Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1397

Cover Renegade Immortal 1

1397. กระหน่ำ

หนึ่งวันก่อนการคัดเลือกผู้อาวุโสตกสวรรค์ หวังหลินมาถึงนอกดาวมหาจักรพรรดิพร้อมกับเผ่าแมงป่องทมิฬและเผ่าเมฆาคลาด พอหวังหลินได้เห็นดาวเคราะห์ประหลาดนี้จึงต้องหรี่ตาลง

ดาวมหาจักรพรรดิถูกล้อมรอบด้วยภาพมายาหนึ่งชั้นราวกับซ่อนไว้ใต้หมอก อย่างไรก็ตามมีรอยแยกอวกาศขนาดใหญ่ที่กลืนกินทุกสิ่งอย่างอยู่ในหมอกมายานี้ด้วย

ภายในหมอกมายามีเส้นสีเทาเคลื่อนอยู่ภายในหลายระลอก หากมองใกล้ๆ จะพบว่าพวกมันไม่ใช่ของจริงแต่เปล่งคลื่นพลังดึงดูดออกมา

ก่อนที่หวังหลินจะได้เข้าใกล้ เขาสัมผัสถึงพลังอันน่าตกตะลึงข้างในหมอกมายานั้น พลังอำนาจสั่นสะเทือนสวรรค์จนสามารถทำให้วิชาเซียนและสมบัติต้องแตกสลาย

สิ่งนี้ไม่ได้สร้างขึ้นจากคนหรือพลังของสมบัติแต่เป็นสิ่งที่สร้างขึ้นจากสวรรค์

หวังหลินสังเกตมันอยู่นานพลางลอยตัวอยู่ด้านนอกหมอกมายา

ด้านนอกหมอกมายามีเซียนอยู่จำนวนมากกระจัดกระจายกันไปหลายร้อยคน และคนที่รู้จักกันกำลังพูดคุยเบาๆ

การมาถึงของหวังหลินทำให้บางส่วนสนใจและกวาดสัมผัสวิญญาณเข้ามา เมื่อพวกเขาผ่านมาเจอเผ่าแมงป่องทมิฬและเผ่าเมฆาคลาด ทั้งหมดจึงถอนตัวกลับ

ส่วนของหวังหลิน ด้วยสัมผัสวิญญาณของเขาจึงมีน้อยคนที่จะได้เห็นเขาจริงๆ

หวังหลินมีสีหน้าสงบนิ่งไม่เปลี่ยนแปลงและจ้องมองตรงหน้าอย่างใจเย็น

“การคัดเลือกผู้อาวุโสตกสวรรค์จัดอยู่ในดาวมหาจักรพรรดิ แต่ในยามปกติเข้าไปไม่ได้ เมื่อทุกคนมารวมกันจะมีอุโมงค์เปิดขึ้นมาจากข้างในเพื่อให้ทุกคนเข้าไป”

“เราไม่ได้มาสายเกินไป ดังนั้นอุโมงค์ควรจะเปิดขึ้นในอีกไม่นาน” หัวหน้าเผ่าแมงป่องทมิฬกระซิบกับหวังหลิน

หวังหลินพยักหน้าและกวาดสายตาผ่านเซียนที่รวมกันอยู่ที่นี่ซึ่งมีไม่น้อยกว่าหมื่นคน แม้จะมีเซียนจำนวนมากแต่ก็ยังดูเล็กน้อยเมื่อเทียบกับอวกาศอันกว้างใหญ่

“ข้าไม่คิดว่าเผ่าเมฆาคลาดจะสนใจเผ่าแมงป่องทมิฬที่อยู่ชั้นต่ำมาตลอด และได้ยอมรับว่าเป็นรองอยู่หลายขุม น่าสนใจจริงๆ !” เสียงแหลมดังออกมาจากด้านหน้า ชายวัยกลางคนชุดสีฟ้าเดินออกมาจากกลุ่มขนาดพันคน

รูปร่างหน้าตาเขาธรรมดามากแต่สายตาดุจอสรพิษและมีความเย็นเยียบซ่อนอยู่ภายใน กลางหน้าผากเป็นอักขระอสรพิษทำให้เขาดูน่ากลัวยิ่งขึ้น

คำพูดเขาเต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยาม สายตากวาดผ่านมายังกลุ่มของหวังหลิน

หัวหน้าเผ่าแมงป่องทมิฬมีสีหน้าเปลี่ยนไป เขามองชายวัยกลางคนและพ่นลมหายใจเย็น

หัวหน้าเผ่าแมงป่องทมิฬกระซิบขึ้นมา “นั่นมันหัวหน้าผู้อาวุโสของเผ่าวิญญาณอสรพิษ ช่วงการคัดเลือกผู้อาวุโสตกสวรรค์ครั้งก่อน พวกเขาสู้กับเผ่าเมฆาคลาด ผลลัพธ์คือเสมอกันและทั้งคู่ขาดคุณสมบัติ ทั้งยังมีเรื่องบาดหมางกันในอดีต”

หัวหน้าเผ่าเมฆาคลาดซึ่งยืนอยู่ถัดกับหวังหลิน เมื่อได้ยินคำพูดของหัวหน้าผู้อาวุโสเผ่าวิญญาณอสรพิษ จึงสงบนิ่งและก้มหน้าลงเงียบๆ

หัวหน้าผู้อาวุโสของเผ่าวิญญาณอสรพิษยิ้มขึ้นมา “ลือกันว่าเผ่าเมฆาคลาดเชิญชวนทันหลางเป็นผู้อาวุโสนอกไว้ด้วย การมีทันหลางไปด้วย ข้าเดาว่าเผ่าเมฆาคลาดจะได้รับที่นั่งเป็นผู้อาวุโสตกสวรรค์แน่ๆ ! แต่ไหนเล่าข้ายังไม่เห็นผู้อาวุโสทันหลางเลย?”

เสียงเขาไม่ได้ดัง แต่เนื่องด้วยระดับบ่มเพาะมันจึงกึกก้องออกไป

ที่นี่มีเซียนหลายหมื่นคนจากเผ่าในดินแดนตกสวรรค์ ทั้งหมดมาที่นี่เพื่อแย่งชิงตำแหน่งในสภาตกสวรรค์และถือได้ว่าเป็นศัตรูกันหมด

การได้ข้อมูลมากขึ้นถือเป็นตัวช่วยสำคัญในการได้รับตำแหน่งผู้อาวุโส หลังจากได้ยินหัวหน้าผู้อาวุโสของเผ่าวิญญาณอสรพิษ ทุกคนจึงมองมาที่เผ่าเมฆาคลาด

ชื่อเสียงของทันหลางเป็นที่เลื่องลือ การมีเขาช่วยเผ่าเมฆาคลาดนับว่ามากพอจะทำให้เผ่าอื่นๆ สนใจ

“ข้าได้ยินว่าสหายเซียนทันหลางกลายเป็นผู้อาวุโสนอกของเผ่าเมฆาคลาดไปแล้ว สหายเซียนทันหลางช่วยข้ามาครั้งหนึ่ง ดังนั้นข้าอยากไปเยี่ยมเขา ปรมาจารย์หยุนตุน ทำไมสหายเซียนทันหลางไม่มา?” คนที่พูดเป็นชายชราชุดม่วง ใบหน้าซีดแต่น้ำเสียงดังลั่น

หน้าผากเป็นโค้งสามเส้น เป็นอักขระรูปร่างคลื่นน้ำ

หัวหน้าเผ่าเมฆาคลาดเงยศีรษะขึ้นมองหวังหลิน จากนั้นเอ่ยน้ำเสียงเย็นชา “ผู้อาวุโสทันหลางจากไปด้วยเรื่องเร่งด่วนและคงไม่มา พวกท่านไม่ต้องคาดเดาหรอก!” และก้มศีรษะลง

ฉากเหตุการณ์นี้ทำให้ชายชราที่พูดขึ้นมาต้องหรี่ตาแคบ

“สาขาย่อยของเผ่าเบญจธาตุ หัวหน้าเผ่าลำห้วย ปัจจุบันคือผู้อาวุโสตกสวรรค์ลำดับสิบสาม!” หัวหน้าเผ่าแมงป่องทมิฬกล่าวกับหวังหลินเบาๆ

หวังหลินพยักหน้าเล็กน้อยและมีสีหน้าสงบนิ่ง

“ใครพูดถึงชื่อข้า!?” หัวหน้าเผ่าลำห้วยซึ่งเป็นผู้อาวุโสตกสวรรค์ถึงกับกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ สายตาดุจประกายสายฟ้าตกลงมาที่หวังหลินและหัวหน้าเผ่าแมงป่องทมิฬ

ดวงตาเปล่งกระกายขึ้นและเอ่ยออกมา “แมงป่องน้อย ทำไมเจ้าไม่ออกมาคุกเข่าหลังจากเจอข้า?” ทว่าสายตาจับจ้องไปที่หวังหลิน

สีหน้าท่าทางของหัวหน้าเผ่าแมงป่องทมิฬถึงกับเปลี่ยนไปยิ่ง การให้คุกเข่าเบื้องหน้าคนทั้งหมดนี้ถือเป็นการดูถูกเหยียดหยามยิ่งนัก!

ความปั่นป่วนทำให้เซียนรอบๆ สนใจ ทั้งหมดมองเข้ามาราวกับกำลังดูการแสดงฉากหนึ่ง

ชายวัยกลางคนจากเผ่าวิญญาณอสรพิษยิ้มขึ้นและส่ายศีรษะ “แมงป่องน้อย หากเจ้าอยากปีนขึ้นที่สูง เจ้าก็ควรต้องระวังว่าเลือกติดตามใคร แต่ข้าไม่ได้กล่าวหาเจ้าหรอกนะ พวกแมงป่องรู้แค่วิธีซ่อนตัวอยู่ใต้ดินเพื่อหลบสายตาเท่านั้น”

“อะไร ยังไม่ออกมาอีก? ก็ได้ เจ้า ออกมานี่และคุกเข่า!” ผู้อาวุโสตกสวรรค์ลำดับสิบสามถึงกับชี้ไปตรงๆ ไปที่หวังหลิน

หลังจากพูดเช่นนั้น สีหน้าท่าทางของหัวหน้าเผ่าแมงป่องทมิฬถึงกับคืนกลับมาและเผยท่าทีเย้ยหยัน ไม่เพียงแค่เขาเท่านั้นแต่หัวหน้าเผ่าเมฆาคลาดก็เงยศีรษะขึ้นด้วย ในแววตาเยาะเย้ยซ่อนความโอหังไว้ส่วนลึก

หวังหลินยิ้มพลางมองชายชรา “อะไร? ข้าพูดชื่อเจ้าไม่ได้หรือ?”

ผู้อาวุโสลำดับสิบสามดวงตาส่องสว่าง เขาเห็นว่าท่าทางที่หัวหน้าเผ่าเมฆาคลาดมองหวังหลินและจากระยะที่พวกเขายืน คนผู้นี้ดูเหมือนเป็นหัวหน้า ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงพูดขึ้นแบบนั้น

ในฐานะของผู้อาวุโสตกสวรรค์ลำดับสิบสาม เพื่อการได้รับเลือกอีกครั้ง เขาจำเป็นต้องแสดงอำนาจให้เห็น แม้เผ่าแมงป่องทมิฬจะเป็นเผ่าเล็ก แต่เผ่าเมฆาคลาดกลับไม่ใช่ ด้วยชื่อเสียงของทันหลางด้วยแล้ว พวกเขาจึงเป็นตัวเลือกในการแสดงอำนาจของตนเอง

เท่าที่เขารู้ หวังหลินเป็นคนที่ทันหลางแต่งตั้งขึ้นมา ดังนั้นการใช้หวังหลินเป็นเหยื่อแสดงอำนาจของเขาจึงเหมือนเป็นการใช้ทันหลางไปในตัว! อย่างไรก็ตามแววตาเยาะเย้ยของหัวหน้าเผ่าทั้งสองด้านหลังอีกฝ่ายทำให้เขารู้สึกว่ามีเรื่องแย่ๆ กำลังเข้ามา

‘คนผู้นี้ต้องได้รับการแต่งตั้งจากทันหลางเป็นแน่ แม้ทันหลางจะแข็งแกร่ง แต่ข้าเป็นผู้อาวุโสตกสวรรค์ ดังนั้นไม่มีอะไรต้องกลัว!’

พอคิดเช่นนี้ ชายชราพ่นลมหายใจเย็นและเอ่ยขึ้น “มีแค่คนที่มีคุณสมบัติเท่านั้นที่จะพูดได้ ข้าไม่รู้ว่าเจ้ามีคุณสมบัติหรือไม่”

เหล่าผู้อาวุโสและหัวหน้าเผ่าต่างเป็นจิ้งจอกเจ้าเล่ห์กันหมด ดังนั้นไม่มากไม่น้อยจึงเดาสถานการณ์ออก พวกเขาทั้งหมดสรุปได้ว่าหวังหลินเป็นคนที่ทันหลางแต่งตั้งเป็นตัวแทนมาที่นี่

“เจ้าต้องไม่ได้มาจากดินแดนตกสวรรค์ ข้าขอแนะนำให้เจ้ารีบคุกเข่าเบื้องหน้าข้า จงรู้ด้วยว่าแม้แต่ทันหลางที่เป็นเจ้านายเจ้าเองยังต้องคุกเข่าโดยไม่มีทางเลือก” ดวงตาของหัวหน้าผู้อาวุโสแห่งเผ่าวิญญาณอสรพิษถึงกับส่องสว่างขึ้น เขาเองที่เป็นคนล่วงเกินนำพาสถานการณ์ให้เป็นแบบนี้และมีความสุขยิ่งที่ได้เห็นผู้อาวุโสลำดับสิบสามชี้เป้าไปที่เผ่าเมฆาคลาด

“คุณสมบัติ…” หวังหลินยิ้ม

“ใครกล้าพูดว่าผู้อาวุโสไม่มีคุณสมบัติ?!” เสียงคำรามดังออกมาไกล ลำแสงมากกว่าพันสายพุ่งเข้ามาที่นี่พร้อมกับเสียงระเบิดดังสนั่นกึกก้อง

ผู้นำเป็นชายหนุ่ม ด้านข้างเป็นเหล่าผู้อาวุโสในขั้นทะลวงสวรรค์ พวกเขามาพร้อมกับแรงเหวี่ยงที่ทรงพลังและยืนอยู่ด้านข้างกลุ่มหวังหลิน

ชายหนุ่มรีบก้าวเข้าหาหวังหลินและคำนับฝ่ามือ เขาเอ่ยเสียงดังเคารพยิ่ง “ผู้น้อยหัวหน้าเผ่ามังกรหุ้มเกราะขอคำนับผู้อาวุโส”

ด้านหลังเขาเป็นเซียนเผ่ามังกรหุ้มเกราะมากกว่าพันคนมองหวังหลินด้วยความเคารพแฝงความหวาดกลัว ทั้งหมดต่างคำนับฝ่ามือและเอ่ยอย่างพร้อมเพรียง “ขอคำนับ ผู้อาวุโส”

ฉากเหตุการณ์ทำให้สีหน้าเซียนทั้งหมดที่นี่ต้องเปลี่ยนไป

“เผ่ามังกรหุ้มเกราะ!!”

“ผู้อาวุโสลำดับเก้าแห่งเผ่ามังกรหุ้มเกราะ!”

“ลือกันว่าผู้อาวุโสตกสวรรค์ลำดับเก้าถูกยึดตำแหน่งคืนไปเมื่อไม่กี่เดือนก่อนและถูกแต่งตั้งหัวหน้าเผ่าคนใหม่!”

“เรื่องสำคัญนี้แพร่กระจายออกไปไกล อย่างไรก็ตามเหตุผลที่ผู้อาวุโสลำดับเก้าถูกถอนตำแหน่งถือว่าเป็นความลับ ดังนั้นจึงมีคนรู้ไม่มาก!”

“แม้ว่าเผ่ามังกรหุ้มเกราะไม่มีคนมากนักแต่พวกเขาต่างก็ทรงพลังยิ่ง ถือเป็นหนึ่งในสิบสุดยอดเผ่าดินแดนตกสวรรค์!”

“ใครกันถึงทำให้เผ่ามังกรหุ้มเกราะต้องคารวะ?”

“หรือว่าเขาไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับทันหลาง?”

ชายวัยกลางคนจากเผ่าวิญญาณอสรพิษถึงกับตะลึงงันและดวงตาส่องสว่าง ชายชราจากเผ่าลำห้วยมีสีหน้ามืดมนไปด้วย เขามองหวังหลินและเห็นแววตาหวาดกลัวของเผ่ามังกรหุ้มเกราะ ความคิดหวาดกลัวจึงผุดขึ้นในใจ

การคาดเดานี้ทำให้ชายชรารู้สึกเหมือนเอาถังน้ำเย็นราดใส่ศีรษะ ร่างกายสั่นเทา แววตาหวาดกลัวและตกลึงพร้อมกับความไม่เชื่อ

‘เป็นไปไม่ได้…ข้าต้องคิดมากเกินไปแน่!’

ขณะนั้นหมอกมายาที่เกิดขึ้นจากพลังดึงดูดก็เริ่มส่งเสียง มันเริ่มขยายตัวออกและแผ่กระจาย จากนั้นทางลอดได้เปิดขึ้นมา!

มีเหล่าเซียนท่าทีเย็นชานับสิบคนเดินออกมาจากทางลอด คนนำหน้าคือผู้ส่งสาส์นที่ปรากฏขึ้นในเผ่ามังกรหุ้มเกราะ เขาลอยเข้าหาหวังหลินโดยไม่ได้มองคนอื่นรอบๆ เลย

เมื่อเห็นเช่นนี้ ผู้อาวุโสตกสวรรค์ลำดับสิบสามรู้สึกจิตใจเต้นไม่เป็นจังหวะ

……………………………………..

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!