู้อาวุโสมาจะนับเป็นการรบกวนได้อย่างไร? ท่านและข้ารู้จักกันมานาน หากไม่ใช่เพราะคำแนะนำของผู้อาวุโสซือโม่ ข้าคงตายในการทะลวงระดับที่สามไปแล้ว ผู้อาวุโสซือโม่โปรดติดตามข้าไปที่ถ้ำ!” ชายชราหัวเราะ เขาคือผู้อาวุโสตกสวรรค์ลำดับเก้า และปกติไม่สนใจเรื่องทางโลก เขาปิดด่านบ่มเพาะอยู่ตอนที่รับข้อความของปรมาจารย์ซือโม่ได้ และจึงโผล่ออกมาทันที

ทั้งสองพูดคุยกันพร้อมกับเดินเข้าหาดาวเคราะห์ ร่างทั้งคู่ค่อยๆ หายไป

หลังจากหวังหลินและหัวหน้าเผ่าแมงป่องทมิฬเข้าสู่ดาวเคราะห์ คนทั้งสามของเผ่ามังกรหุ้มเกราะได้จากไปอย่างนอบน้อม หัวหน้าเผ่าแมงป่องทมิฬนำทางไปยังเมืองแห่งหนึ่งทางทิศตะวันออก

หัวหน้าเผ่าแมงป่องทมิฬกล่าวเสียงต่ำ “นายท่าน หากท่านต้องการซื้อหุ่นเชิดหรือผลึกเพลิงอัคคี ท่านไปที่เมืองตะวันออกได้เท่านั้น มีร้านค้าที่เผ่ามังกรหุ้มเกราะควบคุมอยู่ที่นั่น ข้าไปที่นั่นเสมอเว้นแต่จะมีการประมูลใหญ่”

หวังหลินพยักหน้าแต่จิตใจปรากฏจิตสังหาร เดิมทีเขามาเพื่อซื้อหุ่นเชิดระดับสูงเพื่อเอามาศึกษาแต่หากเจอผลึกเพลิงอัคคีบ้างเขาก็จะซื้อไปเช่นกัน

ผลึกพวกนี้สามารถช่วยเขากระตุ้นครั้งที่สี่ได้ หากดูดซับไปจำนวนมากก็จะเป็นประโยชน์มหาศาล อีกทั้งการได้ผลึกจำนวนมากพวกนี้มายังเกี่ยวข้องกับวิธีการที่จะเอาแก่นแท้ของเผ่านกระจอกเพลิงมาด้วย

แต่หลังจากเห็นปรมาจารย์ซือโม่ หวังหลินเปลี่ยนความคิด ในเมื่ออีกฝ่ายไล่ตามเขามที่นี่ก็คงหนีออกไปได้ยาก อย่างไรก็ตามหวังหลินไม่มีเจตนาหนี เขาวางแผนต่อสู้ไว้ที่นี่แล้ว!

‘คนที่ไล่ล่าข้าไม่โจมตีก็เพราะมีความกังวลบางอย่าง เขาต้องเข้ามาที่นี่เพื่อหาเหตุผลสังหารข้า…ในเมื่อกังวลบางอย่าง ถือว่าดีที่สุด…และเพราะเขาแสดงระดับบ่มเพาะขั้นทะลวงสวรรค์ระดับที่ห้าเท่านั้น หมายความว่าไม่เผยตัวเองในฐานะเซียนขั้นที่สาม หรืออาจจะเป็นแค่ร่างอวตาร…’

‘หากเป็นร่างอวตารที่ไล่ล่าข้าจริงๆ ข้าจะให้ร่างอวตารเขาพังย่อยยับเป็นตัวอย่าง! แม้จะเป็นแค่ร่างอวตาร ข้ายังต้องเตรียมการ อีกทั้งศัตรูในขั้นทะลวงสวรรค์ระดับที่ห้าไม่ใช่ต่อสู้ได้ง่ายๆ แม้แก่นแท้สายฟ้าของข้าสมบูรณ์แบบ ข้ายังต้องระมัดระวังตัว!’

หวังหลินมีท่าทีเย็นเยียบ หลังจากรู้ว่าจะไปไหนจึงคว้าชายชราและเร่งความเร็วขึ้น พวกเขาเปลี่ยนเป็นลำแสงมุ่งหน้าไปที่เมือง

หวังหลินวางชายชราลง “รีบนำทางไป!”

ชายชราเห็นจิตสังหารจากร่างหวังหลิน ความคิดสั่นไหว รีบนำทางหวังหลินผ่านเมืองไป ไม่นานก็มาถึงเบื้องหน้าตำหนักขนาดใหญ่

ตำหนักดูเก่าแก่ยิ่ง ขณะที่เดินเข้าไป พลันมีผู้หนึ่งเดินออกมาเป็นหญิงสาวอายุราวๆ สามสิบปี กลิ่นหอมของนางพุ่งเข้าหาพวกเขา

“โอ้ นั่นจ้าวแมงป่องทมิฬไม่ใช่หรือ? ท่านไม่ได้พึ่งมาที่นี่เมื่อสองสามเดือนก่อน? หรือท่านรู้ว่าข้าได้สมบัติบางอย่างมาและมาตรวจสอบ?” นางเอ่ยน้ำเสียงละมุนและเผยรอยยิ้มมีเสน่ห์

นายตากวาดผ่านหวังหลิน เกิดอาการตกตะลึงขึ้นในแววตานางทันที

หัวหน้าเผ่าแมงป่องทมิฬยิ้มออกมาและคำนับฝ่ามือ “วันนี้ข้ามาที่นี่เพื่อสนับสนุนสหายเซียน”

นางยิ้มและมองหวังหลินอย่างละเอียด เอนตัวเข้าหาและเอ่ยขึ้น “สหายเซียนโปรดตามข้าไปข้างบน หากต้องการอะไร เอ่ยมาได้เลย”

หวังหลินมีท่าทีสงบนิ่ง คำนับฝ่ามือเล็กๆ ก่อนจะติดตามนางขึ้นบันไดไป ชั้นที่สองไม่ใหญ่มาก มีเก้าอี้งดงามอยู่เพียงไม่กี่ตัว หวังหลินนั่งลงมองหญิงสาว

หัวหน้าเผ่าแมงป่องทมิฬยืนอยู่ด้านหลังหวังหลินและไม่ได้นั่งลง

เมื่อนางเห็นเช่นนี้ ดวงตาเผยแสงประหลาดใจที่ซ่อนไว้เป็นอย่างดี นางก้มศีรษะลงเอ่ยเบาๆ “ข้าสงสัยจริงว่าสหายเซียนต้องการอะไร”

“ผลึกเพลิงอัคคี!” หวังหลินเอ่ยขึ้นช้าๆ พลางสายตาเลื่อนจากนางไปที่ทางเข้าชั้นที่สอง ในดวงตากะพริบแสงวูบวาบ

“ข้าเองก็ต้องการผลึกเพลิงอัคคีเช่นกัน!” น้ำเสียงเย็นเฉียบดังออกมาจากทางเข้าชั้นที่สอง หลังจากนั้นไม่นานมีคนผู้หนึ่งเดินออกมา

คนผู้นี้สวมเสื้อคลุมสีแดงเพลิง เรือนผมสีขาวยุ่งเหยิง ทว่าดูเหมือนจะมีทะเลเพลิงอยู่ในร่างกาย อุณหภูมิข้างในเพิ่มขึ้นทันที

ทุกย่างก้าวทิ้งฝ่าเท้าเพลิงเอาไว้แต่เปลวเพลิงไม่เผาไหม้บันได พวกมันดูเหมือนเผาไหม้ในอากาศบางๆ และค่อยๆ หายไป

ใจกลางหน้าผากมีอักขระเพลิง! เปลวเพลิงราวกับมีชีวิตและดูเหมือนกำลังเผาไหม้! เมื่อเขามาถึงชั้นที่สอง สายตาประสานกับหวังหลิน

“สหายเซียน ให้ข้าได้ผลึกเพลิงอัคคีเถอะ”

หวังหลินยิ้มบางเบา

…………………………………………..

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!