Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1407

Cover Renegade Immortal 1

1407. ข้าไม่ยอม!

หญิงสาวสวมชุดราตรีสีเหลือง ผมสองข้างบนศีรษะส่ายไปมาทำให้นางดูน่ารักยิ่ง

นางไม่ได้งดงามยิ่งแต่กลับละเอียดอ่อน แม้ยังคงมีสายตาไม่ประสาแต่ใครก็มองเห็นความอ่อนโยนตามธรรมชาติที่ซ่อนอยู่ได้

ขณะที่นางเดินขึ้นภูเขา นางบุ้ยปากและพึมพำกับตัวเอง “การปรุงยากช่างยากเกินไป แม้ข้าเอาใจใส่เสมอ ข้าไม่เคยทำมันสำเร็จ”

“ข้าสงสัยว่าท่านพี่ทำได้อย่างไร พรสวรรค์ของเขาดีกว่าข้ามากมายและถูกทางสำนักให้ความสนใจ ข้าต้องทำงานหนัก ดังนั้นเขาคงไม่มามองดูข้าหรอก” ขณะที่นางเดินไป พลันหยุดลงและมองดูใบหญ้าที่กำลังเปล่งแสงจันทราอ่อนๆ นางรีบเดินเข้าไปและค่อยๆหยิบมาสองสามใบ ไม่ได้ตระหนักว่ามีร่างอันโดดเดี่ยวปรากฏขึ้นมาด้านหลัง

หวังหลินจ้องมองหญิงสาวเบื้องหน้า แม้จะดูแตกต่างจากตอนที่เขารู้จักนาง หวังหลินก็ยังจำนางได้เพียงแค่ชำเลืองมอง

ความอ่อนโยนค่อยๆผุดขึ้นในสายตา ขณะที่หวังหลินยืนอยู่ที่นี่ ความขมขื่นเต็มไปทั่วจิตใจ

หลังจากนางหยิบหญ้าจันทราวารีขึ้นมาไม่กี่ใบ นางค่อยๆเก็บพวกมันใส่กระเป๋า เมื่อกำลังจะออกไปนางพลันหยุดลงและก้าวเดินไปข้างหน้า หมอบตัวลงผลักหญ้าบางส่วนออกไปจนเจอสัตว์ตัวเล็กๆ

สัตว์ตัวเล็กดูเหมือนกระรอกและมันกำลังจะตาย บนขาขวามีเลือดและดูเหมือนจะถูกกัดจนแตกหัก

นางเป่าลมและเผยท่าทีสงสาร หยิบหญ้าบางส่วนออกมาบดขยี้ก่อนจะค่อยๆใช้ไปบนแผลของเจ้าสัตว์ตัวเล็กๆนั้น

อย่างไรก็ตามสมุนไพรพวกนี้เห็นได้ชัดว่าไม่มากพอจะทำให้มันรอดชีวิต สายตาของมันหมองลงเหมือนสูญเสียเลือดมากเกินไปและอยู่ปากเหวแห่งความตาย

หญิงสาวกระวนกระวาย ค่อยๆอุ้มสัตว์ตัวเล็กขึ้นมาหันตัวกลับจะไปที่ห้องยาเพื่อหาอาจารย์ แต่ขณะที่หันกลับมานางถึงกับกรีดร้องและรีบล่าถอย แววตาเกิดความตื่นตระหนก

ตอนที่หันกลับมา นางเจอกับหวังหลินในทันทีและตกตะลึงไปชั่วขณะ

พอเห็นสีหน้าตกใจของหญิงสาว หวังหลินหัวใจสั่นเทาและค่อยๆเอ่ยขึ้น “ให้ข้า” เขาสะบัดแขนมีลำแสงหนึ่งสายลอยเข้าหาสัตว์ตัวนั้นในอ้อมแขนนาง บาดแผลสมานตัวต่อหน้าต่อตาและกระทั่งฟื้นคืนชีวิตที่ใกล้ดับไปด้วย

สัตว์ตัวน้อยฟื้นคืนกลับมาพลันกระโดดจากแขนหญิงสาว หลังจากร่อนลงบน กิ่งไม้มันจึงมองกลับไปที่ทั้งสองและหายตัวไป

ส่วนนางสูดหายใจลึกและตบหน้าอก มองดูหวังหลินอย่างสนใจและเอ่ยขึ้นเบาๆ “ผู้น้อยลี่มู่หวานขอคารวะผู้อาวุโส ผู้อาวุโสมาหาอาจารย์ข้าจากยอดเขาแห่งใด?”

หวังหลินส่ายศีรษะ เอ่ยขึ้นด้วยสายตาอ่อนโยน “ข้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อหาอาจารย์เจ้า ข้าอาศัยอยู่ที่นี่”

“อาศัยอยู่ที่นี่?” ลี่มู่หวานกะพริบตาปริบๆ

หวังหลินยิ้มพลางสะบัดแขน สายลมอ่อนๆห่อหุ้มรอบลี่มู่หวาน พริบตาเดียวทั้งสองก็หายตัวไป ปรากฏตัวอีกครั้งบนยอดเขาที่ล้อมรอบด้วยก้อนเมฆ

มีถ้ำแห่งหนึ่งปรากฏขึ้นที่นี่โดยไม่มีใครรู้

ลี่มู่หวานเบิกตาพร้อมกับมองดูถ้ำ นางใช้เวลานานกว่าจะมีสติกลับมา จากนั้นมองหวังหลินด้วยสายตาสงสัย

“ผู้อาวุโสต้องเป็นเซียนเฒ่าแห่งสำนักลั่วเหอ…เอ๊ย ไม่ใช่เซียนเฒ่า แต่เป็น ผู้อาวุโสลี้ลับ” ลี่มู่หวานยิ้มพลางถอยไปสองสามก้าว สายตาเกิดความระวัง

ไม่มีใครอยู่ที่นี่และนางถูกหวังหลินพามาทันที ดังนั้นจึงกังวลเป็นธรรมดา แม้หวังหลินไม่ได้ดูชั่วร้าย แต่จิตใจลี่มู่หวานยังเต้นกระดอน

“ผู้น้อย…ผู้น้อยมาที่นี่ตามคำสั่งอาจารย์เพื่อเก็บสมุนไพร ข้าออกมา…ได้นานแล้ว อาจารย์อาจจะเป็นกังวลและออกมาหาข้า ผู้น้อยควรออกไปตอนนี้” ลี่มู่หวานถอยร่นอย่างต่อเนื่อง คำพูดของนางชี้ให้เห็นว่าอาจารย์สามารถออกมาได้ทุกเมื่อ

หวังหลินยิ้ม เขาไม่เคยเจอสีหน้าจากลี่มู่หวานเช่นนี้มาก่อน จึงพยักหน้ารับ

ลี่มู่หวานรีบถอยกลับและปีนลงภูเขา จนกระทั่งนางออกมาได้จึงผ่อนคลายและมองกลับไปที่ยอดเขา

“พี่หญิงบอกว่าเซียนเฒ่าพวกนี้มีนิสัยแปลกๆและบางคนชอบบ่มเพาะกับหญิงสาว เขาทำให้ข้าหวาดกลัวเกือบตาย! เซียนเฒ่านั่นปรากฏตัวขึ้นเงียบๆและพาข้าไปที่ยอดเขา ฮึ่ม ถ้าข้าไม่ตอบสนองเร็วพอและยกเรื่องอาจารย์ขึ้นมา ข้าอาจจะตกอยู่ในอันตราย…แต่เซียนเฒ่านั่นก็ดูหนุ่มดูแน่นและดูไม่เหมือนคนเลว…บางทีข้าคงคิด มากไป”

หลังจากพึมพำกับตัวเองเล็กน้อย ลี่มู่หวานรีบจากไป

ส่วนหวังหลินยืนอยู่บนยอดเขา สายตามองทะลุทุกอย่าง เห็นท่าทีของลี่มู่หวานและกระทั่งได้ยินคำพูดของนางชัดเจน

จนเมื่อลี่มู่หวานจากไปแล้วหวังหลินจึงถอนสายตา ในแววตาซ่อนความสุขแต่ก็มีความเศร้าไปพร้อมกัน

“ที่นี่สร้างขึ้นจากวิญญาณข้าจริงใช่หรือไม่ หรือ…ความจริง…ที่นี่ไม่ได้มีอยู่ในความทรงจำข้า…” หวังหลินถอนหายใจและไม่คิดเรื่องนี้อีกและหลับตาลง

ผ่านไปสักพักจึงลืมตาขึ้นมาและกระซิบกับตัวเอง “ข้าจะออกไปดูและพูดคุยกับนางอีกครั้ง จากนั้นข้าจะออกไป…และจุดธูปดอกแรก”

วันเวลาดำเนินไปหนึ่งวัน สองวัน…พริบตาเดียวผ่านไปสี่วัน

ช่วงสี่วันนี้ลี่มู่หวานไม่ปรากฏตัวขึ้นเลย หวังหลินรอคอยอยู่บนยอดเขาเหมือนตอนที่ลี่มู่หวานรอเขากลับมา มีแต่เสียงพิณเท่านั้น

สี่วันนี้หวังหลินไม่ได้บ่มเพาะแต่จ้องมองท้องฟ้าพร้อมกับรอคอยไปด้วย

จนกระทั่งยามบ่ายของวันที่ห้าเขาได้ยินเสียงออกมาจากด้านล่างภูเขา ลี่มู่หวานรีบปีนขึ้นมาบนภูเขา ปาดเหงื่อบนใบหน้า สายตายังหวาดกลัวและระมัดระวัง แต่นางกัดฟันและเดินมาหาหวังหลิน

หวังหลินมองดูลี่มู่หวานอย่างสงบนิ่งและมีท่าทีอ่อนโยน

อย่างไรก็ตามในสายตาลี่มู่หวาน ความอ่อนโยนนี้กลับทำให้นางถอยโดยไม่รู้ตัวและระมัดระวังยิ่งขึ้น

“ผ…ผู้อาวุโส ท่านช่วยมันได้หรือไม่…” ลี่มู่หวานกัดริมฝีปากและนำสัตว์ตัวเล็กๆขนาดเท่าฝ่ามือออกมา

สัตว์ตัวเล็กนี้เหมือนแมวและมันยังเด็ก มันตัวสั่นอยู่ในมือลี่มู่หวานและลืมตาได้เพียงเล็กน้อย ดูเหมือนมันอยากลืมตาแต่ไม่มีแรง

หวังหลินหัวเราะและพยักหน้า ยกแขนขวาขึ้นมาสัมผัสกับมัน แสงสีขาวกะพริบเติมพลังชีวิตเข้าไปในสัตว์ตัวน้อย มันค่อยๆลืมตาและเต็มไปด้วยพลังงาน

ลี่มู่หวานประหลาดใจและค่อยๆเล่นขนมัน นางมองดูหวังหลิน ความระมัดระวังค่อยๆหายไปแต่ยังมีอยู่บ้าง

“ขอบคุณท่านมาก ผู้อาวุโส” ลี่มู่หวานมีใบหน้าเปี่ยมสุขและโค้งตัวให้หวังหลิน นางรีบลงไปจากภูเขา เห็นได้ชัดว่านางยังคงระมัดระวังต่อเซียนเฒ่า ถ้าไม่ใช่เพราะเป็นทางเลือกสุดท้าย นางคงไม่มาที่นี่

หลังจากลี่มู่หวานลงไปจากภูเขา นางมองกลับมาและเอ่ยพึมพำ “เซียนเฒ่านั่นอาจจะไม่ใช่คนเลว…”

นี่เป็นครั้งที่สองที่หวังหลินส่งลี่มู่หวานออกไป แต่ในสายตามีความฝืนใจมากกว่าเดิม

ขณะนั้นทั้งท้องฟ้าเริ่มส่งเสียงและเปลี่ยนสี ก้อนเมฆดังลั่นและปรากฏวังวนยักษ์

วังวนหมุนอย่างรวดเร็วและเปล่งสัมผัสแห่งบารมีเกินกว่าจินตนาการ!

แรงกดดันตกตะลึงยิ่งและเมื่อมันแพร่กระจายออกไปจึงปกคลุมทั่วทั้งบททดสอบมนุษย์ ไม่มีสิ่งใดในโลกนี้ตระหนักถึงมันได้เลย ราวกับโลกเปลี่ยนไปเฉพาะหวังหลิน ราวกับวังวนปรากฏมาเพื่อหวังหลิน!

“หวังหลิน! ทำไมเจ้าไม่รีบจุดธูปมนุษย์? เจ้าจะรออะไร?!” ประโยคนี้กลายเป็นพายุและสะท้อนไปทั่วโลก!

บนดาวมหาจักรพรรดิ วิหคศักดิ์สิทธิ์รุ่นที่สองกังวลว่าวิญญาณหวังหลินถูกขังไว้ข้างในและไม่สามารถดึงตัวเองออกมาได้ เขาแหกกฎการทดสอบและกดมือต้านกับธูปดอกแรก วิญญาณเข้าไปในวิญญาณหวังหลินและส่งเสียงคำราม

“การจุดธูปมนุษย์ไม่ใช่เรื่องยาก ตราบใดที่ข้าจุดเพลิงในวิญญาณ มันจะเผาไหม้โลกมายานี้จนไม่เหลือสิ่งใด ธูปมนุษย์จะถูกจุด!”

“แต่ว่า…”

“ข้าไม่ยอม!!” หวังหลินเงยศีรษะขึ้น ในสายตามีเปลวเพลิงเผาไหม้พร้อมกับมองวังวนในท้องฟ้า

“การเข้ามาที่นี่ในฐานะวิญญาณก็เพื่อขัดเกลาวิญญาณให้ลบความอาลัยอาวรณ์สุดท้ายในการกลับเป็นคนธรรมดา การเปลี่ยนมันเป็นพลังเผาไหม้จะทำให้วิญญาณถือกำเนิด สิ่งนี้จะผสานเข้าสู่วิญญาณเพื่อกลายเป็นเมล็ดพันธุ์ที่ทำให้วิหคศักดิ์สิทธิ์ตื่นเป็นครั้งที่สี่!”

“แต่การเผาไหม้ความรู้สึกของการเป็นคนธรรมดาถือเป็นราคาที่ข้าไม่อาจทำได้!” หวังหลินมองขึ้นไปบนท้องฟ้า

นี่คือดินแดนแห่งวิญญาณเขา แม้วิหคศักดิ์สิทธิ์รุ่นที่สองจะทรงพลังแต่ บททดสอบนี้สร้างขึ้นด้วยสมบัติลึกลับที่เต็มไปด้วยพลังลี้ลับซึ่งทำให้เขาไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้นานนัก!

“เจ้า…นี่เป็นแค่ภาพลวงตา ไม่ใช่ของจริง ข้าก็เคยมาที่นี่มาก่อน เจ้าเพียงแค่ทำลายมันและจุดธูปเพื่อออกไป ทำไมเจ้าต้องหมกมุ่นเช่นนั้น?” น้ำเสียงเต็มไปด้วยความร้อนใจ วังวนในท้องฟ้าสลายไปพร้อมกับเสียงที่ค่อยๆหายไปด้วย

เมื่อเสียงเขาหายไป เสียงหวังหลินเข้าไปในวังวน

“ในทั้งชีวิตข้า ข้าไม่เคยละทิ้งความรู้สึกนี้ในใจ ตอนที่อยู่ขั้นเทวะ ข้าเลือกกระตุ้นทัณฑ์สวรรค์แทนที่จะทิ้งมันไป เผาไหม้โลกนี้ไม่ใช่ทางเดียวในการสร้าง เมล็ดเพลิงอมตะในวิญญาณข้า!”

“หากเป็นความประสงค์ของสวรรค์และข้าต้องเผาไหม้โลกนี้ เช่นนั้นข้าจะฝืนลิขิตสวรรค์ ข้าจะเดินบนเส้นทางของตัวเอง แทนที่จะเผาไหม้โลกนี้ ข้าจะใช้วิญญาณข้าเพื่อสร้างเพลิงแห่งเวรกรรม!!”

บนดาวมหาจักรพรรดิ วิหคศักดิ์สิทธิ์รุ่นที่สองถอนมือออกมา มองหวังหลินและถอนหายใจ

แม้ว่าปรมาจารย์ซือโม่จะไม่รู้ว่าข้างในเกิดอะไรขึ้นในบททดสอบมนุษย์ ดูเหมือนเขาจะสังเกตบางอย่างได้ จึงอดไม่ได้ที่จะเยาะเย้ย “ผู้อาวุโส นี่มันก็นานแล้ว ดูเหมือนจักรพรรดิน้อยเจออุบัติเหตุในบททดสอบด้วยความบังเอิญ…”

ก่อนจะได้พูดจบ วิหคศักดิ์สิทธิ์รุ่นที่สองพลันหันกลับมาและสะบัดแขน ตบปรมาจารย์ซือโม่อีกครั้ง

ปรมาจารย์ซือโม่กระอักโลหิต ร่างกายกระเด็นกลับไปอีกแสนฟุต

“บังเอิญอะไร? เจ้านี่กำลังจะใช้เวรกรรมของตัวเองเผาไหม้ก้านธูป มันไม่ใช่สิ่งที่สารเลวอย่างเจ้าจะเข้าใจ!”

หลังจากตบไปหนึ่งฉาด ความโกรธของวิหคศักดิ์สิทธิ์ก็ลดน้อยลงและคิดขึ้นมา “เวรกรรม เวรกรรม ดี เด็กนี่กล้าจุดเพลิงแห่งเวรกรรม บรรพชนแรกเคยกล่าวไว้ว่าการใช้เพลิงวิญญาณอมตะเพื่อบรรลุเพลิงไร้ลักษณ์ไม่ใช่วิธีที่เหมาะสม แต่เพราะการจุดเพลิงแห่งเวรกรรมนั้นยากยิ่งที่สุด บรรพชนสำเร็จได้ด้วยการช่วยเหลือจากจักรพรรดิเทพ ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงไม่ให้ใครเลือก! หากเด็กนี่สำเร็จขึ้นมาได้ เขาจะเป็นคนแรกต่อจากบรรพชน!”

……………………………………..

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!