1410. การเปลี่ยนแปลงที่น่าตกตะลึง
เพลิงสีแดงโลหิตเต็มไปทั่วท้องฟ้าของบททดสอบมนุษย์ ก่อเกิดคลื่นความร้อนทรงพลังและพรั่งพรูใส่หวังหลิน พลังข้างในเพลิงนี้มากพอจะเผาไหม้สวรรค์ได้ด้วยซ้ำ
หวังหลินยืนอยู่บนวิหคศักดิ์สิทธิ์ทมิฬซึ่งอยู่ในเปลวเพลิง เขาสัมผัสความร้อนของเปลวเพลิงได้ และเมื่อคลื่นความร้อนเข้าใกล้จึงรู้สึกถึงความเจ็บปวดจากการถูกเผา
วิบากกรรมแรกคือสีแดง มันแสดงถึงการเข่นฆ่าทั้งหมดที่หวังหลินทำลงไปเพื่อความหลงใหล วิบากกรรมสังหารพรั่งพรูและเผาไหม้อย่างรุนแรง
วิหคศักดิ์สิทธิ์ด้านใต้หวังหลินส่งเสียงร้องโหยหวนภายใต้ความร้อนและเปลวเพลิง แม้แต่หวังหลินที่เพิ่งคืนรูปร่างวิญญาณขึ้นมาใหม่ยังแทบแตกสลายและกำลังจะ ถูกเผาทั้งเป็น
แม้เขาจะลองคาดเดาพลังของวิบากกรรมทั้งเก้าไปแล้ว หวังหลินไม่คิดว่า วิบากกรรมแรกจะยากยิ่งเกินทนได้ขนาดนี้
ภายในเปลวเพลิงสีแดงนี้ เพียงแค่ชั่วขณะเดียวเหมือนเป็นนานนับปี วิหคศักดิ์สิทธิ์ทมิฬไม่สามารถทนได้ ร่างกายหดลงอย่างรวดเร็ว เปลวเพลิงสีดำบนร่างเปลี่ยนกลายเป็นสีแดง
หากมันเปลี่ยนกลายเป็นสีแดงทั้งหมด วิหคศักดิ์สิทธิ์จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของวิบากกรรมแรก จากนั้นพลังของมันจะเพิ่มพูนและคงจะกลืนกินหวังหลิน!
หวังหลินร้องคำรามใส่ท้องฟ้า ในสายตาแฝงความบ้าคลั่ง วิบากกรรมแรกทรงพลังเกินจะคาดคิดและพบว่ามันยากเกินต้านทาน อย่างไรก็ตามหวังหลินไม่มีวันยอมแพ้ สะบัดแขนทั้งสองและสูดอากาศเข้าไป
“วิบากกรรมแรก มาดูกันว่าเจ้าจะเผาไหม้ข้าทั้งเป็นหรือข้าจะกลืนกินเจ้าได้ก่อน!!” อารมณ์บ้าคลั่งผุดขึ้นภายในหวังหลิน ยิ่งอันตรายเขาก็ยิ่งไม่ย่อท้อ!
ตอนนี้ในเพียงแค่สูดไปหนึ่งลมหายใจ เปลวเพลิงสีแดงทั้งหมดเข้าไปในปากหวังหลินและกลืนมันไปทันที!
เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นในพริบตา เปลวเพลิงสีแดงทั้งหมดหายไปจากท้องฟ้าแต่กลับปะทุขึ้นในร่างกายเขา ร่างกายเหมือนชุ่มโลหิต แสงสีแดงโลหิตแทงทะลุผ่านร่างกายราวกับพยายามฉีกกระชากร่างออกเป็นชิ้นๆ
ร่างกายนี้ถูกสร้างขึ้นจากวิญญาณหวังหลิน ตอนนี้มีเปลวเพลิงสีแดงกำลังเผาไหม้อยู่ในวิญญาณ
บนดาวมหาจักรพรรดิ ก้านธูปดอกแรกบนหลังเต่าเผาไหม้อย่างบ้าคลั่ง เบื้องหน้าสายตาทุกคนนั้นควันสีดำที่ออกมาจากก้านธูปแรกพลันเปลี่ยนเป็นสีแดง ควันสีแดงล้วนมหึมาและส่องสว่างขึ้นไปทั้งดวงดาว
เซียนรอบด้านทั้งหมดอ้าปากค้างและต้องการถอยโดยไม่รู้ตัว
วินาทีนี้มีแสงสีแดงออกมาจากร่างหวังหลินเข้มข้นมากขึ้น แสงสีแดงเคลื่อนไปภายในร่างกายทำให้เกิดความร้อนถึงขีดสุด
ขณะเดียวกันการเผาไหม้ธูปดอกแรกพลันหยุดลงในชั่วจังหวะ เหมือนมีพลังสายหนึ่งระเบิดขึ้นจากภายในเพื่อหยุดการเผาไหม้
วิหคศักดิ์สิทธิ์รุ่นที่สองจ้องมองก้านธูปดอกแรกด้วยสายตาเป็นกังวล
ในบททดสอบมนุษย์หวังหลินได้กลืนกินเปลวเพลิงสีแดงทั้งหมด เขารู้สึกเหมือนมีสายฟ้าหลายหมื่นสายกำลังระเบิดอยู่ในร่างพร้อมกัน ความเจ็บปวดรุนแรงทำให้เขารู้สึกกำลังจะแตกสลาย
หวังหลินร้องคำรามและสะบัดมือ วิหคศักดิ์สิทธิ์สีแดงไปแล้วครึ่งตัวพลันพุ่งเข้าหาหวังหลินและผสานกันเป็นหนึ่ง
หวังหลินยอมให้เปลวเพลิงเผาไหม้ในร่างกาย เขาอดทนต่อความเจ็บปวดมหาศาลต่อไปเพื่อหล่อหลอมเพลิงสีแดง พยายามทำให้เปลวเพลิงกลายเป็นของตนเอง!
ขณะนั้นท้องฟ้าเปลี่ยนสีและมีแสงสีแสดผุดขึ้นมา ณ เวลานั้นวิบากกรรมที่สองก็ตกลงมา!
หวังหลินไม่มีเวลาหลอมเปลวเพลิงที่เพิ่งกินเข้าไป เพลิงสีแสดเข้าล้อมรอบเขาแล้วและพุ่งเข้าหา
หลังจากเพลิงสีแสดก็เป็นแสงสีเหลืองมหึมา ตามมาด้วยคลื่นเพลิงสีเหลืองขนาดยักษ์!
สิ่งที่ตกตะลึงยิ่งกว่าก็คือด้านหลังเพลิงสีเหลืองคือแสงสีเขียวดูน่ากลัว ราวกับเป็นม่านที่สร้างขึ้นจากเพลิงสีเขียวกำลังเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว!
เพลิงทั้งสามสีนี้ปรากฏขึ้นมาในเวลาเดียวกัน! สามวิบากกรรมปรากฏพร้อมกัน!
นี่คือความน่ากลัวที่แท้จริงของวิบากกรรมทั้งเก้า มันไม่เหมือนทัณฑ์สวรรค์ที่ยังให้แสงแห่งความหวังและทำลายทัณฑ์แต่ละครั้ง แต่นี่คือวิบากกรรมทำลายล้างและต้องการสังหารในครั้งเดียว!
สามวิบากกรรมปกคลุมท้องฟ้าในบททดสอบมนุษย์ ก้านธูปดอกแรกที่อยู่ข้างนอกพลันตอบสนองสะท้อนสถานการณ์ ควันสีแสด เหลืองและเขียวพรั่งพรูขึ้นไปบนยอดก้านธูป
‘วิบากกรรมแรกยังไม่ผ่านเลย วิบากกรรมแสด เหลืองและเขียวโผล่ขึ้นมาในเวลาเดียวกัน นี่…เขาจะผ่านมันไปได้อย่างไร?!’ สีหน้าวิหคศักดิ์สิทธิ์รุ่นที่สองเปลี่ยนไปมหาศาล นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นวิบากกรรมทั้งเก้าและไม่คาดคิดว่ามันจะรุนแรงเพียงนี้
ปรมาจารย์ซือโม่มีความสุขมากที่สุด เผยรอยยิ้มเหยียดหยันจ้องมองก้านธูป ดอกแรกและคิดขึ้นมา ‘แม้ข้าจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ดูเหมือนเจ้าเด็กสารเลวนั่นจะหนีรอดความตายไปได้ยากแล้ว! น่าเสียดายที่ข้าไม่สามารถค้นหาความลับของมันได้ แต่ดีแล้วที่มันจะตาย!’
ยอดปรมาจารย์หยุนลั่วผ่อนคลายเล็กน้อย อาการบาดเจ็บบนนิ้วมือฟื้นฟูขึ้นมาด้วย นางมองดูก้านธูปดอกแรกและคิดขึ้น ‘ดูเหมือนเขาไม่ใช่คนในการทำนายของบรรพชน…’
“ท่านพ่อ…” หลี่เฉียนเหมยกัดริมฝีปากและหันไปหาพ่อตนเอง ในสายตายังคงมีความสับสนแต่ก็มีความเจ็บปวดและวิงวอนไปด้วย
ปรมาจารย์เต๋าความฝันถอนหายใจและเอ่ยเบาๆ “ข้าจะช่วยเขา เจ้าสบายใจได้ แต่ข้ารู้สึกว่าเขาจะผ่านหายนะครั้งนี้ไปได้”
ภายในบททดสอบมนุษย์ ร่างหวังหลินยังคงเรืองแสงสีแดง ดวงตาดิ้นรนต่อต้านโชคชะตา!
“สามวิบากกรรมปรากฏขึ้นในครั้งเดียว เยี่ยม เยี่ยม เยี่ยม! ข้าอยากจะเห็นว่าสามวิบากกรรมนี้จะทำลายวิญญาณข้าได้อย่างไร!” เขาไม่ยอมต่อความเจ็บปวดและหัวเราะขึ้นมาแทน พลางระงับความเจ็บปวดในร่างกายพร้อมกับสะบัดแขนสูดอากาศเข้าไปอีกครั้ง
“ข้าจะสูดเพลิงทั้งสี่เหล่านี้เข้าไปในวิญญาณ พวกเจ้าจะเผาไหม้ข้าจนตายหรือข้าจะกลืนกินเจ้าได้หมด!”
สัมผัสแห่งความเย่อหยิ่งมิอาจบรรยาย ทัศนคติต่อชีวิตที่มิอาจอธิบาย สัมผัสความสูงส่งต่อสรรค์และเต๋าสวรรค์ที่มิอาจบันทึกได้ และวิถีทางความคิดที่ไม่อาจวาดออกมาได้ ทั้งหมดนี้ผสานเข้าด้วยกันในเสียงหัวเราะของหวังหลินก่อเกิดเป็นเสียงฝืนโชคชะตา!
ขณะที่เสียงหัวเราะดังกึกก้อง การบ่มเพาะที่ผ่านสองพันปีแล่นผ่านในสายตา หวังหลิน ความทรงจำทั้งหมดกระแทกผ่านเข้ามาในความคิด ครอบครัวปรากฏขึ้น ในใจ ความขื่นขมของการกลับไปยังบ้านเกิด คุกเข่าต่อหลุมศพพ่อแม่ ค่ำคืนสายฝนตอนที่ครอบครัวเขาถูกปลิดชีวิต เหตุการณ์ทั้งหมดนี้แล่นผ่านความคิดเข้ามา
ขณะที่ความทรงจำผุดขึ้นมา เพลิงสีแสดพุ่งเข้ามาในร่างหวังหลิน ตัดขวางผ่านด้วยแสงสีแดง
หากวิญญาณเต็มไปด้วยความเศร้าก็คงคิดถึงบ้านของตัวเอง หากวิญญาณกลับคืนสู่บ้าน หยาดน้ำตาแห่งความเศร้าคงหลั่งไหลเบื้องหน้าหลุมศพ…ต่อจาก เพลิงสีแสดก็เป็นแสงสีเหลืองพุ่งเข้ามา ก่อเกิดเป็นทะเลเพลิงล้อมรอบเพลิงสีแสดและเผาไหม้ร่างหวังหลินอย่างบ้าคลั่ง
กาลเวลาช่างโหดร้าย โหยหาคนที่แยกกันไปแล้วช่างเป็นความเจ็บปวดที่คงอยู่กับเจ้าไปชั่วชีวิต…เปลวเพลิงสีเขียวดูน่ากลัวได้เข้ามาถึงและปกคลุมทั่วท้องฟ้าเป็น สีเขียว เพลิงสีเขียวเหมือนภูตผีและพุ่งเข้าไปในร่างหวังหลินทันที
ดวงตาหวังหลินส่องสว่างขึ้น ความทรงจำที่หลั่งไหลอยู่ในจิตใจพลันหยุดลง เพลิงสี่รูปแบบเผาไหม้อย่างบ้าคลั่งและเกิดพลังทำลายล้าง ความเร็วการหลอมของหวังหลินเทียบไม่ได้กับเพลิงทั้งสี่เลย ดูเหมือนเขากำลังจะโดนเผาไหม้ทั้งเป็น หวังหลินยกแขนขึ้นมาและสะบัดเปิดมิติเก็บของ
สุราที่เต็มไปด้วยเลือดมังกรปรากฏขึ้นในมือหวังหลิน
เพียงแค่หนึ่งอึกก็ทำให้เพลิงในร่างหวังหลินเพิ่มพลังอำนาจขึ้นมหาศาล ตอนนี้เขาหัวเราะและดื่มไปโดยไม่ลังเล!
หวังหลินดื่มหมดขวดในคราเดียวโดยไม่ให้เหลือสักหยด!
เขาสะบัดแขนและโยนขวดออกไป เปลวเพลิงในร่างหวังหลินพรั่งพรูขึ้นมา โลหิตมังกรนั้นร้อนรุนแรงจนเปลี่ยนกลายเป็นทะเลเพลิงและเริ่มต่อสู้กับเพลิงสี่สี ในร่างกาย!
ขณะที่เขาต่อต้าน วังวนค่อยๆปรากฏขึ้นมาในส่วนลึกของวิญญาณหวังหลิน วังวนนี้โผล่ออกมาจากลูกปัดฝืนลิขิตฟ้าที่ค่อยๆตื่นขึ้น
‘ข้ากลืนกินวิบากกรรมทั้งสี่เข้าไปในวิญญาณ มันไม่มีอะไรจะเผาไหม้แล้ว ทำไมวิบากกรรมที่ห้ายังไม่ลงมาอีก?’
เปลวเพลิงในร่างได้ถึงขีดจำกัด เขาส่งเสียงคำรามและพุ่งเข้าไปในท้องฟ้า ท้องฟ้าดุจม่านพลังและมาถึงสุดทางอย่างรวดเร็ว
เสียงดังสนั่นหวั่นไหวพร้อมกับท้องฟ้าพังทลาย!
มีอีกดินแดนหนึ่งเบื้องหลังท้องฟ้าที่ร่วงลงมา! ราวกับดินแดนแห่งนี้เต็มไปด้วยวิญญาณไร้ก้นบึ้ง ราวกับขุมนรก!
เหล่าเซียนนับหมื่นที่จ้องมองก้านธูปดอกแรกพบว่าเปลวเพลิงบนนั้นหยุดลงไปอย่างสิ้นเชิง มันนิ่งเงียบไม่เคลื่อนไหวอยู่ด้านบนหวังหลินไปร้อยฟุต
วันเวลาผ่านไปอย่างช้าๆ หนึ่งลมหายใจ หนึ่งลมหายใจ…พริบตาเดียวผ่านไปมากกว่าห้าลมหายใจ!
วิหคศักดิ์สิทธิ์รุ่นที่สี่ชะลอได้เพียงห้าลมหายใจเท่านั้น แต่ตอนนี้หวังหลินกลับทำได้ห้าลมหายใจได้เช่นกันอย่างไม่คาดคิด!
หกลมหายใจ!
เจ็ดลมหายใจ!
ดวงตาของชายหนุ่มผู้หล่อเหลาถึงกับหรี่แคบและเผยแสงประหลาด
ขณะที่ก้านธูปอยู่มาได้เจ็ดลมหายใจ คลื่นเสียงอุทานดังก้องออกมา ไม่ใช่แค่คนเดียวแต่เป็นหลายพันคน ในไม่นานเสียงก็สั่นสะเทือนไปถึงสวรรค์!
สิ่งที่ทำให้พวกเขาอุทานไม่ใช่ก้านธูปที่คงอยู่ได้เจ็ดลมหายใจ แต่เป็น…เปลวเพลิงบนก้านธูปมนุษย์ไม่คาดคิดว่ามัน…จะมอดดับ!
ก้านธูปมอดดับ!
การเปลี่ยนแปลงฉับพลันนี้ทำให้เกิดความปั่นป่วน แม้กระทั่งสายตาของ วิหคศักดิ์สิทธิ์รุ่นที่สองยังต้องเบิกตากว้างและเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ
“นี่…นี่…”
ปรมาจารย์ซือโม่ตกตะลึงและเต็มไปด้วยสายตาตกใจ
ยอดปรมาจารย์หยุนลั่วมีสีหน้าเปลี่ยนไปมหาศาล นางไม่สนอาการบาดเจ็บบนนิ้วและพยายามทำนายอีกครั้ง
………………………………………………..