1389. ตัวตนและต้นกำเนิดของรูปแกะสลัก 1
‘ข้าลืมไปว่ามันสามารถใช้วิชายับยั้งรุนแรงขนาดนี้ได้!’ คลื่นลูกใหญ่ก่อตัวขึ้นในใจทันหลางแววตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
‘เจ้าศัตรูตัวฉกาจนี่มันชั่วร้ายเกินไป มันใช้วิชานี้ในจังหวะที่รอจนกว่าข้าจะนำสมบัติที่ทรงพลังที่สุดออกมาเพื่อดับความหวังสุดท้ายของข้า!’ ร่างทันหลางและดวงวิญญาณแข็งค้างอย่างสิ้นเชิง ทำได้แค่เฝ้าดูหวังหลินเข้ามาใกล้โดยที่ไม่สามารถขยับไปไหนได้เลย
รูปแกะสลักแตกหักไม่มีกลิ่นอายออกมาและลอยบนด้านขวาทันหลางอย่างเงียบๆ
หวังหลินค่อยๆ หดร่างลงพร้อมกับเคลื่อนตัวมาข้างหน้า เมื่อมาถึงเบื้องหน้าทันหลางจึงมีขนาดเท่าคนปกติ คว้ารูปแกะสลักแตกหักไปโดยไม่ให้ความสนใจทันหลาง
หลังจากเห็นหวังหลินเอาสมบัติที่ทรงพลังที่สุดไป ทันหลางรู้สึกเหมือนกระบี่ทิ่มแทงจิตใจ หนึ่งครั้ง สองครั้ง ร้อยครั้ง พันครั้ง หมื่นครั้ง กระบี่ทิ่มแทงหัวใจทันหลางจนกระทั่งโลหิตไหลออกจากมุมปาก
“มันก็แค่สมบัติ ข้าเชื่อว่าผู้อาวุโสทันหลางคงไม่หวงนัก ตอนนั้นผู้อาวุโสมอบสมบัติให้ข้าเยอะมาก ตอนนี้เราเจอกันอีกครั้ง ข้าขอรับไว้ด้วยความยินดี” หวังหลินยิ้มพลางมองดูรูปแกะสลักแตกหักอย่างละเอียด
สีหน้าหวังหลินเปลี่ยนไปทันที
รูปแกะสลักนี้ดูธรรมดาและมีหลายส่วนได้รับความเสียหาย มันเป็นรูปแกะสลักคนแต่กลับมีรูปลักษณ์ที่แปลกประหลาด
รูปแกะสลักดูเหมือนชายวัยกลางคนสวมชุดคลุมลายก้อนเมฆ หน้าตาธรรมดาแต่เปล่งสัมผัสแห่งบารมี ซึ่งไม่ได้รุนแรงและน่าหวาดกลัว แต่เมื่อสายตาหวังหลินประสานกับสายตาของรูปแกะสลัก ทั้งร่างสั่นสะท้าน!
ร่างกายสั่นสะท้าน!
อวกาศเบื้องหน้าหวังหลินหายไป ทุกอย่างฉีกกระชาก พลังที่ไม่อาจอธิบายได้พุ่งออกมาจากดวงตารูปแกะสลักและเข้าสู่จิตใจหวังหลิน
โลกดังสนั่นในหูหวังหลิน แม้กระทั่งอวกาศยังฉีกขาดด้วยตัวเอง! ทั้งโลกพังทลายกลายเป็นมิติว่าง หวังหลินถูกพัดมาและตกอยู่ในความสับสน
ผ่านไปไม่รู้นานแค่ไหน สิบปี ร้อยปี พันปี หมื่นปี…จนกระทั่งวันหนึ่งหวังหลินได้เห็นแผ่นดินในมิติว่าง แผ่นดินแห่งนี้ไร้ขอบเขต หวังหลินเกิดความรู้แจ้ง รู้สึกว่าขนาดของแผ่นดินแห่งนี้ใหญ่กว่าของทั้งดาราจักรโบราณมากมาย แม้จะเพิ่มดินแดนชั้นนอกและดินแดนชั้นในเข้าไปด้วยก็ยังไม่ถึงหนึ่งในหมื่นส่วนของแผ่นดินเลยด้วยซ้ำ
ทุกอย่างที่เห็นในใจพลันมลายหายไปและเปลี่ยนความว่างเปล่า หวังหลินร่างสั่นเทาและตื่นขึ้นทันที
อวกาศยังคงเป็นอวกาศ โลกยังคงเป็นโลกใบเดิม แววตาทันหลางยังคงหวาดกลัวและไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ด้วยวิชายับยั้ง
หวังหลินขบคิดอย่างเงียบๆ
ไม่ว่าจะอยู่ในสภาวะลึกลับนั้นไปกี่ปี แต่หลังจากตื่นขึ้นมา หวังหลินตระหนักได้ว่ามันเพียงแค่ชั่วพริบตาเท่านั้น!
หากนับเป็นเวลาจริงๆ ก็คงเป็นชั่วขณะประสานสายตากับรูปแกะสลัก!
‘เป็นภาพมายาหรือไม่…’ หวังหลินเผยสีหน้าอธิบายไม่ถูก เขาไม่เข้าใจมันแต่สิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นตอนนี้ประทับไว้ในใจส่วนลึกและไม่มีวันลืมไปชั่วชีวิต
‘นั่น…มันอะไร…’ หวังหลินส่งสายตาไปบนรูปแกะสลักอีกครั้ง คราวที่สองแตกต่างจากครั้งก่อน ดูเหมือนรูปแกะสลักธรรมดาจะเปลี่ยนไปและเปล่งสัมผัสบารมีที่เกินอธิบาย!
สัมผัสแห่งบารมีทำให้เซียนทุกคนเบื้องหน้ามันราวกับเป็นมดแมลง! แม้กระทั่งโลกทั้งใบยังต้องก้มกราบ! หวังหลินรู้สึกว่าแม้กระทั่งเซียนขั้นที่สาม…ยังสั่นเทาเบื้องหน้ารูปแกะสลัก!
‘เขาเป็นใครกัน…’ หวังหลินขบคิดเงียบๆ
รูปแกะสลักทั้งหมดที่เขาเคยเห็นมาในชีวิต มีเพียงรูปปั้นของฉิงหลินในดินแดนวิญญาณปีศาจที่สามารถทำให้จิตใจพังทลายได้ แม้รูปปั้นนี้ไม่ได้เป็นแบบนั้นแต่หวังหลินเกิดความรู้สึกเลือนลางว่ารูปปั้นของฉิงหลินคงเหมือนมดแมลงเบื้องหน้ารูปแกะสลักนี้เช่นกัน!
รูปแกะสลักเป็นเพียงชายวัยกลางคนธรรมดา เขาดูท่าทีสงบนิ่งไร้อารมณ์ความรู้สึก
“เจ้าได้รูปแกะสลักนี้มาจากไหน?” หวังหลินยังคงมองรูปแกะสลักและไม่ได้มองทันหลาง
เขาสะบัดแขนทำให้ผ่อนวิชายับยั้งลงจนทันหลางสามารถพูดได้
ทันหลางขบคิดชั่วครู่ก่อนจะถอนหายใจและเอ่ยขึ้น “ในสุสานโบราณ”
“การเข้าสู่ดาราจักรโบราณ เจ้าต้องทะลวงค่ายกลดินแดนปิดผนึกซึ่งด้วยระดับบ่มเพาะของเจ้าไม่มีทางเป็นไปได้ เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร?” หวังหลินเอ่ยเสียงเย็นเยียบและทะลวงเข้าไปในใจทันหลางจนร่างกายสั่นเทา
“เป็นเพราะสุสานโบราณเช่นกัน…สมบัติทั้งหมดของข้าได้มาในสุสานโบราณนั่น” ทันหลางเลิกต่อต้าน เข้าใจว่าถ้าเขาบอกความจริงอาจจะมีโอกาสรอดชีวิต เขารู้ว่าคนตรงหน้าคืออสูรร้ายและคงไม่มีวันแสดงความเมตตา
หากเขาทำให้หวังหลินสงสัย หวังหลินคงใช้วิชาค้นวิญญาณ จากนั้นแม้เขาจะไม่ตายก็คงจิตใจไม่ปกติ
ดวงตาหวังหลินส่องสว่างพลางมองทันหลางและเอ่ยต่อ “สุสานอะไร? อธิบายให้ละเอียด อย่าบังคับข้าให้ต้องค้นวิญญาณเจ้า!”
ทันหลางไม่กล้าปกปิดความลับและรีบพูด
“หลังจากหนีออกมาจากอสรพิษพิฆาตจันทร์ ข้าไม่ตายแต่ซ่อนตัวอยู่ในดาวเคราะห์รกร้างในดาราจักรทุกชั้นฟ้า ข้าซ่อนตัวจากเจ้าและใช้เวลาไปกับการฟื้นพลัง”
“ผ่านไปสักพัก ข้าไม่เห็นว่าเจ้าไล่ตามข้ามาจึงรู้ได้ทันทีว่าเจ้าอาจจะคิดว่าข้าตายไปแล้ว ข้ารู้สึกจิตใจสงบนิ่งและเพ่งสมาธิไปกับการฟื้นพลังบนดาวเคราะห์นั้นจนข้าฟื้นฟูได้สมบูรณ์ จากนั้นข้าก็ตัดสินใจออกมา”
“ตอนนั้นเจ้าไม่อยู่ในดาราจักรทุกชั้นฟ้าแล้ว ทั่วทั้งดาราจักรทุกชั้นฟ้าว่างเปล่า เซียนส่วนใหญ่ไปเข้าร่วมสงครามในดาราจักรพันธมิตรเซียน ซึ่งมอบโอกาสให้กับข้า”
“ระหว่างทางข้าปลอดภัยและไม่ต้องการกลับไปพันธมิตรเซียน อีกทั้งเพราะข้าถูกอสรพิษพิฆาตจันทร์กลืนกิน บนร่างและวิญญาณข้าจึงมีกลิ่นเหม็นตราตรึงเอาไว้ มันคละคลุ้งและแทบทนไม่ไหว”
“ดังนั้นข้าจึงท่องไปทั่วดวงดาวเพื่อหาทางขจัดกลิ่นเหม็นจากร่างกาย วันคืนผ่านไปจนกระทั่งวันหนึ่งข้าไปเจอม่านพลังเข้าสู่แดนสวรรค์แห่งแสงและพบวังวนประหลาด”
“วังวนนั้นปรากฏขึ้นมาทันทีราวกับมันมีเป้าหมายจะเผยออกมาเบื้องหน้าข้า ข้าไม่พบว่ามันประหลาดอะไรนักเพราะข้าเจอเรื่องประหลาดกว่านี้มาเยอะในชีวิต เหมือนตอนที่ข้าอยู่ในขั้นแกนลมปราณ ข้าเจอศัตรูที่ไม่อาจสู้ได้และมีเตาหลอมตกลงมาจากฟ้าเข้ากระแทกใส่ศัตรูจนตาย…”
หวังหลินขมวดคิ้ว “เข้าเรื่อง!”
ร่างทันหลางสั่นเทาและรีบกล่าว “หลังจากวังวนปรากฏขึ้นมา ข้าสัมผัสความทรงพลังในใจได้ ข้าไม่เคยรู้สึกรุนแรงขนาดนี้มาก่อน แม้แต่ตอนที่เตาหลอมตกจากฟ้าหรือตอนที่ข้าเจออสรพิษพิฆาตจันทร์…”
เขาเห็นหวังหลินขมวดคิ้ว ความคิดหนาวเย็นและหยุดเสียเวลา “ข้าเข้าไปในวังวนโดยไม่ลังเล พอเข้าไปเรียบร้อย วังวนก็หายไป ซึ่งมันปรากฏขึ้นมาไม่เกินสามลมหายใจด้วยซ้ำ”
หวังหลินดวงตาส่องสว่าง จากนั้นค่อยๆ เย็นเยียบ “ฟังดูเหมือนวังวนจะเปิดขึ้นมาเพื่อเจ้าโดยเฉพาะ…”
ทันหลางมีท่าทีเปลี่ยนไปและรีบเอ่ย “ข้าไม่ได้โกหก ทุกอย่างที่ข้าพูดเป็นเรื่องจริง ข้ารู้ว่าเจ้าไม่เชื่อข้าแต่มันเป็นความจริง มันไม่ได้เกิดขึ้นกับข้าแค่ครั้งเดียว”
“ตอนที่ข้าอายุแปดปี ขณะที่กำลังเล่นอยู่ในหมู่บ้าน ข้าไปเจอแก่นสีเหลือง ข้าตกลงบนหน้าผาและเจอผลไม้สีแดงและได้รับมังกรสายฟ้าโบราณ เตาหลอมจากฟ้าเข้าสังหารศัตรู คนอื่นต้องต่อสู้เพื่อเตาหลอมพิรุณ แต่ข้าแค่เหาะเหินด้านนอก เตาหลอมพิรุณลอยมาหาข้าเสียอย่างนั้น”
“ตอนที่เข้าไปแดนสวรรค์ คนอื่นใช้เวลาอย่างมากเพื่อค้นหาหินหยกสวรรค์แต่ก็เจอได้นิดเดียว ตอนที่ข้าเข้าไปครั้งแรก ข้าถูกเคลื่อนย้ายไปในถ้ำของราชาเทพ…มีมรดกโบราณจากพันธมิตรซึ่งคนอื่นหาทางเข้ามาได้ยากยิ่ง ข้าเดินไปสามก้าวและถูกเคลื่อนย้ายเข้าไปข้างใน…” ทันหลางกลัวว่าหวังหลินจะไม่เชื่อ หากทั้งหมดเป็นเรื่องโกหกคงไม่น่าเชื่อแต่ทันหลางรู้ว่าทุกอย่างที่พูดไปล้วนเป็นความจริง
บางครั้งเขาก็พบว่ามันน่าเหลือเชื่อเกินไป
หวังหลินขัดจังหวะการอธิบายและกล่าวขึ้น “หลังจากเข้าไปในวังวน เจ้าเจออะไร?”
“วังวนดูเหมือนจะเป็นอีกโลกหนึ่ง มันโกลาหลและเต็มไปด้วยรอยแยกอวกาศ แค่ก้าวเดียวก็จบชีวิตได้แล้ว มีเศษหินเศษดินลอยอยู่มากมาย ลึกเข้าไปถูกล้อมรอบด้วยสายหมอกจนข้ามองเห็นไม่ชัด”
“ข้าหาทางออกไม่เจอและถูกขังไว้ที่นี่หลายร้อยปี กลิ่นอายแห่งความตายรุนแรงและจากการคาดการณ์ของข้า ข้าพบว่าที่นั่นน่าจะเป็นสุสาน!”
“ข้าได้เห็นศีรษะยักษ์ตนหนึ่งบนก้อนหิน ศีรษะนี้ขนาดพันฟุตและดุร้ายยิ่ง มันมีดวงดาวอยู่กลางหน้าผาก…ข้าพบเตาหลอมจักรพรรดิที่นั่น ยังมีควันธูปไหม้อยู่ด้วยราวกับถูกเคารพบูชา”
“ขณะที่ข้าเข้าไปลึกขึ้น ข้ายิ่งพบศีรษะมากยิ่งขึ้น ศีรษะทั้งหมดเปล่งความเคียดแค้นและไม่ยินยอมอันรุนแรง บางส่วนมีหนึ่งหรือไม่ก็สองเขา! บางส่วนก็มีสมบัติอยู่ด้านหน้า!” ทันหลางนึกย้อนกลับไป ในสายตาแฝงความหวาดกลัว
……………………………………………