1400. จันทราซ่อนในทะเลสาบ
หวังหลินดวงตาเป็นประกายพร้อมกับล่าถอย จ้องมองเต่ายักษ์ที่กำลังหายไป แววตามีแต่ความยินดี
“ไม่คาดคิดว่าดาวมหาจักรพรรดิจะมีเขตอาคมวิญญาณโบราณ!!” หวังหลินสูดหายใจลึก ใช้เวลาสักพักกว่าจะระงับอาการตื่นเต้นลงได้
หากเขาสามารถเรียนรู้สุดยอดเขตอาคมทั้งสี่แบบและผสานเข้าด้วยกัน หวังหลินมีโอกาสรู้แจ้งแก่นแท้แห่งเขตอาคม หากสำเร็จได้เมื่อนั้นหวังหลินคงไม่ได้มีแค่ห้าแก่นแท้ แต่จะเป็น…หกแก่นแท้!
หกแก่นแท้!
หากข้อมูลนี้แพร่กระจายออกไปคงทำให้เซียนทั้งหมดตกตะลึง แม้กระทั่งเซียนขั้นที่สามคงต้องหวาดกลัว ยิ่งคนที่เข้าใจเรื่องแก่นแท้ก็ยิ่งเข้าใจว่าการมีหกแก่นแท้หมายความว่าอย่างไร!
ห้าแก่นแท้น่าตกตะลึงพอแล้ว แต่เพิ่มไปอีกหนึ่งยิ่งตกตะลึงมากกว่า! แต่เช่นเดียวกันนั้นการมีหกแก่นแท้ก็คงทำให้สมบูรณ์ทั้งหมดได้ยากยิ่งขึ้น
หวังหลินหายใจถี่และเลียริมฝีปากโดยไม่รู้ตัว
“ข้ามีเขตอาคมทำลายล้าง เขตอาคมแห่งชีวิตและความตายและเขตอาคมแห่งกาลเวลา แม้ข้าจะไม่มีเวลาศึกษาพวกมันมากนัก หากข้าสามารถศึกษาเขตอาคมวิญญาณโบราณได้ ข้าจะได้เรียนรู้สุดยอดเขตอาคมทั้งสี่…ถึงตอนนั้น…”
หัวใจหวังหลินเต้นรัว มันนอกเหนือสิ่งที่หวังหลินคาดเอาไว้โดยสิ้นเชิง
ดวงตาส่องสว่าง ผ่านไปสักพักเขาก็ระงับอาการตื่นเต้นได้อย่างสมบูรณ์
“มหาจักรพรรดิเป็นใครถึงได้ใช้เขตอาคมวิญญาณโบราณบนสนามต่อสู้นี้ได้…” หวังหลินรู้สึกหวาดกลัวมหาจักรพรรดิผู้ลึกลับคนนี้ยิ่งขึ้น
“เขาปล่อยให้ข้าเข้ามาที่นี่ก่อน…หรือว่าทุกอย่างอยู่ในการคำนวณของเขาและคาดคิดว่าเขตอาคมนี้จะทำให้ข้าสนใจ…” หวังหลินขบคิดเงียบๆ ยิ่งวิเคราะห์สถานการณ์ตอนนี้ หัวใจที่ตื่นเต้นก็ยิ่งมลายหายไป
“ดวงดาวมหาจักรพรรดิเต็มไปด้วยเรื่องประหลาด…ไม่มีชั้นบรรยากาศ ปกคลุมด้วยพืชพันธุ์ประหลาด และยังมีเขตอาคมวิญญาณโบราณ…” หวังหลินร่อนลงบนพื้นที่ที่ไม่มีพืชพันธุ์ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ
พื้นดินสีเทา หลังจากร่อนลงไปหวังหลินจึงคว้าดินโคลนขึ้นมา หลังมองดูใกล้ๆแล้วสีหน้าท่าทางยิ่งมืดมนขึ้น
ในตอนนี้เสียงดังสนั่นกึกก้องบนท้องฟ้า ผู้ส่งสาส์นนำพาเซียนคนอื่นๆเข้ามาข้างใน
หวังหลินมองขึ้น เพียงก้าวเท้าก็หายตัววับ ปรากฏตัวบนฝั่งตะวันออกของดวงดาว พื้นที่ที่เต็มไปด้วยพืชพันธุ์หลายชนิด
หวังหลินนั่งอยู่ที่นั่นมองดูพื้นดินสีเทาในมือและขมวดคิ้ว
“ดินนี้ดูธรรมดาแต่ข้ารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ…” หวังหลินขบคิดและเอาไปใกล้ๆดวงตา ความทรงจำค่อยๆผุดขึ้นมาในใจ เป็นตอนที่เขาก้าวเท้าเข้าไปในประตูที่อยู่ในลูกปัดฝืนลิขิตฟ้า เขาเปลี่ยนกลายเป็นความปั่นป่วน จากนั้นลอยอยู่ในมิติว่างแล้วเปลี่ยนกลายเป็นดาวเคราะห์เซียน
หวังหลินมีความประทับใจรุนแรงกับความทรงจำนี้ เป็นประสบการณ์ที่ทำให้เขาได้รับความเข้าใจคลุมเครือจากหลายอย่าง
เขาจำได้ว่าหลังจากเปลี่ยนกลายเป็นดาวเคราะห์ วันเวลาผ่านไปเนิ่นนานหลายปี ภูเขาไฟหลายแห่งประทุบนดวงดาว ใจกลางดาวเคราะห์มีวัตถุดิบเล็ดลอดออกมาผ่านภูเขาไฟและปกคลุมผิวดวงดาว พวกมันแห้งเหี่ยวและค่อยๆเปลี่ยนกลายเป็นดิน
พืชพันธุ์ดั้งเดิมบางส่วนถือกำเนิดในดิน ขณะที่พวกมันเติบโตและตายไป พลังชีวิตเริ่มก่อเกิดขึ้นในดินและผสานเข้ากับพลังชีวิตของทั้งดวงดาว
“ตอนที่ดาวเคราะห์สร้างขึ้นในความว่างเปล่า มันไม่มีดิน…ดินค่อยๆก่อเกิดขึ้นมา…อีกความหมายหนึ่ง อายุของดินบนดาวเคราะห์ไม่สม่ำเสมอและควรจะมีอายุน้อยกว่าดวงดาวเอง”
หวังหลินพลันลืมตาขึ้นเผยแสงประหลาดและจ้องมองดินในมือ หลังจากนั้นสักพักจึงเอ่ยเสียงเบา “ห้วงเวลา…”
พลังอำนาจแห่งเวลาแพร่กระจายออกมาจากร่างกายและล้อมรอบดินในมือเขา ดูเหมือนกำลังค้นหาว่าดินนี้ถือกำเนิดขึ้นเมื่อไร
แต่ดินนี้ถือกำเนิดขึ้นนานเกินไปและหวังหลินไม่สามารถสืบกลับไปได้ไกลขนาดนั้นด้วยระดับบ่มเพาะตอนนี้ แต่อย่างไรก็ตามเขายังพอจะได้แนวคิดคร่าวๆ
ผ่านไปอีกสักพักหวังหลินสะบัดแขนขวาให้ดินกระจายออกไป จากนั้นมาถึง พืชพันธุ์บางส่วน คว้ามาหนึ่งหยิบมือและใช้ห้วงเวลาอีกครั้ง
หวังหลินปล่อยให้ดินในมือตกลงไป ในแววตาเกิดความเข้าใจขึ้น
“หากดินนี้ถูกสร้างขึ้นตามธรรมชาติ มันคงมีอายุไม่สม่ำเสมอ…แต่ดินที่นี่ดูเหมือนจะเกิดขึ้นมาในเวลาเดียวกัน!! มีความเป็นไปได้แค่สองอย่างเท่านั้น!”
“หนึ่งคือตอนที่ดาวดวงนี้กำเนิดขึ้น ภูเขาไฟทั้งหมดปะทุในเวลาเดียวกัน พวกมันถูกทำลายและสร้างเป็นดินนี้ขึ้นมา…แต่อย่างไรมันก็ไม่ค่อยสมเหตุสมผล เพราะพืชพันธุ์ดั้งเดิมทั้งหมดที่มอบพลังชีวิตให้ดินนี้ไม่สามารถเติบโตได้และตายในเวลาเดียวกัน…หากข้อแรกไม่จริงก็จะเหลือเพียงอย่างเดียว…ทุกสิ่งทุกอย่างที่นี่ถูกมนุษย์สร้างขึ้นมา มันถูกใครสักคนสร้างขึ้นมานานแล้วด้วยวิชาทรงพลัง!!” หวังหลินสูดหายใจลึก ตอนนี้เขาก็เป็นเซียนที่ทรงพลัง ดังนั้นเขาสามารถจินตนาการได้ว่ามีใครสักคนสร้างดาวเคราะห์ขึ้นมาด้วย ด้วยระดับบ่มเพาะที่เกินกว่าจะจินตนาการถึง!
ขณะขบคิดเงียบๆ หวังหลินส่ายศีรษะ กระทั่งไม่กล้าเชื่อในสิ่งที่คิด เขาไม่รู้ว่าหากคนอื่นรู้สิ่งที่หวังหลินคาดการณ์เอาไว้คงทำให้ใครต่อใครตกตะลึง
มีเซียนแค่ไม่กี่คนที่สามารถดูออกผ่านเบาะแสอย่างพื้นดินได้ แม้จะมีความสามารถแต่ก็คงไม่สามารถสรุปเช่นนี้ได้ ยกเว้นแต่จะรู้วัฏจักรชีวิตของดาวเคราะห์
หวังหลินเป็นคนแรกที่ล่วงรู้ต้นกำเนิดของดาวดวงนี้ผ่านดิน!
หากมหาจักรพรรดิผู้ลึกลับรู้เรื่องนี้เข้า เขาคงตกตะลึงเป็นอย่างมาก ยิ่งกว่าการรู้ว่าดาวเคราะห์ถูกสร้างขึ้นด้วยน้ำมือมนุษย์ด้วยซ้ำ!
ระหว่างเซียนด้วยกันเอง นอกจากความแตกต่างด้านระดับบ่มเพาะแล้วยังมีความแตกต่างด้วยความเข้าใจในเต๋า เต๋านั้นความเป็นจริงคือการเข้าใจว่าโลกทำงานอย่างไร บางคนเข้าใจว่าโลกหมุนได้อย่างไร และด้วยระดับบ่มเพาะที่เหมาะสมก็จะสามารถบรรลุผลลัพธ์อันน่าเหลือเชื่อได้!
หลังจากกระจายดินออกไปแล้ว หวังหลินขบคิดก่อนจะนอนลงบนใบไม้มองดูท้องฟ้าสีเทา เขาเป็นคนที่ชอบคิด เพราะการคิดทั้งหมดนี้ทำให้เขาสามารถเอาชีวิตรอดในอันตรายทุกอย่างได้
แม้หวังหลินจะโอหังต่อยอดปรมาจารย์หยุนลั่วแห่งสภาราชันย์และปรมาจารย์ซือโม่ ความจริงแล้วเขาระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง แม้จะไม่รู้เจตนาของมหาจักรพรรดิ แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่สามารถเอาอำนาจของมหาจักรพรรดิมาใช้ได้
กลวิธีนี้ปฏิบัติได้จริงในโลกแห่งเซียนอันโหดร้าย คนที่รู้ว่าจะใช้ประโยชน์ในสถานการณ์ได้อย่างไรจะสามารถบรรลุเป้าหมายได้ในที่สุด
ลำแสงหลายเส้นวูบวาบผ่านท้องฟ้าพร้อมกับมีคนเข้ามาในดาวเคราะห์เพิ่มขึ้น หวังหลินนอนอยู่บนใบไม้ มองดูผู้คนผ่านไปและค่อยๆสัมผัสใบไม้ยักษ์ด้านล่างตนเอง
ขณะนั้นสีหน้าท่าทางพลันเปลี่ยนไป เขาสัมผัสร่องรอยเบาๆได้ว่าพลังดั้งเดิมที่กำลังออกไปจากมือได้หลุดจากการควบคุมและถูกใบไม้ดูดซับ
แต่เมื่อเขาสังเกตอย่างละเอียดกลับไม่พบสิ่งใด ราวกับสิ่งที่รู้สึกเป็นแค่ภาพลวงตา
หวังหลินลุกขึ้นนั่ง ดวงตาส่องสว่าง แม้จะไม่พบอะไรแต่เขากลับรู้สึกตกตะลึงในใจ เขาลอยขึ้นไปในอากาศและมองลงด้านล่าง
พืชพันธุ์กำลังส่ายไปมาอย่างช้าๆสุดลูกหูลูกตา… “ดาวเคราะห์นี้ประหลาดจริงๆ…” หวังหลินไม่ต้องการนั่งอยู่บนใบไม้อีกต่อไป เขาเริ่มเหาะเหินไปรอบๆดาวเคราะห์และสังเกตสิ่งรอบด้านด้วยสัมผัสวิญญาณ
ท้องฟ้าค่อยๆมืดลง ต้นตอแห่งแสงที่เหลืออยู่คือลำแสงที่กะพริบผ่านท้องฟ้า หวังหลินไม่ได้เดินทางเร็วมาก พอตกค่ำเขาเห็นทะเลสาบแห่งหนึ่งที่ล้อมรอบด้วยพืชพันธุ์มากมาย ด้านข้างทะเลสาบยังมีชายชราชุดขาวอยู่ด้วย!
ชายชราคนนี้นั่งอยู่ด้านข้างทะเลสาบด้วยเบ็ดตกปลาในมือและจอกสุราอยู่ข้างๆ
หวังหลินหรี่สายตา นี่เป็นคนแรกที่เขาเห็นนอกจากผู้ส่งสาส์นและคนที่เหาะเหินบนท้องฟ้า หลังจากขบคิดเล็กน้อยหวังหลินไม่ได้จากไปไหนแต่ร่อนลงด้านหลัง ชายชราอย่างช้าๆ
ชายชราไม่สนใจและมองดูทะเลสาบต่อไป
หวังหลินนั่งลงข้างๆและไม่พูดอะไรเช่นกัน รอบด้านเงียบสนิท มีเพียงเสียงเดียวคือเสียงผู้คนที่กำลังทำลายม่านพลังอยู่ไกลๆ แต่เสียงนั้นดูเหมือนจะผสานกับความเงียบและไม่ได้รู้สึกรบกวน
น้ำทะเลสาบใสแจ๋ว แม้จะมองไม่เห็นต้นทะเลสาบแต่ก็เห็นได้ชัดว่าที่นี่ไม่มีปลา
ชายหนุ่มและชายชรานั่งอยู่ด้วยกันโดยมีขวดสุราคั่นกลาง วันเวลาผ่านไปอย่างช้าๆจนท้องฟ้าค่อยๆมืดลงและปรากฏดวงจันทร์ส่องสว่างเบื้องบน
สายลมค่อยๆพัดพริ้วทำให้พืชพันธุ์รอบๆเกิดเสียง แต่ไม่ได้ทำลายความสงบเงียบที่นี่
บนผิวทะเลสาบเกิดระลอกคลื่นเนื่องจากสายลม ระลอกคลื่นดูเหมือนจะดึงจันทราจากบนท้องฟ้าและฝังลึกไว้ในทะเลสาบ มองดูตอนนี้แทบบอกไม่ได้ว่าดวงจันทร์อยู่ที่ไหน…ดวงจันทร์ห้อยอยู่ในท้องฟ้าหรือฝังลึกไว้ในทะเลสาบ? ความสงบเงียบที่สร้างขึ้นด้วยฉากอันงดงามนี้ทำให้จิตใจอันเหน็ดเหนื่อยของหวังหลินผ่อนคลายเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่มาที่ดาราจักรโบราณ
หลังจากผ่านไปไม่รู้เวลา ชายชราค่อยๆเอ่ยเสียงแหบพร่า “เจ้าดื่มหรือไม่?”
………………………………..