Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1392

Cover Renegade Immortal 1

1392. วิหคเพลิงรุ่นที่หก

วินาทีนี้หลิวจินเปียวไม่โดดเดี่ยวอีกแล้ว แม้เสื้อผ้ายังคงขาดวิ่นแต่กลับมีสัมผัสที่อธิบายไม่ได้ห่อหุ้มรอบตัว

“ข้าบรรลุขั้นที่สอง ไม่คิดว่าทั้งหมดนี้มันง่ายหรือ? การหลอกตัวเองครั้งหนึ่งเป็นเรื่องง่าย แต่การหลอกตัวเองตลอดชีวิตเป็นเรื่องยาก มันส่งผลกระทบต่อวิญญาณดั้งเดิมและกระทั่งความทรงจำก็ยังเปลี่ยนไป!”

“แม้แต่เซียนทรงพลังที่บรรลุขั้นที่สองก็ไม่สามารถค้นหาความทรงจำจริงๆ จากวิชาค้นวิญญาณได้ เพราะความทรงจำของจริงทั้งหมดสูญสลายไปแล้ว!”

“ขั้นที่สองคือการหลอกตัวเอง! ในจุดสูงสุดไม่ว่าจะเป็นการสูญเสียตัวเองหรือกลายเป็นคนอื่นก็จะสามารถกำเนิดใหม่และจำตัวเองได้ จากนั้นสามารถทะลวงผ่านขั้นที่สองและกลับเป็นตัวเองได้ทุกเมื่อ คนเช่นนั้นหายากและคงบรรลุขั้นที่สามกลับมาเป็นร่างที่แท้จริงได้!”

“ถ้าไม่ใช่เพราะข้าพึ่งพาหินหยกมากเกินไปจนจิตใจแห่งเต๋าของข้าไม่แข็งแกร่งซึ่งทำให้เต๋าหลอกลวงต้องหยุดชะงัก แม้แต่ท่านเทพก็ไม่สามารถจับข้าได้ง่ายๆ !”

“ตอนนี้ท่านเอาหินหยกข้าไปและทำลายสิ่งที่ข้าพึ่งพาแล้ว มันกลับให้โอกาสข้า ในมิติเก็บของ วิชาหลอกลวงของข้าบรรลุระดับสูงสุดของขั้นสองและห่างจากขั้นที่สามเพียงก้าวเดียว!” หลิวจินเปียวสะบัดแขนเสื้อและเผยสีหน้าเยือกเย็น

หวังหลินดวงตาส่องสว่าง “ค่อนข้างน่าสนใจ…”

หลังจากฉวี่ลี่กั๋วตะโกนแหกปากใส่หลิวจินเปียว หวังหลินขบคิดอยู่เล็กน้อย สายตาที่มองหลิวจินเปียวเปลี่ยนไปก่อนจะคำนับฝ่ามือและเอ่ยขึ้น “คำพูดของสหายเซียนจินเปียวได้เปิดขอบเขตข้าให้กว้างขึ้น ในสุดยอดเต๋าสามพันรูปแบบ มีเต๋าหลอกลวง! เยี่ยม เยี่ยม เยี่ยม! ข้าอยากรู้จริงๆ ว่าเต๋าที่ข้าเสาะหาจะอยู่ในสุดยอดเต๋าสามพันรูปแบบด้วยหรือไม่!”

แววตาหลิวจินเปียวเต็มไปด้วยความสุขราวกับเขาได้เปลี่ยนไปเป็นคนละคน ความภูมิใจและไม่แยแสก่อนหน้านี้มลายหายไปในพริบตา แผ่นหลังโค้งงอและแววตายังแฝงความหวาดกลัว “แค่วิชาหลอกลวงเล็กน้อยไม่มีค่าอะไรให้ท่านฉวี่กล่าวถึง ตราบใดที่ท่านฉวี่ไม่กลั่นแกล้งผู้น้อยมากเกินไป ผู้น้อยจะพอใจยิ่ง”

การเปลี่ยนแปลงฉับพลันนี้แม้แต่ฉวี่ลี่กั๋วยังตกตะลึง เขาสาปแช่งในใจและไม่รู้จะพูดอะไร

แววตาหวังหลินเผยแสงประหลาด มองหลิวจินเปียวอย่างละเอียดและเอ่ยขึ้น “ข้าจะให้โอกาสเจ้า หากเจ้าทำได้ดี ข้าจะปล่อยเจ้าไปและกระทั่งให้โชคลาภมหาศาล!”

หลิวจินเปียวร่างสั่นเทาและมองหวังหลิน

“เจ้ามักจะหลอกลวงคนหรือหนึ่งสำนัก แต่ตอนนี้ข้าต้องการให้เจ้าหลอกลวงทั้งเผ่าพันธุ์ เจ้ากล้าหรือไม่?” หวังหลินเอ่ยเสียงสงบนิ่งแต่เมื่อหลิวจินเปียวได้ยินเช่นนี้ หัวใจพลันเต้นไม่เป็นจังหวะ

หลิวจินเปียวลังเลและเอ่ยกระซิบ “นี่…ความจริงแล้วมันไม่สำคัญว่าข้าจะหลอกลวงใคร แต่เป็นการจัดเตรียมรายละเอียดปลีกย่อยที่จำเป็น…”

“ไม่มีปัญหา เจ้ามีเวลาเตรียมการสามเดือน! เจ้าบอกว่าการหลอกลวงขั้นที่สองคือการหลอกตัวเองไม่เว้นแม้แต่ความทรงจำ ดังนั้นข้าจะให้ความทรงจำเจ้าหนึ่งชุด!” เพลิงสีฟ้าในตาซ้ายหวังหลินพรั่งพรูออกมาและล้อมรอบหลิวจินเปียวก่อเกิดเป็นก้อนเปลวเพลิง ฉวี่ลี่กั๋วล่าถอยทันทีและเผยความหวาดกลัว

‘ระดับบ่มเพาะเจ้าอสูรร้ายนี้เพิ่มอีกแล้ว!!’

วันเวลาค่อยๆ ผ่านไป หนึ่งเดือนผ่านไปในพริบตา ในเดือนนี้ฉวี่ลี่กั๋วต้องการออกไปจากถ้ำเพื่อมีความสุขกับตัวเอง แต่ขณะที่กำลังจะออกไปเขากลับถูกเขตอาคมหยุดเอาไว้

หลังจากพยายามอยู่สองสามครั้ง ฉวี่ลี่กั๋วสาปแช่งพลางจ้องมองด้านนอกและเริ่มฝันกลางฝัน

จนวันนี้ฉวี่ลี่กั๋วยังมีสายตางุนงง พลันหันกลับไปมองด้านหลัง ลึกเข้าไปในถ้ำมีเปลวเพลิงเผาไหม้อยู่ที่นั่นมาหนึ่งเดือนแล้ว

หลังจากนั้นไม่นาน เสียงคำรามรุนแรงดังออกมาจากก้อนเปลวเพลิง เพลิงจากก้อนเปลวเพลิงก่อตัวเป็นวิหคเพลิงตัวใหญ่และส่งเสียงร้อง!

จากนั้นร่างหนึ่งค่อยๆ ปรากฏขึ้นมา ทีแรกพร่ามัวแต่มันค่อยๆ ชัดเจนขึ้น!

ฉวี่ลี่กั๋วหรี่ตาแคบและตกตะลึง เขารู้สึกเลือนลางว่าคนที่เดินออกมาช่างคุ้นเคยนัก และเมื่อมองใกล้ๆ ดวงตาแทบถลนออกจากเบ้า

ร่างนั้นเดินออกมาจากก้อนเปลวเพลิงและหยุดอยู่ตรงหน้าฉวี่ลี่กั๋ว เสื้อผ้ายังคงฉีกขาดแต่สัมผัสแห่งบารมีไม่ลดน้อยลงไปเลย

หลิวจินเปียวดูเหมือนเดิม แต่สัมผัสนั้นแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว หลิวจินเปียวตอนนี้เสมือนเป็นปรมาจารย์แห่งยุค!

แรงกดดันที่มองไม่เห็นแผ่ออกมา แข็งแกร่งมากพอจะสั่นสะเทือนทุกคนที่พบเห็น

เปลวเพลิงรอบหลิวจินเปียวเผยเป็นรูปร่างวิหคสีแดง สายตาไม่แยแสและสงบนิ่ง เขาแสดงอำนาจออกมาโดยไร้ซึ่งความโกรธ เมื่อสายตากวาดผ่านฉวี่ลี่กั๋ว กระทั่งทำให้ฉวี่ลี่กั๋วต้องสูดลมหายใจด้วยความหนาวเหน็บ

ระดับบ่มเพาะของหลิวจินเปียวก็ผิดปกติ บางครั้งก็ทรงพลังยิ่ง บางครั้งก็ธรรมดา แต่การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ทำให้เขาลึกลับยิ่งขึ้น แม้สายตาจะไม่แยแสแต่กลับมีสัมผัสแห่งอายุอยู่ลึกเข้าไปข้างใน

สัมผัสแห่งอายุไม่ใช่สิ่งที่เซียนทั่วไปจะมีได้ มันคือสัมผัสความเหน็ดเหนื่อยที่ปรากฏขึ้นมาหลังจากมีชีวิตมาหลายหมื่นปีและผ่านโลกมามากมาย!

เป็นสิ่งที่ปรากฏขึ้นหลังจากมีชีวิตมายืนยาวเท่านั้น

ฉวี่ลี่กั๋วตกตะลึงยิ่ง บอกไม่ได้ว่านี่เป็นคนเดียวกับหลิวจินเปียวที่เขาแกล้งไปในมิติเก็บของ แม้ทั้งสองจะเหมือนกันแต่สัมผัสที่เปล่งออกมาราวกับเป็นคนละคนอย่างสิ้นเชิง

“นี่…เจ้า…” ขณะที่ฉวี่ลี่กั๋วเอ่ยปาก หลิวจินเปียวจ้องมองฉวี่ลี่กั๋วอย่างเยือกเย็น เพียงชำเลืองมาก็ทำให้ฉวี่ลี่กั๋วด้านชาแล้ว เขาก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว

“ข้าคือจักรพรรดิวิหคเพลิงรุ่นที่หก! ข้ากำลังหาจักรพรรดิวิหคเพลิงรุ่นที่สี่ ตอนที่ข้าออกมาจากดินแดนชั้นในทำให้ข้าได้รับบาดเจ็บสาหัสจากค่ายกลดินแดนปิดผนึก!” หลิวจินเปียวกล่าว ปลดปล่อยสัมผัสแห่งอำนาจราวกับอยู่เหนือทุกคน กลิ่นอายนี้ปรากฏขึ้นมาเฉพาะคนที่มีตำแหน่งสูงส่งที่สามารถควบคุมความเป็นความตายของคนนับหมื่นได้เป็นเวลานาน

ตอนนี้เขาลืมไปแล้วว่าครั้งหนึ่งเคยเป็นคนฉ้อฉลหลอกลวง ความทรงจำเปลี่ยนไปและเชื่อจริงๆ ว่าเขาคือจักรพรรดิวิหคเพลิงรุ่นที่หก!

แม้เซียนทรงพลังจะใช้วิชาค้นวิญญาณก็คงไม่เจอข้อผิดพลาด ความทรงจำทั้งหมดที่ได้รับมาคือของจริง!

หลิวจินเปียวก้าวไปข้างหน้าอย่างเยือกเย็น

วินาทีนี้หวังหลินเอ่ยเสียงดังออกมาจากเพลิงสีฟ้าในถ้ำ

“ฉวี่ลี่กั๋ว ดูแลจักรพรรดิวิหคเพลิงรุ่นที่หกและฟังคำสั่งทั้งหมดของเขา หากเจ้าไม่เชื่อฟัง ข้าจะลบตัวตนเจ้าซะ!”

ฉวี่ลี่กั๋วร่างสั่นเทาและรีบพยักหน้าก่อนจะติดตามหลิวจินเปียวไป เขตอาคมบนถ้ำเปิดขึ้นในทันทีเพื่อให้ทั้งสองได้ออกไป

นอกจากหลิวจินเปียวแล้ว ไม่มีใครรู้ว่าหวังหลินทำอะไรในเดือนนั้น…หลังจากทั้งสองจากไป ก้อนเปลวเพลิงค่อยๆ หายวับและกลับคืนสู่ดวงตาซ้ายหวังหลิน เขายังคงนั่งสงบนิ่ง แววตาเผยประกายแห่งปัญญา

‘วางเหยื่อที่สองไว้แล้ว…เผ่านกกระจอกเพลิง อย่าทำให้ข้าผิดหวัง!’

หวังหลินเผยสีหน้ายิ้มเยาะและสะบัดแขนปรากฏมิติเก็บของขึ้นมา รูปแกะสลักลอยออกมาซึ่งมันคือหนึ่งในของที่เขาได้มาจากทันหลาง

‘ทันหลางมอบสมบัติให้ข้าจำนวนมาก ข้าจำเป็นต้องประทับสัมผัสวิญญาณเอาไว้และศึกษาพลังพวกมันเพื่อที่จะได้แสดงพลังความแข็งแกร่งเต็มที่ในการต่อสู้!’

‘เห็นได้ชัดว่ารูปแกะสลักนี้เป็นสมบัติที่ทรงพลังที่สุด ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่เอาออกมาเป็นชิ้นสุดท้าย!’ หวังหลินดวงตาส่องสว่าง ไม่ใช่ทุกคนที่จะบรรลุวิชาหลอกลวงขั้นที่สองเหมือนหลิวจินเปียวและเปลี่ยนความทรงจำได้ อย่างน้อยๆ ทันหลางก็ทำไม่ได้

หวังหลินค้นความทรงจำทันหลางและเรียนรู้มาว่าสิ่งที่เขาพูดส่วนใหญ่เป็นเรื่องจริง เขายังเรียนรู้จุดสำคัญสองอย่างมาจากความทรงจำของทันหลางด้วย!

จุดสำคัญแรกคือตำแหน่งที่วังวนปรากฏขึ้นมาในดาราจักรทุกชั้นฟ้า

จุดที่สองคือตำแหน่งที่ทันหลางปรากฏตัวหลังจากออกมาจากสุสานโบราณนั่น!

‘สองจุดนี้น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับข้า ข้าควรจะค้นหาตำแหน่งนั้นในดาราจักรโบราณ บางทีข้าอาจจะได้อะไรมาบ้าง! ส่วนเรื่องสุสาน มันอาจจะเป็นสุสานบัญชาโบราณตามที่ลือกันไว้!’ หวังหลินกวาดสายตาผ่านรูปแกะสลักพร้อมกับขบคิด

‘รูปแกะสลักนี้เป็นใคร…ทำไมถึงปรากฏตัวในสุสานได้…’ หวังหลินขบคิดอยู่นานก่อนจะยื่นสัมผัสวิญญาณเข้าหารูปแกะสลัก

ทว่าขณะที่สัมผัสวิญญาณกำลังเข้าแตะรูปแกะสลัก ดวงตาพลันส่องสว่าง!

‘บางทีนางอาจจะจำได้!’ หวังหลินสะบัดแขนสร้างรอยแยกอวกาศครั้งที่สอง!

เขาเปิดเพื่อคนผู้หนึ่ง!

แสงจันทราสีเงินผุดออกมาจากรอยแยกและเต็มไปทั่วถ้ำ สตรีงดงามค่อยๆ เดินออกมาจาก นางเป็นร่างศพเงินที่ได้รับความทรงจำบางส่วนมาแล้ว!

หวังหลินถาม “เจ้ารู้จักเขาหรือไม่?”

นางเก็บผมไว้หลังหู หลังจากก้าวเดินออกมาจึงมองรูปแกะสลัก วินาทีนั้นดวงตาหรี่แคบ ตะลึงงันไปชั่วขณะก่อนจะเริ่มกรีดร้อง!

………………………………………………

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!