1394. เจ็ดสีอีกครั้ง 2
ความคิดนางเลือนลางและมีแสงสีเขียวกะพริบอยู่ข้างใน สัมผัสวิญญาณหวังหลินกวาดผ่านไปเพื่อพยายามตามหาความทรงจำ ทว่าไม่ว่าเขาจะค้นดูอย่างไรก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับความทรงจำของนาง
สถานที่แห่งนี้มีเมฆจำนวนมาก
หวังหลินแพร่กระจายสัมผัสวิญญาณออกไป ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน สัมผัสวิญญาณหวังหลินเริ่มรวมตัวกันจากทุกทิศทางเข้าหาพื้นที่แห่งหนึ่งที่ล้อมรอบด้วยหมอกสีเขียว
แสงจากหมอกสีเขียวอ่อนแอมาก หลังจากวนอยู่รอบมันไม่กี่ครั้ง หวังหลินค่อยๆ ยืดสัมผัสวิญญาณเข้าไปข้างใน ขณะที่เข้าไป แสงสีเขียวจากสายหมอกได้เพิ่มขึ้นและพุ่งเข้าหาสัมผัสวิญญาณของหวังหลิน
แสงสีเขียวนี้ช่างคล้ายคลึงกับควันสีเขียวที่หวังหลินเพิ่งเผชิญหน้าด้านนอก
ขณะที่แสงสีเขียวจำนวนมากมาจากทุกด้าน สัมผัสวิญญาณหวังหลินเป็นเหมือนใยไหม หลบเลี่ยงแสงทั้งหมดพร้อมกับเดินหน้าต่อไป
ยิ่งเข้าไปลึกก็ยิ่งมีแสงสีเขียวมากขึ้น ท้ายที่สุดมันหนาแน่นมากจนก่อตัวเป็นตาข่าย เข้ามาใกล้สัมผัสวิญญาณหวังหลินจนไม่มีโอกาสให้เขาหลบหนี
สัมผัสวิญญาณของหวังหลินหดตัวลงอย่างรวดเร็ว สัมผัสวิญญาณทั้งหมดที่เข้ามาที่นี่ควบแน่นกลายเป็นเข็ม เมื่อแสงสีเขียวเข้าประชิด หวังหลินปล่อยสัมผัสวิญญาณออกไปเข้าปะทะกับแสงสีเขียว
เสียงดังสนั่นกึกก้อง ในถ้ำที่เดิมหวังหลินยังเอามือวางบนหน้าผากนาง เขาหลับตาสนิทและใบหน้าซีดเผือด โลหิตไหลออกจากมุมปาก
ณ จิตใจของนาง สัมผัสวิญญาณหวังหลินส่วนใหญ่ได้หายไปตอนที่โดนแสงสีเขียวทะลวงใส่ ส่วนสัมผัสวิญญาณที่เหลือพุ่งเข้าไปในส่วนลึก
ยิ่งเข้าไปยิ่งมีแสงสีเขียวมากขึ้น แต่สัมผัสวิญญาณหวังหลินอ้อมไปรอบๆ ท้ายที่สุดก็มาถึงส่วนที่ลึกที่สุดของพื้นที่แห่งนี้
เมื่อหวังหลินเข้ามาได้ สัมผัสวิญญาณสั่นเทาและเห็นบางอย่างน่าตกตะลึงจนไม่มีวันลืม!
ลึกไปภายในหมอกสีเขียวมีคนอยู่!
เขาเป็นชายวัยกลางคนสวมชุดคลุมเจ็ดสีนั่งอยู่ตรงนั้นเปล่งแสงเจ็ดสีออกมา เขาไม่ใช่วิญญาณดั้งเดิมหรือคนจริงๆ แต่ถูกสร้างขึ้นจากผนึก!
หวังหลินพลันลืมตาขึ้นมาในถ้ำด้วยความรู้สึกตกตะลึง เลื่อนแขนขวาออกมาจากหน้าผากนาง แม้จะไม่ได้ค้นความทรงจำแต่ได้รับสิ่งที่ยิ่งใหญ่!
‘ร่างในความคิดนางเหมือนกันกับรูปแกะสลักไม่มีผิดเพี้ยน!’ หวังหลินขบคิดเงียบๆ
‘มันเจ็ดสีอีกแล้ว…’ ตอนที่เขาเห็นร่างนั้นเขาคิดถึงราชันย์! อย่างไรก็ตามความคิดนั้นหายไปทันที
แม้ราชันย์จะแข็งแกร่งแต่ก็ไม่มากพอจะทำให้หวังหลินหวาดกลัวเหมือนรูปแกะสลักนั้น! เขาเคยเห็นเซียนขั้นที่สามมาก่อน ระดับบ่มเพาะของปรมาจารย์เต๋าความฝันใกล้เคียงกับของราชันย์ ดังนั้นหวังหลินจึงบอกความแตกต่างได้ง่ายๆ
‘เจ็ดสี…เจ็ดสี…ช่วงชีวิตข้าเผชิญกับเจ็ดสีหลายครั้ง เทียนหยุนคล้ายเจ็ดสี ราชันย์ก็มีเจ็ดสี วิชาเซียนก็ยังมีเจ็ดสีด้วย…ดินแดนเจ็ดสีที่มีผลไม้เต๋าอีก!’
‘ยังมีลิ่มเทพเจ็ดสีด้วย!’ หวังหลินรู้สึกว่ามีความลับยิ่งใหญ่ซ่อนอยู่ในเจ็ดสีเหล่านี้!
‘ควันสีเขียวและแสงสีเขียวนั่นด้วย หรือว่ามันเป็นส่วนหนึ่งในเจ็ดสี?’ หวังหลินขมวดคิ้ว ผ่านไปสักพักจึงถอนหายใจ เขาสะบัดแขนเสื้อเก็บร่างสตรีชุดเงินกลับเข้าไปในมิติเก็บของ
‘เรื่องนี้ลึกล้ำสำหรับข้าเกินไป คิดตอนนี้ก็ไร้ประโยชน์ ข้าควรหลอมสมบัติของทันหลางและให้ได้แก่นแท้ของเผ่านกกระจอกเพลิง!’ หวังหลินขบคิดเล็กน้อย จากนั้นไม่คิดเรื่องรูปแกะสลักอีก เขานำสมบัติของทันหลางออกมาแทนเพื่อหล่อหลอมและทำการศึกษา
‘เก้าสิบเก้ากระบี่ผลึก! ทันหลางได้มาจากหินที่มีศีรษะของปีศาจโบราณ ในความทรงจำนั้นดวงตาของศีรษะไม่ได้มีดวงดาวอันใด กระบี่เก้าสิบเก้าเล่มมีคราบโลหิตและก่อเกิดเป็นค่ายกลกระบี่!’ หวังหลินสะบัดแขนขวา กระบี่เก้าสิบเก้าเล่มล้อมรอบเขาทันที แต่ละเล่มเปล่งพลังเย็นอันแข็งแกร่ง
หวังหลินดวงตาส่องสว่างและกวาดสัมผัสวิญญาณออกไป สำรวจกระบี่แต่ละเล่มอย่างระมัดระวัง
‘พวกมันเป็นสมบัติของปีศาจโบราณจริงๆ และมีพลังปีศาจอันทรงพลังอยู่ด้วย! อำนาจของมันไม่สามารถแสดงพลังได้เต็มที่ในมือข้า แต่ด้วยร่างอวตารที่สองที่สมบูรณ์ ข้าสามารถใช้มันเป็นปีศาจโบราณ พลังถือว่าไม่ธรรมดา!’
‘สมบัติชิ้นนี้ข้าควรเก็บไว้หรือหลอมมันดี…’ หวังหลินขบคิดก่อนจะสะบัดแขนขวา ทิ้งประทับสัมผัสวิญญาณเและเขตอาคมไว้บนกระบี่ก่อนจะเก็บเข้าไปในมิติเก็บของ
‘หากข้าหลอมมัน พลังปีศาจข้างในจะสูญเปล่า เมื่อข้าได้กลับไปในดินแดนชั้นใน ร่างอวตารที่สองสามารถดูดซับได้! น่าเสียดายที่การเชื่อมต่อกับร่างอวตารที่สองของข้าถูกค่ายกลดินแดนปิดผนึกขวางกั้น ไม่เช่นนั้นข้าสามารถเคลื่อนย้ายมันได้ตอนนี้’
‘ไม่รู้ว่าร่างอวตารที่สองทำอะไรอยู่…’ หวังหลินขบคิดเงียบๆ พลางนำสมบัติชิ้นที่สองออกมา แผ่นจารึกกระดูกป้องกัน!
แผ่นจารึกทั้งเก้าล้อมรอบหวังหลินและเปล่งกลิ่นอายที่หวังหลินคุ้นเคย มันคือกลิ่นอายของเหล่าเทพโบราณ!
เขายกแขนขวาขึ้นมาสัมผัสกับแผ่นจารึกหิน ในความทรงจำของทันหลาง เขาได้มาจากก้อนหินที่มีศีรษะเทพโบราณอยู่บนนั้น
เทพโบราณตนนั้นดูเยาว์วัยมาก ความโกรธและความงุนงงยังคงค้างอยู่ในดวงตานั้นชั่วกาลนาน
‘วัตถุดิบของแผ่นหินพวกนี้…สร้างขึ้นจากกระดูกของเผ่าพันธุ์เทพโบราณ…ไม่ได้มาจากความอาฆาตแต่มาจากกระดูกของบรรพชนที่ตายไปแล้วและยอมมอบเศษซากของตัวเองเพื่อหลอมเป็นสมบัติ…ไม่เช่นนั้นมันคงจะมีแรงอาฆาตรุนแรงโผล่ออกมาและคงไม่สงบนิ่งแบบนี้’
‘ทันหลางใช้สมบัตินี้เป็นเครื่องป้องกันและไม่สามารถเปิดใช้วิชาเทพโบราณที่ซ่อนไว้ข้างในได้…’ หวังหลินสะบัดแขนขวา แผ่นจารึกทั้งเก้าเริ่มส่องประกาย กลิ่นอายเทพโบราณอันรุนแรงระเบิดออกมาจากแผ่นหินพร้อมกับหมุนวนรอบหวังหลิน
ท้ายที่สุดมันก็หดลงจนควบแน่นอยู่รอบๆ แขนขวาของหวังหลิน แผ่นหินทั้งเก้าผสานกันเป็นหนึ่งและกลายเป็นถุงมือ! ถุงมือนี้เป็นสีขาวแกมเทา ดูราวกับเป็นชิ้นส่วนของกระดูก!
มันห่อหุ้มรอบกำปั้นเขาเอาไว้จนดูใหญ่กว่าปกติและห่อหุ้มไปทั้งนิ้วมือ ซึ่งเมื่อเขากำหมัดจะเกิดเสียงดังแกรกขึ้น
บนถุงมือมีความเสียหายหลายอย่าง มีอักขระกระบี่และรอยแตกร้าวซึ่งแสดงถึงวีรกรรมทั้งหมดที่เทพโบราณหนุ่มได้ต่อสู้
‘มีวิชาเทพโบราณซ่อนไว้ในสมบัติชิ้นนี้ด้วย…มันเป็นวิชาช่วยชีวิตเหมือนโล่สีเขียว…น่าเสียดายที่มันไม่สามารถช่วยชีวิตเทพโบราณตนนั้นไว้ได้’ หวังหลินมีใบหน้าซับซ้อนอธิบายไม่ถูกพลางส่งพลังเทพโบราณเข้าไปในถุงมือ
‘วิชาเทพโบราณแปดดาว ปกป้องบรรพชน! วิชานี้ไม่มีในความทรงจำของตู่ซือ’ หวังหลินจมดิ่งไปกับวิชาในถุงมือและตื่นขึ้นหลังจากผ่านไปสิบห้านาที
‘หากวิชานี้ใช้ร่วมกับโล่เงาแสงได้ มันจะทรงพลังยิ่ง!’
หลังจากมองมือขวา คิดแวบเดียวถุงมือพลันละลายและผสานเข้ากับร่างกาย
หวังหลินยกแขนขึ้นมายื่นออกไป ปรากฏสมบัติชิ้นที่สาม!
เตาหลอมจักรพรรดิ!
ตอนที่หวังหลินเห็นเตาหลอมจักรพรรดิครั้งแรก หัวใจเต้นไม่เป็นจัหวะเนื่องจากมันมีกลิ่นอายที่เขาคุ้นเคยอยู่ด้วย เป็นกลิ่นอายเฉพาะสำหรับเทพโบราณสายเลือดราชวงศ์ซึ่งมีเพียงสายเลือดนี้ที่สามารถรับรู้มันได้!
‘ไม่คาดคิดว่าทันหลางจะได้สมบัติเทพโบราณสายเลือดราชวงศ์มาด้วย! แม้ว่ามันไม่ได้ถูกส่งผ่านมาด้วยการสืบทอดและไม่ได้ถูกคนอื่นหล่อหลอม แต่มันคือสมบัติเทพโบราณสายเลือดราชวงศ์ของจริง!’
หวังหลินมองเตาหลอมจักรพรรดิด้วยสายตาเปี่ยมสุข ดาวเทพโบราณหมุนติ้วกลางหน้าผาก จากนั้นแสงดวงดาวตกลงบนเตาหลอมจักรพรรดิ เตาหลอมส่งเสียงดังและเริ่มหมุน ท้ายที่สุดมีแสงดวงดาวโผล่ออกมาจากเตาหลอมและร่อนลงกลางหน้าผากหวังหลิน
มันหดขนาดลงจนกระทั่งผสานเข้ากับดาวดวงแรกของหวังหลิน!
ต้าเสินใช้การผสานเซียนขั้นที่สามเข้าไปในดาวของตนเอง ส่วนหวังหลินใช้การผสานสมบัติ สองวิธีนี้มีพื้นฐานที่ต่างกัน ดังนั้นเส้นทางของแต่ละอย่างจึงต่างกันเป็นธรรมดา
หวังหลินร่างสั่นเทา พลังเทพโบราณในร่างเพิ่มพูนขึ้นอย่างรวดเร็ว เสียงดังปะทุกึกก้องในร่างกาย มันคงอยู่สักพักก่อนจะหายไปและรู้สึกว่าร่างกายแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม
‘แม้ว่ามันไม่สามารถเทียบได้กับกระบี่โลหิตหรือขวานแยกสวรรค์ในค่ายกลดินแดนปิดผนึกได้ มันก็แทบใกล้เคียงกับหอกสังหารเทพของตู่ซือ หากข้าหลอมได้สมบูรณ์ พลังของมันจะไร้ขีดจำกัด! ยิ่งไปกว่านั้นพลังของมันเน้นไปที่การหลอมอยู่แล้ว!’
แววตาหวังหลินมีความสุขยิ่งขึ้น เขาสะบัดแขนเสื้อนำสมบัติชิ้นที่สี่ออกมา มันคือหอกสายหมอกมารที่เปลี่ยนไประหว่างจริงและลวง!
เมื่อหอกปรากฏขึ้นมา พลังมารเต็มไปทั่วถ้ำและมีเสียงร้องดังออกมาทำให้ดูน่ากลัวยิ่งขึ้นไปอีก
‘สมบัติมารโบราณ…น่าเสียดายที่ข้าไม่มีร่างอวตารมารโบราณ หากข้ามีมัน ข้าสามารถแสดงพลังอำนาจทั้งหมดออกมาได้!’
‘ร่างอวตารมารโบราณ…ข้าคิดว่าหากข้าสามารถผสานกับทั้งสามเผ่า ข้าสามารถบรรลุพลังอำนาจของบัญชาโบราณได้!!’ หวังหลินจ้องมองหอกมารและขบคิด
‘ข้าบ่มเพาะร่างเทพโบราณด้วยตัวเอง ร่างอวตารปีศาจโบราณถูกสร้างขึ้นจากเศษเสี้ยววิญญาณและการเคารพบูชาจากเผ่าของฉือซาน ก่อเกิดเป็นพลังที่คล้ายกับเพลิงนรกานต์ นี่ทำให้ปีศาจโบราณคิดว่ามันไม่ใช่ข้า ดังนั้นข้าจึงไม่ต้องใช้ความพยายามมากนักเพื่อให้มันเป็นส่วนหนึ่งของข้า…ส่วนมารโบราณ ข้าอาจจะสร้างมันขึ้นมาเองได้! แน่นอนว่าหากข้าจับได้สักตัวก็น่าจะดีกว่า!’ หวังหลินขบคิดพลางยื่นมืออกไปปรากฏขวดวิญญาณมารของทันหลางขึ้นเบื้องหน้า!
เมื่อขวดวิญญาณมารปรากฏ พลังมารในถ้ำเพิ่มพูนขึ้นมหาศาลและมีเงามารปรากฏขึ้นนับไม่ถ้วน พลังมารห่อหุ้มทั่วทั้งดวงดาว
มองไกลๆ ราวกับดาวเคราะห์ของเผ่าแมงป่องทมิฬถูกห่อหุ้มด้วยหมอกมารหนึ่งชั้น น่าตกตะลึงยิ่ง!
‘ข้าไม่สามารถสร้างร่างมารขึ้นมาได้แต่ข้าสามารถสร้างวิญญาณมารได้ ใช้วิญญาณนั้นเข้าควบคุมสมบัติมารโบราณจะทำให้เพิ่มพลังขึ้นได้มหาศาล หากมีโอกาสข้าจะเข้าครอบงำร่างมารโบราณและทำให้มันกลายเป็นร่างอวตารที่สามของข้า!’
‘อย่างไรเสีย…โอกาสสำเร็จก็อีกเรื่องหนึ่ง…’ หวังหลินจ้องมองขวดวิญญาณมารและเกิดสายตาลังเล
…………………………………………….