1460. ความสุขทั้งสี่
หลิงตงได้รับวิชาเต๋าผสานจากหวังหลิน! จากนั้นร่างกายสั่นเทาและค่อยๆจมลงไปใต้มหาสมุทร เขามีพรสวรรค์มาก เพราะไม่เช่นนั้นคงไม่อยู่ในขั้นครึ่งก้าวสู่ขั้นที่สาม
หลิงตงทำความเข้าใจวิชาเต๋าได้อย่างหมดจดหลังจากผ่านไปเพียงไม่กี่ชั่วโมง แม้ความเข้าใจจะไม่ได้ลึกซึ้งเหมือนหวังหลิน มันก็มากพอจะใช้ผสานวิญญาณ เพลิงนรกานต์ที่ไร้เจ้านายแล้ว
มหาสมุทรในเตาหลอมจักรพรรดิถึงกับปั่นปั่วนอย่างรุนแรงจนกระทั่งเกิดเป็น วังวนยักษ์ ใจกลางวังวนคือหลิงตง ดวงตาปลดปล่อยแสงลี้ลับพร้อมกับใช้วิชาเต๋าที่หวังหลินมอบให้เพื่อผสานกับวิญญาณเพลิงนรกานต์
หวังหลินยังนั่งอยู่นอกเตาหลอมจักรพรรดิพร้อมกับใช้พลังเทพโบราณเพื่อ หล่อเลี้ยงต้นไม้ทั้งสิบเก้าต้นไปด้วย ตอนนี้ไม่มีต้นไม้ที่ดูแห้งเหี่ยวแล้ว
พอต้นไม้ปลดปล่อยพลังชีวิตรุนแรง มันก็แสดงอาการทีท่ากำลังผลิใบ
หวังหลินถอนสายตาออกมา สะบัดแขนขวาและเปิดรอยแยกมิติเก็บของ หวังหลินยื่นมือเข้าไปและดึงเด็กสาวจากเผ่าทำลายผนึกออกมา
แม้รูปร่างหน้าตาของนางจะไม่ได้สุดยอดอะไรนักแต่นางก็ยังงดงามยิ่ง เส้นผม สีดำปกคลุมใบหน้าซีดเผือดพร้อมกับดวงตาที่ยังหลับสนิท ท่าทีตื่นตกใจของนางทำให้ใครๆก็อยากดูแล
“เจ้าชื่ออะไร?” หลังจากนำออกมา หวังหลินลบล้างผนึกเล็กน้อยเพื่อทำให้นางตื่นขึ้น แต่นางยังคงหลับตา
พอได้ยินคำถามของหวังหลิน เปลือกตาสั่นระริกและค่อยๆลืมตาขึ้นมา ดวงตาของเป็นสีขาวตัดกับสีดำดูงดงามยิ่ง แต่ตอนนี้นางเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก นางกัดริมฝีปากและไม่กล้ามองหวังหลิน
หวังหลินอดไม่ได้ที่จะนึกถึงอีกใบหน้าที่ตื่นตระหนกเหมือนกัน ความแตกต่างเดียวก็คือดวงตาคู่นั้นแฝงความดื้อรั้นและเกลียดชังไปด้วย
‘คล้ายกับเหยาซีเฉว่ยิ่งนัก…’ แววตาหวังหลินค่อยๆเยือกเย็นและเอ่ยถาม “เจ้าชื่ออะไร?”
นางเอ่ยเบาๆด้วยเสียงสั่นเทา “จื่อหมาน…เฟิงจื่อหมาน”
“จื่อหมาน…เป็นชื่อที่ดี เจ้าตายไปแล้วสองครั้ง เจ้ารอดได้อย่างไร?” หวังหลินเอ่ยน้ำเสียงสงบนิ่งแต่กระจายแรงกดดันออกมาล้อมรอบนางเอาไว้
“ข้าเป็นสาวรับใช้ของปรมาจารย์เต๋าเมียวหยิน เจ้าจับข้าไว้ ดังนั้นเขาจะฆ่าเจ้าแน่นอน…” นางกัดริมฝีปากและมองดูหวังหลิน ความตื่นตระหนกของนางยังอยู่แต่นางก็ฝืนระงับเอาไว้
หวังหลินค่อยๆเอ่ยกล่าว “เขาเข้าสุสานบัญชาโบราณไม่ได้”
หลังจากนางได้ยินเช่นนี้ ใบหน้ายิ่งซีดเผือดมากขึ้น นางเป็นคนฉลาดดังนั้นจึงเข้าใจความหมายที่หวังหลินต้องการจะสื่อได้ทันที
“เป็นไปไม่ได้!! ร่างอวตารของนายท่านไม่น่าจะถูกสังหาร!” นางหวาดหวั่นกระทั่งเอ่ยเสียงแหลม
หวังหลินมองนางอย่างเยือกเย็นและไม่ได้อธิบาย เขาสะบัดมือและมีหินหยกก้อนหนึ่งลอยออกมา หินหยกแตะเข้ากับหน้าผากนางทำให้ฉากเหตุการณ์ร่างอวตารของปรมาจารย์เต๋าเมียวหยินกำลังตายผุดขึ้นในใจนาง
นางเป็นคนที่ใกล้ชิดกับปรมาจารย์เต๋าเมียวหยิน ดังนั้นจึงรู้จักวิชาเขาเป็นอย่างดี นางมีวิธีของตัวเองที่จะบอกได้ว่าข้อมูลในหินหยกเป็นจริงหรือเท็จ
ใบหน้านางยิ่งซีดมากกว่าเดิม ยากนักที่นางจะบอกได้ว่ามันเป็นความจริง ภายใต้การโจมตีของหวังหลินและเฒ่าพิษเดียวดาย ไม่มีทางที่ร่างอวตารของเมียวหยินซึ่งถูกระงับระดับบ่มเพาะเอาไว้จะรอดชีวิตไปได้
อีกทางหนึ่งพอเห็นเฒ่าพิษเดียวดายครอบงำร่างอวตารของเมียวหยินจึงทำให้ความหวังเส้นสุดท้ายของนางต้องหายไป นางตัวสั่นเทา
“ความอดทนข้ามีจำกัด หากเจ้าไม่ตอบคำถามข้า ข้าจะบดขยี้วิญญาณเจ้าซะ!”
หวังหลินค่อยๆเอ่ยเสียงเยือกเย็นยิ่งกว่าเดิม เขารู้ว่าเผ่าทำลายผนึกมีบางอย่างแปลกประหลาด ดังนั้นจึงไม่ได้ใช้วิชาค้นวิญญาณตรงๆแต่ลองบีบคั้นการต่อต้านของนางก่อน
แววตาตื่นตระหนกของนางยิ่งรุนแรง นางรู้ว่าตนเองไม่มีโอกาสหลบหนี นายท่านก็ตายไปแล้วทำให้ทางหนีของนางหมดไปด้วย
หวังหลินเอ่ยขึ้น “ระหว่างเราไม่มีความเกลียดชังอะไรกัน หากเจ้าไล่ล่าข้า ข้าจะฆ่าเจ้าอีกครั้งเป็นการชดเชย หากเจ้าร่วมมือ ข้าจะไม่ฆ่าเจ้าและปล่อยเจ้าไป!”
นางขบคิดเล็กน้อยและเอ่ยกระซิบ “คนของเผ่าทำลายผนึกมีอยู่สามชีวิต…”
หวังหลินดวงตาส่องสว่างและรีบถาม “จากวิชาอะไร?”
นางกัดริมฝีปากเล็กน้อยและเอ่ยตอบ “มันไม่ใช่วิชา ตอนที่คนของเผ่าทำลายผนึกถือกำเนิดขึ้นมา ผู้อาวุโสของเผ่าจะพาเราไปสักการะท่านบรรพชน หลังนั้นเราถึงจะมีสามชีวิต”
“เจ้ารนหาที่ตาย เจ้ายังกล้าซ่อนงำอะไรอีก? ในเมื่อเจ้ารนหาที่ตาย อย่ามากล่าวหาข้าแล้วกัน!” แววตาหวังหลินกะพริบจิตสังหารพลางยกแขนขวาขึ้นมาและกระแทกใส่หน้าผากนาง
นางเต็มไปด้วยความหวาดกลัวสุดขีดและกรีดร้องออกมา “ข้าไม่ได้ซ่อนอะไรเลย! ตอนที่คนในเผ่าของข้ากำเนิดขึ้น พวกเขาไม่มีอักขระเผ่า มีเพียงการสักการะ ท่านบรรพชนเท่านั้นถึงจะมีอักขระเผ่าปรากฏขึ้นและจากนั้นเราก็มีสามชีวิต!”
แขนขวาหวังหลินหยุดห่างจากหน้าผากนางไปสามนิ้วและจ้องมองนางอย่างเยือกเย็น
“เผ่าทำลายผนึกใช้วิชาผนึกได้อย่างไร?”
“เรามอบชีวิตของเราและเปิดอักขระเผ่า พลังของท่านบรรพชนจะออกมาจากอักขระและประทับผนึก…” นางรีบตอบด้วยความกลัว
นางกล่าวจบได้ไม่นาน แขนขวาหวังหลินร่อนลงบนหน้าผากของนางและเริ่มค้นวิญญาณ ความคิดนางพังทลายและไร้แรงต้าน ด้วยระดับบ่มเพาะของหวังหลินจึงสามารถค้นวิญญาณของนางได้ง่ายๆโดยไม่ทำให้วิญญาณบาดเจ็บ หลังจากศึกษาความทรงจำของนาง นางก็ลืมตาขึ้น แขนขวาปัดผ่านหน้าผาก หวังหลินดึงอักขระเผ่าของนางออกมาจากหน้าผาก
เพียงแค่สะบัดแขน ผนึกทั่วร่างกายนางก็ถูกหวังหลินเก็บเข้าไปในมิติเก็บของ จากนั้นก็ขบคิดพลางมองดูอักขระเผ่าที่กะพริบวูบวาบในมือ
เผ่าทำลายผนึกเป็นเผ่าที่แปลกประหลาดยิ่ง พวกเขาไม่ได้เกี่ยวข้องกันทางสายเลือดแต่เป็นการจับทารกมา และหากสามารถรอดชีวิตจากการสักการะบรรพชนได้ พวกเขาจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของเผ่า
โอกาสตายมีสูงลิบลิ่ว แท่นเคลื่อนย้ายของเผ่าทำลายผนึกได้หายไปนานแล้ว จวบจนปัจจุบันนี้จึงเหลือคนในเผ่าทำลายผนึกอยู่น้อยมาก และเพราะอักขระเผ่าถูกประทับเอาไว้ เมื่อสูญเสียอักขระเผ่าไปจึงไม่ตายและระดับบ่มเพาะไม่ถดถอยลง ซึ่งก็แค่ไม่เป็นคนของเผ่าทำลายผนึกอีกแล้ว
สิ่งสำคัญเกี่ยวกับเผ่าทำลายผนึกก็คือนอกจากวิชาผนึกอันน่าอัศจรรย์แล้วก็เป็นวิชาสามชีวิต วิชานี้ถูกริบคืนได้และใช้กับคนอื่นได้ด้วย
หลังจากมองดูอักขระเผ่าทำลายผนึก หวังหลินจึงเก็บมันอย่างเงียบๆ ส่วนหญิงสาว เขาไม่ได้มีเจตนาจะสังหารนาง ระหว่างเขากับนางไม่ได้มีความเกลียดชังอะไรกันและเขาก็ชิงอักขระเผ่ามาแล้ว หลังจากออกไปจากสุสานบัญชาโบราณ เขาก็แค่ปลดปล่อยนาง
ขณะที่เก็บอักขระเผ่าไป หวังหลินมองขึ้นไปยังต้นไม้สิบเก้าต้นที่กำลังหล่อเลี้ยง ต้นไม้พวกนี้เต็มไปด้วยพลังชีวิตและมีแต่สีเขียว บนต้นไม้มีใบไม้มากมายนับไม่ถ้วน
ทว่าไม่มีใบไหนที่เป็นใบไม้โบราณ ดังนั้นเขาจึงเติมพลังเทพโบราณเข้าไปใส่ อย่างต่อเนื่อง มีต้นหนึ่งที่ดูเหมือนอยู่ในฤดูใบไม้ร่วง ใบมันของต้นนั้นค่อยๆร่วงหล่นเหลือใบเดียวและไม่หล่นลงไปไหน
เป็นผลให้พลังเทพโบราณทั้งหมดที่เข้าสู่ต้นไม้นั้นได้พุ่งสู่ใบไม้ใบเดียว หวังหลินจ้องมองอย่างสงบนิ่งและหลังจากใบไม้ดูดซับพลังเทพโบราณจำนวนมากเข้าไปมัน มันจึงกะพริบ ทว่ามันยังเป็นใบไม้ธรรมดาที่ไม่มีกลิ่นอายของใบไม้โบราณ!
เพียงเสี้ยววินาทีนั้นรากของใบไม้ก็ลู่ลงมาราวกับกำลังหล่น หวังหลินหรี่ตาแคบและใบไม้ตกลงจากต้นไม้ มันค่อยๆร่อนลงบนพื้นและกลายเป็นใบไม้ธรรมดา
ต้นไม้ไม่ดูดซับพลังเทพโบราณอีกต่อไปและค่อยๆแห้งเหี่ยวจนเปลี่ยนเป็นฝุ่นผง
หวังหลินเริ่มขมวดคิ้ว ตอนนี้ใบไม้บนต้นที่เหลืออีกสิบแปดต้นเริ่มร่วงหลิน จากจุดนี้มันดูเหมือนกำลังจะเป็นเหมือนต้นก่อนหน้า หากเป็นเช่นนี้ต่อไปเวลาและพลังเทพโบราณที่หวังหลินให้ไปคงไร้ค่า!
‘ทำไมถึงเป็นแบบนี้…หรือว่าข้าคิดผิด…ใบไม้โบราณ…ใบไม้โบราณ…ใบไม้โบราณ…’ หวังหลินดวงตาส่องสว่างขึ้นราวกับสังเกตบางอย่างได้
จากนั้นลุกขึ้นยืนจ้องมองต้นไม้สิบแปดต้นเบื้องหน้า เขาสูดหายใจลึกและเป่าออกไป สายลมที่เต็มไปด้วยลมหายใจของเขาพัดเข้าใส่เหล่าต้นไม้ทั้งสิบแปดต้น
ขณะที่สายลมพัดผ่านไป ใบไม้บนต้นไม้ทั้งสิบแปดต้นทั้งหมดก็ร่วงหล่นเหลือเพียงแค่สิบแปดใบ พวกมันถูกลมหายใจหวังหลินเป่าไปและดูเหมือนจะดูดซับ กลิ่นอายภายใน จากนั้นเริ่มเปล่งแสงสว่าง
แววตาหวังหลินเต็มไปด้วยความสุข ยื่นแขนขวาออกไป ใบไม้สิบแปดใบถูกเด็ดออกมาจากต้นและลอยเข้าหาหวังหลิน
ใบไม้โบราณ!
ความสุขแรกไม่ทันจบก็มีความสุขที่สองต่อมา มหาสมุทรพิษในเตาหลอมจักรพรรดิได้หายไปและเปลี่ยนกลายเป็นน้ำพิษจำนวนเก้าหยด ซึ่งแม้แต่เฒ่าพิษเดียวดายมาเห็นก็ยังตกตะลึง!
ทุกหยดของพิษนี้เต็มไปด้วยวิญญาณเพลิงนรกานต์และพิษสวรรค์!
ความสุขที่สามมาถึงในคราเดียวกัน! ในอีกมิติของเตาหลอมจักรพรรดิ หลิงตงได้ทำการดูดซับวิญญาณเพลิงนรกานต์ทั้งหมดจากมหาสมุทรม่วงและสุดท้ายก็ข้ามผ่านครึ่งก้าวนั้นไปได้! เขากลายเป็นเซียนขั้นที่สามอย่างแท้จริง! วังวนหมุนอย่างรวดเร็วและมีหลิงตงพุ่งออกมา ดวงตาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น กลิ่นอายทรงพลังปะทุออกมาจากเขา!
เปลวเพลิงนรกานต์นับไม่ถ้วนล้อมรอบหลิงตงราวกับแถบผ้าหมึก นี่คือลักษณะเด่นของเซียนขั้นที่สาม!
หลังจากความสุขที่สามก็เป็นความสุขที่สี่!
เสียงดังลั่นกึกก้องในท้องฟ้าเหนือป่า แท่นหินขนาดห้าหมื่นฟุตพุ่งผ่านการบิดเบือนเข้ามา ด้านบนแท่นหินเป็นชายร่างกำยำยืนอยู่ เขาตกตะลึงเนื่องจากไม่คาดคิดว่าหวังหลินจะอยู่ที่นี่!