Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1404

Cover Renegade Immortal 1

1404. ความลำเอียงของวิหคศักดิ์สิทธิ์

“สหายเฒ่ามาแล้ว” ขณะที่ทุกคนมองขึ้นไป น้ำเสียงวิหคศักดิ์สิทธิ์รุ่นที่สองดังกึกก้องในท้องฟ้าด้วยความเย้ยหยัน ขณะที่เขาลงไปบนพื้น เปลวเพลิงไร้ลักษณ์รอบตัวเขากระจัดกระจายและหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย

เผยเป็นร่างหวังหลินด้านหลังวิหคเพลิงรุ่นที่สอง

ขณะที่หวังหลินปรากฏขึ้นมา สายตาหลายคู่จับจ้องไปที่เขา

สายตาแรกมาจากปรมาจารย์ซือโม่ สายตาเย็นเยียบและเต็มไปด้วยจิตสังหาร

สายตาที่สองอ่อนโยน แฝงความสับสนและคิดถึง มาจากผู้หญิงที่อยู่ในแสงสีฟ้า

สายตาที่สามมาจากชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาที่กำลังกินลูกท้อ ดวงตาเปล่งประกาย เผยรอยยิ้มที่ไม่ใช่รอยยิ้ม

หวังหลินมีท่าทีสงบนิ่ง สายตากวาดผ่านสองพ่อลูกที่ปกคลุมด้วยแสงสีฟ้า ในสายตาหวังหลินแฝงความซับซ้อนเกินอธิบายแต่ในไม่นานก็หายไป

หวังหลินคำนับฝ่ามือและเอ่ยอย่างเคารพ “ผู้น้อยขอคารวะผู้อาวุโสปรมาจารย์เต๋าความฝัน”

ปรมาจารย์เต๋าความฝันยิ้มออกมาพลางพยักหน้าและเอ่ยขึ้น “ก่อนหน้านี้ข้าประเมินเจ้าต่ำไปจริงๆ”

วิหคศักดิ์สิทธิ์รุ่นที่สองตกตะลึงที่หวังหลินรู้จักปรมาจารย์เต๋าความฝัน จากนั้นสายตากวาดผ่านหลี่เฉียนเหมยและยิ้มอย่างซุกซนก่อนจะไม่สนใจเรื่องนี้ สายตาจับจ้องไปที่ปรมาจารย์ซือโม่

“เด็กน้อยเจ้ากำลังมองหาอะไร? เจ้าไม่พอใจข้าใช่หรือไม่? เจ้าอยากท้าประลองกับข้าใช่หรือไม่? ออกมาสู้สิ ข้าจะเล่นกับเจ้าเอง” วิหคเพลิงรุ่นที่สองไม่พอใจกับพฤติกรรมนี้เขาจ้องมองปรมาจารย์ซือโม่และชี้นิ้วทำท่าดูถูก

ปรมาจารย์ซือโม่มีท่าทีเปลี่ยนไป เขารู้ว่าชายชราคนนั้นคือจักรพรรดิน้อยคนแรกแห่งดินแดนตกสวรรค์ เป็นรองเพียงมหาจักรพรรดิและมีชื่อเสียงมาก สภาราชันย์ยังคงค้นคว้าเขาและชายชราคนนี้ต่อกรไม่ได้ง่ายๆ

จิตสังหารในดวงตาปรมาจารย์ซือโม่หายไป เขาคำนับฝ่ามือและเอ่ยเบาๆ “ระดับบ่มเพาะของผู้อาวุโสนั้นสูงเสียดฟ้า ผู้น้อย…ผู้น้อยมิกล้า”

“ฮึ่ม เจ้าไม่กล้าสู้กับข้ารึ แต่เจ้ากลับต้องการล่วงเกินผู้น้อยของข้า เจ้าสมควรโดนลงโทษ!” ไม่ว่าชายชราจะมองดูปรมาจารย์ซือโม่อย่างไร เขากลับพบว่าอีกฝ่ายช่างเป็นสิ่งอุจาดตา จึงพ่นลมหายใจและสะบัดแขนขวา

ดูเหมือนการสะบัดแขนนั้นไม่ได้มีวิชาอันใด แต่สีหน้ายอดปรมาจารย์หยุนลั่วถึงกับเปลี่ยนไปมหาศาลและนางถอยโดยไม่ลังเล ปรมาจารย์ซือโม่หรี่ตาแคบลงด้วยและส่งเสียงคำรามพร้อมกับเริ่มสร้างผนึก แต่ก่อนที่เขาจะทำได้สำเร็จ เกิดเสียงดังสนั่นกึกก้อง

ปรมาจารย์ซือโม่รีบถอยจากเสียงดังสนั่น ฝ่ามือสั่นเทาและหน้าซีด เพลิงไร้ลักษณ์เผาไหม้อยู่ข้างในและกะพริบสามครั้ง ทุกครั้งที่กะพริบจะทำให้พลังเผาไหม้ในร่างเพิ่มขึ้น

หลังกะพริบไปสามครั้ง ร่างปรมาจารย์ซือโม่สั่นไหวรุนแรงและกระอักโลหิต ดวงตาหวาดกลัว

“ผู้อาวุโสกลั่นแกล้งผู้น้อยต่อหน้าทุกคนที่นี่ นี่มันหมายความว่าอะไร?!” ความโกรธผุดขึ้นบนใบหน้าของซือโม่ แต่ความโกรธเป็นสิ่งหล่อเลี้ยงเพลิงไร้ลักษณ์จึงทำให้มันทรงพลังยิ่งกว่าเดิม

ปรมาจารย์ซือโม่กระอักโลหิตอีกครั้ง คราวนี้ยอดปรมาจารย์หยุนลั่วก้าวเข้ามากดมือใส่แผ่นหลังเขา นางใช้วิชาลับบางอย่างจนสีหน้าซือโม่ดูดีขึ้นเล็กน้อยแต่ก็ยังซีดขาวอยู่

“แข็งแกร่งกลั่นแกล้งอ่อนแองั้นรึ? บัดซบ เจ้าก็รู้ว่ามันหมายความว่าอะไร? หลังจากเจ้าใช้ระดับขั้นที่สามบังคับต่อสู้กับผู้น้อยของข้า เจ้ากล้าพูดว่าข้ากลั่นแกล้งคนอ่อนแอ? ข้ากลั่นแกล้งเจ้าแล้วอย่างไร?!” วิหคศักดิ์สิทธิ์รุ่นที่สองบ่มเพาะมาหลายปี แม้จะดูใจดีต่อหวังหลินแต่ความจริงแล้วตอนที่เขามีชื่อเสียง เขาได้ระเบิดอารมณ์ขึ้นมา พอได้ยินคำพูดของซือโม่ ดวงตาเบิกกว้างและก้าวเท้าออกไป

เขารวดเร็วมากจนแม้แต่สายตาหรือสัมผัสวิญญาณไม่อาจตามทัน มาถึงเบื้องหน้าปรมาจารย์ซือโม่และตบเข้าไปตรงๆ

เพียงหนึ่งครั้ง ปรมาจารย์ซือโม่ร้องครวญอยู่ในลำคอและกระเด็นออกไปหลายสิบฟุต ใบหน้าพองขึ้นและเป็นสีดำม่วง

ยอดปรมาจารย์หยุนลั่วถึงกับหน้าซีด นางถอยและเอ่ยขึ้น “ผู้อาวุโส หยุดได้แล้ว สภาราชันย์…”

ก่อนที่หยุนลั่วจะกล่าวจบ วิหคศักดิ์สิทธิ์รุ่นที่สองมองไปที่นางอย่างโหดเหี้ยม “สาวน้อย หุบปาก หากเจ้าไม่หยุด ข้าจะตบเจ้าด้วย! วันนี้ข้าจะแกล้งคนอ่อนแอ!”

เช่นนี้หยุนลั่วจึงกัดริมฝีปากและหยุดพูด

ปรมาจารย์ซือโม่เพิ่งหยุดร่างตัวเอง ภาพที่เห็นเริ่มพร่ามัว

“เจ้าเป็นใครถึงกล้าเรียกผู้น้อยของข้าว่า ‘ไอ้เด็กสารเลว’? เจ้ามันสารเลว ทั้งตระกูลเจ้ามันสารเลว!” ขณะที่ชายชรากล่าวขึ้น เขาเข้าประชิดอีกครั้งและตบออกไปด้วยมือซ้าย

ปรมาจารย์ซือโม่ร้องครวญอยู่ในลำคอและกระอักโลหิต กระเด็นกลับไปและมีแต่ความโกรธ แต่ทว่าความโกรธนี้เพิ่มความรุนแรงให้กับเปลวเพลิงในร่าง จึงส่งเสียงกรีดร้องโหยหวนและระงับความโกรธเอาไว้

“หากผู้น้อยของข้าสารเลว ไม่ใช่ว่าทำให้ข้าสารเลวไปด้วยหรือ? บัดซบ เจ้ากล้าว่าข้าใช่หรือไม่?” ชายชราจ้องมองปรมาจารย์ซือโม่และไล่ตาม

“ผู้น้อยไม่ได้…” ความคิดซือโม่สั่นเทาและกำลังจะอธิบายตัวเอง แต่คำพูดของเขาเห็นได้ชัดว่าไม่ได้เร็วเท่าอีกฝ่าย ชายชราพลันเข้ามาใกล้และตบส่งออกไปอีกฉาดด้วยมือขวา

ปรมาจารย์ซือโม่ใบหน้าดำม่วงอยู่แล้วก็ยิ่งนูนขึ้นไปอีก กระอักโลหิตมาพร้อมกับฟันสองสามซี่ ร่างกายปลิวออกไปไกล

“ฮึ่ม เจ้ากล้าว่าข้าใช่หรือไม่!?” ในแววตาชายชราแฝงจิตสังหาร หากไม่ใช่ว่าเขาต้องการให้หวังหลินใช้ปรมาจารย์ซือโม่มาแสดงอำนาจ เขาคงไม่แค่ตบสามฉาด แต่คงจะปลิดชีวิตอีกฝ่ายทันที!

วิหคศักดิ์สิทธิ์รุ่นที่สองกล้าใช้เบ็ดตกมังกรและมีระดับบ่มเพาะน่าหวาดหวั่น แม้ซือโม่จะเป็นเซียนขั้นที่สามแต่เขาเพิ่งบรรลุเข้ามา หากเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่วิหคศักดิ์สิทธิ์รุ่นที่สองคงเกิดความลังเลอยู่บ้างเพราะสภาราชันย์นั้นอยู่เบื้องหลังปรมาจารย์ซือโม่

แต่วิหคศักดิ์สิทธิ์รุ่นที่สองไม่คิดอะไรพวกนี้เลย เขาคิดอยู่แค่อย่างเดียว ไม่มีใครจะล่วงเกินเผ่าวิหคศักดิ์สิทธิ์ได้! หากพวกมันระดับบ่มเพาะสูงกว่าเขา เขาก็ไม่สน เพราะบรรพชนรุ่นแรกจะจัดการให้

ความลำเอียงของเผ่าวิหคศักดิ์สิทธิ์ถูกส่งต่อมาจากรุ่นสู่รุ่น

หวังหลินเผยรอยยิ้มพลางมองเหตุการณ์ตรงหน้า เขาค้นพบเงาของฉิงชุ่ยและจักรพรรดิวิหคศักดิ์สิทธิ์รุ่นที่ห้าในตัววิหคศักดิ์สิทธิ์รุ่นที่สอง

นิสัยใจคอหวังหลินบางครั้งก็เรียบง่าย คนที่ดีกับเขาก็จะตอบแทนคืนหลายเท่า เหมือนซือถูหนาน ฉิงชุ่ย จักรพรรดิวิหคศักดิ์สิทธิ์คนเก่า ตุ้นเทียน…เหล่าเซียนที่ต่อสู้เพื่อตำแหน่งผู้อาวุโสตกสวรรค์ต่างก็หยุดและล่าถอย เหล่าเซียนนับหมื่นที่มองดูทั้งหมดต่างเคารพยิ่ง ผู้ส่งสาส์นทั้งสิบคนมองขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยความเคารพด้วย

ส่วนคนที่เหลือในท้องฟ้าไม่ได้เอ่ยสิ่งใด

หลังจากตบปรมาจารย์ซือโม่ไปสามครั้ง วิหคศักดิ์สิทธิ์รุ่นที่สองถอนสายตามาและกลับมาอยู่ข้างหวังหลิน เขาไม่สนปรมาจารย์ซือโม่ที่กำลังอยู่ในสภาพย่ำแย่และยอดปรมาจารย์หยุนลั่วที่กำลังมืดมน

“ข้ามีความสุขยิ่งที่ทุกคนมาที่นี่ แม้ยังมีสหายเฒ่าอีกหลายคนที่ยังไม่อยู่ที่นี่ แต่นั่นก็ดี ในเมื่อทุกคนอยู่กันแล้วข้าต้องการให้พวกเจ้าทั้งหมดเป็นสักขีพยานการทดสอบของจักรพรรดิน้อยคนที่สามแห่งดินแดนตกสวรรค์!”

“หากเขาผ่านบททดสอบได้สำเร็จ เขาจะกลายเป็นจักรพรรดิน้อยที่แท้จริง การเป็นศัตรูกับเขาก็เหมือนเป็นศัตรูกับข้าด้วย เป็นศัตรูกับดินแดนตกสวรรค์!” วิหคศักดิ์สิทธิ์รุ่นที่สองคำนับมือให้กับทุกคน ดึงหวังหลินและชี้ไปที่ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา

“สหายน้อย เจ้ารู้จักปรมาจารย์เต๋าความฝันแล้ว ดังนั้นข้าจะไม่แนะนำแล้วกัน เจ้าเห็นชายหนุ่มที่กำลังกินลูกท้อหรือไม่? อย่าคิดว่าเขาเยาว์วัยล่ะ จริงๆแล้วเขาเป็นเซียนเฒ่า เจ้าอาจจะได้ยินชื่อเขามาก่อน เขาเป็นหนึ่งในห้าปรมาจารย์ ปรมาจารย์เต๋าเมียวหยิน”

หวังหลินสีหน้าสงบนิ่งแต่ความคิดแล่นอย่างรวดเร็ว เขาเคยได้ยินชื่อปรมาจารย์เต๋าเหมียวหยินมาก่อน มองดูชายหนุ่มคนนี้แล้วแต่กลับไม่พบร่องรอยของระดับบ่มเพาะ หวังหลินคำนับฝ่ามือให้เป็นการทักทาย

ชายหนุ่มหล่อเหลาหัวเราะและพยักหน้าให้หวังหลิน

“มีสหายเฒ่าที่มีเข็มอยู่ในปากด้วย เขาเป็นคนที่เจ้าควรรู้จัก แม้จะไม่ใช่หนึ่งในห้าปรมาจารย์แต่ระดับบ่มเพาะไม่ได้อ่อนแอ เขาคือไท่ฮวง การบ่มเพาะพิษทำให้เขามีชื่อเสียงยิ่ง!” ชายชราชี้ไปที่ผู้อาวุโสร่างผอมที่นั่งอยู่บนกิ้งก่า

ชายชราดวงตาส่องสว่างและพ่นลมหายใจเย็น ริมฝีปากไม่ขยับแต่มีเสียงลอดออกมาจากร่าง

“นกเฒ่า ข้าไม่ได้มาเป็นพยานรู้เห็นอะไร ข้ามาที่นี่เพื่อสู้กับเจ้า! แต่เจ้าเด็กของเจ้าก็ไม่เลว ข้าจะมอบสิ่งนี้ไว้เป็นของป้องกัน!” ชายชรายกแขนขวาขึ้นมาและ ดีดออกไป เล็บมือจากนิ้วชี้หักทันทีและลอยเข้าหาหวังหลิน

เกิดแสงกะพริบวาบและมีเศษเล็บลอยอยู่ด้านหน้าหวังหลิน

วิหคศักดิ์สิทธิ์รุ่นสองเบิกตากว้างเมื่อได้ยินคำว่า “นกเฒ่า” แต่พอเห็นเล็บมือจึงหัวเราะ “เจ้าแมลงพิษน้อย เจ้าใจกว้างจริงๆ”

“รับไว้ มันมีพิษของเจ้าแมลงพิษน้อยนั่นอยู่ด้วย มันคืออาวุธทรงพลังเพื่อใช้ต่อสู้กับศัตรู!”

วิหคเพลิงรุ่นที่สองยกแขนขวาขึ้นมาและโบกลงไปที่สนามต่อสู้ ร้องตะโกนขึ้น “การคัดเลือกผู้อาวุโสตกสวรรค์จะถูกหยุดเอาไว้ก่อน การทดสอบจักรพรรดิน้อยจะเริ่มขึ้น!”

น้ำเสียงดังลั่นดุจสายฟ้าและกึกก้องไปทั่วสนาม เสียงเต่ายักษ์ร้องคำรามและกระดองเต่าที่ล้อมรอบสนามจึงผุดขึ้นมา

เต่ายักษ์นี้มีขนาดใหญ่มากและดุร้ายเป็นอย่างยิ่ง เป็นฉากเหตุการณ์ที่ไม่มีวันลืม! พลังรุนแรงแพร่กระจาย เหล่าเซียนนับหมื่นรอบด้านเผยความเคารพยิ่งพร้อมกับหลีกเลี่ยงคลื่นกระแทกนี้

เต่ายักษ์ร้องคำราม หลังจากปรากฏขึ้นมามันจึงมองไปที่วิหคศักดิ์สิทธิ์รุ่นที่สอง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!