1405. ฝันเหมือนชีวิต
“เริ่มธูปฟ้า!” วิหคศักดิ์สิทธิ์รุ่นที่สองสะบัดแขน ความน่าเอ็นดูจากก่อนหน้านี้หายไปและกลายเป็นคนเคร่งเครียด ตอนนี้พลังอำนาจทรงพลังโผล่ออกมาจากร่างพร้อมกับความรู้สึกกดขี่ออกมา
ไม่ว่าเขาจะพูดอะไรล้วนคือกฎ!
ก้านธูปยักษ์สามดอกทั้งหนาและมีความสูงหลายหมื่นฟุตปรากฏขึ้นบนหลังกระดองเต่า!
ก้านธูปทั้งสามมีสีฟ้าเข้มและสูงเสียดฟ้า เต่ายักษ์ดูเหมือนเป็นแท่น ธูปทั้งสามบนหลังดูน่าตื่นตะลึง!
“บททดสอบของจักรพรรดิน้อยแห่งดินแดนตกสวรรค์นั้นเรียบง่ายมาก เจ้าต้องเข้าสู่โลกอัศจรรย์ทั้งสามแห่งคือ มนุษย์ ปฐพี และสวรรค์ เข้าไปจุดธูปทั้งสาม! บททดสอบนี้มีสองจุดสำคัญ!”
“อันดับแรกคือการจุดธูปนั้นยากยิ่ง! สองคือเมื่อจุดธูปไปแล้ว แม้มันจะสูงหลายหมื่นฟุตแต่มันเผาไหม้อย่างรวดเร็ว เจ้าต้องใช้ความพยายามทุกอย่างเพื่อชะลอการเผาไหม้ของมันเพื่อให้วิญญาณของเจ้าออกมาและกลับสู่ร่างกายได้!”
วิหคศักดิ์สิทธิ์รุ่นที่สองมองดูหวังหลินด้วยความเคร่งขรึม
“ทุกบททดสอบมีอันตราย บททดสอบจักรพรรดิน้อยของดินแดนตกสวรรค์ก็เช่นกัน หากเจ้าไม่สามารถจุดมันได้จะไม่มีอะไร แต่หากเจ้าจุดมันไปแล้วและออกมาไม่ได้ วิญญาณของเจ้าจะเผาไหม้จนตาย! มีข้าอยู่ที่นี่เจ้าไม่ได้ตายจริง แต่เจ้าจะทำให้ข้าผิดหวัง”
“ตั้งแต่ยุคโบราณกาลมีแค่สองคนที่ทำได้สำเร็จ ข้าเป็นคนแรกและก่อนหน้าเจ้าก็มีอีกคน! คนผู้นั้นมีพรสวรรค์ยิ่งนัก ใช้เวลาเพียงห้าลมหายใจจุดธูปแรก เก้าลมหายใจจุดธูปที่สองและสิบสี่ลมหายใจจุดธูปที่สาม แม้แต่ข้าก็ยังด้อยกว่าเขา”
“เจ้ากล้าลองหรือไม่? ตอบมา!” ดวงตาชายชราส่องสว่างดุจคบไฟ
หวังหลินสงบนิ่งและเอ่ยตอบ “ทำไมข้าจะไม่กล้า?”
“เยี่ยม ข้าหวังว่าเจ้าจะทำให้ข้าประหลาดใจเป็นครั้งที่สาม!” วิหคศักดิ์สิทธิ์รุ่นที่สองหัวเราะและสะบัดแขนขวา สายลมกรรโชกห่อหุ้มรอบหวังหลินและพาเขาเข้าหาธูปเล่มแรก!
ดวงตาของปรมาจารย์ซือโม่ซ่อนความโหดเหี้ยมเอาไว้เป็นอย่างดี ใบหน้ายังคงม่วงคล้ำและคงฟื้นฟูไม่ได้ในชั่วระยะเวลาสั้นๆ นอกจากนี้สิ่งที่วิหคศักดิ์สิทธิ์รุ่นที่สองทำลงไปก็มีเป้าหมายเพื่อฉีกหน้าเขาด้วย
ตอนนี้ปรมาจารย์ซือโม่ไม่กล้าโอหังเหมือนก่อน แต่จิตสังหารที่มีต่อหวังหลินยิ่งรุนแรง
ปรมาจารย์ซือโม่พ่นลมหายใจเย็น “สภาราชันย์ศึกษาบททดสอบของดินแดนตกสวรรค์ไว้อย่างลึกซึ้ง ไอ้เด็กสารเลวนี่ไม่สามารถทำสำเร็จได้ด้วยระดับบ่มเพาะเท่านี้หรอก!”
ยอดปรมาจารย์หยุนลั่วด้านข้างมีสีหน้ามืดมนเช่นกัน มือขวาในเสื้อผ้าค่อยๆสร้างผนึกราวกับพยายามพยากรณ์บางอย่าง แต่สายตากวาดไปทางปรมาจารย์เต๋าเมียวหยิน
ทางปรมาจารย์เต๋าเมียวหยินที่นอนอยู่บนก้อนเมฆถึงกับหรี่ตามอง
‘สหายน้อยนี่ต้องเป็นหวังหลินที่ฉุยต้าวส่งข้อมูลมา…นายท่านแห่งดินแดนปิดผนึกไม่ได้ตาย…ฉุยต้าวนั่นคงไม่กล้าโกหก แต่ข้าควรระมัดระวังเอาไว้…ข้าลงมือครั้งที่แล้วเพราะราชันย์ให้ผลประโยชน์กับข้ามหาศาล แต่ตอนนี้…หากข้าต้องการลงมือ ขึ้นอยู่กับว่าสภาราชันย์จะให้รางวัลข้าเหมาะสมหรือไม่’
ปรมาจารย์เต๋าความฝันมองดูหวังหลินอย่างสงบนิ่งและลอบถอนหายใจ
‘ในช่วงเวลาสั้นๆ เจ้าเด็กนี่ได้ทำลายเผ่าสายฟ้ากระจายและสร้างความสัมพันธ์ล้ำลึกกับดินแดนตกสวรรค์ไปแล้ว ข้าประเมินเขาต่ำไปจริงๆ…ในฐานะของห้าปรมาจารย์ ข้ารับผิดชอบการคุ้มกันดาราจักรโบราณ แต่เรื่องระหว่างเขากับเยว่เอ๋อร์…’ ปรมาจารย์เต๋าความฝันมองดูลูกสาวด้วยสายตาอธิบายไม่ถูก
‘ข้าทำเป็นไม่สนสภาราชันย์ได้ แม้ราชันย์จะออกมาจากปิดด่านฝึกตน ข้าสามารถปฏิเสธได้ แต่…หากเมิ่งเอ๋อร์มาเล่า? ข้าควรทำอย่างไรดี…’ พอคิดถึงเรื่องภรรยา ปรมาจารย์เต๋าความฝันรู้สึกโดนทุบในหัวใจ เขาไม่เคยลืมปีที่ภรรยาเขาดูเหมือนตายไปแล้วและกลายเป็นคนแปลกหน้า
ชายชราสวมชุดหนังสัตว์หลับตาและไม่สนใจอย่างอื่น ราวกับไม่มีสิ่งใดในโลกสำคัญนอกจากการต่อสู้กับวิหคศักดิ์สิทธิ์รุ่นที่สอง
กิ้งก่ายักษ์ด้านล่างพ่นลมร้อนและหลับตาไปด้วย
ส่วนเซียนนับหมื่นรอบๆเต่ายักษ์ต่างก็มองดูหวังหลินอย่างใกล้ชิด เกิดความคิดหลายอย่างขึ้นในใจแต่ละคน
‘ฮึ่ม เขาโชคดีจริงๆที่ได้รับความสนใจจากจักรพรรดิน้อยคนแรก แต่บททดสอบนี้ช่างยากยิ่ง ข้ามั่นใจว่าเขาจะไม่สำเร็จ!’
‘ผู้อาวุโสตกสวรรค์คนแรกยังไม่กล้าลองดีกับตำแหน่งจักรพรรดิน้อยแม้เขาจะมีระดับบ่มเพาะทะลวงสวรรค์ระดับที่ห้า แม้คนผู้นี้จะได้รับความชื่นชอบจากมหาจักรพรรดิและจักรพรรดิน้อยคนแรก ก็ไม่มีทางที่เขาจะทำสำเร็จ’
หวังหลินมาถึงก้านธูปดอกแรกภายใต้สายตาของเซียนนับหมื่นรอบสนาม เขาร่อนลงไปบนกระดองเต๋า เมื่อเทียบกับธูปแล้ว ร่างหวังหลินดูเล็กน้อยไปเลยจริงๆ
ก้านธูปยักษ์นี้หนาเท่าภูเขา ปลดปล่อยกลิ่นหอมเจือจาง เมื่อสูดดมเข้าไปจะปลุกไปถึงจิตวิญญาณ
หวังหลินสูดหายใจลึกและวางมือบนธูปยักษ์ ชั่วขณะที่สัมผัส เขาหลับตา ร่างกายนิ่งไม่ไหวติง ดวงวิญญาณเข้าไปในก้านธูป…บททดสอบแรก โลกมนุษย์ลวงตา!
เสียงน้ำไหลแล่นผ่านหู เสียงอึกทึกไกลๆดังชัดเจนยิ่งขึ้นจนกระทั่งกลบเสียงน้ำไหลจนหมด
ท้องฟ้าสีครามปักด้วยก้อนเมฆสีขาวดุจภาพวาด อย่างไรก็ตามมันดูราวกับภาพลวงตา
หวังหลินยืนอยู่บนสะพานที่มีแม่น้ำไหลผ่านด้านล่าง เรือหลายลำลอยอยู่บนแม่น้ำ สองฝั่งสะพานคือเสียงคนเดินถนนดังจอแจ แต่ไม่สามารถมองเห็นหน้าพวกเขาได้เลย
หวังหลินถอนสายตาออกมาจากท้องฟ้า เขารู้สึกเหมือนเข้าไปในโลกความฝัน ทุกอย่างลวงตาไร้ความเป็นจริง
แม้กระทั่งสะพานนี้ก็เป็นภาพลวงตาในสายตาเขา ราวกับมันสามารถหายไปได้ทุกเมื่อ ราวกับทุกอย่างในโลกนี้นอกจากเขา ไม่ใช่ของจริง
ที่นี่คือเมืองคนธรรมดา เมืองนี้ไม่ได้ใหญ่นักแต่มีคนอาศัยอยู่จำนวนมาก มีแผงลอยและร้านค้าบนถนน เสียงผู้คนตะโกนโหวกเหวกโวยวายอยู่เนืองๆ
อย่างไรก็ตามทั้งหมดนี้พร่ามัวและดูเหมือนแยกขาดจากเขา…’นี่คือบททดสอบแรกใช่หรือไม่…’ หวังหลินขบคิด จากนั้นหันตัวกลับเดินออกมาจากสะพานจนหันไปมองดูแม่น้ำ!
บนแม่น้ำมีเรือลำใหญ่หนึ่งกำลังลอยอยู่ช้าๆ มีชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังถือจอกเหล้าในมือ นักร้องสาวสองสามคนเต้นอยู่บนโต๊ะและมีคนรับใช้ยืนอยู่ด้านหลัง
ท่ามกลางเสียงหัวเราะกลับมีเสียงอ่อนโยนแต่โอหังเอาไว้ด้วย “โลกคือโรงเตี๊ยมสำหรับสิ่งมีชีวิตทุกชนิด กาลเวลาคือผู้มาเยือนของทุกช่วงวัย ความแตกต่างระหว่างชีวิตและความตายเป็นเสมือนการตื่นจากฝัน!”
ชายชราถือจอกเหล้าและดื่มเข้าไป! หลังจากหวังหลินมาที่นี่ ทุกอย่างนอกจากเขาดูพร่ามัว แต่ในตอนนี้รูปร่างของชายหนุ่มกลับชัดเจนและชัดเจนว่าแตกต่างกับรอบด้าน!
สิ่งนี้ทำให้หวังหลินเริ่มสังเกต ความคิดแล่นไปมาราวกับโลกถูกแบ่งเป็นหลายชั้น รูปร่างหน้าตาของชายหนุ่มช่างคุ้นเคย มันเหมือนกับ…
……………………………………